บทที่ 107 มือสมัครเล่นเอาชนะมืออาชีพได้!
บทที่ 107 มือสมัครเล่นเอาชนะมืออาชีพได้!
ที่จริงแล้ว ในตอนแรกฟางชิวก็อยากจะชำระแค้นกับเกาเฟย แต่ว่ามือของเขายังถือกระเป๋าเดินทางที่มีเงินสดสามแสนหยวนอยู่ เขาก็เลยปฏิเสธไป
แต่ตอนนี้มีอาจารย์หม่าเข้ามาดูแลการแข่งแล้ว ฟางชิวจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธการแข่งอีก ชายหนุ่มสามารถเริ่มการสะสางความแค้นกับเกาเฟยได้แล้ว
“ดี งั้นพวกนายมากับฉัน” อาจารย์หม่าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจพลางเดินนำไปที่จุดเริ่มต้นของลู่วิ่ง
เกาเฟยเหลือบมองฟางชิวอย่างท้าทาย ก่อนที่จะเดินตามอาจารย์หม่าไป ส่วนฟางชิวก็ยังคงเฉยเมยต่อทุกสิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่นาน ทั้งสามคนก็เดินมาถึงจุดสตาร์ตของลู่วิ่ง
“ทุกคนหยุดฝึกกันก่อน” อาจารย์หม่าที่ยืนอยู่ตรงจุดสตาร์ตเป่านกหวีดที่ห้อยอยู่ที่คอ พลางโบกมือให้กับนักศึกษาทุกคนที่กำลังฝึกซ้อมกีฬาในมหาวิทยาลัยในช่วงวันหยุด จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “รวมตัว!”
ในเวลาอันสั้น นักศึกษาที่เก่งด้านกีฬาทุกคนก็มารวมตัวกันทันที
“ทุกคนออกไปพักผ่อนกันก่อน เดี๋ยวเกาเฟยกับฟางชิวต้องใช้ลู่วิ่ง”
อาจารย์หม่ากล่าวในขณะที่เหลือบมองฟางชิวกับเกาเฟยไปด้วย จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “วันนี้เกาเฟยกับฟางชิวกำลังจะแข่งวิ่งเพื่อกระชับมิตรกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น นักศึกษาเหล่านั้นก็มองไปที่ฟางชิวด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเรียนอยู่ในเอกกีฬา ได้ยินชื่อของเกาเฟยตั้งแต่ยังไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีมกรีฑาด้วยซ้ำ
ในการวิ่งแข่ง เกาเฟยมักจะอยู่ในอันดับหนึ่งอยู่เสมอ และความเร็วของเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว แล้วฟางชิวล่ะเป็นใคร?
ทุกคนต่างสับสน เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่รู้ว่าใครคือฟางชิว
“นักศึกษาที่ชื่อฟางชิวน่ะ ไม่ได้เรียนอยู่ในเอกกีฬาของพวกเราใช่ไหม?”
“ไม่เคยได้ยินชื่อนะ”
“เหมือนว่าจะเคยเห็นชื่อนี้ในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ฟางชิวน่าจะเรียนแพทย์แผนจีน”
“ไม่มีทาง!”
“เด็กแพทย์แผนจีนอะนะจะแข่งวิ่งกับเกาเฟย?”
“ฟางชิวหาเหาใส่ตัวเองเหรอ อะไรของเขากัน?”
“ใช่แล้ว ไม่มีการแข่งขันไหนที่เกาเฟยไม่ได้อันดับหนึ่ง เรื่องนี้ฟางชิวไม่รู้หรอกเหรอ?”
“ไม่น่าสนใจเลยอะ! การแข่งนี้มีอะไรให้น่าดูกัน? ยังไงซะคนที่ชื่อฟางชิวก็ต้องแพ้ ทำไมอาจารย์หม่าถึงได้จัดการแข่งขันแบบนี้ขึ้นมานะ”
“ในเมื่อน้องใหม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเอง พวกเราก็ต้องจัดการให้เขาสมใจสิ”
“น้องใหม่ปีนี้ห่วยจริง ๆ ดูยังไงก็โง่”
นักศึกษาที่เรียนเอกกีฬาพากันชี้นิ้วไปที่ฟางชิว ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มเลย พวกเขารู้ว่าผลของเกมนี้ได้รับการตัดสินแล้ว เพราะเกาเฟยจะบดขยี้ฟางชิวได้อย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง
ตอนที่มองดูเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาแล้ว สมาชิกของทีมกรีฑาทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองฟางชิวด้วย
“นั่นเขาเหรอ” สมาชิกในทีมกรีฑาคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยประหลาดใจและไม่แน่ใจ
“อาจจะ” สมาชิกในทีมกรีฑาอีกคนหนึ่งตอบออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“เขานั่นแหละ! เช้าวันนั้นฉันวิ่งตามเขาไปติด ๆ ฉันมั่นใจ เขาแน่ ๆ” สมาชิกในทีมคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เมื่อได้ยินการสนทนาของสมาชิกในทีมกรีฑาเหล่านั้นแล้ว นักศึกษาเอกกีฬาคนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกสงสัยทันที
“ใครอ่า? พวกนายกำลังพูดถึงใครกัน”
“พวกนายรู้จักเขาเหรอ” นักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยถามพลางชี้ไปที่ฟางชิว
“ไม่รู้จัก แต่ฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง” แล้วสมาชิกในทีมกรีฑาก็เล่าถึงเหตุการณ์ริมทะเลสาบให้คนอื่น ๆ ฟัง “เช้าวันนั้นพวกเราเจอฟางชิวตอนที่กำลังฝึกซ้อมที่ทะเลสาบ เขาไปวิ่งด้วย แต่วิ่งเร็วมาก เร็วกว่าเกาเฟยด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฝูงชนก็ตกใจทันที
“บ้า! เร็วกว่าเกาเฟยอีกเหรอ?” เสียงนี้ดังออกมาจากสมาชิกชมรมกรีฑาที่กำลังตกใจ
“อันที่จริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ใบหน้าของสมาชิกในทีมกรีฑาคนนั้นก็มีรอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นมา หัวใจของเขายังคงสั่นสะท้านด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็เล่าต่อว่า
“ฉันจำได้ว่าวิ่งไปสองรอบ เจอเขาตั้งสี่ครั้ง ทุกครั้งที่เขาวิ่งแซงหน้าพวกเรา เกาเฟยก็จะเร่งความเร็วตามไป ฉันไม่ได้ไปมองดูใกล้ ๆ ว่าใครเร็วกว่ากัน แต่บอกพวกนายได้ว่าทักษะการวิ่งของคนที่ชื่อฟางชิวไม่เบาเลย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะเกาเฟยได้ไหม”
ฟังจบแล้ว นักศึกษาเอกกีฬาเหล่านั้นก็ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เกาเฟยวิ่งเร็วมาก แต่ถ้าบอกว่าฟางชิววิ่งเร็วกว่าเกาเฟย ชายหนุ่มก็เป็นสัตว์ประหลาดแล้ว
ตามที่สมาชิกในทีมกรีฑาได้เล่ามา ฟางชิวคนนี้น่าจะมีความสามารถอยู่พอสมควร ดังนั้นเขาก็ไม่น่าจะประสบกับความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชจนเกินไป
คิดได้มาถึงจุดนี้ เหล่านักศึกษาเอกกีฬาที่ไม่ได้สนใจในการแข่งวิ่งนี้เท่าไรในตอนแรกก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“ถ้ามันเป็นอย่างที่สมาชิกของทีมกรีฑาเล่าจริง ๆ การแข่งในครั้งนี้มันก็น่าตื่นเต้นขึ้นมาแล้วน่ะสิ”
“เริ่มน่าสนใจแล้ว”
“ถ้าฟางชิวคนนี้เก่งจริง ๆ เกาเฟยก็รักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งในมหาวิทยาลัยไว้ยากแล้ว”
“ไร้สาระ เกาเฟยน่ะเก่งที่สุดในมหาวิทยาลัยแล้ว ฟางชิวไม่ได้เก่งกีฬาด้วยซ้ำ เขาจะเอาชนะเกาเฟยได้ไง”
“ถูกต้อง ชัยชนะต้องเป็นของเกาเฟยสิ”
“ฉันเข้าใจนะว่าฟางชิวมองหาความท้าทาย แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องเลือกเกาเฟยด้วย ทีมกรีฑามีอีกตั้งหลายคน ทำไมเขาหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้?”
“ฉันได้ยินมาว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนเป็นคนแปลก ๆ บางทีฟางชิวอาจจะชอบโดนกระทำก็ได้”
“ฮ่า ๆๆ” พูดแล้วเสียงหัวเราะก็ดังมาจากนักศึกษาเอกกีฬากลุ่มนี้
แม้จะได้รับการยืนยันจากสมาชิกทีมกรีฑาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อในทักษะการวิ่งของฟางชิวอยู่ดี
ทุกคนเชื่อว่า ถ้าฟางชิวได้เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของเกาเฟยแล้ว ฟางชิวก็จะพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่งของสนาม
“พวกเรามาวอร์มร่างกายกันก่อน” อาจารย์หม่ามองไปที่ฟางชิวแล้วกล่าวว่า “เกาเฟยฝึกซ้อมมาก่อนแล้ว ถ้างั้นก็ข้ามการวอร์มร่างกายไปเลย”
“ไม่จำเป็นครับ” ฟางชิวส่ายหัวไปมา
“หืม?” อาจารย์หม่าประหลาดใจ ก่อนจะตำหนิว่า “นักศึกษาฟางชิว การวอร์มร่างกายก่อนวิ่งช่วยเธอหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บและอุบัติเหตุอื่น ๆ ได้ เธอแน่ใจนะว่าจะข้ามมันไป”
“ผมขอขอบคุณอาจารย์หม่าสำหรับความห่วงใย แต่ผมไม่ต้องการวอร์มร่างกาย” ฟางชิวพูดซ้ำพลางพยักหน้า
เกาเฟยจ้องไปที่ฟางชิวอย่างดูถูก และพูดกับตัวเองว่า ‘แกรอดูความพ่ายแพ้เลย นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว!’
นักศึกษาเอกกีฬาคนอื่น ๆ ก็หันมามองพวกเขาด้วยความสนใจเช่นกัน
“ไม่วอร์มร่างกายก่อนเหรอ? กำลังอวดดีอยู่รึไง?”
“ไม่แปลกใจที่เขาไม่ได้เก่งเรื่องกีฬา เขาไม่รู้ถึงความสำคัญของการวอร์มร่างกายด้วยซ้ำ”
“หวังว่าข้อเท้าของเขาจะไม่พลิกระหว่างวิ่งนะ!”
“เขาเป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีน ที่ไม่วอร์มร่างกายเพราะเขารักษาตัวเองได้น่ะสิ”
ฝูงชนกระซิบกระซาบกันอย่างสนุกสนาน เป็นเหตุให้หัวเราะออกมากันอีกครั้ง
“ถ้าไม่วอร์มอัป พวกนายก็เตรียมตัวให้พร้อม การแข่งรอบแรก วิ่งหนึ่งร้อยเมตร” อาจารย์หม่ากล่าวออกมาหลังจากครุ่นคิด จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้สมาชิกทีมกรีฑาไปจับเวลาที่เส้นชัยที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร
เกาเฟยกระโดดเตรียมตัวเบา ๆ รอยยิ้มเยาะเย้ยของเขายังไม่ได้จางหายไปไหน
ส่วนฟางชิวคลายเสื้อผ้าของเขาเล็กน้อย เดินไปที่จุดเริ่มต้นเพื่อพร้อมที่จะออกวิ่ง
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว อาจารย์หม่าที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เป่านกหวีดแล้วยกมือขวาขึ้น
ครู่ต่อมา
ปี๊บ!
พอเสียงนกหวีดดังขึ้น อาจารย์หม่าก็เหวี่ยงมือขวาลงอย่างรวดเร็ว
เกาเฟยพุ่งพรวดออกไปราวกับว่ามีปีกบินได้ แต่ในขณะที่เกาเฟยวิ่งไปได้เพียงสิบเมตร เขาก็ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวในหู
เมื่อเกาเฟยหันหน้าไปมอง เขาก็พบว่าฟางชิวกำลังวิ่งไล่ตามหลังมา และยังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ก่อนที่เขาจะได้สติกลับมา ฟางชิวก็แซงหน้าเขาไปแล้ว เห็นแบบนั้นแล้ว เกาเฟยก็เริ่มรู้สึกร้อนรน เขากัดฟันแน่นและหลับตาวิ่งไปอย่างสิ้นหวัง
หลังเห็นภาพตรงหน้า นักศึกษาเอกกีฬาทุกคนต่างตกตะลึง
เกาเฟยถูกแซง?
ฟางชิวคนนั้นวิ่งแซงหน้าเกาเฟยได้อย่างนั้นหรือ?
ในความคิดของพวกเขา เกาเฟยน่าจะวิ่งนำหน้าฟางชิวได้อย่างง่ายดาย แต่ความเป็นจริง ตรงหน้ากลับเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับความคิดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย? ฟางชิววิ่งเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”
“แซงหน้าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้วิ่งแซงเกาเฟยไปแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“ดูท่าวิ่งของฟางชิวสิ จัดระเบียบร่างกายดีทุกส่วนเลย”
ฝูงชนต่างตระหนกตกใจ
ใครจะรู้ว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนจะวิ่งแซงหน้าสมาชิกทีมกรีฑาในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรได้ และสมาชิกคนนั้นก็ยังเป็นเกาเฟย ผู้ที่วิ่งได้ไวที่สุดของทีมกรีฑาด้วย
หนึ่งร้อยเมตรนั้นสั้นมาก พอการแข่งขันจบลง ฝูงชนก็เลยยังช็อกอยู่
ทั้งสองคนกับสมาชิกทีมกรีฑาที่กำลังจับเวลาเดินกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
ฟางชิวดูสงบมาก และเขาก็ไม่มีอาการหอบเลย
เกาเฟยก็มีอาการไม่ต่างจากฟางชิวเท่าไร แต่สีหน้าของเขากลับดำยิ่งกว่าก้นหม้อซะอีก
“เรียนแพทย์แผนจีนแต่เป็นนักวิ่งที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ไง”
“แม่งเอ๊ย! ความเร็วเมื่อกี้แม่งโคตรน่าเหลือเชื่อเลย”
“แม้แต่เกาเฟยก็เอาชนะไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เก่งจริง ๆ!”
ฝูงชนจ้องไปที่ฟางชิวด้วยความทึ่ง ความรู้สึกทึ่งกับความรู้สึกที่พวกเขากำลังประสบอยู่ในขณะนี้ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ได้ฉายซ้ำในจิตใจของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และมันยังคงท้าทายความรู้ความเข้าใจของพวกเขาต่อไป
นักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งเพิ่งเอาชนะนักศึกษาเอกกีฬาในการวิ่งหนึ่งร้อยเมตรได้?
เอ่อ… ความสมเหตุสมผลนี้ มันอยู่ตรงไหนกัน?
ความจริงตรงหน้าได้บดขยี้ความคิดของนักศึกษาเอกการกีฬาทุกคน!
“แจ้งเวลามา” เมื่อทั้งสามคนกลับมาที่จุดเริ่มต้น อาจารย์หม่าก็ร้องเรียกทันที
“เกาเฟย ใช้เวลา 11.01 วินาที!”
“ฟางชิว ใช้เวลา 10.3 วินาที!”
เมื่อฟังผลแล้ว ทุกคนก็ตกตะลึง
10.3 วินาที? นั่นก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้ฟางชิวผ่านการเข้ารอบชิงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยระดับชาติได้แล้วมั้ง?
ปีที่แล้วแชมป์วิ่งหนึ่งร้อยเมตรในการแข่งขันกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยระดับชาติ ทำสถิติเอาไว้อยู่ที่ 10.28 วินาที
แต่ฟางชิวทำเวลาได้ 10.3 วินาที!
นี่มันไม่ปกติแล้ว!
แม้แต่อาจารย์หม่าผู้มากประสบการณ์ก็ยังตกตะลึงไปกับเขาด้วย
เขาวิ่งออกไปโดยไม่ได้วอร์มร่างกายและทำเวลาได้ 10.3 วินาที? เพราะอย่างนั้นก็หมายความว่า เขาน่าจะวิ่งเร็วกว่านี้ ถ้าเขาได้วอร์มร่างกายอย่างเหมาะสมสินะ…
เมื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว อาจารย์หม่าก็ประหลาดใจเป็นอย่างมากและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
11.01 วินาทีของเกาเฟยนั้นก็ดีอยู่แล้ว
แต่ฟางชิวคนนี้ก็ยอดเยี่ยมมาก!
ด้วยผลลัพธ์ที่น่าอึ้งเช่นนี้ จึงไม่มีใครสนใจผลลัพธ์ของเกาเฟยเลย
เป็นต้นกล้าที่ดีจริง ๆ!
อาจารย์หม่ามองไปที่ฟางชิวด้วยตาเป็นประกายระยิบระยับ
“ฉันไม่ยอมรับ!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังอึ้งกับผลลัพธ์ของฟางชิว เกาเฟยก็โวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจ “ต่างแค่วินาทีเดียวเอง ฉันน่ะซ้อมมาตั้งชั่วโมงนึงก่อนแข่ง ก็เลยใช้แรงไปเยอะ ไม่งั้นฉันก็วิ่งได้เร็วกว่าเขาแล้ว!”
“อีกอย่าง เขาวิ่งอยู่ใกล้ฉันมาก จนรบกวนจังหวะการวิ่งของฉัน ไม่งั้นฉันทำได้ดีกว่านี้แน่!”