คุรุการแพทย์ – บทที่ 105 แผนการค้นหาชายลึกลับ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 105 แผนการค้นหาชายลึกลับ!

บทที่ 105 แผนการค้นหาชายลึกลับ!

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ฟางชิวจึงถามออกไปว่า

“คนที่พวกคุณไปมีเรื่องด้วยแข็งแกร่งมากเลยเหรอ?” ถ้าคนที่มีเรื่องด้วยไม่ได้แข็งแกร่งและไม่มีอำนาจจริง ๆ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องมาจ้างใครสักคนด้วยราคาที่แพงแบบนี้ด้วยล่ะ?

“แข็งแกร่งมาก” ทายาทเศรษฐีคนหนึ่งตอบ “เขาแข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่มันก็เป็นแค่การชกต่อยกันเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายอะไร ผู้อาวุโส ถ้าคุณยอมรับข้อเสนอนี้ สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เอาชนะเขาให้ได้”

ฟางชิวส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่สนใจการต่อสู้อะไรแบบนี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เขามีเงินเพียงพอแล้ว อย่างไรคนที่ทายาทเศรษฐีให้เขาไปจัดการก็ไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมากมาย เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งกับวงการศิลปะต่อสู้เลย

หลังจากส่ายหน้าปฏิเสธแล้ว ฟางชิวก็หันหลังเดินจากไป

“ผู้อาวุโส!” หลังเห็นว่าฟางชิวปฏิเสธข้อเสนอ เหล่าทายาทเศรษฐีก็รู้สึกร้อนรน แต่ก็ไม่กล้ารั้งตัวฟางชิวไว้ เขาจึงตะโกนอย่างเร่งรีบว่า “เบอร์โทรศัพท์ของฉันคือ 138 XXXX XXXX หากผู้อาวุโสต้องการเงินก็โทรหาผมได้”

สิ้นเสียงของทายาทเศรษฐี ฟางชิวก็หายตัวจากตรงนั้นไปทันที อย่างไรก็ตาม ฟางชิวก็จำเบอร์โทรศัพท์นั้นเอาไว้ เพราะเขาอาจต้องใช้มันในอนาคต

ในความมืดมิด ฟางชิววิ่งข้ามถนนที่ว่างเปล่าไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังวิ่ง ฟางชิวก็ครุ่นคิดเรื่องหนึ่งไปด้วย

แล้วจากนั้น ฟางชิวก็ดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาที่อยู่ของสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อเขายืนยันทิศทางที่ต้องการจะไปแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปที่นั่นทันที

ไม่นาน ฟางชิวก็อยู่ที่นอกรั้วของสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า

ฟางชิวแอบเข้าไปในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า และตรงไปที่ห้องผู้อำนวยการ จากนั้น เขาก็เปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบเงินออกมาห้าแสนห้าหมื่นหยวน ก่อนจะวางเงินไว้บนโต๊ะ แล้วเขาก็ไม่วายหยิบกระดาษกับปากกาบนโต๊ะมาทิ้งข้อความเอาไว้

จำนวนเงินห้าแสนห้าหมื่นหยวนนี้ มีเงินห้าหมื่นหยวนที่เขาได้มาจากหมู่บ้านอยู่ด้วย และตอนนี้เขาก็ได้บริจาคเป็นสองเท่าของจำนวนเงินห้าหมื่นแล้ว อย่างไรการบริจาคก็เป็นเรื่องดี และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด

ส่วนเงินอีกสี่แสนห้าหมื่นหยวน ฟางชิวเป็นคนอยากบริจาคเอง

หลังจากทิ้งเงินกับข้อความไว้แล้ว ฟางชิวก็ออกจากสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าทันที เขาหวังว่าเด็กที่ไม่มีพ่อแม่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น

ในระหว่างนั้น ข่าวเกี่ยวกับขุมทรัพย์สมุนไพรก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งเป็นพายุทอร์นาโด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าข่าวนี้มันสร้างความฮือฮาได้มากแค่ไหน

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกคนที่อยู่ในเมืองเจียงจิงต่างตกตะลึง

“มีขุมทรัพย์สมุนไพรปรากฏที่งานแสดงสินค้า?”

“มันไม่ได้เป็นแค่งานแสดงสินค้าเล็ก ๆ เหรอ? ทำไมขุมทรัพย์สมุนไพรถึงไปปรากฏที่นั่นได้?”

“ฉันฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมถึงมีคนเอาขุมทรัพย์สมุนไพรไปขายเพื่อเงินกันล่ะ?”

“นี่มันแปลกเกินไป”

“เป็นไปไม่ได้… งานแสดงสินค้าที่นั่นไม่ใช่งานใหญ่ ฉันเลยไม่ไปร่วมงาน ทำไมขุมทรัพย์สมุนไพรถึงโผล่มาตอนที่ฉันไม่ได้ไปล่ะ”

“ให้ตายสิ! เสียดายจริง! ถ้าไปต้องคุ้มแน่ ๆ! ทำไมถึงฉันไม่ไปนะ”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในเมืองเจียงจิงต่างก็ตกตะลึงและเสียดายไปพร้อม ๆ กัน

เพราะขุมทรัพย์สมุนไพรนั้นหายากเกินไป คงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเขาได้เห็น ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็ไม่เป็นไร

ผู้ที่มีฐานะดีบางคนก็รู้สึกเสียดายมากที่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเล็ก ๆ นี้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็อาจจะได้ครอบครองขุมทรัพย์สมุนไพร ไม่ว่ามันจะมีราคาเท่าไรก็ตาม

เมื่อข่าวเกี่ยวกับขุมทรัพย์สมุนไพรแพร่กระจายไปในกลุ่มของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในเมืองเจียงจิง โพสต์เกี่ยวกับขุมทรัพย์สมุนไพรและปรมาจารย์ลึกลับในเมืองเจียงจิงก็ได้ถูกเผยแพร่ในเว็บบอร์ดสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โดยเฉพาะ

‘ขุมทรัพย์สมุนไพรปรากฏขึ้นมาแล้ว ปรมาจารย์ลึกลับช่วยชีวิตคนได้น่าเหลือเชื่อมาก!’

เป็นชื่อกระทู้ที่ดูคุ้น ๆ และติดหูคนมาก

[งานแสดงสินค้าของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในเมืองเจียงจิงจัดขึ้นตามแผนที่วางไว้ แต่ในงานแสดงสินค้าเล็ก ๆ แห่งนี้มีชายลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขาเอาขุมทรัพย์สมุนไพรมาขายในที่สาธารณะ และเรียกร้องให้ชำระเป็นเงินสดเท่านั้น

สุดท้าย ขุมทรัพย์สมุนไพรก็ถูกขายในราคาหนึ่งล้านห้าแสนหยวน ผู้ที่ประมูลได้ก็คือ ผู้อาวุโสอี้จากเมืองเจียงจิง

ทว่า มันยังไม่จบแค่นั้น หลังจากงานแสดงสินค้าสิ้นสุดลง ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้บางส่วนที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าก็ไล่ตามชายลึกลับคนนั้นไปด้วยความหวังว่าจะค้นพบแหล่งที่มาของขุมทรัพย์สมุนไพร แต่ว่าพวกเขาเจออุบัติเหตุบนท้องถนนซะก่อน

ในตอนนั้นเอง มีหญิงสาวคนกำลังข้ามถนนอยู่ เธอกำลังจะโดนรถชนด้วยความเร็วอย่างน้อยหกสิบกิโลเมตร ชายลึกลับเลยเข้าไปผลักรถกลางอากาศ จนรถกระเด็นจากกลางถนนไปที่สุดขอบถนน และสามารถช่วยชีวิตหญิงสาวคนนั้นไว้ได้

นี่เป็นเรื่องจริง เพราะฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากพวกคุณไม่เชื่อ พวกคุณก็สามารถมายืนยันเรื่องนี้ที่เมืองเจียงจิงได้]

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกสรุปเป็นย่อหน้าสั้น ๆ ในโพสต์เดียว

ไม่นาน ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จำนวนมากก็ถูกโพสต์ดึงดูดความสนใจให้เข้ามาอ่าน

[เฮ้ย! จริงรึเปล่าเนี่ย? กล้าขายขุมทรัพย์สมุนไพรได้ยังไงกัน?]

[มีขุมทรัพย์สมุนไพรจริง ๆ เหรอ?]

[ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล่ามากกว่านะ]

[เจ้าของโพสต์ตื่นได้แล้ว!]

[เจ้าของโพสต์เขียนนิยายอยู่หรือเปล่า? จะมีคนโง่ที่ไหนเอาขุมทรัพย์สมุนไพรมาขายกัน แล้วไหนจะเรื่องผลักรถที่กำลังแล่นมาอย่างเร็วด้วยฝ่ามือเดียวอีก นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย ยังโอเคอยู่ไหม]

[ใครจะเชื่อลงล่ะทีนี้]

[เจ้าของโพสต์ฝันกลางวันอีกแล้ว]

[ยิ่งอ่านยิ่งแปลก ไม่มีใครเชื่อหรอก]

แต่เมื่อมีคนไม่เชื่อ ก็ย่อมมีคนเชื่อ แม้ว่าจะมีการตั้งคำถามในใจก็ตาม

โพสต์นี้ได้รับความนิยมมาก ในไม่ช้าการปรากฏตัวของขุมทรัพย์สมุนไพรก็แพร่กระจายไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้

หลายคนที่รู้จักผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในเมืองเจียงจิงต่างก็โทรมาเพื่อตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ และคำตอบที่พวกเขาได้รับส่วนใหญ่ก็ล้วนยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

ในเวลานี้ ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกคนต่างรู้สึกอึ้ง เพราะขุมทรัพย์สมุนไพรที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังปราณจากฟ้าดินนั้นหายากมาก

คนที่โชคดีเจอขุมทรัพย์สมุนไพรมักจะซ่อนมันไว้อย่างปลอดภัย ไม่มีทางที่จะเปิดเผยมันต่อหน้าคนอื่น อย่าไปพูดถึงเอามาประมูลเลย

แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกในแวดวงศิลปะการต่อสู้ที่มีการขายขุมทรัพย์สมุนไพรในที่สาธารณะ คงจะมีแค่เพียงฟางชิวคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งแปลก ๆ นี้ได้

บางคนก็ส่งคนไปเยี่ยมผู้อาวุโสอี้ทันทีที่มีข่าวเกี่ยวกับขุมทรัพย์สมุนไพรออกมา

หลังจากที่เห็นคำขอมาเยี่ยมทั้งหมดแล้ว ใบหน้าของผู้อาวุโสอี้ก็เปล่งปลั่งขึ้นเพราะความปลื้มใจ

เขาคิดกับตัวเองว่า ‘จำนวนเงินที่เสียไป มันคุ้มค่าจริง ๆ’

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่หลี่จีที่อยู่ในชุดพลเรือนกำลังนั่งอยู่บนเบาะที่นั่งของรถวิบาก

ส่วนคนขับเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ คนขับคนนี้เป็นทหาร และในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งอีกด้วย

“เหล่าหลี่ คนที่นายเคยพูดให้ฉันฟังก่อนหน้านี้ไม่น่าจะเป็นปรมาจารย์นะ ฉันพนันได้เลยว่านายคิดผิด” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดอย่างมั่นใจ

“ลั่วชู ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่ข่าวลือจริง ๆ” หลี่จีเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “นายได้เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างนี้ ฉันยอมรับว่านายมีพรสวรรค์ที่หายากมาก แต่นายจะมาไม่เชื่อเพราะความเย่อหยิ่งของนายไม่ได้ ฉันเห็นเขากระโดดขึ้นไปบนหลังคา กระโดดข้ามกำแพงจริง ๆ ถ้าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ นายจะอธิบายเรื่องนี้ได้ยังไง”

เจ้าหน้าที่ลั่วชูส่ายหัวพลางยิ้มออกมา

“ฉันเชื่อไม่ลงจริง ๆ นายจะบังเอิญเจอปรมาจารย์ได้ยังไง” ลั่วชูหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วมองไปที่หลี่จี

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายแล้ว!” หลี่จีกลอกตาใส่ลั่วชูอย่างหมดหนทาง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ฆ่าเวลาเดินทางที่น่าเบื่อด้วยการท่องอินเทอร์เน็ต

หลี่จีเข้าไปในเว็บบอร์ดของกลุ่มศิลปะการต่อสู้ กดโพสต์ในเมืองเจียงจิงดูเพื่อตรวจสอบข่าวล่าสุด

ทันใดนั้น หลี่จีก็ตกตะลึง

“ดูนี่สิ! นายมีอะไรจะพูดอีกไหม?” หลี่จีเลื่อนโทรศัพท์ไปตรงหน้าของลั่วชู ขอให้ลั่วชูชะลอรถลง ก่อนจะกล่าวว่า “คืนนี้มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่เมืองเจียงจิง มีชายคนหนึ่งขายขุมทรัพย์สมุนไพรอย่างเปิดเผยในงานแสดงสินค้า”

“อะไรนะ?” ลั่วชูถามด้วยความตกใจ “ขายขุมทรัพย์สมุนไพร?”

“ใช่!” หลี่จีตอบพลางดูโทรศัพท์ของตัวเองไปด้วย “ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้หลายคนในเมืองเจียงจิงยืนยันแล้ว แสดงว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง”

“ให้ตาย มีคนกล้าขายขุมทรัพย์สมุนไพรด้วยเหรอ” ลั่วชูพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “โชคไม่ดีเลย ถ้าพวกเราไปด้วย ขุมทรัพย์สมุนไพรต้นนั้นก็อาจตกอยู่ในมือของฉันแล้ว”

หลี่จีเพิกเฉยต่อคำพูดของลั่วชู และเอ่ยต่อว่า “โพสต์ในเว็บบอร์ดบอกว่าคนขายยังดูเด็กอยู่เลย แถมยังใส่ชุดออกกำลังกายมาขายอีกต่างหาก”

อ่านมาถึงตรงนี้ หลี่จีก็รู้สึกตื่นเต้น เขาตั้งข้อสังเกตว่า “นี่อาจจะเป็นชายลึกลับคนนั้นที่ฉันบอกนายก็ได้!”

“เหอะ” ลั่วชูหัวเราะออกมา “นี่นายยังคิดถึงชายลึกลับของนายอยู่อีกเหรอ? ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ”

“ฮึ!” หลี่จี่พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธ และตอบไปว่า “เดี๋ยวนายก็รู้เอง”

“ฮ่า ๆ…” ลั่วชูหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน “เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ฉันจะทดสอบชายลึกลับของนาย จะได้เห็นว่าฉันร้ายกาจแค่ไหน”

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว หลี่จีก็ขบริมฝีปากของตัวเอง แต่พอเขานึกถึงชายลึกลับคนนั้นแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ

เขาเชื่อว่าตราบใดที่ชายลึกลับสามารถเคลื่อนตัวไปที่กลางทะเลสาบในวันนั้นได้ แสดงว่าเขาคนนั้นก็ต้องเป็นปรมาจารย์แน่นอน

คิดแล้ว หลี่จีก็หมดหวังที่จะตามหาชายลึกลับคนนั้น

“นายมีวิธีทำให้เขาเปิดเผยตัวบ้างไหม” หลี่จีหันไปถามลั่วชู

ถ้าชายลึกลับไม่ยอมปรากฏตัวออกมา แล้วใครจะสามารถทำให้เขายอมปรากฏตัวออกมาได้?

“มันจะยากอะไรขนาดนั้น? ฉันมีแผนดี ๆ อยู่!” ลั่วชูคลี่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน

“แผนอะไร? บอกฉันมา!” หลี่จี่ถามอย่างกระตือรือร้น

แต่ลั่วชูก็ปฏิเสธที่จะบอก

“จะบอกไม่บอก” หลี่จี้เอ่ยถามพลางคว้ากงล้ออธิษฐาน*[1] ขึ้นมา

ลั่วชูเลิกคิ้ว ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า “ฉันจะยอมบอกก็ได้”

“ดีมาก” หลี่จี้จึงวางกงล้ออธิษฐานลง

กงล้ออธิษฐานนี้ลั่วชูได้มาจากพระสงฆ์ในทิเบต และเขาก็หวงแหนมันอย่างสุดซึ้ง การข่มขู่ลั่วชูด้วยกงล้ออธิษฐานนี้ไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้ง

“แผนอะไร” หลี่จีถาม

ลั่วชูหัวเราะก่อนจะตอบออกมาแค่สองคำว่า “สุนัขตำรวจ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ร่างกายของหลี่จีก็สั่นด้วยความตื่นเต้นทันที

“ใช่แล้ว! ทำไมฉันถึงคิดวิธีนี้ไม่ออกกันนะ” หลี่จีพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สุนัขตำรวจดมหากลิ่นได้ดีมาก พวกมันสามารถหาชายลึกลับเจอแน่ ๆ คืนนั้นฉันใช้กล้องมองตอนกลางคืน จะได้รู้ว่าชายลึกลับยืนอยู่ตรงไหน ถึงจะผ่านไปหลายวัน สถานที่นั้นก็มีคนเข้าไปแค่ไม่กี่คน ยังไงซะมันก็น่าจะยังมีกลิ่นเหลืออยู่บ้าง”

“ใช้ได้นี่นา! ความคิดที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้นายก็ยังอุตส่าห์คิดออกมาได้” หลี่จีกล่าวชมเชย

“แน่นอน!” ลั่วชูตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ

แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าชายลึกลับที่หลี่จีกำลังพูดถึงจะอยู่ในระดับปรมาจารย์

“ขับรถช้าจริง” เมื่อมีแผนการแล้ว หลี่จี้ก็เร่งลั่วชูทันที “เร็วเข้า! พวกเรารีบไปที่เมืองเจียงจิงให้ไวเลย ฉันจะไปตามหาชายลึกลับคนนั้น!”

“แล้วไม่ใช่นายเหรอที่เป็นคนขอให้ฉันขับรถให้ช้าลงน่ะ” ลั่วชูกลอกตาใส่หลี่จี แล้วเหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองเจียงจิง

[1] กงล้ออธิษฐาน ในภาษาจีนเรียกว่า “จ่วนจิงถ่ง” (转经筒) ในภาษาทิเบตเรียกว่า “หม่านี” (མ་ནི།, mani) มันมีลักษณะเหมือนล้อหมุนทรงกระบอก อาจทำด้วยโลหะ ไม้ หรือหิน พื้นผิวรอบทรงกระบอกด้านข้างจะประดับไปด้วยตัวอักษรที่เป็นมนตราศักดิ์สิทธิ์ เป็นคำว่า “โอม มณี ปัทเม ฮัม” ซึ่งเขียนด้วยภาษาทิเบตโบราณ แปลได้ว่า “โอม อัญมณีในดอกบัว” ชาวทิเบตเชื่อว่าการสวดมนต์กับการหมุนกงล้ออธิษฐานไปพร้อม ๆ กันเป็นการสะสมผลบุญเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และยังเป็นการชำระบาปกรรมอีกด้วย

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน