คุรุการแพทย์ – บทที่ 93 ฉันจะทำให้มันหมดตัว!!!

คุรุการแพทย์

บทที่ 93 ฉันจะทำให้มันหมดตัว!!!

บทที่ 93 ฉันจะทำให้มันหมดตัว!!!

“เอ่อ… พี่ชาย” พ่อค้าหนุ่มวิ่งไปจับที่ไหล่ของฟางชิวแล้วกัดฟันพูดว่า “เอาตามที่คุณพูดก็ได้ ต้นละหมื่น รวมกันแล้วก็ห้าหมื่นหยวน”

ฟางชิวฉีกยิ้มออกมา หลังจากที่เขาอ่านหนังสือทางการแพทย์มากมาย เขาย่อมรู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรเหล่านี้เป็นอย่างดี

ถึงเขาจะไม่รู้ราคาตลาดที่แน่นอนของสมุนไพรพวกนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่า เขาจะมีโอกาสได้เจอกับพ่อค้าหัวหมออย่างนี้แน่นอน

เนื่องจาก ฟางชิวเคยได้ยินคนที่อาศัยอยู่บนภูเขาเล่าให้ฟังตอนที่เขายังเป็นเด็กว่า พ่อค้าที่รับซื้อของจากภูเขามักจะกดราคาให้ต่ำลงเมื่อต้องการรับซื้อ โดยจะเสนอราคาแค่หนึ่งในสิบหรือหนึ่งในสิบห้าของมูลค่าจริง

หลังจากที่ฟางชิวได้ยินข้อเสนอราคาหนึ่งพันหยวนต่อต้น เขาจึงรีบเสนอราคาหนึ่งหมื่นหยวนต่อต้นทันที

และมันก็เป็นอย่างเขาคาดไว้

“โอนเงินผ่านธนาคารหรือจ่ายเงินสด?” ฟางชิวเอ่ยถาม

“เงินสด” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็พาฟางชิวไปที่รถตู้ พ่อค้าหนุ่มคว้าถุงสีดำออกมาจากในรถ หยิบธนบัตรร้อยหยวนออกมาห้ากองแล้วยื่นให้ฟางชิวเองกับมือ

เมื่อรับเงินมาแล้ว ฟางชิวก็เริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะถูกโกง

“ธุรกิจเงินสด พ่อค้าอย่างผมไม่โกงอยู่แล้ว” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ “นับดูให้ดี ๆ นะ ผมจะไม่รับผิดชอบอะไร หลังการซื้อขายสิ้นสุดลงแล้ว”

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ฟางชิวก็มั่นใจว่าเงินนั้นเป็นของจริงและจำนวนเงินนั้นก็ถูกต้อง เขาก็เลยส่งสมุนไพรให้กับพ่อค้าหนุ่ม

“ยอดเยี่ยม!” หลังจากตรวจสอบสมุนไพรแล้ว พ่อค้าหนุ่มก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณมีของดี ๆ อย่างนี้อีกก็มาหาผมได้ทุกเวลา ยังไงซะผมก็มารับซื้อของจากที่นี่ตลอดทั้งปีอยู่แล้ว รับประกันได้เลยว่าผมให้ราคายุติธรรมแน่นอน”

ฟางชิวพยักหน้ารับขณะที่ยัดเงินใส่ในกระเป๋า

ชายหนุ่มผละออกมา และมุ่งสู่หมู่บ้าน แต่เมื่อฟางชิวเดินวนจนรอบหมู่บ้านแล้ว เขาก็ไม่พบป้ายรถเมล์แม้แต่ป้ายเดียว ฟางชิวก็เลยต้องสอบถามข้อมูลจากชาวบ้าน

หลังจากสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ฟางชิวถึงได้รู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีบริการรถประจำทาง มีแต่ถนนลูกรังเพียงเส้นเดียว อีกอย่าง หมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณสามกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านที่นี่เวลาจะเข้าไปในตัวเมืองก็ต้องเดินไปตามถนนแล้วมองหารถเอาเอง

“แค่สามกิโลเมตรเอง ไม่ไกลหรอก” ด้วยข้อมูลนี้ ฟางชิวจึงออกจากหมู่บ้านทันที

เมื่อเทียบกับความไวของฝีเท้าของเขาแล้ว สามกิโลเมตรก็ถือว่าไม่ไกลเลย

อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพแวดล้อมบนถนนแล้ว มันคงจะสร้างความตกใจให้กับชาวบ้านมากเกินไปถ้าจะเดินทางด้วยความเร็วแบบนั้นในเวลากลางวันแสก ๆ

ที่นอกหมู่บ้าน ฟางชิวเห็นว่ามีคนเดินไปตามถนนเช่นกัน เขาเลยต้องวิ่งแบบไม่เร็วมาก การเดินทางในระยะหนึ่งกิโลเมตร ฟางชิวก็เดินไปรวบรวบพลังปราณไปพลาง และพร้อมที่จะเร่งความเร็วหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นแล้ว

แต่ทันใดนั้นเอง

บรื้น!

เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ฟางชิวหันไปมอง แล้วก็เห็นว่ารถตู้คันหนึ่งแล่นมาทางเขาอย่างรวดเร็ว

“ดีเลยจะได้ไม่เสียพลังปราณ” ฟางชิวยิ้ม

หลังจากขายสมุนไพรแล้ว เขาก็มีเงินอยู่พอสมควร ขอติดรถไปด้วยแล้วให้ค่าตอบแทนด้วยราคาที่ยุติธรรมจึงยังพอเป็นไปได้

ฟางชิวรีบเอื้อมมือออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้รถหยุด

รถตู้ที่กำลังแล่นมาก็หยุดตรงที่ฟางชิวยืนหยุดพอดี

ในจังหวะที่ฟางชิวกำลังจะเดินเข้าไปสอบถามเพื่อขอติดรถไปด้วย ทว่าประตูรถกลับเลื่อนเปิดอย่างฉับพลัน

ชายวัยกลางคนหัวล้านแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีกับชายหนุ่มผมยาวสองคนที่ดูมอมแมม ลงมาจากรถ

“ไอ้น้องชาย หารถเข้าเมืองเหรอ” ชายหัวล้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร

“อืม” ฟางชิวพยักหน้าตอบ โดยที่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ

ฟางชิวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรทันทีที่พวกเขาลงจากรถ

“ไม่มีปัญหา!” ชายหัวล้านพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “แต่ต้องเอาเงินทั้งหมดของแกให้พวกเรา แล้วพวกเราจะส่งเข้าไปในตัวเมืองเอง แบบนี้เป็นไง?”

“เอาเท่าไหร่ล่ะ?” ฟางชิวถามด้วยรอยยิ้ม

“ทั้งหมดเลย!” จากนั้นชายหัวล้านก็หัวเราะออกมาดัง ๆ แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันเห็นเอ็งขายของในหมู่บ้านได้ เงินคงจะหนาน่าดูเลยใช่ไหมล่ะ”

“พวกแกอยากปล้นฉัน?” ฟางชิวถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแบบเดิม

“อย่าพูดให้มันฟังดูน่ากลัวแบบนั้นสิ นี่เป็นแค่ค่าธรรมเนียมที่แกใช้ถนนเส้นนี้ไง” ชายหัวล้านหัวเราะอย่างจริงจัง

“แล้วถ้าฉันไม่ขึ้นรถพวกแกล่ะ”

“ถ้างั้นดวงของแกก็ถึงฆาดแล้ว นี่ฉันถามหาเงินเพื่อช่วยแกอยู่นะ ทีนี้แกก็ต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะจ่ายเงินเพื่อให้พ้นเคราะห์หรือจะไม่จ่ายเงินแล้วยอมทนทุกข์ทรมานแทน” ชายหัวล้านเอ่ยถามอย่างเย็นชา

“พูดตามตรง ฉันดูโหงวเฮ้งที่หน้าเป็น หน้าผากของพวกแกมีแต่รอยดำ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภัยร้ายแรงที่ใกล้จะเกิดขึ้น แต่ถ้าพวกแกให้เงินฉัน ฉันก็จะช่วยพวกแกให้พ้นเคราะห์ได้” ฟางชิวตอบด้วยรอยยิ้ม

“หึ!” ชายหัวโล้นแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา แล้วชำเลืองมองกับชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ก่อนที่จะขู่ฟางชิวว่า “ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ฟัง สงสัยต้องใช้กำลังซะแล้ว เอ็งนี่วอนหาเรื่องจริง ๆ เลย” ขณะที่ชายหัวล้านพูด พวกเขาทั้งสามคนก็กำหมัด ทำท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่ฟางชิว

ทว่าก่อนที่หมัดของพวกเขาจะมาถึงตัวฟางชิว

ผัวะ!

เสียงชกต่อยดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกฟางชิวชกที่ท้องอย่างแรง แล้วล้มลงไปพื้น

ฟางชิวยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับชายหัวโล้นและหมัดของชายหนุ่มอีกคน จากนั้นฟางชิวก็คว้ากำปั้นของชายหนุ่มอีกคนได้อย่างว่องไว

“ทักษะการดูโหวงเฮ้งฉันไม่เคยโกหกใคร แล้วทำไมพวกแกถึงไม่ยอมเชื่อฉันล่ะ”

ฟางชิวพึมพำพลางส่ายหัว เขาออกแรงเยอะขึ้น ทำให้ชายหัวล้านกับชายหนุ่มอีกคนล้มลงไปที่พื้น

จากนั้น เขาก็ขึ้นไปนั่งคร่อมชายหัวล้าน เป็นเหตุให้ชายหนุ่มทั้งสองคนรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปจัดการฟางชิวอีกครั้ง

“หึ…” ฟางชิวแค่นเสียงดูถูกเหยียดหยามเบา ๆ แล้วเอนหลังเพื่อหลบหมัดของชายหนุ่มสองคนได้อย่างง่ายดาย มือของเขาก็จับไปที่ข้อเท้าของชายหนุ่มทั้งสองและกระชากขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงไปอีกทาง จนทั้งคู่ล้มลงทันที

“ไอ้หนุ่ม หาเรื่องตายแล้ว!” ชายหัวล้านตะโกนออกมาด้วยความโกรธแล้วพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน

เพียะ!

ฟางชิวตบไปที่หัวของชายหัวล้านทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น “ตอนนี้พวกแกเชื่อว่าตัวเองจะมีเคราะห์ร้ายแรงหรือยัง พูด! ใครเป็นคนส่งพวกแกมา” ชายหัวล้านโกรธจัด เขาพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง

ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มสองคนก็ลุกขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเข้าใส่ฟางชิวอย่างรวดเร็ว

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” ฟางชิวพูดเย้ยหยัน สิ้นคำเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันแล้วชกไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านซ้ายด้วยพละกำลังส่วนเดียว หลังจากนั้นเขาก็พุ่งไปหาชายหนุ่มด้านขวา และเตะชายหนุ่มจนกระเด็นไปไกล

ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดตัวอยู่ที่พื้นและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

“ระยำเอ๊ย!” ชายหัวล้านร้องตะโกนออกมาระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดหนัก ๆ ชกไปที่หัวของฟางชิว

แต่ก็น่าเสียดาย ก่อนที่หมัดของชายหัวล้านจะโดนหัวฟางชิว เขาก็โดนฟางชิวใช้ขาขวาเตะไปที่ส่วนล่างเสียก่อน แรงเตะมหาศาลทำให้เขาลอยขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะลงไปนอนหน้าคว่ำกับพื้น

“พูด ใครส่งพวกแกมา” ฟางชิวย่อตัวลง ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอีกครั้งระหว่างที่จ้องมองชายหัวโล้นที่บาดเจ็บสาหัสไปด้วย

“ฉัน…” ชายหัวล้านรู้สึกโกรธเคือง เขาพยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายหัวล้านจะลุกขึ้นมาได้ ฟางชิวก็ตบไปที่หัววาววับนั่นอย่างแรง ทำให้หน้าของเขากระแทกไปที่พื้นอีกรอบ

“จะพูดหรือไม่พูด” ขณะที่มองดูใบหน้ามอมแมมของชายหัวล้านที่โกรธจัด ฟางชิวก็เอ่ยถามพร้อมกับตบไปที่หัวนั้นไปด้วย

ในการตบแต่ละครั้งก็ส่งผลให้หัวของชายหัวล้านกลับไปกระแทกที่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกรอบฟางชิวจะเอ่ยถามคำถามเดิมเสมอ

ฟางชิวถามสิบครั้งก็ตบสิบครั้ง เขาไม่ได้หยุดกระทั่งชายหัวล้านยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้แล้ว

“ใครส่งพวกแกมา” ฟางชิวถามอีกครั้ง

“ฉัน… ฉันยอมแล้ว” ชายหัวล้านรู้สึกกลัวจริง ๆ ในตอนนี้ แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกหวาดกลัว เพราะเขาไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน

ชายหัวล้านเอามือทั้งสองข้างปิดศีรษะและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเขาสั่นเทาเพราะความกลัว

“มันเป็น… เป็นเจ้าสาม” จากนั้นเขาก็เอียงหนีอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะถูกฟางชิวตบซ้ำอีก

“เจ้าสาม?” ฟางชิวรู้สึกสับสนมึนงง เมื่อได้ยินคำตอบนั้น

“พ่อค้าที่รับซื้อผลิตภัณฑ์จากภูเขา ก็คือเจ้าสาม” ชายหัวล้านรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“เป็นเขาเหรอ?” ฟางชิวพยักหน้าด้วยความเข้าใจและถามว่า “เขาบอกพวกแกว่าฉันมีเงินเหรอ?”

“ใช่แล้ว!” ชายหัวล้านพยักหน้าทันที

“แล้วพวกแกกับเขามีส่วนเกี่ยวข้องกันอะไร” ฟางชิวเอ่ยถาม

“เขา… เขามาหาพวกเราเพื่อสร้างหุ้นส่วนด้วย เขาจะรับซื้อสินค้าจากภูเขาที่ในหมู่บ้าน ถ้าเขาเห็นเป้าหมายมาเพียงลำพังและดูอ่อนแอ เขาจะบอกพวกเราให้ไปขโมยเงินจากคนนั้นเพราะถนนสายนี้ค่อนข้างเปลี่ยว…” ชายหัวล้านตอบ

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางชิวจึงถามด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “พวกแกก็เลยปล้นแล้วทำเรื่องชั่ว ๆ งั้นสินะ? พวกแกทำมากี่ครั้งแล้ว”

ชายหัวล้านเหมือนว่าไม่เต็มใจที่จะตอบ ฟางชิวเลยยกมือขึ้นเตรียมที่จะตบซ้ำ

ชายหัวล้านจึงอ้าปากตอบทันที “หลายครั้งแล้ว”

เพียะ!

เพียะ!

ฟางชิวตบชายหัวล้านทันทีที่ฟังจบ ใบหน้าของชายหัวล้านกระแทกกับพื้นอีกครั้ง

“พวกแกเคยทำร้ายคนไม่น้อยเลยนะ!”

ทำไมถึงยังตบฉันอีกล่ะ!

ฉันก็ตอบคำถามแล้วนะ!

ไม่มีเหตุผลเลย!

ชายหัวล้านจึงฝังใบหน้าของตัวเองในดินแทนที่จะเงยหน้าขึ้นมาอีก

“คนพวกแกคงจะมีไม่น้อยเลยใช่ไหม” ฟางชิวรู้สึกหงุดหงิดและขบขันในเวลาเดียวกันที่เห็นท่าทีแบบนั้นของชายหัวล้าน จากนั้นฟางชิวก็พูดเสริมว่า “ไปเรียกคนของพวกแกมา ฉันจะรออยู่ที่นี่” พูดจบ ฟางชิวก็ลุกขึ้นยืน

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ชายหัวล้านก็เหลือบมองฟางชิวอย่างระมัดระวังและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังที่จากแน่ใจว่าชายหนุ่มถอยออกไปแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นรถตู้ไปอย่างว่องไว ชายหนุ่มสองคนก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน โดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูอย่างแน่นหนา

“พวกเรา… พวกเราต้องโทรหาพวกเขาจริง ๆ เหรอ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งในรถถามขึ้นด้วยความขลาดกลัว

“โทรสิ ทำไมจะไม่ล่ะ?” ชายหัวล้านเช็ดหน้าอย่างโกรธจัดและตะโกนตอบด้วยความโกรธ “คนคนนี้มันหยิ่งผยองเกินไป ฉันจะให้บทเรียนกับมันเอง ล้มมันก็ได้เงิน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเราต้องรู้ว่ามันไปเอาโสมป่ามาจากไหน”

“ฉันจะทำให้มันหมดตัว!” ว่าแล้วเขาก็จ้องเขม็งไปที่ฟางชิวผู้ที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อยู่

ทั้งสามคนรอสักพักเพื่อให้แน่ใจว่า ฟางชิวจะไม่โง่พอที่จะเรียกตำรวจหรือวิ่งหนีไปแล้วค่อยเรียกคนของพวกเขามา

สิบกว่านาทีต่อมา

บรื้น…

เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากระยะไกล แล้วรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วก็หยุดห่างจากฟางชิวเพียงสามเมตร

เมื่อประตูรถเปิดออก คนเป็นสิบก็ทยอยลงมาจากรถ ชายหนุ่มที่ดูเป็นหัวหน้าคือเจ้าสาม หรือพ่อค้าหนุ่มนั่นเอง

“ขยะเอ๊ย! แค่เด็กคนเดียวพวกแกสามคนก็ยังจัดการไม่ได้” พ่อค้าหนุ่มถุยน้ำลายทันทีที่เขาลงจากรถ เขาก็ส่งสายตาโกรธจัดใส่ฟางชิว ก่อนที่จะเดินไปที่รถตู้อีกคันเพื่อเรียกชายหัวล้านกับเพื่อนสองคนของเขาให้ลงจากรถ

“หนุ่มน้อย เธอควรจะมอบเงินให้พวกเราดีกว่า ตอนนี้เหล่าพี่น้องของฉันกำลังรอเสพสุขจากเงินก้อนนั้นอยู่นะ” พ่อค้าหนุ่มพูดพลางเดินเข้าไปหาฟางชิว

“นั่นคือคนทั้งหมดของพวกแกเหรอ?” ฟางชิวชำเลืองมองพวกเขาแล้วพูดต่อ “ฉันจะได้จัดการพวกแกทั้งหมดในคราวเดียว”

“หนุ่มน้อยหยิ่งไม่เบาเลยนะ!” พ่อค้าหนุ่มเงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเย็นชา

“วางใจได้!” ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ให้เวลาพวกแกสารภาพแล้ว ต่อจากนี้สิ่งที่พวกแกจะได้รับมีแต่ความทุกข์ทรมานเท่านั้น”

ก่อนที่คนเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ฟางชิวก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนทันที

ผัวะ! ผัวะ!

ในชั่วพริบตาผู้ชายหลายคนก็ล้มลงไปนอนที่พื้น เมื่อเห็นแบบนี้ พ่อค้าหนุ่มก็รู้สึกหวาดกลัวทันที

เขาไม่เห็นว่าฟางชิวโจมตีอย่างไร แค่พริบตาเดียวลูกน้องของเขาทั้งห้าคนก็ล้มไปนอนอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดแล้ว

“เข้าไปพร้อมกัน! แล้วอัดมันซะ!” พ่อค้าหนุ่มตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลูกน้องที่เหลือก็พุ่งเข้าหาฟางชิวพร้อมกัน

แต่นาทีถัดมา ฟางชิวฝ่าออกจากวงล้อมได้อย่างรวดเร็วและเริ่มโจมตีอีกครั้ง

ตึง!

ทุกคนลงไปนอนกองกับพื้น ยกเว้นพ่อค้าหนุ่มคนเดียว

เวลานี้พ่อค้าหนุ่มตื่นตระหนกขึ้นมา เขาชำเลืองมองดูลูกน้องของตัวเองที่พื้น แล้วก็เห็นว่าทุกคนกำลังกอดขาตัวเองพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะขาของพวกเขาหัก

“พี่… พี่ชาย” พ่อค้าหนุ่มมองหน้าฟางชิวที่กำลังหงุดหงิดด้วยความหวาดกลัว เขาโค้งตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและคลี่ยิ้มออกมา ขณะอ้อนวอนกับฟางชิวว่า “อย่า… อย่าทำแบบนี้เลย พวกเราไม่รู้จักคุณมาก่อน… พวกเราก็แค่…”

ทว่าก่อนที่จะพูดจบประโยค พ่อค้าหนุ่มก็ออกตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน