บทที่ 34 พิธีเปิดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บทที่ 34 พิธีเปิดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
นักศึกษาแว่นมองฟางชิว ท่าทางราวกับอยากจะพ่นคำด่าออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องโบกมือแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
หลังจากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับกลุ่มคณะกรรมการวินัย
คนรอบข้างล้วนตกตะลึง
จู่ ๆ ก็ไปอย่างนี้เนี่ยนะ?
ทั้งยังไม่เอาตัวฟางชิวไปด้วย?
งั้นฟางชิวก็ไม่โดนลงโทษเหรอ?
ทุกคนนึกถึงสายเรียกเข้าเมื่อครู่นี้ อีกทั้งประโยคที่ฟางชิวพูดว่า ‘เดี๋ยวนายก็มีสายเข้า’ ในตอนนั้นเอง สายตาของทุกคนที่มองฟางชิวต่างเปลี่ยนไป
มีคนคอยหนุนหลังชายคนนี้!
แค่สายเดียวก็ทำให้คนจากคณะกรรมการวินัยยอมถอยแล้ว!
น่าทึ่งมาก!
มีคนคอยหนุนหลังแบบนี้ หลังจากนี้เขาจะไม่กร่างไปทั่วเหรอ
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ชักอิจฉา
กระนั้นเมื่อไม่มีอะไรให้ดูแล้ว พวกเขาก็จากไปทีละคน
หลังจากที่คนอื่น ๆ ออกไปแล้ว จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็มองไปที่ฟางชิวราวกับเจ้าห้าเป็นคนแปลกหน้า
“นายรู้จักผู้มีอิทธิพลจริงเหรอ”
โจวเสี่ยวเทียนถาม
“พอเถอะน่า แล้วนี่จบแล้วเหรอ เรื่องที่เราโดนใส่ร้ายจบแล้วจริงเหรอ นายเก่งมากเจ้าห้า ทำพวกคณะกรรมการวินัยเผ่นแนบหลังโทรไปแค่สายเดียว นายโทรไปบอกให้คนคนนั้นโทรไปด่าอีกได้หรือเปล่า!”
ซุนฮ่าวเอ่ย ความโกรธยังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า
โจวเสี่ยวเทียนก็มองไปที่ฟางชิวเช่นกัน
ฟางชิวถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “เรื่องนี้เอาไว้ก่อน หลังพิธีเปิดฉันจะตามจัดการทีละคนเลยคอยดู!”
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำเพื่อเธอนะเจียงเหมี่ยวอวี๋
ฟางชิวกล่าวในใจ
ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องการแสดงระหว่างเธอกับหลี่ชิงสือ
ขอให้เธอโชคดีกับการแสดง!
ฟางชิวเห็นว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋ให้ความสำคัญกับการแสดงพิธีเปิดอย่างมาก เขาจึงไม่ต้องการเคลื่อนไหวอะไรมากในตอนนี้ หลี่ชิงสือยังต้องแสดงกับเธอ หากเขาทำอะไรหลี่ชิงสือขึ้นมาอาจจะกระทบต่อการปรากฏตัวของเจียงเหมี่ยวอวี๋เอาได้
พิธีเปิดจัดขึ้นมะรืนนี้แล้ว
ไว้คุยกันทุกเรื่องหลังพิธีเปิดก็แล้วกัน!
“อีกอย่าง ฉันไม่ได้รู้จักผู้มีอิทธิพลที่ไหนหรอก”
ฟางชิวอธิบายต่อ “พวกนายรู้จักหมอเสิ่นไหม หมอเสิ่นชุนที่หลี่ชิงสือเชิญมาที่สนามในวันนั้น เรารู้จักกันในตอนหลัง ฉันเลยโทรหาเขา”
“โอ้!”
สามคนในหอพักต่างพยักหน้า
“แล้วใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ใครเป็นคนใส่ร้ายนาย”
จูเปิ่นเจิ้งถามด้วยความสงสัย
“หลี่ชิงสือ!”
แสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของฟางชิว
…
ณ สำนักงานสมาคมนักศึกษาคณะแพทย์แผนจีน
หลังจากที่หลี่ชิงสือวางสาย ใบหน้าของเขาก็หมองคล้ำลง และร่องรอยของความกลัวและความกังวลก็ปรากฏขึ้น
เขาไม่ได้คาดคิดว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเครือจะโทรมาขอให้เขาอย่ารบกวนฟางชิว
และไม่เคยคิดว่า ฟางชิวจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง
นี่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะใส่ร้ายฟางชิวต่อ
“หึ!”
หลี่ชิงสือพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
ฉันจะปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน คอยดูหลังพิธีเปิดเถอะ
ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับพิธีเปิดงานอย่างยิ่ง ถึงกับชะลองานของสมาคมนักศึกษาเอาไว้เพื่อเตรียมการแสดงร่วมกับเจียงเหมี่ยวอวี๋
เขาจะต้องแสดงด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดต่อหน้าเจียงเหมี่ยวอวี๋!
คืนนั้น
การประชุมของสมาคมนักศึกษาคณะแพทย์แผนจีนครั้งนี้หลี่ชิงสือไม่ได้เข้าร่วมด้วย ในที่ประชุม หลิวเฟยเฟย อาจารย์ของฟางชิวโกรธคณะกรรมการวินัยมาก เธอถึงกับขู่ว่า…
“ใครที่กล้าใส่ร้ายลูกศิษย์ฉันอีก ฉันจะไม่หยุดจนกว่าจะตามตัวได้แน่!”
ผู้คนในที่ประชุมต่างนิ่งเงียบไปตาม ๆ กัน
ในเวลาเดียวกัน แส้หางม้าและเหรียญทองแดงที่ซื้อจากเถาเป่าก็มาถึง
“เจ้าห้า นายกำลังวางแผนเป็นนักบวชลัทธิเต๋าเหรอ?”
โจวเสี่ยวเทียนส่ายหญ้าหางม้าที่เพิ่งมาถึงพลางถามฟางชิวที่ตอกตะปูบนเพดานด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันซื้อมาแค่พอใช้ ไว้ห้อยเหรียญทองแดง มันดีต่อสายตาน่ะ”
ฟางชิวโกหก
“ได้ผลแล้วบอกพวกเราด้วยล่ะ เราจะได้ทำด้วย”
ซุนฮ่าวดึงหญ้าหางม้าออกจากมือของโจวเสี่ยวเทียน เหวี่ยงมาที่แขนซ้ายของตนเอง จากนั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อมิตาพุทธ!”
“นึกว่านายคือเมี่ยเจวี๋ยซือไท่*[1] ซะอีก!”
ฟางชิวตอกตะปูเสร็จแล้วหยิบแส้หางม้าขึ้นมา จากนั้นผูกเหรียญทองแดงไว้ที่ปลายแล้วเข้านอนอีกครั้ง
“ฟางชิว เจ้ากล้าดูหมิ่นข้ารึ มาให้ข้าจัดการซะดี ๆ!”
ซุนฮ่าวทำท่ากำดาบที่มือซ้าย เขาหลับตา ขมวดคิ้ว แล้วพึมพำอะไรสักอย่าง พอลืมตาขึ้น เขาก็ชี้ไปที่ก้นของฟางชิว “โอมมม เปิดตูดให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“พรูด”
โจวเสี่ยวเทียนที่จิบชาอยู่น้ำแทบพุ่ง “นึกว่าจะแน่!”
จูเปิ่นเจิ้งที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ก็หัวเราะกับท่าทางของซุนฮ่าวเช่นกัน
ซุนฮ่าวกลอกตาไปที่โจวเสี่ยวเทียน ค่อย ๆ สูดลมหายใจลงท้อง
ฟางชิวเมินซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เขาผูกปลายแส้หางม้าอีกด้านเข้ากับตะปูอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดเขาก็ทำเสร็จแล้ว
ก่อนที่ไฟจะดับลง ฟางชิวก็ซักผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ขึ้นมานั่งไขว่ห้างอยู่บนหัวเตียง จ้องมองที่เหรียญทองแดงโดยไม่กะพริบตา
ตามที่ ‘ทฤษฎีจัดกระดูก’ เขียนไว้ เขาเอ่ยขึ้นในใจอย่างเงียบงันว่า ‘ซ้าย!’
ทว่าเหรียญไม่ขยับแม้แต่น้อย
ฟางชิวยังคงใช้ความคิดย้ายเหรียญไปทางซ้าย
‘ซ้าย!’
‘ซ้าย!’
…
เพราะลืมตาค้างไว้นาน ฟางชิวก็เริ่มแสบตาจนแทบจะร้องไห้
แต่ฟางชิวกลับถลึงตาของเขาไว้
นี่เป็นอุปสรรคที่เขาต้องเอาชนะ
หากหลับตาก็แปลว่าความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า
ธารน้ำตาสองสายไหลผ่านผิวแก้มของฟางชิว แต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามลืมตาแล้วจ้องไปที่เหรียญทองแดงเต็มที่
เขาเอ่ยขึ้นในใจอีกครั้ง
‘ซ้าย!’
ฟางชิวไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนและน้ำตาไหลไปกี่รอบแล้ว
ดวงตาของฟางชิวพร่ามัวไปครู่หนึ่ง
กระนั้นก็ยังคงจดจ้องไปที่เหรียญทองแดง
ในตอนนั้นจู่ ๆ ไฟก็ดับลง
นั่นเพราะมหาวิทยาลัยมีการจำกัดการใช้ไฟฟ้า
ฟางชิวเพิ่งยอมกะพริบตา เขาปวดตามาก น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย
โธ่!
ฟางชิวถอนหายใจ ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ
หลังจากนี้เขาต้องพยายามมากกว่านี้
ถึงครั้งแรกจะล้มเหลว แต่เขาก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว
หากมันฝึกกันง่าย ๆ ทุกคนก็คงเป็นปรมาจารย์จัดกระดูกไปแล้ว
คืนถัดมาฟางชิวก็ยังคงฝึกซ้อม คราวนี้เขาฝึกเข้มขึ้น จากเมื่อวานที่ฝึกครึ่งชั่วโมง วันนี้เพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง
ถึงเปลือกตาของเขาจะปวดแค่ไหน ฟางชิวก็ไม่ยอมหลับตา ปล่อยน้ำตาไหลอาบใบหน้าเช่นเดิม
วันต่อมาเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงวันเสาร์แล้ว
แปดโมงเช้า หลิวเฟยเฟยนำนักศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนห้องสามทุกคนไปที่โรงยิม โดยให้ทุกคนทยอยเข้าไปในชั้นหนึ่งใกล้โพเดียม
ฟางชิวสังเกตว่าด้านในเป็นที่ที่จัดไว้ให้คนที่มีการแสดงรอก่อนจะขึ้นไปบนเวที
ตอนนี้ยังไม่ได้จัดวางอุปกรณ์การแสดงและตั้งเวทีในโรงยิมเท่าไร
ทุกการแสดงจะแสดง ณ ตรงกลางของโรงยิม
ทันทีที่เขานั่งลง อาจารย์หลิวเฟยเฟยแสนสวยก็เข้ามานั่งข้าง ๆ จากนั้นก็พูดไปมองนักศึกษาทยอยเข้ามาไป “ฉันเห็นพิธีเปิดนี้มาสามปีแล้ว ไม่เคยมีอะไรใหม่ ถ้าชายลึกลับโผล่มาคงจะตื่นเต้นกว่านี้”
ในหัวหลิวเฟยเฟยเต็มไปด้วยจินตนาการ
ฟางชิวถามด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์สนใจชายลึกลับหรือครับ”
“แน่นอนสิ”
หลิวเฟยเฟยกลอกตาไปที่ฟางชิวแล้วกล่าวว่า “ลองถามใครก็ได้ในมหาวิทยาลัยดูสิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็ก ใครบ้างที่ไม่สนใจชายลึกลับบ้างเล่า”
ฟางชิวยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ
หลิวเฟยเฟยมองฟางชิวเงียบ ๆ แล้วถอนหายใจออกมา “ที่เธอโดนหลี่ชิงสือใส่ร้ายแล้วถูกแย่งการแสดงน่ะ ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะเอาคืนให้แน่นอน!”
“ขอบคุณครับ ผมจะจัดการเอง”
ฟางชิวยิ้ม จากนนั้นก็ขอบคุณเธอ
“จะจัดการเอง?”
หลิวเฟยเฟยมองฟางชิวอย่างสงสัยพลางถามต่อ “เธอจะทำอะไร อยากให้ฉันช่วยไหม”
“ผมยังคิดไม่ออก”
ฟางชิวกล่าว
“แล้วจะพูดทำไมเนี่ย”
หลิวเฟยเฟยเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“แต่ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะช่วยเอง!”
หลิวเฟยเฟยยืนขึ้นแล้วตบไหล่ของฟางชิว “เว้นที่ไว้ให้ฉันด้วยนะ ฉันไปหารุ่นน้องจากบ้านเกิดก่อน เธอเรียนเอกดนตรี วันนี้ต้องแสดงการร้องเพลง ฉันว่าจะไปให้กำลังใจหน่อย”
ฟางชิวพยักหน้า จากนั้นวางหนังสือทับที่ที่หลิวเฟยเฟยเคยนั่งอยู่
เขานั่งเดาอยู่ในใจ
เรียนดนตรี?
ร้องเพลง?
ใช่คนที่ร้องเพลง ‘เชิญดื่มสุรา’ ใช่หรือเปล่า?
ตอนพบกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ครั้งแรก เธอบอกว่ามีผู้หญิงจากเอกดนตรีร้องเพลง ‘เชิญดื่มสุรา’
บังเอิญที่ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวจากบ้านเกิดของอาจารย์สาวสวย
ฟางชิวส่ายหัว ก่อนจะหันกลับไปมองหารูมเมต และพบว่าทั้งสามคนได้วิ่งไปที่ชั้นเรียนของเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้ว แถมไปวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ รูมเมตของเจียงเหมี่ยวอวี๋อีกต่างหาก
โจ่งแจ้งขนาดนี้ ไม่กลัวโดนผู้ชายห้องเดียวกับเจียงเหมี๋ยวอวี๋กระทืบหรือไง!
ในเวลานี้ ฟางชิวก็สังเกตว่ามีสายตาแปลก ๆ กำลังจ้องมองเขาอยู่
ฟางชิวมองกลับไป
เขาพบว่าคนที่มองเขาอยู่คือหญิงสาวร่างเล็กน่ารัก เธอเขินอายสายตาของเขาจนต้องรีบก้มหน้าลงทันที
ฟางชิวไม่ได้มองต่อ เขาส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา
ชายหนุ่มหยิบหนังสือออกมาแล้วเริ่มอ่านอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนใจเสียงรอบตัว
ผ่านไปครู่ใหญ่ ฟางชิวก็ละสายตาจากหนังสือแล้วดูเวลาบนหน้าจอใหญ่เหนือศีรษะ ตอนนี้แปดโมงห้าสิบแล้ว
อีกสิบนาที พิธีเปิดก็จะเริ่มขึ้น
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนมานั่งข้าง ๆ เขาแล้ว
แต่อีกด้านว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าทำไมหลิวเฟยเฟยถึงมาช้าขนาดนี้
สิบนาทีต่อมาก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้า ด้วยความคาดหวังของนักศึกษาใหม่ พิธีเปิดจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการพร้อมกับการแนะนำของพิธีกร
ดนตรีบรรเลงขึ้นแล้ว
นี่เป็นเพลง ‘ของขวัญพิธีเปิดเทอม’ ที่คุ้นเคย
ท่วงทำนองที่คุ้นเคยนี้ทำให้ฟางชิวรู้สึกเหมือนเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
นักเต้นหน้าตาดีค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปที่กลางเวทีทีละคน โดยเดินผ่านนักศึกษาห้องสามไป
เมื่อมาถึงท่อนร้อง นักเต้นก็ประจำที่แล้ว
“นักศึกษาทุกคน…”
“หาที่นั่งของตัวเอง…” “นี่คือพิธีเปิดเทอมของพวกคุณ…”
เสียงร้องเพลงที่ไพเราะของเจียงเหมี่ยวอวี๋ดังขึ้น
เจียงเหมี่ยวอวี๋ในชุดลายดอกไม้สีขาวค่อย ๆ เดินผ่านประตูข้างเวทีขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟน อีกมือโบกมือให้นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ
นักเต้นก็เริ่มเต้นกันอย่างพร้อมเพรียง
นักศึกษาปีหนึ่งที่เห็นว่าเทพธิดาโบกมือให้ก็เสียสติกันในทันที
“เจียงเหมี่ยวอวี๋!”
“เจียงเหมี่ยวอวี๋!”
“เจียงเหมี่ยวอวี๋!”
…
เสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วโรงยิม
อธิการบดีที่อยู่ตรงโพเดียมต่างช็อกกับเสียงตะโกนอันกึกก้องนี้เช่นกัน
เขาไม่คาดคิดว่าทุกคนจะสนใจขนาดนี้
“มองไปข้างหน้า…”
“ลองนึกภาพว่าการสวมหมวกทรงสี่เหลี่ยมนั้นสวยงามเพียงใด…”
“จ่ายค่าเล่าเรียนที่ลืมไม่ลง…”
“ปีถัดไปที่ไร้ซึ่งความหยาบคาย…”
“พรุ่งนี้มักเป็นเทอมใหม่ของเราเสมอ…”
“ชั่วชีวิตคนเรา…”
หลังจากที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ร้องเพลงเสร็จ เขาก็ได้ฤกษ์เดินไปตรงกลางเวที
[1] เมี่ยเจวี๋ยซือไท่ คือตัวละครในดาบมังกรหยก