คุรุการแพทย์ – บทที่ 56 เป็นนักเรียนแพทย์

คุรุการแพทย์

บทที่ 56 เป็นนักเรียนแพทย์

บทที่ 56 เป็นนักเรียนแพทย์

ฟางชิวเรียนวิชาพละเสร็จก็เตรียมหนังสือเรียนสำหรับวิชาต่อไปในตอนบ่าย และเมื่อเวลาเลิกเรียนมาถึง ชายหนุ่มตรงไปที่ห้องสมุดทันที

ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนที่ห้องสมุดจะปิด แต่เหลือเวลาเพียงสี่สิบนาทีในการให้ยืมหนังสือ

ฟางชิวใช้เวลาสิบนาทีวิ่งไปที่ห้องสมุด เมื่อผ่านเคาน์เตอร์ของห้องสมุด เขาก็ต้องเบรกเอี๊ยด

จู่ ๆ เขาก็คิดว่าบรรณารักษ์ผู้ลึกลับต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่แน่ ๆ!

ตั้งแต่คราวที่แล้ว บรรณารักษ์คนนี้สามารถระบุตำแหน่งของหนังสือได้อย่างชัดเจน ถ้าอยากหาหนังสือประเภทไหนแค่ถามบรรณารักษ์ก็ได้เรื่องแล้ว แถมยังช่วยให้ประหยัดเวลาในการค้นหาอีกต่างหาก

ฟางชิวมองไปที่บรรณารักษ์ แล้วบรรณารักษ์คนที่ว่าก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี

ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วส่งยิ้มให้กัน

“สวัสดีครับ!” ฟางชิวเดินไปหาบรรณารักษ์แล้วทักทายด้วยความเคารพ “ผมกำลังมองหาหนังสือเกี่ยวกับมะเร็งกระเพาะอาหารอยู่ คุณรู้ไหมว่าหนังสือประเภทนี้อยู่ที่ไหน”

“ถ้าเดินเข้าไปทางนี้จะอยู่แถวที่แปด มองลงชั้นล่าง ๆ แถว ๆ ตรงกลางของชั้นที่สาม” ชายผู้เป็นบรรณารักษ์พูดโดยไม่ต้องคิดเยอะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางชิวก็เบิกตากว้าง เขาโค้งคำนับแล้วกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับ”

“ด้วยความยินดี” บรรณารักษ์โบกมือไม่ยี่หระ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ฉันจำได้ว่าคราวที่แล้วเธอยืมหนังสือเกี่ยวกับศัลยกรรมกระดูก แต่ทำไมตอนนี้เธอคิดจะหาหนังสือเกี่ยวกับโรคมะเร็งล่ะ แถมยังเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอีก หรือเธอมีญาติที่เป็นโรคนี้”

คนทั่วไปที่ยอมทุ่มเทอ่านและค้นคว้าวิธีรักษาแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็ทำเพื่อคนที่รักทั้งนั้น

ชายหนุ่มคนนี้เป็นแค่เด็กปีหนึ่ง คงยังไม่มีคนรัก และทำเพื่อญาติเท่านั้นล่ะมั้ง

ฟางชิวส่ายหัวแล้วตอบว่า “เป็นเพื่อนนักศึกษาครับ นักศึกษาปีสองที่ชื่อโม่อี้ฉีป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ผมต้องการช่วยเธอเลยอยากจะดูว่ามีวิธีรักษายังไงบ้าง” สิ่งที่เขาพูดในสนามกีฬาเมื่อวานนี้ไม่ใช่แค่คำพูดเล่น ๆ เขาจะทำมันจริง ๆ

เพื่อนนักศึกษาป่วยก็ต้องช่วย ยิ่งเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ก็ยิ่งสมควรช่วย!

“สนิทกันหรือไง?” บรรณารักษ์ถาม

ฟางชิวส่ายหัวแล้วตอบว่า “ผมไม่เคยเจอเธอ เคยได้ยินแค่ข่าวของเธอเท่านั้น”

“ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่ได้ยินข่าวก็อยากจะรักษาเธอแล้วเหรอ?” บรรณารักษ์มองฟางชิว สีหน้าท่าทางราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง

“เพราะว่าผมเป็นนักเรียนแพทย์ครับ” ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เป็นนักเรียนแพทย์

ห้าคำง่าย ๆ แต่ทรงพลัง ทำให้บรรณารักษ์อึ้งกิมกี่

ไม่เลว! นักเรียนแพทย์งั้นรึ!

นักเรียนแพทย์ควรนึกถึงผู้ป่วยทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับตน ไม่ว่าตนจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม

เพราะว่าเป็นนักเรียนแพทย์!

“ดี!”

บรรณารักษ์ยกนิ้วให้ฟางชิว ชายหนุ่มโค้งขอบคุณแล้วเดินตรงไปหาหนังสือ บรรณารักษ์มองตามหลังของฟางชิวไป ก่อนจะเข้าสู่ห้วงความคิดของตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวก็พบหนังสือเกี่ยวกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในตำแหน่งที่บรรณารักษ์บอก รวมทั้งเจอหนังสือสมัยใหม่และหนังสือโบราณด้วย

เขารีบเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว

ฟางชิวรู้ว่าระดับของเขามีจำกัด เขาเลยไม่ได้หวังให้โรคมะเร็งกระเพาะอาหารของทุกคนจะหายขาดด้วยการอ่านหนังสือเพียงสองสามเล่ม

แบบนั้นคงเพ้อฝันไปหน่อย

เขาแค่ต้องการดูว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง เผื่อว่าจะเจอผู้ป่วยโรคนี้อีกในอนาคต อย่างไรก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ห้องสมุดปิดตอนหกโมงเย็น ฟางชิวเลยเดินไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับกองหนังสือ เขาส่งมอบหนังสือให้กับบรรณารักษ์เพื่อขอยืมไปอ่าน

บรรณารักษ์ลงทะเบียนหนังสือที่ฟางชิวต้องการยืม จากนั้นยื่นหนังสือคืนให้เขา และกล่าวว่า “ฉันหวังว่าเธอจะกลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในอนาคตนะ”

“อย่าขอให้มีชื่อเสียงเลยครับ ขอให้ทุกคนหายจากโรคภัยไข้เจ็บก็พอแล้ว” ฟางชิวหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วตอบกลับอย่างสุภาพ

ชายหนุ่มปรารถนาแค่อยากให้ทุกคนหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

สิ้นคำพูดนั้น บรรณารักษ์ก็มองลึกไปเข้าไปในดวงตาของฟางชิวอีกครั้ง ทั้งสองเลยคนยิ้มให้กันอีกรอบ แล้วฟางชิวก็หันหน้าเดินออกจากประตูไป

บรรณารักษ์ก็ลุกขึ้นทำความสะอาด ปิดเคาน์เตอร์ยืมหนังสือพลางเหม่อมองดูพระอาทิตย์ตกที่อยู่ไกลออกไป

เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก

“พี่ใหญ่ คุณรู้ข่าวนักศึกษาปีที่สองที่ชื่อโม่อี้ฉีไหม แล้วมีข้อมูลของเธอรึเปล่า พวกที่อยู่บ้านหรืออะไรทำนองนั้น”

“โม่อี้ฉี? นักศึกษาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารน่ะเรอะ?”

เสียงประหลาดใจของฉีไคเหวินดังมาจากโทรศัพท์ “น้องชาย นายจะลงมือรักษาเองหรือไง”

“ก็แค่อยากรู้” บรรณารักษ์ตอบ

ฉีไคเหวินที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

แค่อยากรู้เฉย ๆ รุ่นน้องคนนี้โกหกได้หน้าตายจริง ๆ!

แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจมากที่รุ่นน้องคิดจะกลับมารักษาอีก เขาเลยเตือน “อาการป่วยของโม่อี้ฉีค่อนข้างซับซ้อน รักษาขั้นพื้นฐานแล้วช่วยอะไรไม่ได้มากนัก นายรักษาก็ระวัง ๆ หน่อยล่ะ อย่าใจร้อนมากเกินไป”

ฉีไคเหวินกังวลจริง ๆ ว่าเขาจะช่วยรุ่นน้องคนนี้ให้กลับมารักษาผู้คนไม่ได้

“เข้าใจแล้ว ส่งข้อมูลมา” บรรณารักษ์วางสายแล้วเดินออกไปดูพระอาทิตย์ตกดิน

ยามที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน เงาก็ทอดเป็นสีดำเป็นเวลาเนิ่นนาน…

อีกด้านหนึ่ง

ฟางชิวเดินมาที่โรงอาหารพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขน ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพอดี ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของผู้ชายคนนั้น

เป็นถังเฮิง…

แต่ถังเฮิงดูไม่ค่อยดี หน้าช้ำเขียวบวมบูด ดูอย่างไรก็คงไม่ใช่หกล้ม แต่เหมือนถูกทุบตีมากกว่า

“ถังเฮิง” ฟางชิวตะโกนเรียกถังเฮิง

ถังเฮิงได้ยินเสียงเรียกเลยมองตามเสียงไป ดวงตาของเขาสว่างสดใสขึ้นทันทีที่เห็นฟางชิว

“ลูกพี่ บังเอิญจังเลยครับ!” ถังเฮิงเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปหาฟางชิว เขาใช้เวลาแค่สองสามวินาทีเท่านั้น

“ทำไมนายเป็นแบบนี้ล่ะ?” ฟางชิวมองดูอาการบาดเจ็บของถังเฮิงในระยะใกล้ โชคดีที่มันเป็นเพียงบาดแผล ไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรง

“อย่าพูดถึงเลย พวกวิ่งราวที่ถนนขนม*[1] น่ะ ขโมยกระเป๋าสตางค์ผมไปเมื่อคืน ผมไล่ตามไปกะจะอัดเสียหน่อย แต่ก็ถูกกลุ่มของพวกมันที่อยู่แถวนั้นล้อมแล้วทำร้ายเข้าให้ สุดท้ายเลยโดนขโมยเงินไปหมด” ถังเฮิงเล่าเสียงโกรธ ๆ

“นายโทรแจ้งตำรวจหรือยัง” ฟางชิวถามพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย

“โทรแจ้งตำรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ โทรแจ้งตำรวจหลายคนแล้ว แต่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ มหาวิทยาลัยคงทำได้แค่ติดป้ายที่ประตูทางเข้าเตือนทุกคนให้ระวังพวกวิ่งราว”

“แต่ผมโทรบอกพ่อแล้ว ขอให้ส่งคนมาสองสามคน ผมไม่เชื่อว่าจะจัดการโจรพวกนี้ไม่ได้!” ถังเฮิงกล่าว

ผู้คุ้มกันของพ่อบอกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขานั้นทรงพลังมาก แต่คิดเขาว่าสองหมัดก็สู้สี่มือไม่ได้อยู่ดี เขาก็เลือกโทรหาพ่อแทนแล้วยอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน!

“พี่ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม ผมเลี้ยงพี่เอง”

“ขอบใจ นายไปกินเถอะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” ฟางชิวปฏิเสธความใจดีของถังเฮิง

หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกัน คิ้วของฟางชิวก็ขมวดคิ้วทันที

มีโจรวิ่งราวในถิ่นที่มีแต่นักศึกษาเนี่ยนะ?

คนที่ถูกขโมยของส่วนใหญ่ไม่กล้าเอาเรื่อง ถ้ากล้าเอาเรื่องก็จะถูกซ้อมเหมือนถังเฮิง

เรื่องนี้ต้องจัดการโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นนักศึกษาคงจะถูกขโมยของมากกว่านี้

เงินในบัญชีของนักศึกษามีไม่มากนัก หากถูกขโมยไปจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการศึกษาอย่างแน่นอน

โชคดีที่ชุดออกกำลังกายสี่ชุด รองเท้ากีฬา และหมวกเบสบอลที่ซื้อไว้อำพรางตัวมาถึงพอดี

คืนนี้เขาจะลองใส่แน่!

ฟางชิวไม่กังวลว่า ถังเฮิงจะสาวเรื่องราวของชายลึกลับมาถึงตัวเขา

ตามที่ถังเฮิงบอก ทางมหาวิทยาลัยได้ติดป้ายประกาศเตือนภัยแล้ว ทุกคนจึงมองเห็นป้ายนั้นเรียบร้อย

ฟางชิวกลับไปที่ห้องพักเพื่อเก็บหนังสือ จากนั้นก็ลงไปชั้นล่างเพื่อรับพัสดุจากคนส่งของที่จุดบริการรับส่งพัสดุด่วนของมหาวิทยาลัย

เมื่อแยกตัวออกจากคนส่งของแล้ว ฟางชิวก็มองหาสถานที่ที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะลองทาบเสื้อผ้าว่าพอดีตัวหรือไม่ จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเหมือนเดิมแล้วเดินออกนอกมหาวิทยาลัยไป

ถนนขนมอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก ฟางชิวออกจากประตูหลังแล้วเดินต่อไปหนึ่งหรือสองร้อยเมตรก็ถึงแล้ว

ถึงทุกคนจะรู้ว่ามีขโมยปรากฏตัวที่นี่ แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดเหล่านักศึกษาที่ออกมาหาของกินได้

แม้ว่าจะยังไม่มืด แต่ที่นี่ก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว

พูดเลยว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยเจียงจิงทั้งหมดมาหาอาหารกินที่ถนนนี้กันทั้งนั้น

ฟางชิวเดินสำรวจรอบ ๆ ถนนขนม แต่ก็พบว่าไม่มีวี่แววของโจรเลย

หลังจากเจอร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง เขาก็นั่งกินซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ด อิ่มแล้วก็เดินเข้าไปในตรอกที่ว่างเปล่าพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ

หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แล้ว เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา

หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้ง ฟางชิวก็มาถึงยอดหลังคาที่สูงที่สุด

ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าและรองเท้าออกจากกระเป๋าเอกสาร จากนั้นจึงถอดเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เพิ่งสั่งมา

เขาไม่เห็นคนแถวนี้ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ก็ไม่ผิดอะไร

สวมเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับออกกำลังกายแล้ว ฟางชิวก็ลองกระโดดขึ้นเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ

เบากว่าเดิมเยอะจริง ๆ

เมื่อถึงเวลากลางคืน ความมืดก็เข้ามาคืบคลาน

ฟางชิวเก็บเสื้อผ้าที่เปลี่ยนแล้วใส่กระเป๋า ไม่ลืมสวมหน้ากากกับหมวก พอลองโพสท่าอยู่สองสามท่า ชายหนุ่มก็คิดได้ว่าไม่เข้ากันสุด ๆ

ไม่ทำแล้ว อายจริง ๆ ให้ตาย!

ชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังคา พุ่งตัวขึ้นไปที่หลังคาบ้านคนอื่นในความมืดแล้วหยุดยืนอยู่อย่างเงียบเชียบ

ที่นี่สามารถเห็นถนนขนมทั้งเส้นได้ชัดเจน แม้แต่เสียงอะไรไม่อาจรอดพ้นหูและสายตาของเขาได้

ฟางชิวขยายการมองเห็นของดวงตา เทคนิคนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อดวงตาไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งใด เขาสามารถดึงสถานการณ์รอบข้างทั้งหมดเข้าสู่ดวงตาของเขาได้

สิบนาทีต่อมา

ชายหนุ่มก็พบคนคนหนึ่ง

วันนี้เธอก็ออกมากินข้าวข้างนอกสินะ

เป็นเจียงเหมี่ยวอวี๋นั่นเอง วันนี้เจ้าตัวไม่มีรูมเมตอยู่ข้าง ๆ เพราะมาคนเดียว

ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน คนรอบข้างก็จะหันมองมาที่เธอทั้งนั้น

“ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยดอกใหม่ของพวกเรามาแล้ว”

“นั่นไง เจียงเหมี่ยวอวี๋ ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย!”

แม้จะได้ยินเสียงของการสนทนา แต่เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินไปรอบ ๆ ถนนขนมแทน

การมาถึงของเจียงเหมี่ยวอวี๋ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจจับโจรถูกทำลาย ฟางชิวเลิกสนใจอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ทันที

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของฟางชิว ดวงตาเขาครึ้มมืดขึ้นมาในพริบตา

ชายหนุ่มจ้องไปที่ร่างนั้นเหมือนเหยี่ยว มันเป็นร่างชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งกำลังเดินไปหาเจียงเหมี่ยวอวี๋

ดูเผิน ๆ เหมือนกับว่าชายคนนั้นกำลังมองแผงอาหารรอบ ๆ แต่แท้จริงแล้วความสนใจของเขาก็อยู่ที่เจียงเหมี่ยวอวี๋!

นี่มันแปลกมาก เจียงเหมี่ยวอวี๋จะไม่ได้มองมาหรือสบตาด้วย ทำไมอีกฝ่ายถึงต้อ

งดูสนอกใจขนาดนั้น

ฟางชิวเป็นคนเห็นความผิดปกตินี้

โชคร้ายที่เจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังสนใจของกินมากเกินไปจึงไม่สังเกตเห็นอะไร

ดังนั้นตอนที่ชายคนนั้นเดินผ่านเจียงเหมี่ยวอวี๋ เขาก็สามารถทำทีสะดุด ชนกับเจียงเหมี่ยวอวี๋อย่างจังได้อย่างไม่ดูผิดแผก

ในมือของชายคนนั้นมีมีดซ่อนอยู่

ดวงตาของฟางชิวหยุดนิ่งครู่หนึ่ง รอยยิ้มหยันพลันปรากฏขึ้นที่มุมปาก

“โอ๊ะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋ที่ถูกกระแทกร้องอุทาน

“ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ! เมื่อกี้สะดุดน่ะ!” ชายหนุ่มรีบขอโทษด้วยใบหน้าจริงใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ เท้าคุณโอเคไหม” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา!” เห็นอีกฝ่ายห่วงใยแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

พอเป้าหมายเป็นสาวสวยแบบนี้ทำเอาเขาดูน่าสมเพชขึ้นมาทันที

เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวสวยคนนี้จะใส่ใจเขาขนาดนี้

และแล้วชายหนุ่มท่าทางขัดเขินก็หลบหนีไปจากเจียงเหมี่ยวอวี๋อย่างรวดเร็ว

แต่แล้วก็มีร่างหนึ่งกระโดดลงมา!

[1] ถนนขนม เป็นชื่อถนนที่ขายอาหารและของกินต่าง ๆ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง นักศึกษามักไปหาอะไรกินที่นี่

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน