คุรุการแพทย์ – บทที่ 46 ไม่จ่ายยา

คุรุการแพทย์

บทที่ 46 ไม่จ่ายยา?

บทที่ 46 ไม่จ่ายยา?

ไม่ทำตามหน้าที่?

ประโยคนี้ทำให้ฟางชิวตกตะลึง

เขาไม่ทำตามหน้าที่ตรงไหน?

เฉาเจ๋อก็ได้ยินเสียงเอะอะเลยเดินมาดูที่ประตู

ชายชรารู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “เด็กน้อยอย่างเธอคงเรียนแพทย์มาแค่สองสามปีใช่ไหม? ทำไมไม่ตั้งใจเรียนก่อน มาที่โรงพยาบาลทำไม นี่ไม่ถือว่าทำร้ายคนไข้รึไง ฉันไม่ให้เธอตรวจโรคให้หรอก!” กล่าวจบ ชายชราก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าจะจากไป

ฟางชิวรับรู้ได้ทันทีว่าชายชราไม่ไว้ใจเขา อาจไม่ไว้ใจเขาตั้งแต่แรก และนี่เป็นข้ออ้างที่จะไม่ยอมรักษามากกว่าด้วยซ้ำ

เขาเชื่อว่าถ้าเสิ่นชุนเป็นคนบอกชายชราว่าไม่ต้องเอกซเรย์ แล้วให้มาเข้าพบเลย ชายชราคงจะมีความสุขมากที่ได้ประหยัดเงินเลยยอมเข้ามา

ฟางชิวรีบหยุดชายชราด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว “คุณลุงครับ อายุน้อยไม่ได้หมายความว่าทักษะทางการแพทย์จะไม่ดี ถ้าคุณลุงยอมให้ผมรักษา คุณลุงคงเสียแค่ร้อยหยวนสำหรับการวินิจฉัยและการรักษา แต่ถ้าเอกซเรย์คุณลุงจะเสียราว ๆ สองสามพันหยวนเลยนะครับ”

จากบันทึกการเสียชีวิตส่วนใหญ่ ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือแพทย์แผนจีนโบราณ กว่าหกในสิบของผู้เสียชีวิต มักมาจากการปฎิเสธการรักษา หรือการไม่เชื่อมั่นในแนวทางการรักษาและใช้วิธีการอื่นร่วม

แต่ฟางชิวไม่สามารถทนมองชายชราเดินออกไปแล้วใช้จ่ายเงินไปอย่างไร้ประโยชน์ได้ เขาจึงทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมอย่างจริงจังเท่านั้น

เฉาเจ๋อเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหัวเบา ๆ

ฟางชิวยังเป็นเพียงวัยรุ่นเลือดร้อน ไม่ใช่แพทย์เลยแม้แต่น้อย

ลองเปลี่ยนเป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์ลงมือสิ พวกเขาคงบอกให้ไปเอกซเรย์ในทันที เพราะยิ่งแพง มันก็ยิ่งทำให้คนไข้มั่นใจ รวมถึงได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำไม่ใช่รึไง!

นอกจากนั้นยังป้องกันการฟ้องร้องในอนาคต การเอกซเรย์จะช่วยให้จ่ายยาถูกโรค คนไข้กินไปแล้วจะได้ไม่ตายเพราะยา!

จะรักษาหายหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่ใช่เพราะว่าจริยธรรมทางการแพทย์มีปัญหา แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้นั้นซับซ้อนเกินไป

แพทย์รับผิดชอบคนไข้จำนวนมากในหนึ่งวัน มีโอกาสสูงที่จะพบกับคนไข้ที่ไม่มีเหตุผล ความตั้งใจที่ดีของฟางชิวจะทำให้เกิดปัญหาเอาเสียเปล่า ๆ

แม้ว่าเฉาเจ๋อจะเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด แต่เขาก็เข้าใจกฎเกณฑ์ในโรงพยาบาลและเข้าใจความซับซ้อนของมนุษย์บนโลก

ในความเห็นของเขา พฤติกรรมของฟางชิวจะต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อชายชราได้ยินคำพูดของฟางชิว เขาก็หยุดชะงักแล้วถามอย่างลังเลว่า “เธอสามารถตรวจโรคของฉันได้จริง ๆ หรือ?”

ชายชรารู้ว่าการไปพบแพทย์ที่อื่นต้องใช้เงินหลายพันหยวน และก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีเสมอไป

พอได้ยินว่าเงินตรวจโรคจะเหลือแค่หนึ่งร้อยหยวน หัวใจของชายชราก็เต้นแรง

ท้ายที่สุดแล้วเงินของทุกคนก็ไม่ได้ถูกลมพัดมาเสียหน่อย!!

“ผมต้องตรวจโรคคุณลุงอย่างละเอียด ถ้ารักษาไม่หาย ผมก็จะไม่เก็บค่ารักษากับคุณลุง” ฟางชิวกล่าว

ในที่สุดชายชราก็พ่ายแพ้ให้กับค่ารักษาอันแสนถูก เขาจึงยอมขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

ฟางชิววางมือลงบนหน้าท้องของชายชรา ภาพด้านในปรากฏขึ้นในหัวของเขาทันที

เขาเดาเอาไว้ว่ากระดูกเชิงกรานนั้นเคลื่อนไปข้างหน้า แต่เผื่อวินิจฉัยผิด ฟางชิวจึงให้ชายชราพลิกตัวไปนอนอีกด้าน

ฟางชิวจงใจตรวจสอบเอวของชายชราแล้วพิจารณาว่ากระดูกสันหลังส่วนเอวนั้นปกติดีหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อทำให้การตัดสินใจของเขาชัดเจนขึ้น

“พลิกตัวกลับอีกด้านแล้วนอนลงใหม่นะครับ” ฟางชิวพูดกับชายชรา

จากนั้นเขาจึงพบว่าข้อต่อของกระดูกเชิงกรานไม่อยู่ในแนวเดียวกัน

ข้อต่อแต่ละข้อนั้นจะถูกยึดด้วยเอ็นที่แข็งแรงจึงเชื่อมต่อกันได้สนิท ข้อต่อพวกนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงของกระดูกอุ้งเชิงกราน

บางคนคิดว่านี่เป็น ‘ข้อต่อที่ไม่เคลื่อนไหว’ แต่จริง ๆ แล้วยังคงเป็น ‘ข้อต่อที่ต้องเคลื่อนไหว’ อยู่

อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปกระดูกข้อต่อในบริเวณนี้จะเคลื่อนผิดตำแหน่งได้ยาก แต่เมื่อข้อต่อเคลื่อนแล้ว ความเป็นไปได้ของข้อต่อที่จะเคลื่อนกลับเข้ามาอยู่ที่เดิมเองนั้นเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นอาการเจ็บปวดมักจะถูกปล่อยไว้ ทำให้เกิดความสับสนและความยากลำบากในการวินิจฉัยว่าหลังช่วงล่างมีปัญหาหรือว่าขามีปัญหากันแน่

ด้วยเหตุนี้ การหายได้เองจึงมีข้อควรระมัดระวังสำคัญเป็นพิเศษ แต่สำหรับฟางชิวแล้ว ทุกอย่างง่ายมากสำหรับเขา

กระดูกชายชราเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง

ฟางชิวจึงขอให้ชายชรานอนราบ ยืดขาซ้าย งอขาขวา วางมือบนหน้าท้องทั้งสองข้าง จุดประสงค์คือเพื่อป้องกันไม่ให้ซี่โครงหัก

ฟางชิวจับเข่าขาขวาของชายชราด้วยมือข้างหนึ่งและจับข้อเท้าด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับชายชราว่า “ผ่อนคลายเข้าไว้ครับ”

ร่างกายที่ประหม่าของชายชราผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เมื่อเห็นอย่างนั้น ฟางชิวก็ถอนหายใจ

อย่างไรก็ยังไม่ยอมเชื่อใจเขาอยู่ดีสินะ!

แต่ไม่เป็นไร ไว้ให้ความจริงปรากฏก่อนก็แล้วกัน

“หายใจเข้าลึก ๆ แล้วกลั้นหายใจเอาไว้ครู่หนึ่งนะครับ” ฟางชิวกล่าว

ชายชราคนนั้นทำตามอย่างว่าง่าย

เฉาเจ๋อเฝ้าดูอย่างใคร่รู้อยู่ที่หน้าประตู เขาสงสัยว่าฟางชิวจะใช้เวทมนตร์อะไร

หลังจากที่ชายชรากลั้นหายใจ ฟางชิวก็เพ่งสายตา กดเข่าของชายชราไปที่ซี่โครงสามครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็ว

แต่ละครั้งที่กด ฟางชิวต้องออกแรงพอสมควร

ยิ่งกดก็ยิ่งทำเวลาได้ไวขึ้น

ในครั้งที่สาม เสียง ‘คลิก’ ที่นุ่มนวลและคมชัดก็ดังออกมาอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินเสียงนั้น เฉาเจ๋อและชายชราบนเตียงก็ตกตะลึง

เฉาเจ๋ออาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่ชายชราที่อยุ่บนเตียงกลับเบิกตาโพลง คล้ายกับว่าไม่อยากจะเชื่ออะไรทั้งนั้น

เสียงกระดูกเคลื่อนกลับที่เดิมไม่ได้แค่ดังผ่านอากาศเท่านั้น แต่ยังดังผ่านร่างกายของเขาด้วย ชายชราจึงสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

ที่สำคัญกว่านั้น หลังจากสิ้นเสียงคลิกแล้ว ชายชรารู้สึกว่าความเจ็บปวดบริเวณเอวของเขาหายไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ!

“เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้วครับ” ฟางชิวพูดกับชายชราด้วยรอยยิ้ม

ชายชรากลิ้งตัวลงจากเตียงแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นขยับเอวอย่างรวดเร็ว

ไม่น่าเชื่อ!

ไม่ปวดแล้วจริง ๆ ด้วย!

คราแรกเขาคิดว่าโรคนี้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษา

กดสามครั้งก็หายแล้วเรอะ?

“ดีจริง ๆ!” ชายชราจับมือฟางชิวอย่างตื่นเต้นและกล่าวขอบคุณ

“หมอ นี่มันน่าทึ่งมาก! ขอบคุณ! ขอบคุณจริง ๆ!”

เมื่อกี้ฟางชิวยังถูกเรียกว่าเด็กน้อยอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ นี่เป็นหน้าที่ของผมในฐานะหมอ” ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม การบรรเทาความเจ็บปวดของผู้อื่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีและมีความสุขจริง ๆ เขาเอ่ยต่อว่า “ห้ามทำงานหนักเป็นเวลาครึ่งเดือน รักษาสุขภาพให้มาก ๆ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองครับ”

“อืม อืม!” ชายชราพยักหน้าหงึก ๆ แล้วถามอย่างไม่อย่างลังเลว่า “ไม่ต้องจ่ายยาหรือ?”

“ไม่ครับ ไม่จำเป็นต้องกินยา” ฟางชิวส่ายหัว

“ว่าไงนะ!” ชายชราไม่ได้พอใจนัก เขาเลยแย้งไปว่า “ถ้าเธอไม่จ่ายยา เธอจะรับค่าตอบแทนจากที่ไหน? เธอจะทำเงินได้อย่างไรถ้าไม่มีค่าตอบแทน เธอยังเด็กอยู่ ต้องรีบหาเงินแต่งเมียนะ เกรงใจเกินไปแล้ว ให้ตายสิ!”

ฟางชิวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น

เฉาเจ๋อที่ยืนอยู่หน้าประตู จ้องมองไปที่เวทมนตร์ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า

ยากที่จะเข้าใจจริง ๆ

เพิ่งเคยเห็นคนไข้ขอให้หมอจ่ายยาให้ เพราะกลัวว่าหมอจะทำเงินไม่ได้

เฉาเจ๋อเข้าใจในทันทีว่าทำไมหมอเสิ่นชุนถึงเข้ากันได้ดีกับคนไข้

ต้นตอของปัญหาคือแพทย์ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้

คนไข้ก็มีเหตุผลของเขาเช่นกัน ถ้าหมอสามารถรักษาความเจ็บป่วยได้ ไม่ว่าค่ารักษาจะเท่าไรก็ยินดีจ่าย

ถ้าหมอรักษาให้ไม่ได้ แสดงว่าหมอเป็นคนใจดำที่รักษาคนไข้เพื่อเงิน!

“คุณลุง ผมไม่จำเป็นต้องจ่ายยาจริง ๆ ตอนนี้คุณลุงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หากมีปัญหาอะไรก็กลับมาหาผม” ฟางชิวกล่าวปฏิเสธ

“เฮ้อ วันนี้ฉันได้พบกับหมอดีจริงๆ ทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม บุคลิกก็ดี!”

เมื่อเห็นว่าฟางชิวไม่ตั้งใจจะจ่ายยา ชายชราก็ยกย่องฟางชิวอย่างเต็มใจ จากนั้นจึงบอกลาฟางชิวแล้วจากไปอย่างมีความสุข

ครั้งนี้ชายชราเสียค่าลงบันทึกประวัติตัวเองแค่สิบแปดหยวน คุ้มค่าจริง ๆ!

เขาไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาเลย กลับถึงบ้านต้องรีบกระจายข่าวให้คนอื่นรู้เสียแล้ว!

อันที่จริงชายชราได้คำนวณผิดไป สิบแปดหยวนนั้นได้รวมค่าบันทึกประวัติและค่าวินิจฉัย รวมถึงค่ารักษาแล้ว เนื่องจากโรงพยาบาลรวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ชายชราเดินไปที่ประตูโรงพยาบาล ทันใดนั้นก็เห็นว่าที่หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ในห้องโถงเต็มไปด้วยรูปถ่ายของแพทย์ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากคนไข้

ชายชราไม่เจอคนที่เขารู้จัก

ไม่มีแม้แต่หนุ่มน้อยที่เขาคิดว่าเป็นหมอที่ดีที่สุดในตอนนี้เลย ชายชรารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องยุ่งยากถ้าจะทำเอง เขาจึงไปถามเจ้าหน้าที่ว่าจะลงคะแนนอย่างไร

เจ้าหน้าที่พาชายชราไปที่เครื่องลงคะแนนเสียงที่กลางห้องโถง

เขาต้องกรอกหมายเลขเวชระเบียนก่อนแล้วถึงจะลงคะแนนได้

ผู้สูงอายุไม่ทราบวิธีการค้นหาชื่อของหมอจึงให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการหาให้

หลังจากการค้นหาเขาก็พบชื่อของฟางชิวที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ แต่ไม่มีรูปถ่ายแสดงให้เห็น

อย่างไรก็ตาม ชายชราจำได้ว่าหนุ่มคนนี้มีชื่อว่าฟางชิว ดังนั้นเขาจึงขอให้เจ้าหน้าที่ลงคะแนนให้ฟางชิว

เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่อึ้งไปพักหนึ่ง เธอจำไม่ได้ว่ามีแพทย์ชื่อฟางชิวอยู่ในแผนกกระดูกและข้อด้วย?

ปกติแล้วถ้าเป็นแพทย์จากแผนกกระดูกและข้อ คนจะโหวตหมอเสิ่นชุนมากกว่า

มีแพทย์ใหม่ในโรงพยาบาลเหรอ?

ด้วยความอยากรู้ เธอเลยกดโหวตให้ฟางชิว

หลังจากชายชราลงคะแนนแล้ว เขาก็ออกจากโรงพยาบาลอย่างพึงพอใจ ขณะที่ชายชราเดินออกจากโรงพยาบาล ฟางชิวก็ต้อนรับคนไข้รายที่สองของเขา

คราวนี้เป็นนักศึกษาหญิง

นักศึกษาหญิงตกตะลึงเมื่อเห็นฟางชิว เธออุทานด้วยความตกใจ “ฟางชิว?!

ฟางชิวเงยหน้าขึ้น รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

คนไข้กลายเป็นคนที่เขารู้จัก เธอคือหวังอวี๋ รูมเมตของเจียงเหมี่ยวอวี๋

แล้วพี่ใหญ่อย่างจูเปิ่นเจิ้งเองก็เป็นประเภทที่ชอบสาวตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แบบนี้

“สวัสดี หวังอวี๋” ฟางชิวยิ้มและกล่าวว่า “นั่งลงสิ”

หวังอวี๋เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของฟางชิว เธอยังคงจ้องไปที่ฟางชิวอย่างว่างเปล่า คล้ายกับว่ายังไม่หายจากอาการตกใจ

ฟางชิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดีดนิ้วปลุกให้หวังอวี๋ตื่นแล้วขอให้เธอนั่งลง

“อ้อ” หวังอวี๋กลับมามีสติอีกครั้ง เธอนั่งลงอย่างรวดเร็ว ประโยคแรกที่ถามก็คือ

“นายคือฟางชิวจริง ๆ ใช่ไหม คงไม่ใช่แค่คนหน้าคล้ายหรอกนะ?”

เธอยังไม่อยากจะเชื่อ

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นทำให้เธอตกตะลึง

ช็อกยิ่งกว่าพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตกเสียอีก

น้องใหม่ปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเธอได้เป็นหมอในโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยแล้ว

ใครกันจะเชื่อเรื่องนี้?

ความฝันของนักศึกษาแพทย์หลาย ๆ คนคือการได้เป็นแพทย์เต็มตัว แล้วฟางชิวที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว

แต่ประเด็นคือเขายังเป็นน้องใหม่ปีหนึ่ง!

“ฉันคือฟางชิวจริง ๆ”

ฟางชิวชี้ไปที่ป้ายชื่อบนอกของเขา แม้ว่าจะไม่มีรูปถ่าย แต่ก็มีชื่อติดอยู่

หวังอวี๋มองดูป้ายชื่อก่อนจะเอ่ยว่า “ฟางชิว ผู้ช่วยแพทย์แผนกกระดูกและข้อของโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง”

“นายมาเป็นหมอได้ยังไง นายยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หวังอวี๋ถามด้วยความอยากรู้อย่างยิ่ง

“อาจเป็นเพราะว่าทักษะการจัดกระดูกของฉันล่ะมั้ง ฉันยังไม่ใช่แพทย์เต็มตัว เป็นแค่ผู้ช่วยแพทย์ ฉันยังต้องเข้าเรียน และก็มาตรวจโรคแค่สัปดาห์ละครั้ง”

ฟางชิวไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษามากเกินไปในระหว่างการปรึกษาหารือ เขาจึงข้ามไปที่หัวข้อใหม่

“เธอไม่สบายตรงไหน?”

“ฉันปวดตามข้อนิ้วมือ” หวังอวี๋เหยียดมือซ้ายออกทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น นิ้วชี้ของเธอนูนขึ้นเป็นวงกลม

“ตอนบ่ายพวกเรามีเรียนวิชาพละ ตอนส่งลูก นิ้วของฉันกระแทกกับลูกบาสไปเต็ม ๆ มันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ นายช่วยตรวจดูให้หน่อยได้ไหม?”

“ให้ฉันดูนิ้วมือหน่อย” ฟางชิวกล่าว

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน