คุรุการแพทย์ – บทที่ 119 มีคนเป็นลม!

คุรุการแพทย์

บทที่ 119 มีคนเป็นลม!

บทที่ 119 มีคนเป็นลม!

ส่วนบนเวที คณบดีของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง

“งานใหญ่แบบนี้หายากจริง ๆ”

“นั่นสิ คลื่นฝูงชนแบบนี้ผมเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้งเอง” คณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจวกล่าว

“แค่เด็กคณะเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่มันจะน่ากลัวมากถ้านักศึกษาจากทุกคณะมารวมตัวกันที่นี่” คณบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์จีนจงโจวพยักหน้าเห็นด้วย

“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว มหาวิทยาลัยแพทย์จีนเจียงจิงจะต้องกลายเป็นที่นิยมแน่นอน” คณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงฉางพยักหน้าพลางกล่าวต่อ “ฉันพนันได้เลยว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะได้ฉายทางทีวีเร็ว ๆ นี้แหละ คงกระจายความนิยมได้แน่ ๆ! ถ้าเด็กมัธยมเห็นละก็ พวกเขาต้องมาสมัครเรียนที่นี่แน่ ๆ!”

“น่าเสียดายที่พวกเราช้าไปหนึ่งก้าว” คณบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงส่ายหัว รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ทำไมฟางชิวถึงต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์จีนเจียงจิงนะ ทำไมไม่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ของพวกเราล่ะ”

“พวกคุณคิดว่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะลืมโฆษณาโครงการนี้ไหมล่ะ”คณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์จงโจวเอ่ยถามขึ้นมา

“ไม่มีทาง” คณบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮุ่ยโจวส่ายหัวแล้วกล่าวเสริมว่า “โครงการนี้มันเป็นโครงการที่ใหญ่มาก คุณเป็นคณบดีของมหาวิทยาลัย พวกเขาก็เช่นกัน พวกเขาตัดสินใจเปิดตัวโครงการนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องคิดถึงข้อดีและข้อเสียทั้งหมดอย่างรอบคอบแล้ว และพวกเขาก็ไม่น่าจะพลาดโอกาสที่ดีอย่างการโฆษณาหรอก” ฟังจบ คณบดีของมหาวิทยาลัยอีกหกแห่งต่างก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมา

ต่างคนต่างคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันจะดีแค่ไหนถ้าโอกาสนี้ตกอยู่ในมือพวกเขา!

อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงได้ก้าวนำหน้าพวกเขาไปแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆได้อีกต่อไป

พวกเขาทั้งแปดคนกล่าวลากับเฉินอินเซิงแล้วเตรียมพร้อมจะจากไป เพราะพวกเขาต้องรายงานสถานการณ์นี้ให้มหาวิทยาลัยของตนเองทราบ ก่อนที่ความนิยมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะลุกลามไปทั่วประเทศ

บางที พวกเขาอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากความนิยมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงทำการโฆษณาชวนเชื่อได้

หลังจากกล่าวคำอำลาแล้ว คณบดีของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งก็จากไปอย่างเร่งรีบ

อีกด้านหนึ่ง

ฉีไคเหวินเองก็มาถึงสนามกีฬาตั้งแต่เช้า เขาจึงมีโอกาสได้เห็นความยิ่งใหญ่ของงานนี้ แม้ว่าเขาไม่ได้กล่าวสุนทรพจน์บนเวที แต่เขาก็ยังยิ้มกว้างได้

ในฐานะคณบดีของคณะแพทย์แผนจีน เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาพยายามที่จะพัฒนาตนเอง?

‘ในที่สุด ฉันก็ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่’ ฉีไคเหวินคิดกับตัวเอง

ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์มากมายเท่าไร ไม่เหมือนคณบดีรุ่นก่อน ๆ เพราะเขาให้ความสนใจกับสิ่งที่สมควรได้รับความสนใจ แล้วยังคงระมัดระวังกับเข้มงวดกับทุกเรื่อง เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ทำตามผลงานของคณบดีคนก่อน ๆ โดยไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือมหาวิทยาลัยมากนัก

บางครั้งก็มีบางสิ่งที่เขาไม่ต้องการทำ แต่เพราะตำแหน่งคณบดี เขาเลยต้องจำใจทำสิ่งนั้น เมื่อโครงการฝึกงานนี้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ความกังวลในใจของเขาก็จางลงไปมาก

เช่นเดียวกันกับจางซินหมิงที่เป็นรองคณบดีคณะแพทย์แผนจีน ตอนนี้เขาก็อยู่ในสนามกีฬาเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่เคียงข้างฉีไคเหวินก็ตาม เมื่อมองไปที่เหล่านักศึกษาที่กำลังมีความกระตือรือร้นสูง จางซินหมิงก็รู้สึกมีความสุขมาก

“นี่มันยอดเยี่ยมมาก!”

ในความเห็นของเขา นี่ถือว่าเป็นความสำเร็จในอาชีพการงาน และผลลัพธ์ในอนาคตของนักศึกษาก็จะเป็นความสำเร็จในอนาคตของเขาเช่นกัน

เมื่อคิดถึงผลการเรียนของนักศึกษา ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย และตำแหน่งของเขา จางซินหมิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

แต่ข้อเสียเพียงข้อเดียวก็คือ ไอ้ฉีไคเหวินก็ได้รับความสำเร็จของผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้ไปด้วยครึ่งหนึ่ง

มีข้อบกพร่องเล็กน้อยในความสมบูรณ์แบบจริง ๆ!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วสามชั่วโมงก็ผ่านไปในพริบตา

ตอนนี้เวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว

หนึ่งชั่วโมงก่อนการรับประทานอาหารกลางวัน จู่ ๆ ที่ปลายแถวก็มีนักศึกษาคนหนึ่งเป็นลมหลังจากยืนรอภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผานานถึงสามชั่วโมงเต็ม

“เอ๋?”

การเป็นลมอย่างกะทันหันของนักศึกษาคนนี้ทำให้นักศึกษาที่อยู่ใกล้ ๆ ตื่นตะหนกตกใจ

พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าเพื่อพยายามพยุงนักศึกษาคนนี้ขึ้นมา ขณะนั้นเองก็ได้มีนักศึกษาคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา “ช่วยด้วย! มีคนเป็นลม!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฝูงชนในสนามกีฬาก็พากันแตกตื่น พวกเขาหันไปมองที่เกิดเหตุทันที

แต่เนื่องจากพวกเขายังเข้าแถวกันอยู่ นักศึกษาส่วนใหญ่จึงยืนอยู่กับที่แล้วไม่ขยับเขยื้อนไปไหน พวกเขาทำได้แค่มองดูนักศึกษาที่อยู่ในแถวเดียวกันกับล้มลงไปกับพื้น

“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อได้ยินเสียงตะโกน เฉินอินเซิงก็หันไปมองทันที จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้อย่างโกรธจัด “คุณไม่ได้เตรียมซุปถั่วเขียวเหรอ? ทำไมนักศึกษาถึงเป็นลมได้?”

เจ้าหน้าที่ตอบกลับไปอย่างเศร้าสร้อยว่า “รองอธิการบดี ผมได้เตรียมซุปถั่วเขียวจำนวนมากตามที่ท่านสั่งแล้ว แต่ไม่มีนักศึกษาคนไหนมากินเลย เพราะพวกเขาเข้าแถวกันนานแล้ว ทำให้พวกเขาไม่อยากไปต่อแถวใหม่”

เฉินอินเซิงตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน เขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“ไอ้เด็กพวกนี้… ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับพวกเขาแล้ว” เป็นเรื่องดีที่นักศึกษามีความกระตือรือร้น แต่ในฐานะรองอธิการบดีแล้ว เขาไม่อยากเห็นนักศึกษาเป็นลมในขณะที่สัมภาษณ์

“ไปจัดการปฐมพยาบาลนักศึกษาที่เป็นลมซะ แล้วเอาซุปถั่วเขียวไปแจกให้นักศึกษาแต่ละคนด้วย!” เฉินอินเซิงสั่งการลงไป

“ครับ!” เจ้าหน้าที่ตอบ

ขณะที่เจ้าหน้ากำลังจะไปปฐมพยาบาลให้นักศึกษาที่เป็นลม อาจารย์เจ้าของแถวที่นักศึกษาเป็นลมก็ลุกขึ้นมาเสียก่อน

ชื่อของเขาคือเจิ้งกั๋วชิ่ง ศาสตราจารย์ด้านการฝังเข็มและการรมยา

“ขอทางหน่อย” เจิ้งกั๋วชิ่งตะโกนออกมาขณะที่เขากำลังเดินไปหานักศึกษาที่เป็นลม และเมื่อเห็นเขาเดินเข้าไป เหล่านักศึกษาต่างก็หลีกทางให้

ทางด้านของฟางชิวที่กำลังเดินไปรอบ ๆ สนามกีฬาก็มุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุเช่นกัน

เจิ้งกั๋วชิ่งนั่งลงอยู่เบื้องหน้าของนักศึกษาเป็นลม จากนั้นจึงเริ่มตรวจนักศึกษาคนนั้น หลังจากที่ตรวจร่างกายแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวของเจิ้งกั๋วชิ่ง เขารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีจึงตรวจร่างกายของนักศึกษาอย่างรอบคอบ แล้วพูดกับนักศึกษาที่อยู่รอบตัวเขาไปด้วยว่า

“พวกเธอลองดูตรงนี้สิ!” เจิ้งกั๋วชิ่งพูดขึ้นมาแล้วชี้ไปที่นักศึกษาที่เป็นลม “ถึงแม้ว่าอุณหภูมิร่างกายของนักศึกษาคนนี้จะสูงมาก แต่เขามีเหงื่อไม่มากนัก”

ระหว่างที่เขาพูด เขาก็จับเส้นชีพจรของนักศึกษาไปด้วย

“ชีพจรเต้นเบาราวกับกระดาษนุ่ม ๆ ที่ลอยอยู่บนน้ำ พอเอานิ้วกดลงนิดหน่อยมันก็จะหายไป นี่เป็นการวัดชีพจรโดยทั่วไป”

หลังจากวัดชีพจรแล้ว เจิ้งกั๋วชิ่งก็เอื้อมมือออกไปเปิดปากของนักศึกษาที่เป็นลม เพื่อตรวจสอบการฝ้าบนลิ้นของเขาอย่างละเอียด “ฝ้าบนลิ้นของเขาเป็นสีขาวและมันเยิ้ม”

จากนั้น เจิ้งกั๋วชิ่งก็เอ่ยถามนักศึกษาที่ได้สติขึ้นมาหลังจากถูกจับให้อ้าปากอย่างอ่อนโยนว่า “นักศึกษา ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“ผม…ปวดหัว เวียนหัว แน่นหน้าอก คลื่นไส้เล็กน้อยด้วยครับ รู้สึกอ่อนเพลีย แล้วก็รู้สึกอยากนอนด้วย” นักศึกษาพยายามตอบคำถามด้วยความยากลำบาก

“อืม” เจิ้งกั๋วชิ่งพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อว่า “ร่างกายมีอุณหภูมิสูง แต่มีเหงื่อออกเล็กน้อย มีอาการเวียนหัว ปวดหัว แน่นหน้าอก คลื่นไส้ กระสับกระส่าย กระหายน้ำ ง่วงนอน มีฝ้าสีขาวบนลิ้น และชีพจรก็เต้นเร็ว อาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปของโรคลมแดด แต่ไม่ต้องกังวล อาการเหล่านี้ไม่รุนแรง”

“อาการของผู้ป่วยที่รุนแรงก็คือ รู้สึกร้อนผิดปกติและมีความกระหายน้ำมาก ริมฝีปากกับผิวหนังแห้ง รู้สึกหงุดหงิด เวียนหัว และอาจมีอาการเป็นตะคริวกับอาการชัก…” ในช่วงที่เจิ้งกั๋วชิ่งพูดนั้น เขาก็กลับไปที่เก้าอี้ หยิบเข็มเงินออกมา ก่อนที่จะกลับไปหานักศึกษาที่ป่วยเป็นโรคลมแดดอีกครั้ง

เจิ้งกั๋วชิ่งหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งเข็มแล้วปักเข้าไปที่จุดฝังเข็ม “ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดดและมีอาการไม่รุนแรงมากนั้น ให้ดูการทำงานของเส้นลมปราณกับเส้นลมปราณหยางหมิง*[1] เป็นหลัก แล้วค่อยรักษาด้วยการฝังเข็ม”

“ตำแหน่งที่จะต้องฝังเข็มมีดังนี้ ตำแหน่งต้าจุย ตำแหน่งชวีฉือ ตำแหน่งเหอกู่ และตำแหน่งเน่ยกวน” ขณะที่กำลังบอกตำแหน่งแต่ละจุดนั้น เจิ้งกั๋วชิ่งก็จะปักเข็มลงไปหนึ่งเข็มด้วยความแม่นยำ

ไม่กี่นาทีต่อมา เจิ้งกั๋วชิ่งก็ค่อย ๆ ดึงเข็มออกไป ทำให้นักศึกษาที่เป็นลมและมีอาการอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรงสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง

“ไม่เป็นไรแล้ว” เจิ้งกั๋วชิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กินซุปถั่วเขียวแล้วไปพักผ่อนเถอะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์ แต่ผมไม่จำเป็นต้องกินซุปถั่วเขียวหรอกครับ” นักศึกษาคนนั้นพูดอย่างจริงใจ โดยยืนกรานว่าเขาจะอยู่ในแถวต่อไป เขารู้ว่าถ้าเขาออกจากแถวไปแล้ว เขาก็จะไม่มีวันกลับมาในลำดับนี้ของแถวอีกเลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องอยู่ในแถวต่อไป แม้ว่าเขาจะต้องเป็นลมไปอีกครั้งก็ตาม

เมื่อนักศึกษาคนนั้นปฏิเสธที่จะออกจากแถว เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็รีบนำซุปถั่วเขียวกับร่มบังแดดมาให้เขา

เมื่อเห็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของนักศึกษาที่เป็นลมแล้ว เหล่านักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ก็ส่งเสียงฮือฮา

“ว้าว! อาจารย์คนนี้น่าทึ่งมาก!”

“ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีในการรักษาคนที่เป็นลมได้!”

“ฉันเคยเป็นโรคลมแดดมาก่อนและต้องใช้เวลานานมากกว่าฉันจะลุกขึ้นยืนได้เอง อาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่งเก่งจริง ๆ ดูสิ หลังจากฝังเข็ม ผู้ป่วยก็หายป่วยทันที”

“การฝังเข็มกับการรมยาทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมรอบข้าง นักศึกษาคนหนึ่งก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

รอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นใบหน้าของเจิ้งกั๋วชิ่ง จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า “นี่เป็นเพียงการฝังเข็มเบื้องต้นเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงจะสามารถรักษาโรคที่หายยากได้ ตราบใดที่พวกเธอตั้งใจเรียน พวกเธอก็จะประสบความสำเร็จในการฝังเข็ม และการช่วยชีวิตคนอื่น”

สิ้นเสียงของเจิ้งกั๋วชิ่ง การสนทนาของเหล่านักศึกษาก็เริ่มมีความกระตือรือร้นมากขึ้นทันที

“ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปเรียนการฝังเข็ม!”

“เธอไม่ได้อยากเรียนการจัดกระดูกหรอกเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว การฝังเข็มดูทรงพลังมากเลยนี่ ให้ผลเร็วมากด้วย ฉันอยากเรียนการฝังเข็ม!”

“ฉันด้วย!”

“ฉันก็เหมือนกัน!”

ไม่นานนักศึกษาหลายคนก็เดินออกจากแถวเพื่อไปเข้าแถวของอาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่ง

เดิมทีแล้วแถวของอาจารย์ทั้งห้าสิบคนนั้นมีความยาวที่ไม่แตกต่างกันเท่าไร ทว่าในเวลานี้แถวของอาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่งก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในเวลาอันสั้น

นักศึกษาหลายคนเข้ามาต่อแถวของอาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่งด้วยความชื่นชม เห็นแบบนี้แล้ว อาจารย์เจิ้งกั๋วชิ่งก็นั่งฉีกยิ้มจนหน้าบาน

ช่างเป็นผลลัพธ์ที่เยี่ยมเกินคาดมาก!

แต่อาจารย์ท่านอื่นต่างก็หน้าเปลี่ยนสี

“จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ตัวนี้… ดึงดูดนักศึกษาด้วยวิธีการแบบนี้เนี่ยนะ ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ”

“โอ๊ย ทำไมฉันถึงคิดวิธีนี้ไม่ออกนะ ไม่งั้นฉันก็ไปรักษาให้นักศึกษาคนนั้นแล้ว!”

“ไม่นะ! นักศึกษาของฉันทุกคนกำลังไปหาเขา แล้วอย่างนี้ฉันจะสอนใคร?”

พวกเขาแอบพึมพำกับตัวเองอย่างเบา ๆ

ทันใดนั้น จู่ ๆ เหล่าอาจารย์ก็ลุกขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วถามนักศึกษาในแถวของตัวเองว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างไหม หลังจากถามแล้ว ก็มีนักศึกษาที่รู้สึกไม่สบายหลายคนยกมือขึ้นมา เหล่าอาจารย์จึงเริ่มแสดงทักษะพิเศษของตัวเองต่อหน้านักศึกษาทันที

อาจารย์บางท่านก็ให้คำอธิบายอย่างละเอียดมาก อธิบายแม้แต่สาเหตุของการเกิดโรค

ส่วนอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็ดำเนินการรักษาอย่างรวดเร็ว พวกเขารักษานักศึกษาที่รู้สึกไม่สบายให้หายได้ในพริบตาเดียว

มองจากไกล ๆ ยังรู้ว่าเหล่าอาจารย์กำลังแข่งขันกันอย่างสุดฤทธิ์

เวลาผ่านไปสักพัก ถึงแม้ว่าบรรยากาศที่สนามกีฬาจะร้อนอบอ้าวมาก แต่เหล่านักศึกษาก็ยังคงเข้าแถวต่อไปโดยที่ไม่รู้เบื่อเลย

มีเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นไปทั่วสนามกีฬาเป็นระยะ ๆ

อีกด้านหนึ่ง

“สุดยอดมาก!” ฟางชิวยังคงเดินไปรอบ ๆ สนามกีฬา แล้วเขาก็เฝ้าดูวิธีการและเทคนิคของเหล่าอาจารย์อย่างตั้งใจ

วันนี้เขารู้สึกได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง

“การแพทย์แผนจีนยอดเยี่ยมจริง ๆ!” ฟางชิวกล่าวออกมาอย่างจริงใจ

[1] เส้นลมปราณหยางหมิง แขนและขาแต่ละข้างมีเส้นลมปราณหลัก 6 เส้น โดยแบ่งเป็นเส้นลมปราณหยาง 3 เส้น และเส้นลมปราณอิน 3 เส้น เส้นลมปราณอินและเส้นลมปราณหยางของแขนขาแต่ละข้างจะมีระดับความเป็นอินและหยางต่างกัน โดยเส้นลมปราณอินแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ไท่อิน เส้าอิน เจวียอิน และเส้นลมปราณหยางแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ หยางหมิง ไท่หยาง เส้าหยาง

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน