บทที่ 93 ฉันจะทำให้มันหมดตัว!!!
บทที่ 93 ฉันจะทำให้มันหมดตัว!!!
“เอ่อ… พี่ชาย” พ่อค้าหนุ่มวิ่งไปจับที่ไหล่ของฟางชิวแล้วกัดฟันพูดว่า “เอาตามที่คุณพูดก็ได้ ต้นละหมื่น รวมกันแล้วก็ห้าหมื่นหยวน”
ฟางชิวฉีกยิ้มออกมา หลังจากที่เขาอ่านหนังสือทางการแพทย์มากมาย เขาย่อมรู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรเหล่านี้เป็นอย่างดี
ถึงเขาจะไม่รู้ราคาตลาดที่แน่นอนของสมุนไพรพวกนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่า เขาจะมีโอกาสได้เจอกับพ่อค้าหัวหมออย่างนี้แน่นอน
เนื่องจาก ฟางชิวเคยได้ยินคนที่อาศัยอยู่บนภูเขาเล่าให้ฟังตอนที่เขายังเป็นเด็กว่า พ่อค้าที่รับซื้อของจากภูเขามักจะกดราคาให้ต่ำลงเมื่อต้องการรับซื้อ โดยจะเสนอราคาแค่หนึ่งในสิบหรือหนึ่งในสิบห้าของมูลค่าจริง
หลังจากที่ฟางชิวได้ยินข้อเสนอราคาหนึ่งพันหยวนต่อต้น เขาจึงรีบเสนอราคาหนึ่งหมื่นหยวนต่อต้นทันที
และมันก็เป็นอย่างเขาคาดไว้
“โอนเงินผ่านธนาคารหรือจ่ายเงินสด?” ฟางชิวเอ่ยถาม
“เงินสด” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็พาฟางชิวไปที่รถตู้ พ่อค้าหนุ่มคว้าถุงสีดำออกมาจากในรถ หยิบธนบัตรร้อยหยวนออกมาห้ากองแล้วยื่นให้ฟางชิวเองกับมือ
เมื่อรับเงินมาแล้ว ฟางชิวก็เริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะถูกโกง
“ธุรกิจเงินสด พ่อค้าอย่างผมไม่โกงอยู่แล้ว” พ่อค้าหนุ่มหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ “นับดูให้ดี ๆ นะ ผมจะไม่รับผิดชอบอะไร หลังการซื้อขายสิ้นสุดลงแล้ว”
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ฟางชิวก็มั่นใจว่าเงินนั้นเป็นของจริงและจำนวนเงินนั้นก็ถูกต้อง เขาก็เลยส่งสมุนไพรให้กับพ่อค้าหนุ่ม
“ยอดเยี่ยม!” หลังจากตรวจสอบสมุนไพรแล้ว พ่อค้าหนุ่มก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณมีของดี ๆ อย่างนี้อีกก็มาหาผมได้ทุกเวลา ยังไงซะผมก็มารับซื้อของจากที่นี่ตลอดทั้งปีอยู่แล้ว รับประกันได้เลยว่าผมให้ราคายุติธรรมแน่นอน”
ฟางชิวพยักหน้ารับขณะที่ยัดเงินใส่ในกระเป๋า
ชายหนุ่มผละออกมา และมุ่งสู่หมู่บ้าน แต่เมื่อฟางชิวเดินวนจนรอบหมู่บ้านแล้ว เขาก็ไม่พบป้ายรถเมล์แม้แต่ป้ายเดียว ฟางชิวก็เลยต้องสอบถามข้อมูลจากชาวบ้าน
หลังจากสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ฟางชิวถึงได้รู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีบริการรถประจำทาง มีแต่ถนนลูกรังเพียงเส้นเดียว อีกอย่าง หมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณสามกิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านที่นี่เวลาจะเข้าไปในตัวเมืองก็ต้องเดินไปตามถนนแล้วมองหารถเอาเอง
“แค่สามกิโลเมตรเอง ไม่ไกลหรอก” ด้วยข้อมูลนี้ ฟางชิวจึงออกจากหมู่บ้านทันที
เมื่อเทียบกับความไวของฝีเท้าของเขาแล้ว สามกิโลเมตรก็ถือว่าไม่ไกลเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพแวดล้อมบนถนนแล้ว มันคงจะสร้างความตกใจให้กับชาวบ้านมากเกินไปถ้าจะเดินทางด้วยความเร็วแบบนั้นในเวลากลางวันแสก ๆ
ที่นอกหมู่บ้าน ฟางชิวเห็นว่ามีคนเดินไปตามถนนเช่นกัน เขาเลยต้องวิ่งแบบไม่เร็วมาก การเดินทางในระยะหนึ่งกิโลเมตร ฟางชิวก็เดินไปรวบรวบพลังปราณไปพลาง และพร้อมที่จะเร่งความเร็วหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นแล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง
บรื้น!
เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ฟางชิวหันไปมอง แล้วก็เห็นว่ารถตู้คันหนึ่งแล่นมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
“ดีเลยจะได้ไม่เสียพลังปราณ” ฟางชิวยิ้ม
หลังจากขายสมุนไพรแล้ว เขาก็มีเงินอยู่พอสมควร ขอติดรถไปด้วยแล้วให้ค่าตอบแทนด้วยราคาที่ยุติธรรมจึงยังพอเป็นไปได้
ฟางชิวรีบเอื้อมมือออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้รถหยุด
รถตู้ที่กำลังแล่นมาก็หยุดตรงที่ฟางชิวยืนหยุดพอดี
ในจังหวะที่ฟางชิวกำลังจะเดินเข้าไปสอบถามเพื่อขอติดรถไปด้วย ทว่าประตูรถกลับเลื่อนเปิดอย่างฉับพลัน
ชายวัยกลางคนหัวล้านแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีกับชายหนุ่มผมยาวสองคนที่ดูมอมแมม ลงมาจากรถ
“ไอ้น้องชาย หารถเข้าเมืองเหรอ” ชายหัวล้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
“อืม” ฟางชิวพยักหน้าตอบ โดยที่ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
ฟางชิวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรทันทีที่พวกเขาลงจากรถ
“ไม่มีปัญหา!” ชายหัวล้านพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “แต่ต้องเอาเงินทั้งหมดของแกให้พวกเรา แล้วพวกเราจะส่งเข้าไปในตัวเมืองเอง แบบนี้เป็นไง?”
“เอาเท่าไหร่ล่ะ?” ฟางชิวถามด้วยรอยยิ้ม
“ทั้งหมดเลย!” จากนั้นชายหัวล้านก็หัวเราะออกมาดัง ๆ แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันเห็นเอ็งขายของในหมู่บ้านได้ เงินคงจะหนาน่าดูเลยใช่ไหมล่ะ”
“พวกแกอยากปล้นฉัน?” ฟางชิวถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแบบเดิม
“อย่าพูดให้มันฟังดูน่ากลัวแบบนั้นสิ นี่เป็นแค่ค่าธรรมเนียมที่แกใช้ถนนเส้นนี้ไง” ชายหัวล้านหัวเราะอย่างจริงจัง
“แล้วถ้าฉันไม่ขึ้นรถพวกแกล่ะ”
“ถ้างั้นดวงของแกก็ถึงฆาดแล้ว นี่ฉันถามหาเงินเพื่อช่วยแกอยู่นะ ทีนี้แกก็ต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะจ่ายเงินเพื่อให้พ้นเคราะห์หรือจะไม่จ่ายเงินแล้วยอมทนทุกข์ทรมานแทน” ชายหัวล้านเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“พูดตามตรง ฉันดูโหงวเฮ้งที่หน้าเป็น หน้าผากของพวกแกมีแต่รอยดำ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภัยร้ายแรงที่ใกล้จะเกิดขึ้น แต่ถ้าพวกแกให้เงินฉัน ฉันก็จะช่วยพวกแกให้พ้นเคราะห์ได้” ฟางชิวตอบด้วยรอยยิ้ม
“หึ!” ชายหัวโล้นแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา แล้วชำเลืองมองกับชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ก่อนที่จะขู่ฟางชิวว่า “ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ฟัง สงสัยต้องใช้กำลังซะแล้ว เอ็งนี่วอนหาเรื่องจริง ๆ เลย” ขณะที่ชายหัวล้านพูด พวกเขาทั้งสามคนก็กำหมัด ทำท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่ฟางชิว
ทว่าก่อนที่หมัดของพวกเขาจะมาถึงตัวฟางชิว
ผัวะ!
เสียงชกต่อยดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกฟางชิวชกที่ท้องอย่างแรง แล้วล้มลงไปพื้น
ฟางชิวยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับชายหัวโล้นและหมัดของชายหนุ่มอีกคน จากนั้นฟางชิวก็คว้ากำปั้นของชายหนุ่มอีกคนได้อย่างว่องไว
“ทักษะการดูโหวงเฮ้งฉันไม่เคยโกหกใคร แล้วทำไมพวกแกถึงไม่ยอมเชื่อฉันล่ะ”
ฟางชิวพึมพำพลางส่ายหัว เขาออกแรงเยอะขึ้น ทำให้ชายหัวล้านกับชายหนุ่มอีกคนล้มลงไปที่พื้น
จากนั้น เขาก็ขึ้นไปนั่งคร่อมชายหัวล้าน เป็นเหตุให้ชายหนุ่มทั้งสองคนรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปจัดการฟางชิวอีกครั้ง
“หึ…” ฟางชิวแค่นเสียงดูถูกเหยียดหยามเบา ๆ แล้วเอนหลังเพื่อหลบหมัดของชายหนุ่มสองคนได้อย่างง่ายดาย มือของเขาก็จับไปที่ข้อเท้าของชายหนุ่มทั้งสองและกระชากขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงไปอีกทาง จนทั้งคู่ล้มลงทันที
“ไอ้หนุ่ม หาเรื่องตายแล้ว!” ชายหัวล้านตะโกนออกมาด้วยความโกรธแล้วพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน
เพียะ!
ฟางชิวตบไปที่หัวของชายหัวล้านทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น “ตอนนี้พวกแกเชื่อว่าตัวเองจะมีเคราะห์ร้ายแรงหรือยัง พูด! ใครเป็นคนส่งพวกแกมา” ชายหัวล้านโกรธจัด เขาพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มสองคนก็ลุกขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเข้าใส่ฟางชิวอย่างรวดเร็ว
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” ฟางชิวพูดเย้ยหยัน สิ้นคำเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันแล้วชกไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านซ้ายด้วยพละกำลังส่วนเดียว หลังจากนั้นเขาก็พุ่งไปหาชายหนุ่มด้านขวา และเตะชายหนุ่มจนกระเด็นไปไกล
ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดตัวอยู่ที่พื้นและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
“ระยำเอ๊ย!” ชายหัวล้านร้องตะโกนออกมาระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดหนัก ๆ ชกไปที่หัวของฟางชิว
แต่ก็น่าเสียดาย ก่อนที่หมัดของชายหัวล้านจะโดนหัวฟางชิว เขาก็โดนฟางชิวใช้ขาขวาเตะไปที่ส่วนล่างเสียก่อน แรงเตะมหาศาลทำให้เขาลอยขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะลงไปนอนหน้าคว่ำกับพื้น
“พูด ใครส่งพวกแกมา” ฟางชิวย่อตัวลง ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอีกครั้งระหว่างที่จ้องมองชายหัวโล้นที่บาดเจ็บสาหัสไปด้วย
“ฉัน…” ชายหัวล้านรู้สึกโกรธเคือง เขาพยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายหัวล้านจะลุกขึ้นมาได้ ฟางชิวก็ตบไปที่หัววาววับนั่นอย่างแรง ทำให้หน้าของเขากระแทกไปที่พื้นอีกรอบ
“จะพูดหรือไม่พูด” ขณะที่มองดูใบหน้ามอมแมมของชายหัวล้านที่โกรธจัด ฟางชิวก็เอ่ยถามพร้อมกับตบไปที่หัวนั้นไปด้วย
ในการตบแต่ละครั้งก็ส่งผลให้หัวของชายหัวล้านกลับไปกระแทกที่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกรอบฟางชิวจะเอ่ยถามคำถามเดิมเสมอ
ฟางชิวถามสิบครั้งก็ตบสิบครั้ง เขาไม่ได้หยุดกระทั่งชายหัวล้านยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้แล้ว
“ใครส่งพวกแกมา” ฟางชิวถามอีกครั้ง
“ฉัน… ฉันยอมแล้ว” ชายหัวล้านรู้สึกกลัวจริง ๆ ในตอนนี้ แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกหวาดกลัว เพราะเขาไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน
ชายหัวล้านเอามือทั้งสองข้างปิดศีรษะและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเขาสั่นเทาเพราะความกลัว
“มันเป็น… เป็นเจ้าสาม” จากนั้นเขาก็เอียงหนีอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะถูกฟางชิวตบซ้ำอีก
“เจ้าสาม?” ฟางชิวรู้สึกสับสนมึนงง เมื่อได้ยินคำตอบนั้น
“พ่อค้าที่รับซื้อผลิตภัณฑ์จากภูเขา ก็คือเจ้าสาม” ชายหัวล้านรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“เป็นเขาเหรอ?” ฟางชิวพยักหน้าด้วยความเข้าใจและถามว่า “เขาบอกพวกแกว่าฉันมีเงินเหรอ?”
“ใช่แล้ว!” ชายหัวล้านพยักหน้าทันที
“แล้วพวกแกกับเขามีส่วนเกี่ยวข้องกันอะไร” ฟางชิวเอ่ยถาม
“เขา… เขามาหาพวกเราเพื่อสร้างหุ้นส่วนด้วย เขาจะรับซื้อสินค้าจากภูเขาที่ในหมู่บ้าน ถ้าเขาเห็นเป้าหมายมาเพียงลำพังและดูอ่อนแอ เขาจะบอกพวกเราให้ไปขโมยเงินจากคนนั้นเพราะถนนสายนี้ค่อนข้างเปลี่ยว…” ชายหัวล้านตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางชิวจึงถามด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “พวกแกก็เลยปล้นแล้วทำเรื่องชั่ว ๆ งั้นสินะ? พวกแกทำมากี่ครั้งแล้ว”
ชายหัวล้านเหมือนว่าไม่เต็มใจที่จะตอบ ฟางชิวเลยยกมือขึ้นเตรียมที่จะตบซ้ำ
ชายหัวล้านจึงอ้าปากตอบทันที “หลายครั้งแล้ว”
เพียะ!
เพียะ!
ฟางชิวตบชายหัวล้านทันทีที่ฟังจบ ใบหน้าของชายหัวล้านกระแทกกับพื้นอีกครั้ง
“พวกแกเคยทำร้ายคนไม่น้อยเลยนะ!”
ทำไมถึงยังตบฉันอีกล่ะ!
ฉันก็ตอบคำถามแล้วนะ!
ไม่มีเหตุผลเลย!
ชายหัวล้านจึงฝังใบหน้าของตัวเองในดินแทนที่จะเงยหน้าขึ้นมาอีก
“คนพวกแกคงจะมีไม่น้อยเลยใช่ไหม” ฟางชิวรู้สึกหงุดหงิดและขบขันในเวลาเดียวกันที่เห็นท่าทีแบบนั้นของชายหัวล้าน จากนั้นฟางชิวก็พูดเสริมว่า “ไปเรียกคนของพวกแกมา ฉันจะรออยู่ที่นี่” พูดจบ ฟางชิวก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ชายหัวล้านก็เหลือบมองฟางชิวอย่างระมัดระวังและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังที่จากแน่ใจว่าชายหนุ่มถอยออกไปแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นรถตู้ไปอย่างว่องไว ชายหนุ่มสองคนก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน โดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูอย่างแน่นหนา
“พวกเรา… พวกเราต้องโทรหาพวกเขาจริง ๆ เหรอ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งในรถถามขึ้นด้วยความขลาดกลัว
“โทรสิ ทำไมจะไม่ล่ะ?” ชายหัวล้านเช็ดหน้าอย่างโกรธจัดและตะโกนตอบด้วยความโกรธ “คนคนนี้มันหยิ่งผยองเกินไป ฉันจะให้บทเรียนกับมันเอง ล้มมันก็ได้เงิน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเราต้องรู้ว่ามันไปเอาโสมป่ามาจากไหน”
“ฉันจะทำให้มันหมดตัว!” ว่าแล้วเขาก็จ้องเขม็งไปที่ฟางชิวผู้ที่กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อยู่
ทั้งสามคนรอสักพักเพื่อให้แน่ใจว่า ฟางชิวจะไม่โง่พอที่จะเรียกตำรวจหรือวิ่งหนีไปแล้วค่อยเรียกคนของพวกเขามา
สิบกว่านาทีต่อมา
บรื้น…
เสียงเครื่องยนต์ดังมาจากระยะไกล แล้วรถตู้ที่ขับด้วยความเร็วก็หยุดห่างจากฟางชิวเพียงสามเมตร
เมื่อประตูรถเปิดออก คนเป็นสิบก็ทยอยลงมาจากรถ ชายหนุ่มที่ดูเป็นหัวหน้าคือเจ้าสาม หรือพ่อค้าหนุ่มนั่นเอง
“ขยะเอ๊ย! แค่เด็กคนเดียวพวกแกสามคนก็ยังจัดการไม่ได้” พ่อค้าหนุ่มถุยน้ำลายทันทีที่เขาลงจากรถ เขาก็ส่งสายตาโกรธจัดใส่ฟางชิว ก่อนที่จะเดินไปที่รถตู้อีกคันเพื่อเรียกชายหัวล้านกับเพื่อนสองคนของเขาให้ลงจากรถ
“หนุ่มน้อย เธอควรจะมอบเงินให้พวกเราดีกว่า ตอนนี้เหล่าพี่น้องของฉันกำลังรอเสพสุขจากเงินก้อนนั้นอยู่นะ” พ่อค้าหนุ่มพูดพลางเดินเข้าไปหาฟางชิว
“นั่นคือคนทั้งหมดของพวกแกเหรอ?” ฟางชิวชำเลืองมองพวกเขาแล้วพูดต่อ “ฉันจะได้จัดการพวกแกทั้งหมดในคราวเดียว”
“หนุ่มน้อยหยิ่งไม่เบาเลยนะ!” พ่อค้าหนุ่มเงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเย็นชา
“วางใจได้!” ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ให้เวลาพวกแกสารภาพแล้ว ต่อจากนี้สิ่งที่พวกแกจะได้รับมีแต่ความทุกข์ทรมานเท่านั้น”
ก่อนที่คนเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ฟางชิวก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนทันที
ผัวะ! ผัวะ!
ในชั่วพริบตาผู้ชายหลายคนก็ล้มลงไปนอนที่พื้น เมื่อเห็นแบบนี้ พ่อค้าหนุ่มก็รู้สึกหวาดกลัวทันที
เขาไม่เห็นว่าฟางชิวโจมตีอย่างไร แค่พริบตาเดียวลูกน้องของเขาทั้งห้าคนก็ล้มไปนอนอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดแล้ว
“เข้าไปพร้อมกัน! แล้วอัดมันซะ!” พ่อค้าหนุ่มตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ลูกน้องที่เหลือก็พุ่งเข้าหาฟางชิวพร้อมกัน
แต่นาทีถัดมา ฟางชิวฝ่าออกจากวงล้อมได้อย่างรวดเร็วและเริ่มโจมตีอีกครั้ง
ตึง!
ทุกคนลงไปนอนกองกับพื้น ยกเว้นพ่อค้าหนุ่มคนเดียว
เวลานี้พ่อค้าหนุ่มตื่นตระหนกขึ้นมา เขาชำเลืองมองดูลูกน้องของตัวเองที่พื้น แล้วก็เห็นว่าทุกคนกำลังกอดขาตัวเองพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะขาของพวกเขาหัก
“พี่… พี่ชาย” พ่อค้าหนุ่มมองหน้าฟางชิวที่กำลังหงุดหงิดด้วยความหวาดกลัว เขาโค้งตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและคลี่ยิ้มออกมา ขณะอ้อนวอนกับฟางชิวว่า “อย่า… อย่าทำแบบนี้เลย พวกเราไม่รู้จักคุณมาก่อน… พวกเราก็แค่…”
ทว่าก่อนที่จะพูดจบประโยค พ่อค้าหนุ่มก็ออกตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว