คุรุการแพทย์ – บทที่ 62 สู้เพื่อฝึกงาน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 62 สู้เพื่อฝึกงาน!

บทที่ 62 สู้เพื่อฝึกงาน!

จะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน!

คำพูดนั้นทำให้พวกเขาตกใจมากกว่าตอนที่รู้ว่าฟางชิวได้แปดสิบหกจุดห้าคะแนน ในการทำแบบทดสอบซะอีก

ในความคิดของพวกเขา นี่เป็นโอกาสที่นักศึกษาหลายคนต่างร่ำร้องหา แต่กลับมีเด็กหนึ่งบอกว่าจะไม่เข้าร่วมการแข่งขัน

คำพูดของฟางชิวทำให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งห้องทันที

“ฟางชิว เธอพูดผิดหรือเปล่า?”

เฉียวมู่พยายามหัวเราะแห้ง ๆ เพื่อทำลายความเงียบนี้ แต่ก็ไม่วายขยิบตาให้ฟางชิว

“ผมไม่ได้พูดผิดครับ” ฟางชิวตอบพลางส่ายหน้าไปด้วย แล้วเขาก็ยังกล่าวเสริมอย่างใจเย็นอีกว่า “ผมไม่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้”

“ทำไมล่ะ?!” เฉียวมู่ถามอย่างไม่อยากยอมรับคำปฏิเสธของฟางชิว

ดวงตาของฉีไคเหวินกับจางซินหมิงก็ต่างจับจ้องไปที่ฟางชิวเพื่อคอยฟังคำตอบจากฟางชิว

“ผมมีคำถามสองสามข้ออยากจะถามอาจารย์ทั้งสามท่าน” ฟางชิวเอ่ย

“คำถามอะไร?” ฉีไคเหวินอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ถ้าผมสอบได้อันดับหนึ่ง ในอนาคต ผมจะรักษาคนไข้หายเพิ่มได้อีกหนึ่งคนหรือเปล่า?”

“ถ้าผมแข่งได้อันดับที่ดี มันจะสามารถแสดงถึงศักยภาพในการสอนของมหาวิทยาลัยไหม?”

“ถ้าชัยชนะของผมอยู่เหนือมหาวิทยาลัยอื่น นั่นหมายความว่าศักยภาพในการสอนของมหาวิทยาลัยอื่นไม่ดีใช่ไหม?”

“การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยสามารถพิสูจน์ได้ไหมว่า ในอนาคต นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนั้นจะสามารถรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น”

ฟางชิวถามรวดเดียวจบ อีกทั้งยังเอ่ยถามแบบเสียงดังฟังชัดอีกด้วย

จากนั้นชายหนุ่มก็มองหน้าอาจารย์ทั้งสามคนด้วยสายตาราบเรียบ เขารู้สึกว่าในการแข่งขันมันเปลืองทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรอื่น ๆ

คนอื่นอาจต้องการเกียรติลวงตาแบบนี้ แต่เขาไม่ต้องการมัน!

ในสายตาของฟางชิว เกียรติยศไร้สาระพวกนี้ไม่มีค่าเท่าผู้ป่วยด้วยซ้ำ!

คนที่ถูกถามคำถามสี่ข้อติดต่อกันนั้นต่างพูดไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าฟางชิวจะถามคำถามแบบนี้ออกมา!

พวกเขาไม่สามารถตอบคำถามพวกนี้ได้ แล้วพวกเขาก็ไม่กล้าตอบด้วย!

จะตอบอย่างไรดี หรือว่าจะไม่ควรตอบดี?

นี่มันไม่เป็นการตบหน้าตัวเองเหรอ!

ควรตอบดีไหมนะ?

คำถามพวกนี้ทำให้พวกเขาละอายใจจริง ๆ!

ทันทีที่ฟางชิวเอ่ยถามคำถามขึ้นมา จางซินหมิงก็รู้สึกโล่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เด็กคนนี้อาจเป็นหนามที่อาจทิ่งแทงฉีไคเหวินได้!

คราวนี้แกจะทำอย่างไรต่อ ฉีไคเหวิน?

ไม่ง่ายที่จะจัดการเรื่องนี้แล้วใช่ไหมล่ะ?

ความสุขบนใบหน้าของฉีไคเหวินค่อย ๆ จางหายไปก่อนที่จะกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม

เฉียวมู่รู้สึกละอายใจยิ่งนัก

ในฐานะอาจารย์ จิตสำนึกของเขาไม่สูงเท่านักศึกษา ยังจะกล้ามีความสุขอีก

“ถ้าผมเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้แล้วจะได้ประโยชน์อะไร”

ฟางชิวเอ่ยถามเสียงถากถาง “เพื่อเกียรติ? เกียรติของใคร? ของผมเหรอ? แล้วผมจะเอาเกียรติไปทำอะไร”

“ขอโทษนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน” พูดเสร็จ ฟางชิวก็เตรียมตัวจะลุกออกไป

ถึงนักศึกษาคนอื่นกลัวที่จะทำให้อาจารย์กับคณบดีไม่พอใจ แต่เขาไม่กลัว! เขามีศักยภาพมากพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาใคร

“เดี๋ยวก่อน!” จู่ ๆ ฉีไคเหวินก็พูดขึ้นมา

ฟางชิวหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมองฉีไคเหวิน

“นักศึกษาฟางชิว เธอเข้าใจผิดแล้ว”

แล้วฉีไคเหวินก็พูดต่อว่า “ยิ่งมหาวิทยาลัยของพวกเราประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เงินทุนและทรัพยากรทางการศึกษาก็จะพุ่งตรงมาที่มหาวิทยาลัยของพวกเรามากขึ้น เมื่อมีทรัพยากรมากขึ้น นักศึกษาแต่ละคนจะได้รับทรัพยากรทางการศึกษามากขึ้นและการศึกษาของพวกเขาก็จะดีขึ้นตามลำดับ ในอนาคตพวกเขายังสามารถรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้นอีกด้วย”

“แล้วรายละเอียดล่ะครับ ทรัพยากรการศึกษามีอะไรบ้าง มีการจัดสรรให้นักศึกษาแต่ละคนยังไง แล้วทรัพยากรทางการศึกษามีผลต่อการเรียนยังไง?”

ฟางชิวมองหน้าฉีไคเหวินและถามไปที่ประเด็นการจัดการทรัพยากรแทน

“เอ่อ…” ฉีไคเหวินตกตะลึงกับคำถามของฟางชิว ส่วนจางซินหมิงที่อยู่ข้าง ๆ เกือบจะหลุดขำออกมา

นี่มันโคตรตลกเลย!

คณบดีผู้สง่างามโดนนักศึกษาที่เจ้าตัวเป็นคนพาเองถามจนตอบไม่ถูก

จางซินหมิงเคยชินกับการพูดคำที่ใหญ่โตของฉีไคเหวิน เมื่อเห็นฉีไคเหวินโดนเด็กตอกหน้ากลับแบบนี้แล้ว เขาจะดูซิว่าฉีไคเหวินจะตอบอย่างไร!

ฉีไคเหวินไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

ตอนแรกฟางชิวไม่ได้ถามลึกขนาดนี้สักหน่อย

“ตอนบ่ายผมยังมีเรียน ขอตัวก่อนนะครับ” ฟางชิวยิ้มลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อจะกลับไปที่ห้องเรียน

เพราะลังเลของคณบดี ทำให้ฟางชิวดูออกว่าเขากำลังโกหก

พูดหลอกลวงเพราะกลัวความจริง แล้วยิ่งถามลงลึกมากเท่าไรความจริงของคำโกหกก็จะยิ่งเผยออกมา

“อย่าเพิ่งไป!” ฉีไคเหวินหยุดฟางชิวเอาไว้แล้วถามว่า

“นักศึกษาฟางชิว เธอคิดยังไงกับเรื่องตัวแทน หรือต้องการอะไร เธอควรรู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก ไม่ควรเอามาล้อเล่นแบบนี้เลย” เมื่อคณบดีพูดอย่างนั้นกะทันหัน ทำให้ทั้งจางซินหมิงและเฉียวมู่รู้สึกประหลาดใจ

คณบดีมหาวิทยาลัยผู้สง่างามกำลังเจรจาเงื่อนไขกับนักศึกษา

นี่มันไม่ใช่การเจรจาแล้ว นี่มันเป็นการขอร้องฟางชิวมากกว่า

จางซินหมิงถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นฉีไคเหวินกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพราะนักศึกษาแค่คนเดียว

เดิมทีเฉียวมู่กับจางซินหมิงคิดว่า ฟางชิวไม่ได้มีความคิดหรือความต้องการเจรจาต่อรองอะไร ดูจากบุคลิกของเขา จะไม่อยากเข้าร่วมการแข่งขันก็ไม่แปลก

ฟางชิวหยุดฝีเท้าอย่างฉับพลันแล้วหันไปมองหน้าฉีไคเหวินอย่างจริงจัง

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ผมมีข้อต่อรอง ถ้าทางมหาวิทยาลัยเห็นด้วย ผมก็จะเข้าร่วมการแข่ง”

เขามีข้อต่อรองจริง ๆ และความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขามาหลายวันแล้ว จนถึงตอนนี้ยังแก้ไขมันไม่ได้เลย

เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉียวมู่ก็เบิกตากว้าง

เด็กนี่มันกล้าต่อรองกับคณบดี! เป็นแค่นักศึกษา แต่ก็กล้าต่อรองกับคณบดีแล้ว กล้าหาญจริง ๆ

“บอกมาได้เลย!” ฉีไคเหวินยิ้ม

ใครก็ตามที่มีความทะเยอทะยานสูง พวกเขาเหล่าก็มักจะมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่เสมอ

แน่นอนว่าฉีไคเหวินเดาออก

เขาไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความคิดของฟางชิว เขาแค่อยากจะรู้สิ่งที่เด็กคนนี้คิดก็เท่านั้นเอง

จางซินหมิงมองไปที่ฟางชิว สายตาฉายแววดูถูกเหยียดหยามออกมา

เด็กคนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ดูซิว่าจะหยิ่งผยองได้อีกแค่ไหน

“ผมคิดว่าวิธีการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยเรามีปัญหา จะเรียกได้ว่าไม่สมบูรณ์ก็ได้!” ฟางชิวกล่าว

ในสายตาของทั้งสามคนนั้น ประโยคนี้ไม่ได้ทำให้โลกแตกเลยแม้แต่น้อย

แต่การที่เด็กปีหนึ่งกล้าพูดถึงวิธีการเรียน

ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย

“นักศึกษาแค่นั่งในห้องเรียนและได้เรียนรู้การแพทย์แผนจีนทุกประเภทโดยไม่ได้ฝึกปฏิบัติ ผมรู้ว่าช่วงต้นปีของปีที่สาม นักศึกษาจะถูกจัดให้เข้าโรงพยาบาลเพื่อฝึกงาน แล้วผมรู้เกี่ยวกับการฝึกงานนั้นด้วย ส่วนมากจะให้แยกประวัติคนไข้ เปลี่ยนเคส มีโอกาสได้ลงมือรักษาจริง ๆ น้อยมาก” เมื่อฟางชิวพูดอย่างนี้ เขาก็นึกถึงเฉาเจ๋อทันที

การฝึกงานของนักศึกษาระดับปริญญาโทในโรงพยาบาลนั้นมีงานให้ทำมากกว่าปริญญาตรีเยอะเลย

บางทีมันอาจจะดีขึ้นก็ได้หลังจากที่เรียนจบออกมาแล้ว แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าได้ฝึกปฏิบัติจริงกับคนไข้เลย

มันจะเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อคนไข้หรือเปล่า?

“สิ่งสำคัญที่สุดของแพทย์แผนจีนจะเป็นเรื่องประสบการณ์มากกว่า แม้ว่าสมัยนี้หลายคนอาจจะวิจารณ์แพทย์แผนจีนในด้านลบก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประสบการณ์มาจากการปฏิบัติ และบางครั้งมันก็ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เป๊ะ ๆ!”

ทันทีที่ฟางชิวคำพูดเหล่านี้ออกมา อาจารย์ทั้งสามที่อยู่ในห้องก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเห็นด้วย

สมกับเป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนจริง ๆ

“ประสบการณ์ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ช่วงเวลาสั้น ๆ แพทย์แผนจีนจึงต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะได้รับประสบการณ์อันล้ำค่า และนี่ก็เป็นผลพวงมาจากการลองผิดลองถูกกับคนไข้จำนวนมาก และยังต้องใช้ทั้งเงินและเวลา”

“ผมก็เลยคิดว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนควรเริ่มฝึกงานตั้งแต่ปีหนึ่งเลย!” ในที่สุดฟางชิวก็แสดงเป้าหมายของเขาออกมา

นี่คือภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนที่เขาเรียนด้วยตัวเอง

ปัญหาบางอย่างแก้ไม่ได้ด้วยหนังสือเพียงเล่มเดียว ต้องลงมือปฏิบัติจริงถึงจะรู้วิธีแก้ปัญหา

ดังนั้นเขาจึงนึกถึงการฝึกงาน และเขาก็นึกถึงนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยด้วย

ฝึกงาน?

ฉีไคเหวิน จางซินหมิงและเฉียวมู่ต่างมองฟางชิวด้วยความประหลาดใจ

คุยมาถึงประเด็นนี้ได้อย่างไรกัน

นักศึกษาอยากฝึกงาน?

ฟางชิวได้คำนวณเกี่ยวกับปัญหานี้มาแล้ว

“มีอาจารย์เกษียณในมหาวิทยาลัยของเราหลายท่าน คนเหล่านี้อาจจะไม่มีแรงบันดาลในการทำอย่างอื่นอีกเพราะเป็นอาจารย์มาตลอดชีวิต พวกเขามีประสบการณ์และความรู้ ที่สำคัญที่สุดคือการให้พวกเขามาอบรมต่างหาก ผมเชื่อว่าพวกเขาจะมีความสุขมากที่จะได้มาสั่งสอนนักศึกษาและเล่าประสบการณ์ทางการแพทย์ให้คนรุ่นหลังฟัง”

แล้วฟางชิวก็พูดถึงอาจารย์ที่เกษียณไปแล้วทีละคน

ชายหนุ่มรู้จักอาจารย์เหล่านี้ ทุกคนสอนนักศึกษาไปด้วยและรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลไปด้วยเลยทำให้ของพวกเขามีประสบการณ์มากมาย

ไม่ได้เป็นแค่อาจารย์แก่ ๆ คนหนึ่ง

นอกจากนี้ ก็ยังมีอาจารย์ที่ยังไม่เกษียณอยู่หลายท่าน พวกเขาสามารถพานักศึกษาไปฝึกงานที่โรงพยาบาลได้

แม้ว่าจะมีเวลาไม่พอ แต่พอนักศึกษาได้ฝึกงานแล้ว พวกเขาก็จะมีแรงจูงใจขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

ยิ่งกว่านั้นในการฝึกงาน ถ้าอาจารย์ไม่สนใจสอนละก็ ยามที่เห็นอาจารย์ท่านอื่นตั้งใจสั่งสอนนักศึกษาตัวเองแล้ว อาจารย์เหล่านั้นคงจะรู้สึกขายหน้าไม่น้อย

การพานักศึกษาไปฝึกงานนี้สามารถรวมไว้ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการสอนของอาจารย์ได้

แน่นอนว่าสิ่งนี้ฟางชิวไม่ได้พูดออกมา

แต่เขาเชื่อว่าคณบดีสามารถเข้าใจได้

หลังจากฟังเงื่อนไขของฟางชิวแล้ว ดวงตาของฉีไคเหวินกับจางซินหมิงก็วาบประกายขึ้นทันที!

ไม่จำเป็นต้องให้ฟางชิวอธิบายมากกว่านี้ พวกเขาก็ได้เข้าใจทั้งหมดแล้ว

ไม่เพียงแต่นักศึกษาสามารถฝึกงานกับอาจารย์เท่านั้น แต่อาจารย์ยังสามารถฝึกงานกับอาจารย์ได้อีกด้วย

แล้วไม่ใช่แค่นักศึกษาสามารถฝึกงานกับอาจารย์ที่เกษียณแล้ว แต่ยังเป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญนอกมหาวิทยาลัยเอาไว้ด้วย!

ตราบใดที่มหาวิทยาลัยได้รับการส่งเสริมนโยบายนี้ รูปแบบของมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

มันจะกลายเป็นยุคของความสำเร็จและเฟื่องฟู แล้วทุกคนจะตั้งใจเรียนจนสุดกำลัง!

สุดท้ายจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง!

เฉียวมู่ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ฉีไคเหวินกับจางซินหมิงเข้าใจทั้งหมดแล้ว

พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเป็นผู้นำ สิ่งที่ต้องทำก็คือการแสดงความสามารถ!

ตราบใดที่ผลงานของคุณประสบความสำเร็จ คุณก็จะได้เลื่อนตำแหน่งได้เป็นระดับคณบดี พวกเขาหวังจะได้ตำแหน่งที่สูงกว่านั้นอีก

กระนั้นความสำเร็จก็มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยง

เรื่องนี้เสี่ยงไหม? แน่นอนว่าไม่เลย!

อาจารย์มีหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์เพื่อให้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ให้พัฒนาในทางที่แย่ลง

ความยากอยู่ที่อาจารย์เฒ่าที่เกษียณไปแล้ว พวกเขายังต้องการสอนอยู่อีกไหม?

แต่ถ้าอาจารย์เฒ่าเหล่านี้ยังมีไฟในการสอนอยู่จริง ๆ ปัญหาทั้งหมดจะไม่ยากเลย!

ฉีไคเหวินกับจางซินหมิงมองไปที่ฟางชิว

นี่เป็นความคิดดี ๆ ที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย แล้วเจ้าของความคิดนี้ก็เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง

เด็กผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา!

“คณบดี ผมคิดว่าข้อเสนอของฟางชิวดีมาก ปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้เองเถอะ!” จางซินหมิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

“รองคณบดีจาง ผมรู้ว่าคุณยุ่งมาก ผมทำเองดีกว่า” ฉีไค่เหวินรีบปฏิเสธทันที

“ไม่ยุ่ง ผมไม่ได้ยุ่งเหมือนคุณ คุณมีเวลาอีกมากในการจัดการเรื่องอื่น ไหนจะการแข่งขันที่คุณต้องรับผิดชอบอีก ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” จางซินหมิงโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

“การรับผิดชอบงานแข่งขันไม่ใช่หน้าที่คุณเหรอ รายชื่อตัวแทนทั้งหมดคุณก็ยังต้องเป็นคนจัดการเองเลย” ฉีไคเหวินเอ่ยถาม

“พูดถึงรายชื่อแล้ว ผมก็นึกถึงนักศึกษาฟางชิว ดูเหมือนว่าผมจะเพิกเฉยในเรื่องนี้ไปหน่อย ผมเป็นคนดูแลการแข่งขันน่ะดีแล้ว ส่วนผมจะดูแลการฝึกงานของนักศึกษาเอง” จางซินหมิงกล่าว

“ได้ที่ไหนกัน ในฐานะคณบดี มันเป็นหน้าที่ของผมสิ”

“ในฐานะรองคณบดี ผมก็ควรช่วยคณบดีดูแลเรื่องต่าง ๆ ฉะนั้นให้ผมจะทำเถอะ”

เฉียวมู่ตกตะลึงเมื่อเห็นคณบดีกับรองคณบดีเถียงกันจนคอเป็นเอ็น

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ทำไมจู่ ๆ ถึงทะเลาะกันล่ะ?

ที่ผ่านมาก็เลี่ยง ๆ กันอยู่เพราะกลัวจะมีปัญหา แล้วทำไมคราวนี้พวกคุณถึงไม่กลัวแล้วล่ะ?

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน