บทที่ 88 ชายชราถ่ายทอดความรู้ให้!
บทที่ 88 ชายชราถ่ายทอดความรู้ให้!
“หืม?” ฟางชิวถอนหายใจออกมาด้วยความฉงนใจ
เพราะชายชราไม่มีพลังปราณ และเขาก็ไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ แต่ทำไมหมาป่าถึงกลัวที่นี่?
ฟางชิวระงับความสงสัยของเขาเอาไว้แล้วโค้งคำนับชายชราอย่างสุภาพ ก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ผู้อาวุโส น้ำผมหมดแล้ว ผมอยากจะขอน้ำดื่มได้ไหมครับ”
“ได้สิ แต่ว่าในหุบเขาลึกและป่าทึบอย่างนี้ เธอเข้ามาได้ยังไง” ชายชรามองดูฟางชิวอย่างพิจารณาแล้วเอ่ยถามออกมา
“ผมเป็นแพทย์แผนจีนครับ ผมมาที่ภูเขาแห่งนี้เพื่อหาสมุนไพร” ฟางชิวตอบกลับด้วยความนอบน้อม
“อย่างนั้นเองเหรอ…” ชายชราพยักหน้าอย่างเข้าใจและหยุดซักถามเพิ่มเติม จากนั้นเขาก็พูดว่า “เข้ามาด้านในก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ!” ฟางชิวเดินตามชายชราเข้าไปในกระท่อม
ชายชราชี้ไปที่โอ่งเก็บน้ำที่มุมกระท่อมที่อยู่ใกล้กับเตาแล้วพูดว่า “น้ำอยู่ในนั้น”
ฟางชิวก็หันมองตามมือของชายชรา ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจ
เพราะโอ่งน้ำทำมาจากหิน และมันก็เป็นหินชิ้นเดียวด้วย
ถ้าชายชราไม่ใช่ปรมาจารย์ ชายชราก็คงแบกมาไม่ได้ น่าจะเจอหินก้อนนี้หลังจากที่ขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้แล้วแกะสลักมันด้วยตัวเอง
ลำบากจริง ๆ น่านับถือ ๆ
ชายชรานำฟางชิวไปที่หน้าโอ่งเก็บน้ำ เขาเหยียดแขนออกเปิดฝาไม้บนโอ่งเก็บน้ำ แล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่ขนาดเท่าฝ่ามือยื่นให้ฟางชิว “ตักกินเอาเองนะ”
“ขอบคุณครับ!”
ฟางชิวรับกระบอกไม้ไผ่มาตักน้ำขึ้นมา เขาเงยศีรษะขึ้นแล้วยกดื่ม
หวาน!
ทันทีที่ได้ลิ้มรสของน้ำ ฟางชิวก็รู้สึกถึงความหวานที่สดชื่น สดชื่นมาตั้งแต่ลำคอจนถึงท้องของเขาเลยทีเดียว
เขาไม่ได้ดื่มน้ำรสหวานแบบนี้มานานแล้ว
น้ำรสหวานแบบนี้มีอยู่ในความทรงจำในวัยเด็กของเขาเท่านั้น
เมื่อดื่มน้ำเสร็จ ฟางชิวก็ขอบคุณชายชรา
“ขอบคุณครับผู้อาวุโส”
“แค่น้ำนิดหน่อยเอง ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ชายชราตอบด้วยรอยยิ้ม
ฟางชิวมองดูกระท่อมทั้งหลังที่ก่อด้วยกำแพงหินและหลังคาก็มุงจากใบจาก
ดูเหมือนจะสร้างง่าย แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น!
เพราะฟางชิวรู้จักหยินหยางห้าธาตุและการจัดฮวงจุ้ย เขาจึงตระหนักได้ว่าโครงสร้างของกระท่อมหลังนี้มีหยินหยางทั้งห้าธาตุและยังถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยอีกด้วย!
“ผู้อาวุโส” ฟางชิวก็เบนความสนใจไปที่ชายชราแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมผู้อาวุโสถึงอาศัยอยู่ในภูเขาลึกแบบนี้ล่ะครับ อยู่คนเดียวไม่กลัวหมาป่าเสือและเสือดาวบ้างเหรอ”
“ฮ่า ๆ” ชายชราหัวเราะแล้วตอบออกมาว่า “ก็แค่มาบำเพ็ญเพียร เพราะโลกนี้มันวุ่นวาย ฉันเลยอยากหาที่เงียบ ๆ เอาไว้พักผ่อนน่ะ”
“พวกหมาป่า เสือ เสือดาว จะกลัวทำไม ฉันกลัวว่าพวกมันจะไม่กินฉันมากกว่า”
กลัวว่าพวกมันจะไม่กินฉัน?
ฟางชิวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมชายชรา
จิตใจช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
“ผู้อาวุโสต้องหลุดพ้นจากกิเลสแล้วแน่ ๆ เลย!”
“ฉันแค่ชอบอยู่แบบเงียบ ๆ ก็เท่านั้นเอง” ชายชรายิ้มแล้วตอบกลับ
“ผมขอถามอายุได้ไหมครับ” ฟางชิวถาม
“ปีนี้ฉันก็แปดสิบห้าปีแล้ว” ชายชราได้ตอบกลับ
“แปดสิบห้า?” ฟางชิวมองชายชราด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็คิดว่าชายชราอายุไม่น่าจะเกินเจ็ดสิบปี คิดไม่ถึงว่าชายชราจะอายุแปดสิบห้าปีแล้ว
เมื่ออายุมากอย่างนี้ แต่ชายชรากลับอาศัยอยู่บนภูเขาตามลำพัง แล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ
สุดยอดจริง ๆ!
“รูปร่างของผู้อาวุโสดีมากจริง ๆ” ฟางชิวพูดตามความคิดตัวเองแล้วเอ่ยถามข้อสงสัยของเขาทันที “ในภูเขาลึกอย่างนี้ ขนาดคนหนุ่มสาวก็ยังไม่สามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้ แต่ผู้อาวุโสอยู่ที่นี่คนเดียว ผู้อาวุโสเข้ามาที่นี่ได้ยังไงครับ”
หลังจากผ่านการพูดคุยและดูปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว ฟางชิวคิดว่าชายชรานั้นต้องเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณเลยแม้แต่น้อย
ชายชราคงเป็นคนธรรมดาที่มีความต้องการแตกต่างจากคนทั่วไป ฟางชิวจึงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมา
เจอคนธรรมดาที่สามารถสร้างกระท่อมและบำเพ็ญเพียรในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าอย่างนี้ได้ แล้วจะไม่ให้ฟางชิวเกิดความสงสัยได้อย่างไร
“แค่มีความตั้งใจก็อยู่ได้แล้ว” ชายชรายิ้มจาง ๆ
“ผู้อาวุโสก็อายุมากแล้ว ไม่กังวลเรื่องครอบครัว ไม่คิดถึงครอบครัวเหรอครับ” ฟางชิวถาม
“ขนาดเรื่องตัวเองฉันยังไม่คิดเลย นับประสาอะไรกับการคิดถึงครอบครัว” ชายชราลูบเคราของตัวเองแล้วหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินอย่างนั้นฟางชิวก็ตกตะลึง
ไม่คิดถึงแม้กระทั่งเรื่องของตัวเอง แล้วจะพูดถึงความคิดถึงครอบครัวได้อย่างไร?
ประโยคนี้เฉียบมาก!
ตาเฒ่าเคยบอกเขาไว้ว่า มีคนสองประเภทในโลกที่ควรค่าแก่การยกย่องมากที่สุด หนึ่งคือ จักรพรรดิที่สร้างประเทศและพิชิตโลกได้
สองคือ ผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่มีกิเลสในหัวใจแล้ว
คนสองประเภทนี้ต้องเป็นคนที่กล้าหาญ แต่ความกล้าหาญประเภทที่สองย่อมดีกว่าประเภทที่หนึ่ง
พิชิตโลกนั้นง่าย แต่พิชิตใจตัวเองยาก!
และคนที่ฝึกยุทธ์ย่อมดีกว่าคนสองประเภทนี้ เช่นเดียวกับพระจันทร์ที่ดีกว่าดวงดาว เพราะดวงดาวส่องประกายแสงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่แม้แต่จะคิดถึงเรื่องตัวเอง เพราะชายชราได้ปล่อยวางทุกอย่างแล้ว
เขายังไม่มีความต้องการใด ๆ และละกิเลสได้!
ฟางชิวยื่นมือไปที่ชายชรา และกล่าวด้วยความชื่นชมว่า “ผู้อาวุโสเป็นคนที่สุดยอดมาก คุณสามารถทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ ผู้อาวุโสต้องไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ความสามารถล้ำลึกมากครับ คนรุ่นใหม่อย่างผมขอนับถือ!”
“ไม่ได้สุดยอดสักหน่อย” ชายชราส่ายห้าแล้วโบกมือปฏิเสธ และกล่าวต่อว่า “ที่สุดยอดน่ะ เป็นทุกคนที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนในโลกโลกีย์ต่างหากล่ะ! แต่ฉันไม่สามารถทำแบบพวกเขาได้หรอก ฉันจึงทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึกเพื่อหนีจากโลกภายนอก และบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ไงล่ะ”
“เมื่อไม่มีอะไรมารบกวนฉัน ฉันก็รู้สึกได้ถึงอิสรภาพ แต่เมื่อมีอะไรมารบกวนแล้ว ก็ยากที่จะพูดว่าฉันสามารถปล่อยวางมันได้ เพราะฉันไม่ได้เก่งอะไรเลย ฉันก็ได้แต่บำเพ็ญเพียร เพื่อกระตุ้นธรรมะในใจของตัวเองเท่านั้น”
“ผู้อาวุโสถ่อมตัวแล้ว!” หลังจากฟางชิวพูดจบ ความสนใจก็เปลี่ยนไป เขาชี้ไปที่แปลงผักเล็ก ๆ ที่นอกประตูแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจะมีรูปร่างที่ดี แต่อายุของผู้อาวุโสก็มากแล้ว ไม่น่าจะล่าสัตว์เก่งเลยต้องพึ่งแปลงผักนั่น มันพอกินไหมครับ”
“ถ้ามื้อเดียวกินสองวันก็พอ” ชายชราตอบด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินแล้วฟางชิวก็ถึงกับอึ้ง
ความมั่งคั่ง ความต้องการทางเพศ ชื่อเสียง การกินและการนอน นี่มันอุปสรรคทั้งห้าของพระพุทธศาสนาแล้ว
อยากบำเพ็ญเพียรก็ต้องละให้ได้ ชายชราต้องทิ้งชื่อเสียง เงินทอง ความต้องการทางเพศ กระทั่งการนอน และตอนนี้ก็ทิ้งการกินไปแล้ว
นับถือ!
“ข้างในมันมืดไปหน่อย ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ชายชราพูดกับฟางชิว
“ครับ!” ฟางชิวพยักหน้า
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากกระท่อมไปที่หินก้อนใหญ่สองก้อนที่ริมแปลงผัก ฟางชิวสัมผัสหินและพบว่ามันไม่เย็น เขาจึงไม่หยุดชายชราที่กำลังนั่งลงบนหิน
มีลมภูเขาพัดมา นกป่าก็ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข ภาพนี้สวยจนบรรยายไม่ถูก
“ผู้อาวุโส ผมมีคำถามที่สงสัยมาก ผมอยากจะถามผู้อาวุโสสักข้อสองข้อได้ไหมครับ” ฟางชิวเตรียมพร้อมที่จะเอ่ยถามความสงสัยในใจของเขา
“ถามมาสิ”
“ตอนที่ผมอยู่ห่างจากที่นี่ไปห้ากิโลเมตร ผมเจอหมาป่า หมาป่ามันไม่กล้ามาที่นี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอผมมาถึงที่นี่ และพบว่าผู้อาวุโสก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป แล้วทำไมหมาป่าถึงไม่กล้ามาที่นี่ล่ะครับ ราวกับว่าที่นี่มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้มันกลัว?”
หลังจากที่ฟางชิวเอ่ยถามจบ เขาก็รอคำตอบของชายชราอย่างเงียบ ๆ
“หมาป่าเหรอ” ชายชราหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ฉันกับเพื่อนดีกับมัน เคยช่วยมันไว้ครั้งหนึ่ง จริง ๆ ฉันดีกับสัตว์มากมายที่อยู่ที่นี่ ฉันเดาว่าเธอคงไล่มัน มันเลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากฉัน แต่เมื่อมันมาถึง มันก็ไม่กล้าเข้ามา อาจเป็นเพราะกลัวว่าเธอจะทำร้ายฉันน่ะสิ”
เมื่อตอบอย่างนั้นแล้ว ชายชราก็มองฟางชิวอย่างจริงจัง “เธอคงไม่ได้เป็นแค่แพทย์แผนจีนธรรมดา ๆ ใช่ไหม ไม่ใช่คนธรรมดาด้วยล่ะมั้งเนี่ย?”
ฟางชิวได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ผู้อาวุโสครับ แถวนี้มีสถานที่อะไรแปลก ๆ บ้างไหมครับ?”
ฟางชิวอยากเอ่ยถามชายชราเกี่ยวกับเบาะแสของขุมทรัพย์สมุนไพร บางทีอีกฝ่ายอาจรู้ก็ได้
“สถานที่แปลก ๆ เหรอ?” แล้วชายชราไม่ได้ซักไซ้ต่อว่าฟางชิวเป็นคนธรรมดาหรือไม่ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา “จากที่นี่ไปทางทิศตะวันออกประมาณสี่สิบแปดกิโลเมตร ฉันมักจะเห็นกองกระดูกของพวกสัตว์ดุร้าย สัตว์ที่เคยเจอหลายตัวไปที่นั่นแล้วก็ไม่สามารถกลับมาได้อีกเลย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว หัวใจของฟางชิวก็สั่นไหว
กองกระดูกของสัตว์ดุร้ายต่าง ๆ?
ในภูเขาลึกแห่งนี้ สัตว์ที่ดุร้ายสามารถเป็นเจ้าป่าได้ แต่ทำไมพวกมันถึงกลายเป็นเศษกระดูกล่ะ?
เป็นเพราะว่ามีสัตว์วิญญาณคอยพิทักษ์ขุมทรัพย์สมุนไพรหรือ?
มีเพียงสัตว์วิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถฆ่าสัตว์ดุร้ายได้มากมายขนาดนี้
ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าที่นี่มีขุมทรัพย์สมุนไพร!
จากนั้น ฟางชิวก็เปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ข้างหลังออก เขาหยิบโสมป่ากับเห็ดหลินจือสองต้นออกมาแล้วยื่นให้ชายชราด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโส นี่เป็นสมุนไพรที่ผมเจอในภูเขา รับไว้เถอะครับ นี่เป็นรางวัลสำหรับความช่วยเหลือและน้ำใจ ผมขอให้ผู้อาวุโสอายุมั่นขวัญยืน”
ใครจะรู้ว่าชายชราจะปฏิเสธ
“ไม่เอาหรอก” ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “ฉันจะเอาสมุนไพรของเธอไปเพื่ออะไร”
“สมุนไพรเหล่านี้เป็นของป่า สามารถเก็บไว้เพื่อบำรุงร่างกายได้ครับ” ฟางชิวตอบอย่างจริงใจ
“ฉันไม่ได้ป่วย มีเกิดก็ต้องมีตายเป็นของคู่กัน ปล่อยให้มันเป็นไปธรรมชาติเถอะ” แล้วชายชราก็ส่ายหน้าอีกรอบก่อนที่จะพูดเพิ่มว่า “การรักษาอันดับหนึ่งของโลกก็คือการนอนยังไงล่ะ”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ชายชราก็เหลือบมองฟางชิวแล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเธอเป็นแพทย์แผนจีน ฉันจะสอนบางสิ่งที่เธอไม่สามารถเรียนรู้จากหนังสือการแพทย์แผนจีนให้”
“สอนมาได้เลยครับ” ฟางชิวพูดด้วยความนอบน้อม
“อันที่จริง เวลาที่คนเรานอนหลับจริง ๆ ก็แค่สองชั่วโมงเท่านั้น ที่เหลือน่ะเสียเวลาไปเปล่า ๆ” แล้วชายชราก็เอ่ยประโยคที่ทำให้คนตะลึงออกมา
“นอนอยู่บนหมอนก็ทำให้ฝันไป โลกนี้ไม่มีใครที่ไม่ฝัน ตื่นขึ้นมาคิดว่าไม่ได้ฝันก็เพราะลืมไปแล้ว”
“ปกติแล้วการนอนหลับสองชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับคน ๆ หนึ่ง แล้วทำไมทุกคนถึงต้องการเวลานอนเจ็ดถึงแปดชั่วโมงล่ะ”
“นั่นก็เพราะนิสัยชอบนอนพักผ่อนบนหมอนยังไงล่ะ ใครก็ตามที่ชอบทำสมาธิและฝึกกังฟูจะรู้ดีว่า ตราบใดที่พวกเขาหลับตาและหลับไปเป็นเวลาสามนาทีในตอนเที่ยง นั่นก็เหมือนว่าพวกเขาหลับไปแล้วสองชั่วโมง แต่วิธีนี้ต้องทำในช่วงเวลาที่เหมาะสมในตอนเที่ยงเท่านั้น ส่วนในตอนกลางคืนพวกเขาต้องหลับให้มากขึ้น เมื่อพวกเขานอนหลับเป็นเวลาห้านาทีแล้ว มันก็เทียบเท่ากับหกชั่วโมง”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราแล้ว ฟางชิวก็แปลกใจขึ้นมา
เขาไม่คิดว่าชายชราจะเข้าใจเรื่องนี้จริง ๆ
ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะมาจากประสบการณ์ตรงของชายชราเอง
แน่นอนว่ามันไม่มีบันทึกในหนังสือแพทย์แผนจีนเล่มไหนเลย!
“ถือว่าผมได้เพิ่มพูนความรู้แล้ว” ฟางชิวกล่าว
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราก็กล่าวต่อว่า “มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎของจักรวาล กฎของผืนดิน และหลักการหยินหยาง เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ใต้หัวใจของตัวเอง จงผสานมันเข้ากับตันเถียน ถ้าผสมพวกมันให้เข้ากันได้แล้ว ทีนี้เธอก็จะนอนหลับได้อย่างเพียงพอแล้ว และจิตวิญญาณของเธอก็จะแข็งแกร่งขึ้นเป็นร้อยเท่า”
“ดังนั้น หากเธอมีอาการนอนไม่หลับหรืออยากนอนดึกจริง ๆ เธอต้องนอนเพิ่ม แต่แค่ยี่สิบนาทีก็พอแล้ว ต่อให้เธอนอนไม่หลับ เธอก็ต้องฝึกตัวเองให้หลับให้ได้ หลังจากผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ถึงจะนอนมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งนอนก็ยิ่งรู้สึกแย่”
“และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเมื่อใกล้จะรุ่งสาง ตอนตีสี่ ตี่ห้า หรือหกโมงเช้า เธอจะง่วงมากจนอยากนอนอีก แต่ถ้าเธอนอนเวลานี้ เธอจะเวียนหัวทั้งวันเลยล่ะ”
“มันก็เหมือนกับเวลาในหนึ่งวัน ร่างกายมนุษย์มีกลางวันและกลางคืน ถ้าเธอต้องการบำรุงร่างกาย เธอสามารถบำรุงด้วยการนอนหลับได้ ไม่ว่าสมุนไพรจะดีแค่ไหน สมุนไพรก็เป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายของเธออยู่ดี” พูดจบ ชายชราก็เอามือลูบเคราตัวเองแล้วหัวเราะออกมา
ฟังแล้วฟางชิวก็คิดว่านี่มันค่อนข้างน่าสนใจมาก
“ท่านผู้อาวุโสช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ” ฟางชิวพูดตามความรู้สึกตัวเอง
เขาคิดไม่ถึงว่าแค่การนอนหลับก็ต้องเรียนรู้เยอะขนาดนี้
เดิมทีเขาก็พอจะรู้เวลาในการนอนตอนเที่ยงมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างกระจ่างเหมือนที่ชายชราพูด
“พ่อหนุ่ม” ชายชรายิ้ม เขาเหลือบมองฟางชิวพลางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ในเมื่อเธอกับฉันถูกลิขิตให้มาเจอกัน แล้วเธอก็ยังเรียนหมอและคุ้นเคยกับสมุนไพรเป็นอย่างดี งั้นฉันจะสอนวิธีแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารให้กับเธอก็แล้วกัน”
“คนรุ่นใหม่อย่างผมรอฟังแล้วครับ!” ฟางชิวตอบอย่างมีความสุข