คุรุการแพทย์ – บทที่ 101 สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเงิน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 101 สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเงิน!

บทที่ 101 สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเงิน!

ฟางชิวเดินดูสินค้าไปรอบ ๆ ขณะที่กำลังจะนำสมุนไพรกับขุมทรัพย์สมุนไพรออกขาย ชายหนุ่มก็พบว่าทำเลดี ๆ ทั้งหมดถูกผู้อื่นครอบครองไปหมดแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปนั่งขายที่มุมหนึ่งเท่านั้น

ฟางชิวหยิบเสื้อผ้าสีดำตัวหนึ่งออกจากกระเป๋าเป้ และปูลงไปที่พื้น จากนั้นจึงค่อยเอาโสมป่ากับเห็ดหลินจือป่าออกจากกระเป๋าของเขา

หลังจากจัดวางของเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จำใจหยิบพุทราวิญญาณแดงออกวางร่วมกับโสมป่ากับเห็ดหลินจือป่า

จากนั้นฟางชิวก็นั่งลงที่จุดนั้นเงียบ ๆ โดยไม่ได้ตะโกนเรียกลูกค้า แค่รอให้ลูกค้าเดินเข้ามาที่แผงเอง เพราะที่แห่งนี้คืองานแสดงสินค้า ไม่ว่าแผงลอยจะอยู่ที่ไหน ผู้คนก็จะไปดูเสมอ

สักพักก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ผู้ชายคนนี้ดูใจดีและมีเมตตา เขาอายุประมาณสี่สิบปี ร่างกายยังดูแข็งแรง

“หืม?” ห่างจากแผงขายของฟางชิวเพียงไม่กี่ก้าว ชายวัยกลางคนก็ร้องอุทานออกมาเบา ๆ แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูของบนแผงขายของฟางชิวแล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ

ตามที่ฟางชิวคาดไว้ แค่เอาขุมทรัพย์สมุนไพรออกมาวาง ก็มีคนเข้ามาดูที่แผงลอยแล้ว ดูเหมือนว่างานแสดงสินค้าเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีคนที่รู้จักของดีอยู่มากมาย

ฟางชิวคิดในใจ

เมื่อชายวัยกลางคนมาถึงแผงขายของ เขาก็นั่งยอง ๆ แล้วยื่นมือออกมาสัมผัสสมุนไพร

“เดี๋ยวก่อนครับ” ฟางชิวเอื้อมมือออกไปหยุดเขาทันทีแล้วพูดว่า “คุณสามารถดูของได้โดยไม่จำเป็นต้องยื่นมือออกมานะครับ”

เพราะสถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ฟางชิวเลยกลัวว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้นิสัยไม่ดีบางคนจะแย่งชิงของแล้ววิ่งหนีไป

แม้ว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้จะไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อฟางชิวก็เถอะ แต่ถ้ามีเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ มันจะไม่เป็นการเสียเวลาหรอกหรือ?

“แค่เห็ดหลินจือป่าสองต้นกับโสมป่าหนึ่งต้นไม่ใช่เหรอ?” ชายวัยกลางคนขบริมฝีปากของเขาเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่พอใจความเข้มงวดของฟางชิว

“ผมแค่ทำข้อตกลงเท่านั้น” ฟางชิวตอบกลับอย่างเย็นชา ในใจชักเริ่มหดหู่

ในที่สุดก็มีลูกค้าเข้ามาดูของแล้ว แต่ลูกค้ากลับไม่รู้จักขุมทรัพย์สมุนไพรเสียอย่างนั้น

ฟางชิวนึกว่าชายวัยกลางคนคนนี้กำลังสนใจพุทราวิญญาณแดง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ชายคนนั้นสนใจกลับเป็นโสมป่ากับเห็ดหลินจือป่า

“ก็ได้ งั้นฉันเอาเห็ดหลินจือป่าสองต้นนี้กับโสมป่าด้วย”

ชายวัยกลางคนสังเกตสมุนไพรทั้งสามต้นอย่างระมัดระวังแล้วถามว่า “ต้องการแลกเปลี่ยนด้วยอะไร?”

“ผมต้องการแค่เงิน” ฟางชิวตอบ

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนก็รู้สึกอึ้งทันที

งานแสดงสินค้าของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่แล้วจะทำการแลกเปลี่ยนกัน มีคนอยากได้เงินที่ไหนกันล่ะ?

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จะพูดเรื่องเงินได้อย่างไร

เรื่องเงินมันจะทำให้พวกเราเสื่อมเสียและเสียหน้า!

แน่นอนว่าในชีวิตจริงพวกเขาก็สามารถพูดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้ แต่ในกลุ่มผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องเงินกันเท่าไร พวกเขาจะคุยกันในเรื่องระดับของศิลปะการต่อสู้เสียมากกว่า

ทว่าเมื่อคิดให้ดี ๆ แล้ว เงินก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง

ในเมื่อคนขายต้องการเงิน ชายวัยกลางคนก็จะแลกเปลี่ยนของด้วยเงิน เพราะอย่างน้อยก็ได้ของดีเอาไว้ไปแลกกับอย่างอื่นได้

“งั้นก็ได้ แล้วสมุนไพรสามต้นราคาเท่าไหร่ล่ะ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม

“คุณเสนอราคามาสิ” ฟางชิวตอบ

“ห้าหมื่น” ชายวัยกลางคนเสนอราคาทันที ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “เป็นไง”

ฟางชิวส่ายหน้าปฏิเสธทันที เพราะราคานี้มันต่ำเกินไป ร้านขายยายังให้ราคาสูงกว่าอีก

“ฮ่า ๆ…”

ดูท่าหลอกคนขายจะไม่ง่าย ชายวัยกลางคนจึงหัวเราะแล้วเปลี่ยนมาต่อรองแทน “แสนนึงเป็นราคาที่ฉันสามารถให้ได้มากที่สุดแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฟางชิวก็พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตกลง

ที่ร้านขายยาจีน ฟางชิวขายทั้งเห็ดหลินจือป่าสามต้นและโสมป่าหนึ่งต้นแต่ก็ได้เพียงแสนเดียว แต่ตอนนี้เขาขายเห็ดหลินจือป่าแค่สองต้นกับโสมป่าหนึ่งต้น อีกฝ่ายเสนอราคาสูงถึงแสนหยวน ไม่แปลกที่ฟางชิวจะตกลงทันที

และฟางชิวก็รู้ว่า การซื้อและขายสมุนไพรของร้านขายยาจีนนั้นมุ่งเป้าไปที่คนทั่วไป แต่ในงานแสดงสินค้านี้ สมุนไพรพวกนี้จะมุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ดังนั้น การที่ราคาต่างกันมันก็สมเหตุสมผลแล้ว

แต่สำหรับสิ่งที่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว ราคาของสมุนไพรไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย

“ตกลง ฉันจะโอนเงินให้เดี๋ยวนี้” ชายวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาเพื่อโอนเงินให้ฟางชิว

“ผมรับแต่เงินสดเท่านั้น” ฟางชิวรีบตอบในทันที

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฟางชิวที่จะให้ข้อมูลบัญชีธนาคารของเขาแก่เจ้าของร้านขายยาจีน แต่มันจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าคนในกลุ่มผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้รู้ข้อมูลบัญชีธนาคารของเขา

ชายหนุ่มไม่อยากเปิดเผยตัวเองในกลุ่มผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ เขาอยากรักษาสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบนี้เอาไว้ จะได้เรียนอย่างสบายใจ

“รับเฉพาะเงินสด?” ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจ “แล้วมันไม่เหมือนกับการโอนเงินตรงไหน?”

“ผมไม่มีบัตรธนาคารเลยรับแต่เงินสด” ฟางชิวตอบ

“แย่แล้วสิ” ชายวัยกลางคนเกาหัว แล้วพูดอย่างหดหู่ว่า “ใครจะพกเงินสดเยอะ ๆ มางานแสดงสินค้ากัน”

ฟางชิวเพิกเฉยกับคำพูดของชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “โอเค เงินสดก็ได้ แต่คุณต้องสัญญาว่าจะเก็บสมุนไพรไว้ให้ฉัน แถวนี้มีตู้เอทีเอ็มอยู่หลายตู้ ฉันจะไปถอนเงินมาให้เดี๋ยวนี้ ตกลงไหม”

“แน่นอน” ฟางชิวพยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนก็รีบไปถอนเงินทันที

ฟางชิวนั่งนิ่ง ๆ เพื่อรอให้ลูกค้าคนอื่นเข้ามาดูของอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายพุทราวิญญาณแดงที่ล้ำค่าที่สุดในแผงลอยก็ขายไม่ออก

“แม้ว่าคนพวกนี้จะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ พวกเขาเลยไม่มีใครรู้จักพุทราวิญญาณแดงเหรอ” ฟางชิวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เขารู้สึกหดหู่ขึ้นมานิด ๆ

“ถ้าพวกเขาไม่รู้จักพุทราวิญญาณแดงจริง ๆ งั้นฉันก็มาเสียเวลาแล้วน่ะสิ?”

ทันใดนั้นเอง

“หืม? นี่คือเห็ดหลินจือป่ากับโสมป่าใช่ไหม”

จู่ ๆ ก็มีเสียงแปลกใจดังขึ้นมา ฟางชิวจึงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบว่าเป็นชายหนุ่มที่มีดวงตาเป็นประกายสดใสเดินเข้ามาพร้อมกับชายอีกสองคน

“เห็ดหลินจือป่ากับโสมป่าของคุณราคาเท่าไหร่” ชายหนุ่มถามขณะนั่งลง

“พวกมันถูกขายไปแล้ว” ฟางชิวตอบ

“โอ้?” ชายหนุ่มตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองว่า “ฉันมาช้าไปซะแล้ว” ขณะที่เขาพูด เขาก็เหลือบมองไปที่พุทราวิญญาณแดงแค่แวบเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นจากไป

สิบนาทีถัดมา

มีผู้คนจำนวนมากไปที่แผงลอยของฟางชิว เพื่อถามเกี่ยวกับเห็ดหลินจือป่ากับโสมป่า แต่ไม่มีใครให้ความสนใจพุทราวิญญาณแดงเลย และยิ่งนำพุทราวิญญาณแดงกับโสมป่ามาวางคู่กันแล้ว พุทราวิญญาณแดงก็ถูกมองข้ามไปในทันที

ยี่สิบนาทีต่อมา ฟางชิวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ

เจ้าของฝีเท้าเป็นชายวัยกลางคนที่วิ่งไปถอนเงินให้ฟางชิว เขากลับมาพร้อมกับกองธนบัตรสีแดงที่อยู่ในอ้อมแขน

เมื่อเห็นว่าเห็ดหลินจือป่ากับโสมป่ายังอยู่ ชายวัยกลางคนจึงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ จากนั้นเขาก็ยื่นเงินให้ฟางชิวแล้วพูดว่า “ลองนับดู ถ้าไม่มีปัญหา ฉันจะได้เอาสมุนไพรไปเลย”

ฟางชิวรับเงินมานับ หลังเขานับเงินอย่างระมัดระวังแล้ว เขาก็ยัดเงินเข้าไปในกระเป๋าของเขาพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีปัญหา”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หยิบสมุนไพรจากแผงลอยของฟางชิวขึ้นมาเก็บ

“พวกเรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกันดีไหม นายจะได้โทรหาฉันเวลามีสมุนไพรดี ๆ อยู่ในมือ”

ฟางชิวส่ายหัวปฏิเสธพลางชี้ก็ไปที่หน้ากากบนใบหน้า

ชายวัยกลางคนจึงเข้าใจทันที

เนื่องจากคนขายสวมหน้ากาก จึงเป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และแน่นอนว่าจะไม่มีการทิ้งข้อมูลการติดต่อเอาไว้ด้วย

ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าใจ

ทันทีที่สมุนไพรถูกขายออกไปแล้ว บนแผงลอยของฟางชิวจึงเหลือเพียงพุทราวิญญาณแดงที่ดูเปล่งปลั่งเหมือนอัญมณี

“แล้วนี่คืออะไร?” ขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังจะจากไป เขาก็หยุดกะทันหัน แล้วหยิบพุทราวิญญาณแดงขึ้นมาถามด้วยความสงสัย

“ผมไม่รู้” คราวนี้ฟางชิวไม่ได้ห้ามการกระทำของชายวัยกลางคน

เพราะในความคิดของฟางชิวนั้น ถ้าเขาไม่ยอมให้คนเหล่านี้ได้สัมผัสกับพุทราวิญญาณแดงจริง ๆ คนเหล่านี้อาจจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่มัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหลือแค่ขายพุทราวิญญาณแดงเท่านั้น

ถ้าพวกเขาต้องการดู ฟางชิวก็จะปล่อยพวกเขาดู

ถ้ามีคนพยายามจะปล้น ฟางชิวก็จะใช้โอกาสนั้นเปิดเผยว่าพุทราวิญญาณแดงนี้คืออะไร เพื่อที่จะได้ขายพุทราวิญญาณแดงนี้ออก ก่อนที่งานแสดงสินค้าจะสิ้นสุดลง

แน่นอนว่าฟางชิวจะไม่เปิดเผยล่วงหน้า เพราะเขากำลังรอคนที่รู้จักขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ปรากฏตัวออกมา เขารู้ว่าคนที่รู้จักขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ได้คือผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และคนคนนั้นก็จะสามารถเสนอราคาสูงกว่าคนอื่นเพื่อซื้อมันไป

ฟางชิวจะไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของพุทราวิญญาณแดงอย่างง่ายดาย เว้นแต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ

“มันดูไม่เหมือนสมุนไพรเลย” ชายวัยกลางคนมองอย่างระมัดระวังและรีบวางพุทราวิญญาณแดงกลับที่เดิมทันที จากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับสมุนไพรที่เขาเพิ่งซื้อไป

หลังจากที่ชายวัยกลางคนจากไปแล้ว ในไม่ช้า คนอื่น ๆ ก็เดินเข้าดูที่แผงลอยของฟางชิว แต่เพราะมีพุทราวิญญาณแดงแค่อย่างเดียวในแผงลอย หลายคนจึงเหลือบมอง แล้วจากไป

ขณะที่ฟางชิวคิดอย่างเศร้าใจว่าเขาควรจะเปิดเผยข้อมูลพุทราวิญญาณแดงดีไหม ชายหนุ่มอีกคนที่มีใบหน้าผอมตอบก็เข้ามาที่แผงลอย

ชายหนุ่มคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น ๆ เพราะชายหนุ่มเหลือบมองดูแผงลอยก่อน แต่พอเขากำลังจะจากไป จู่ ๆ เขาก็หยุดและนั่งยอง ๆ ลงอย่างสงสัย จากนั้นก็หยิบพุทราวิญญาณแดงขึ้นมาและเริ่มดูอย่างระมัดระวัง

ในขณะที่ชายหนุ่มคนนี้ดูพุทราวิญญาณแดง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที!

“นี่คืออะไร?” ชายหนุ่มมองไปที่ฟางชิว ส่งเสียงถามอย่างตั้งใจ

ฟางชิวส่ายหัว ไม่ตอบอะไรออกไป

“ในเมื่อนายไม่รู้ งั้นนายต้องการแลกเปลี่ยนอะไร?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ในขณะที่เขาทำสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา

“เงิน” ฟางชิวตอบ

“เท่าไหร่?” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง

“เสนอราคามาสิ” ฟางชิวกล่าว

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มที่มีใบหน้าผอมตอบก็ทำปากจิ๊จ๊ะและส่ายหัวไปมา เขาทำราวกับว่าตนไม่ได้สนใจพุทราวิญญาณแดงนี้มากนัก แล้วพูดออกมาช้า ๆ ว่า “ต้นเล็กมาก ดูไม่เหมือนสมุนไพรมีคุณภาพเลย แล้วนายก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในแผงลอย ฉันให้ห้าพันหยวนเป็นไง? พอฉันซื้อมันแล้ว นายก็สามารถเก็บแผงลอยของนายได้เลย”

ได้ยินราคาที่เสนอมาแล้ว ฟางชิวก็หัวเราะในใจและส่ายหน้าปฏิเสธทันที

ฟางชิวสังเกตว่า คนคนนี้ต้องรู้ว่าพุทราวิญญาณแดงนี้ไม่ธรรมดา แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่รู้ว่าพุทราวิญญาณแดงเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์สมุนไพร แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็รู้ว่ามันเป็นของดี ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคนนี้คงไม่ยอมต่อรองราคากับเขาแบบนี้หรอก

ทว่าราคาที่เขาเสนอมานั้นมันต่ำเกินไปจริง ๆ

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะคิดว่าฟางชิวไม่รู้จักพุทราวิญญาณแดง เขาถึงเล่นตลกกับฟางชิวอย่างนี้

“ห้าพันหยวนนายก็ไม่ขายเหรอ?” ชายหนุ่มมองฟางชิวแล้วพูดว่า “ถ้านายไม่ขายตอนนี้ ต่อให้งานแสดงสินค้าจบลงไปแล้วนายก็อาจจะขายมันไม่ออกนะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็โบกฝ่ามือใหญ่ของเขาไปมาแล้วพูดด้วยท่าทางใจกว้างว่า “ฉันจะเพิ่มให้อีกห้าพันหยวน โอเคไหม?”

ฟางชิวส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ “ให้ราคาดีขนาดนี้แล้วนายก็ยังไม่พอใจอีกเหรอ นี่ฉันกำลังพยายามช่วยนายอยู่นะ แต่ทำไมนายถึงได้เอาแต่คิดว่าสมุนไพรต้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าอยู่อีกล่ะ?”

ฟางชิวเลิกสนใจเขา

“ดี… ดี…” ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “งั้นฉันจะยอมเป็นคนดีให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน ฉันจะให้เพิ่มอีกสองหมื่นหยวน รวมแล้วก็เป็นสามหมื่นหยวน พอใจแล้วนะ?”

ฟางชิวส่ายหน้าอีกครั้ง

“หา?” ชายหนุ่มขึ้นเสียง “ทำไมถึงไม่รู้จักพออีก?” ร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ผอมตอบของเขา และเขาก็ถลึงตาใส่ฟางชิวด้วย

“นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ฉันก็เสนอราคาให้สูงแล้ว แต่นายก็ยังไม่ยอมรับอีก นายจงใจทำให้ฉันเสียเวลาใช่ไหม” ชายหนุ่มถามอย่างโกรธเคือง

“ไสหัวไปให้พ้น!” ฟางชิวกล่าวอย่างเย็นชา

ชายหนุ่มก้มหน้าลง ตอนแรกเขาใช้นิ้วตรวจดูพุทราวิญญาณแดง แต่ตอนนี้เขากลับกำไว้ในฝ่ามือ ไม่ยอมคลายมือออกแต่อย่างใด

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน