คุรุการแพทย์ – บทที่ 47 ฟางชิวเป็นหมอ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 47 ฟางชิวเป็นหมอ!

บทที่ 47 ฟางชิวเป็นหมอ!

ฟางชิวจับมือของหวังอวี๋ด้วยมือซ้าย และแตะส่วนที่บาดเจ็บของเธอด้วยมือขวา เพื่อที่จะได้รับรู้เกี่ยวกับบาดแผลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นิ้วเป็นส่วนที่รับรู้ความรู้สึกได้ดีที่สุด

เมื่อไม่มีเนื้อหนังแล้วก็จะเหลือแค่เอ็นและกระดูกเท่านั้น

ภาพที่คลุมเครือก่อตัวขึ้นในหัวของฟางชิว เขาแอบพยักหน้าอย่างลับ ๆ เมื่อเห็นภาพนี้

เปรียบเทียบกับนิ้วอื่น ๆ อยู่ไม่นาน ในที่สุดก็เจอสาเหตุของโรค

ฟางชิวมองไปที่หวังอวี๋

เมื่อเห็นฟางชิวมองอย่างนั้น หวังอวี๋ก็รีบถาม “เป็นยังไงบ้าง”

ฟางชิวเอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่ได้มีปัญหาใหญ่ กระดูกเคลื่อนเล็กน้อย ส่วนข้อต่อและเอ็นรอบข้อต่อได้รับความเสียหาย ความเสียหายเฉียบพลันนี้จะทำให้เกิดอาการปวดและบวมแดงขึ้น”

“ฉันจะจัดกระดูกให้เธอ หลังจากนั้น เธอค่อยไปซื้อยาแก้ปวดกล้ามเนื้อแบบสเปรย์มาฉีดเองก็แล้วกัน หลังจากนี้ระวังนิ้วนี้ให้ดี อย่าขยับจนกว่าจะหายล่ะ”

ก่อนที่หวังอวี๋จะมีการตอบสนอง มือซ้ายของฟางชิวก็จับที่มือของหวังอวี๋เสียแล้ว

ฟางชิวเคลื่อนนิ้วขวาของตนไปบนนิ้วที่บาดเจ็บของหวังอวี๋

เสร็จแล้วเขาก็ปล่อยมือของหวังอวี๋แล้วพูดว่า “โอเคแล้ว”

“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?” หวังอวี๋รีบขยับนิ้วของตัวเอง

น่าแปลกที่อาการปวดนิ้วของเธอลดลงมาก

ว้าว! ทำไมเก่งกาจอย่างนี้นะ?

หวังอวี๋มองไปที่ฟางชิวด้วยความประหลาดใจ

ในที่สุดเธอก็ยอมรับความจริงที่ว่า ทักษะของฟางชิวสามารถเป็นหมอในโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยได้

“ฉันเคยได้ยินเหมี่ยวอวี๋พูดว่า นายเคยตรวจอาการบาดเจ็บที่เท้าของเธอ ตอนนั้นฉันไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว”

หวังอวี๋ถอนหายใจแล้วยิ้มกว้างออกมา “ถ้าฉันรู้ว่านายเก่งขนาดนี้ ฉันคงจะไม่ต้องลงบันทึกประวัติผู้ป่วยหรอก ฉันคงให้นายช่วยรักษาให้เลย ฉันเสียเงินไปตั้งสิบแปดหยวนแหน่ะ”

ฟางชิวยิ้มแล้วกล่าวว่า “เสียเงินสิบแปดหยวนให้คนอื่นเป็นหนี้บุญคุณ พอดีเลย ฉันชอบตอบแทนบุญคุณคนอื่นด้วยเงินสิบแปดหยวนเหมือนกัน”

“งั้นฉันเป็นบุญคุณ ปล่อยให้เจียงเหมี่ยวอวี๋ชดใช้! ฮ่า ๆ” หวังอวี๋หัวเราะอย่างมีความสุข

หวังอวี๋กลัวที่จะรบกวนงานของฟางชิว เธอจึงไม่อยู่ที่โรงพยาบาลนานนัก

ตลอดทางจนถึงชั้นล่างของห้องฉุกเฉิน ยิ่งหวังอวี๋คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มากเท่าไรก็ยิ่งราวกับมีมนต์ขลังมากขึ้นเท่านั้น

เหมือนว่ากำลังฝันอยู่เลย!

เพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกลายเป็นผู้ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาลในเครือ แถมยังตรวจโรคให้ได้อีก

คิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ

เมื่อลงมาถึงล็อบบี้ด้านล่าง หวังอวี๋ก็เห็นหน้าจอ ‘เชิดชูแพทย์’ และทันใดนั้นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วไปที่จุดลงคะแนน พอเห็นชื่อฟางชิว เธอก็ลงคะแนนทันที

ต้องสนับสนุนเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราสิ

โหวตเสร็จเธอก็รีบเดินออกไป

หวังอวี๋ต้องการบอกเรื่องในวันนี้ให้เจียงเหมี่ยวอวี๋กับรูมเมตของเธอว่า ไม่น่าเชื่อว่าฟางชิวจะเป็นผู้ช่วยแพทย์

ฟางชิวยังคงตรวจโรคของเขาต่อไป

เมื่อไม่มีคนไข้ ฟางชิวก็ขอยืมหนังสือแพทย์จากเฉาเจ๋อไปอ่าน

เฉาเจ๋อให้ฟางชิวยืมหนังสือปริญญาโทของเขา โดยในตอนแรก เขาต้องการถามฟางชิวว่าเขาอ่านเข้าใจหรือไม่

แต่พอเห็นว่าฟางชิวอ่านด้วยความตั้งใจ คำถามทั้งหมดก็ถูกระงับไว้ทันที

ดูเหมือนจะเข้าใจจริง ๆ นะเนี่ย!

ตั้งแต่บ่ายสองครึ่งถึงสี่โมง ฟางชิวก็ตรวจคนไข้ทั้งหมดเสร็จ ซึ่งแต่ละรายไม่ได้รับการเอกซเรย์แต่อย่างใด แม้ว่าบางรายจะเคยเอกซเรย์จากที่อื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ฟางชิวก็ไม่ได้ดู

เพราะเขาใช้มือในการตรวจเท่านั้น

ถึงกระนั้น ทุกคนก็ยังพอใจกับการรักษา

เฉาเจ๋อมองไปที่ฟางชิวเป็นครั้งคราว เพราะรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าผู้ป่วยทั้งหมดของฟางชิวนั้น ส่วนมากจะเข้าห้องตรวจมาด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว แล้วก็จากไปพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าฟางชิวไม่ยอมให้คนไข้ทำซีทีสแกน

สุดท้ายเมื่อไม่มีผู้ป่วย เฉาเจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมอฟาง ให้คนไข้ไปเอกซเรย์จะดีกว่าไหม นอกจากกันปัญหาในอนาคตกับคนไข้แล้ว หมอฟางอาจโดนด่าเพราะรักษาแบบเข้มงวดมากเกินไป อีกอย่างหนึ่ง ถ้าคนไข้ทำการเอกซเรย์ หมอฟางก็จะได้ค่าตอบแทนด้วยนะ”

ฟางชิวฟังแล้วได้แต่ยิ้ม และไม่ตอบคำใด

อย่างไรเขาก็มาตรวจโรค ไม่ได้มาหาเงิน

ในเมื่อตรวจโรคดีแล้ว ทำไมถึงจะมีปัญหาล่ะ?

ถ้าเขาเจอคนไข้ที่ไร้เหตุผลแบบนั้นจริง ๆ เขาก็หมดหนทางรักษา

หลังให้คำแนะนำไปแล้วพบว่าฟางชิวไม่ฟัง เฉาเจ๋อจึงหมดความสนใจที่จะพูดต่ออีก

เฉาเจ๋อคิดในใจว่า ‘ไม่ฟังคำแนะนำของฉันเองนะ เดี๋ยวพอเจอปัญหา ฉันจะรอดูซิว่าจะแก้ปัญหายังไง!’

ในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่หวังอวี๋ซื้อยาแก้ปวดกล้ามเนื้อแบบสเปรย์แล้ว เธอก็เจอเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่สนามบาสเกตบอล เธอเลยจึงดึงเจียงเหมี่ยวอวี๋ไปที่มุมหนึ่งของสนาม

“เสี่ยวอวี๋ มือของเธอเป็นยังไงบ้าง” เจียงเหมี่ยวอวี๋สงสัยว่าทำไมหวังอวี๋ถึงดึงเธอมาที่มุมสนาม แต่เธอก็ไม่วายถามถึงอาการบาดเจ็บของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“เธอยังไม่ต้องสนใจมือฉันหรอก แต่เธอลองเดาดูสิว่าฉันเจอใครที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย” หวังอวี๋เอ่ยถามอย่างมีลับลมคมใน หวังจะให้รูมเมตตนถามต่อ

“ใครล่ะ?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความสงสัย เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหวังอวี๋ถามอะไรแบบนี้

“ฟางชิวน่ะสิ!” หวังอวี๋ตอบทันที

“ฟางชิว เขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลด้วยเหรอ?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามถึงฟางชิวอย่างใคร่รู้

ทันทีที่หวังอวี๋รู้ว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋เข้าใจผิด เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “เขาไม่ไปหาหมอ! แต่เขาเป็นหมอ!”

“อะไรนะ?!”

ใบหน้าที่สวยงามของเจียงเหมี่ยวอวี๋เต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที เจ้าตัวมองหน้าหวังอวี๋อีกครั้งเพราะคิดว่าได้ยินผิด

เมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจของเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้ว หวังอวี๋ก็มีความสุขมาก

ทุกคนก็ตกใจใช่ไหมล่ะ?

“ฟางชิวเป็นหมอ เขาเป็นคนรักษาฉัน!” หวังอวี๋ตอบอีกครั้ง

“อ่านชื่อไม่ผิดใช่ไหม” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความไม่เชื่อ

ฟางชิวจะเป็นหมอได้อย่างไร?

เขาเป็นนักศึกษาปีหนึ่งนะ!

“ฉันจะอ่านชื่อผิดได้ยังไง พวกเรายังคุยกันอยู่เลย ฉันอ่านที่ป้ายชื่อของเขาด้วย เป็นชื่อฟางชิวจริง ๆ!” หวังอวี๋ตอบด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง

“เดี๋ยวก่อนนะ เรื่องนี้เข้าใจยากนิดนึง ฟางชิวจะเป็นหมอได้ยังไง” เจียงเหมี่ยวอวี๋ขมวดคิ้ว และยังไม่สามารถเชื่อได้

“ฉันไม่รู้ ฉันแปลกใจมากกว่าเธออีก แต่เขาเป็นหมอจริง ๆ นี่เป็นเรื่องจริงนะ แล้วเขาก็ยอมรับแล้วด้วย”

หวังอวี๋รู้สึกได้ถึงความสำเร็จที่เธอรู้ความลับที่ยิ่งใหญ่นี้ และความลับที่ยิ่งใหญ่นี้ก็ทำให้เพื่อนร่วมห้องของเธอตกใจได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าตาที่น่ารักของเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่กำลังแสดงสีหน้าประหลาดใจอยู่ มันทำให้เธอมีความสุขมาก

ฟางชิวกลายเป็นหมอจริง ๆ หรือ?

เด็กปีหนึ่งกลายเป็นหมอในโรงพยาบาล?

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าว่างเปล่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเธออย่างมาก

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เธอก็รู้สึกว่าฟางชิวมีความลับมากมายเหลือเกิน

แต่ตอนนี้เธอก็พบว่าความลับทั้งหมดที่เธอนึกออกนั้นไม่ได้น่าตกใจเท่ากับตอนที่รู้ว่าเขาเป็นหมอเลย

เธออยากจะโทรหาฟางชิว แต่เมื่อมือสัมผัสโทรศัพท์ เธอก็หยุดชะงักลงทันที

ทำไมเธอถึงอยากโทรหาเขาล่ะ?

อยากรู้? หรือแค่อยากแสดงความยินดี?

ถ้าสองเหตุผลนี้เกิดขึ้นก่อนพิธีเปิดมันก็พอที่จะฟังขึ้น แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ใช่แล้ว…

อีกด้านหนึ่ง

กลุ่มคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุในชุดธรรมดาปรากฏตัวขึ้นที่ล็อบบี้ของอาคารฉุกเฉิน ทุกคนเข้าแถวเพื่อลงทะเบียนขอเข้าตรวจที่แผนกกระดูกและข้อ

“หมอฟางยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ทุกคนลงทะเบียนไปก่อน!”

หัวหน้ากลุ่มคือชายชราที่เป็นผู้ป่วยรายแรกของฟางชิวนั่นเอง

“เหล่าเจี่ย หมอฟางดีอย่างที่พูดจริง ๆ ใช่ไหม”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ต่อคิวอยู่เอ่ยถามขึ้นมา “ตอนที่นายโทรหาฉัน ฉันยังขับแท็กซี่อยู่เลย นี่ไม่ทำให้ฉันเสียเวลาหาเงินใช่ไหม?”

“นี่ฉันกำลังช่วยชีวิตนายอยู่! วันนี้ฉันเคยทำผิดพลาดไป ใครจะรู้ว่าฉันจะได้เจอกับหมอฟาง ฉันถามเขาแล้ว เขาบอกว่าเขาจะมาตรวจโรคช่วงบ่ายทุกสุดสัปดาห์ ถ้าวันนี้นายไม่ตรวจ เอวแก่ ๆ ของนายต้องทนเจ็บไปอีกเป็นอาทิตย์!”

เหล่าเจี่ยเบิกตากว้างแล้วพูดเสียงดัง

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ต้องพึ่งพานายแล้วเหล่าเจี่ย วันนี้ฉันจะตรวจโรค หลังจากนี้นายเป็นนายหน้าคนไข้ดีกว่าเจ้าอื่นแน่นอน!” คนขับแท็กซี่วัยกลางคนพูดติดตลก

คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่กลุ่มเดียวกันต่างหัวเราะออกมา

คนที่ลงทะเบียนคนอื่น ๆ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ทำไมคนกลุ่มนี้เลือกตรวจโรคกับหมอคนเดียว?

หมอฟางคนนั้นคือใคร?

ฟังดูแล้วเหมือนจะเก่งไม่เบา?

ไม่เป็นไร เขียนชื่อหมอคนนี้ไว้ก่อน บางทีอาจจะต้องใช้ในอนาคตก็ได้!

เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบค่าลงทะเบียนเองก็ตกตะลึง

เพราะไม่เคยเห็นแถวของแผนกกระดูกและข้อต่อยาวขนาดนี้มาก่อนเลย

คนไข้ทั้งหมดเป็นรุ่นคุณลุง รุ่นคุณปู่กันหมดแล้ว

ไม่น่าจะมาสร้างเดือดร้อนหรอกมั้ง?

แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าผู้ที่มาสร้างความเดือดร้อนจะมาลงทะเบียนประวัติขอเข้าตรวจด้วย

หรือว่าผู้ที่มาสร้างความเดือดร้อนทั้งหมดจะอัปคุณภาพขึ้นแล้ว?

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าหน้าที่จึงลงทะเบียนให้ทุกคนด้วยความจริงใจ

จากนั้นคนกลุ่มนี้ก็พากันขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นเจ็ด

เป้าหมายคือแผนกกระดูกและข้อ! รอพบหมอฟาง!

เมื่อมาถึงจุดรอตรวจ ทุกคนก็ยื่นเอกสารให้พยาบาลแล้วนั่งรวมกันรอคนเรียก

“หลี่เจี้ยนจวิน” พยาบาลเรียก

คนที่รออยู่ก็ตะโกนทันทีว่า “อยู่นี่”

เขาคือคนขับแท็กซี่ที่ทะเลาะกับเหล่าเจี่ยในห้องลงทะเบียน

หลี่เจี้ยนจวินเดินไปหาพยาบาลที่ต้องพาเขาไปห้องตรวจ เหล่าเจี่ยจึงรีบตามไปด้วย

“สวัสดีคุณพยาบาล ฉันอยากจะถามว่าหมอฟางที่รักษาฉันอยู่หรือเปล่า” เหล่าเจี่ยถาม

“หมอฟาง?”

เธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

พยาบาลส่ายหัวแล้วพูดว่า “เข้าใจผิดแล้ว หมอที่รักษาคุณคือหมอหวังต่างหาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เจี้ยนจวินก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ต้องการหมอหวัง ฉันมาหาหมอฟาง ฉันมาที่นี่เพื่อเขาโดยเฉพาะเลยนะ”

“หมอฟางเหรอคะ เหมือนจะไม่มีหมอนามสกุลฟางในแผนกของเรานะคะ?” พยาบาลขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความสงสัย

“มีสิ” เหล่าเจี่ยพูดอย่างรวดเร็ว “ก็เมื่อกี้หมอฟางเป็นคนรักษาฉัน”

พยาบาลแปลกใจมาก เพราะเธอก็รู้จักหมอแผนกกระดูกและข้อทุกคน

แล้วหมอฟางมาจากไหน?

มีคนเดินผ่านมาพอดี พยาบาลจึงรีบหยุดเอาไว้แล้วถามว่า “พี่เฉา พวกเรามีหมอที่ใช้นามสกุลฟางไหม”

เป็นเฉาเจ๋อนั่นเอง

หมอที่ใช้นามสกุลฟาง?

เฉาเจ๋อตกตะลึง

ก่อนที่จะได้ตอบโต้ เหล่าเจี่ยก็ชี้ไปที่เฉาเจ๋อพลางกล่าวอย่างมีความสุขว่า “เขาเป็นคนพาฉันไปหาหมอฟางในตอนนั้น!”

ได้ยินแล้วเฉาเจ๋อก็รู้สึกประทับใจทันที

ในที่สุดก็รู้ว่าหมอฟางคือใคร

เป็นฟางชิว!

ทั้งหมดนี้เป็นคนไข้เก่าที่กลับมาหรือ?

และยังแนะนำคนไข้รายใหม่ให้มารักษา?

เฉาเจ๋อรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ

เทคนิคของฟางชิวนั้นล้ำมากที่สามารถทำให้คนไข้รายเก่าแนะนำคนไข้รายใหม่ได้

“พี่เฉา มีหมอนามสกุลฟางอยู่ในแผนกของเราจริง ๆ เหรอ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ?” พยาบาลถามด้วยความสงสัย

เฉาเจ๋อยิ้มแหย ๆ แล้วตอบว่า “เป็นผู้ช่วยแพทย์ที่แผนกของเราคัดเลือกมาเป็นพิเศษ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานของเขา เธอปล่อยคนไข้สองคนนี้ให้ฉันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเขาไปที่ห้องตรวจเอง”

พูดจบ เขาก็พาคนไข้ทั้งสองไปที่ห้องตรวจของฟางชิว

คัดเลือกมาเป็นพิเศษ?

พยาบาลเกิดความสนใจเลยเดินตามทั้งสามคนไปเพื่อดูว่า คนประเภทไหนที่ได้รับการคัดเลือกพิเศษให้มาอยู่ในแผนกกระดูกและข้อ

ทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าประตูห้องตรวจ เหล่าเจี่ยก็เห็นฟางชิวกำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างใน เขาเอ่ยทักอย่างดีใจทันที “หมอฟาง ฉันพาคนไข้รายใหม่มาให้เธอแล้ว พอทุกคนรู้ว่าเธอเป็นคนตรวจโรคให้ฉันก็พากันขอให้ฉันพามาหาเธอ”

“ยินดีต้อนรับทุกคนครับ” ฟางชิววางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืน

ตอนนี้เขายังคงกังวลอยู่ว่าจะมีผู้ป่วยไม่พอให้เลื่อนขั้นทฤษฎีสัมผัสกระดูกในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ แต่ตอนนี้ผู้ป่วยอยู่ที่นี่แล้ว

ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ต้อนรับพวกเขา

พยาบาลที่ยืนอยู่นอกประตูพูดไม่ออกเมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคนนั้น

ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เธอก็ไม่คิดว่าคนไข้รายนี้มาโรงพยาบาลเพื่อมาตรวจโรค นี่เหมือนเป็นลูกค้าเก่าที่พาลูกค้าใหม่มาทานข้าวที่ร้านอาหารมากกว่า!

มาตรวจโรคแล้วยังมาอวยหมออีก?

เกิดมาไม่เห็นจะเคยได้ยิน!

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน