บทที่ 122 แพทย์หนุ่มมือหนึ่ง!
บทที่ 122 แพทย์หนุ่มมือหนึ่ง!
“พวกคุณเอาประวัติการรักษามาด้วยหรือเปล่าคะ?”
พยาบาลเอ่ยถาม
“เอามาครับ”
คนกลุ่มนั้นรวบรวมประวัติการรักษาไว้ด้วยกันเป็นกองพะเนินอยู่ในมือ
จากนั้นไม่นาน พยาบาลสาวก็รับประวัติการรักษากองหนามาไว้ในมือ
“นั่งรอที่เก้าอี้ก่อนนะคะ อีกสักครู่ใครที่ได้รับการขานชื่อให้ตามฉันมา”
พยาบาลสาวหยิบประวัติการรักษาเล่มแรกออกมา จากนั้นเดินไปยังห้องตรวจของฟางชิว
เธอวางประวัติการรักษาในมือลงแล้วเริ่มขานชื่อ
แน่นอนว่าเจ้าของประวัติการรักษาเล่มบนสุดจะได้รับการขานชื่อเป็นคนแรก
ชื่อแรกที่พยาบาลสาวขานเรียกคือหัวหน้ากลุ่ม คนอื่น ๆ จึงนั่งรออย่างเงียบงัน
“อะไรเนี่ย มาทำงานได้ไม่กี่นาทีก็มีคนไข้มาหาเขาซะแล้ว!”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันมองเขาผิดไป!”
“ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าอายุน้อยแค่นี้ เขาเก่งขนาดนี้ได้ยังไง ทำไมคนไข้มากมายถึงมารักษากับเขาที่นี่”
แพทย์หนุ่มได้แต่ยิ้มขมขื่น
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฟางชิวก็สมควรแล้วที่จะทำการรักษาในฐานะแพทย์ประจำโรงพยาบาล และสมควรแล้วที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนพอที่จะอยู่ในรายชื่อแพทย์ดีเด่น
เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากมาที่นี่เพื่อขอรับการรักษาจากเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่เลือกแปลกที่เขาจะอยู่ในรายชื่อ
แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้เพียงไม่กี่วัน จะมีคนไข้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?
“แล้วทำไมไม่ไปดูล่ะ?”
แพทย์หนุ่มที่ดูฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไปดูกันว่าเขามีฝีมือจริงหรือเปล่า”
“จะดีเหรอ?”
แพทย์คนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างลังเล “ตอนนี้เขากำลังจะทำการรักษาคนไข้ หากเราไปที่นั่นก็อาจรบกวนกระบวนการรักษาของเขาก็ได้ ถ้าหัวหน้าแพทย์รู้เรื่องนี้ละก็ พวกเราซวยแน่”
“ใช่!”
แพทย์หนุ่มอีกคนพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย “พวกเราก็เป็นหมอเหมือนกัน เราก็ไม่ชอบให้ใครรบกวนระหว่างการรักษาไม่ใช่เหรอ”
คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถ้าพวกนายไม่ไป ฉันไปเอง!”
แพทย์หนุ่มที่ดูฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบหัวเราะเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปดูแล้วเอามาบอกพวกนายเอง”
สิ้นเสียงกล่าว เขาก็วิ่งไปยังห้องตรวจของฟางชิวทันที
“เดี๋ยวก่อนครับ”
เขาวิ่งพลางตะโกนใส่พยาบาลสาวและคนไข้ที่กำลังจะเข้าไปในห้องตรวจของฟางชิว
“คุณหมอจะทำอะไรคะ?”
พยาบาลสาวเอ่ยถามแพทย์คนนั้นด้วยความสงสัย
“ผมจะพาเขาเข้าไปเองครับ”
แพทย์หนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางยื่นมือคว้าประวัติการรักษาจากพยาบาลสาว
พยาบาลสาวชะงัก แต่ก็ไม่อาจห้ามแพทย์หนุ่มได้
ในห้องตรวจ ฟางชิวก็เงยศีรษะมอง จำได้ทันทีว่า เขาคือหนึ่งในกลุ่มแพทย์ด้านนอก
แพทย์หนุ่มยิ้มกว้างให้กับฟางชิวชายหนุ่มจึงยิ้มตอบ พลางสั่งให้คนไข้นั่งลงโดยไม่พูดอะไรต่อ
สามนาทีต่อมา แพทย์หนุ่มก็เดินออกมาพร้อมคนไข้
การแสดงออกทางสีหน้าของแพทย์หนุ่มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง ส่วนคนไข้เผยรอยยิ้มแห่งความปีติยินดี
เมื่อเห็นทั้งสองก้าวเดินออกมา กลุ่มแพทย์ก็ห้อมล้อมพวกเขาทันที
“เป็นไงบ้าง? เป็นไงบ้าง?”
“นายเห็นอะไร?”
“หมอฟางมีความสามารถจริงเหรอ?”
แพทย์ทุกคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“น่าทึ่งมาก!”
ในที่สุดแพทย์ที่เพิ่งออกมาจากห้องตรวจก็ถอนหายใจยาวพลางยกนิ้วให้ทุกคน
จากนั้นเขาชี้ไปยังผู้ป่วยรายแรกพลางกล่าวอย่างเหลือเชื่อ “ฉันพาคนไข้เข้าไปข้างใน หมอฟางไม่ถามอะไร ชายคนนี้เลยบอกว่าเจ็บหลัง จากนั้นหมอฟางก็เริ่มตรวจเบื้องต้นแล้วให้เขานั่งบนเก้าอี้ กอดเขาจากด้านหลัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระดูกลั่น แล้วคนไข้ก็หายปวดทันที”
รวดเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?!
เขาเก่งขนาดนั้นเลยเรอะ?!
แพทย์หนุ่มทุกคนต่างประหลาดใจ
“ก็แค่จัดกระดูกนี่ เขาไม่ได้ทำอย่างอื่นอีกเหรอ?” แพทย์คนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ
“ไม่มี ไม่เห็นเหรอว่าเขาใช้เวลารักษาแค่แปปเดียว!” แพทย์หนุ่มที่เพิ่งเข้าไปในห้องตรวจตอบกลับ
“ฉันไปดูเอง จะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“ใช่ ถ้าฉันไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ ถ้าหมอฟางเก่งขนาดนั้น เขาก็คู่ควรกับชื่อเสียงที่ได้รับ!”
แพทย์หนุ่มที่เล่าเรื่องราวได้แต่ยิ้มตอบไป
อีกด้านหนึ่ง คนไข้คนอื่น ๆ ก็ต่างเอ่ยถามชายที่เข้าไปคนแรก
“เป็นไงบ้าง? หายแล้วเหรอ?”
“หมอฟางรักษาเก่งอย่างที่เขาว่ากันจริงเหรอ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่เกินจริง!”
คนไข้รายแรกกล่าวอย่างตื่นเต้น น้ำเสียงสะเทือนอารมณ์เจืออยู่ด้วยนิด ๆ “ฉันบอกเลยว่าหมอฟางเก่งมาก เขาแค่ตรวจเบื้องต้น รักษาฉันด้วยมือข้างเดียว จากนั้นฉันก็หายปวด ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อสายตาเหมือนกัน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าแพทย์ที่สนทนากันอยู่ก็ต่างตกตะลึง
“สุดยอดเลย หมอเก่ง ๆ แบบนี้หาเจอยากจะตาย ในที่สุดฉันก็มีความหวังที่จะหายโรคได้”
“ใช่แล้ว เราก็เป็นแค่คนขับแท็กซี่ ไม่ได้ทำงานหนักพอที่จะมีเงินตรวจหาสาเหตุของโรคได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะไปหาหมอคนไหนก็ไม่มีใครค้นพบต้นตอของอาการบาดเจ็บเลย แต่ตอนนี้หมอฟางจะช่วยให้เราไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว”
“เรามารักษาถูกที่แล้ว!”
“ไม่แปลกเลยที่ผู้คนมากมายต่างยกย่องหมอฟาง”
คำเยินยอมากมายจากผู้คนดังขึ้นไม่รู้จบ
ทันใดนั้น เสียงของฟางชิวดังขึ้นจากห้องตรวจ
“คนต่อไปครับ”
พยาบาลสาวหยิบประวัติการรักษาเล่มที่สองขึ้นมาพร้อมขานชื่อคนไข้รายต่อไป
“คุณจางลี่กั๋ว”
“ครับผม อยู่นี่ครับ!”
ชายร่างท้วมคนหนึ่งยืนขึ้นก่อนจะเดินไปยังห้องตรวจด้วยตัวเอง
ผ่านไปไม่นาน ชายร่างท้วมก็เดินออกจากห้องตรวจ อาการเจ็บปวดเรื้อรังที่เกิดขึ้นพลันหายไปอย่างสมบูรณ์ เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ
“ฉันหายดีแล้ว!”
ชายผู้นั้นบิดขี้เกียจอย่างมีความสุข รู้สึกเหลือเชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เหล่าคนไข้ที่กำลังรอคอยอยู่ต่างมีความสุขและความหวังที่จะหายจากโรคมากขึ้น พวกเขาต่างรอคอยให้ถึงคราวของตัวเอง
“คนต่อไป”
เสียงของพยาบาลสาวดังขึ้นอีกครั้ง โดยที่ใกล้กัน เหล่าแพทย์หนุ่มก็ยังไม่จากไป
หลังจากสังเกตการรักษาของผู้ป่วยห้าคน พวกเขาก็พบว่า แต่ละคนใช้เวลารักษาเพียงสองถึงสามนาที สิ่งสำคัญคือพวกเขาทุกคนต่างหายดี
ฝีมือการรักษาที่มีประสิทธิภาพของเขาทำให้เหล่าแพทย์หนุ่มไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป
“ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าจริง!”
“แบบนี้ไม่เรียกเก่งจนน่ากลัวไปหน่อยเหรอ?”
“เขายอดเยี่ยมมาก ทำการรักษาได้รวดเร็วยิ่งกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฉันคงไม่เชื่อถ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง!”
“น่าชื่นชม ทักษะทางการแพทย์ของเขาโดดเด่นมาก!”
เหล่าแพทย์หนุ่มพยักหน้าด้วยความชื่นชม
เมื่อนึกถึงความสงสัยที่เคยมีต่อฟางชิว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ
“เหนือคนยังมีคน เหนือภูเขายังมีภูเขา หรือสายตาเราก็สั้นเกินกว่าจะมองเห็นได้?”
หนึ่งในพวกเขายิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่จริง!”
แพทย์คนหนึ่งพลันกัดฟันกล่าว “ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตา”
สิ้นเสียงกล่าว แพทย์หนุ่มคนนั้นก็เดินไปยังห้องตรวจของฟางชิวทันที
แพทย์หนุ่มคนอื่น ๆ มองหน้ากันพลางเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
แพทย์ทุกคนเดินตามคนไข้รายที่หกเข้าไปยังห้องตรวจของฟางชิว ครึ่งชั่วโมงต่อมา แพทย์หนุ่มทุกคนก็เดินออกจากห้องตรวจด้วยความตกตะลึง
พวกเขาได้เห็นกระบวนการรักษาของฟางชิวด้วยตาของตัวเอง
ทักษะการจัดกระดูกของเขาแม่นยำจนแพทย์เหล่านี้รู้สึกละอายใจ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้แพทย์กลุ่มนี้ตกตะลึงถึงขีดสุดคือ ประสบการณ์การรักษาของอีกฝ่ายดูมากกว่าอายุของเขาเอง!
สำหรับการวินิจฉัยผู้ป่วย ฟางชิวไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการทำหัตถการ เพียงจ้องมองด้วยตาเปล่าและตรวจเบื้องต้นก็รับรู้ได้ถึงอาการ
ต้องฝึกฝนมากขนาดไหนกันถึงจะเทียบได้กับประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้
เหล่าแพทย์หนุ่มต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ของตน แม้จะยังตะลึงไม่หาย
จากนั้นไม่นาน ชื่อเสียงของฟางชิวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ได้ยินมาว่าแผนกกระดูกและข้อมีหมอที่เก่งมาก จริงเหรอ?”
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ เขาชื่อฟางชิว ใคร ๆ ก็บอกว่าเขาเป็นหมออัจฉริยะ”
“หมอในแผนกเราบอกว่าพอได้เห็นการรักษาของเขาด้วยตาตัวเองแล้ว ฟางชิวน่ะเป็นอัจริยะที่เกิดมาเพื่อจัดกระดูกเลย”
“เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ขณะนี้ทุกบริเวณในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นห้องตรวจหรือโถงทางเดิน กลุ่มแพทย์หรือกลุ่มพยาบาลต่างก็พูดถึงฟางชิว
การพูดคุยอันเผ็ดร้อนกินเวลาตลอดทั้งบ่าย
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เหล่าแพทย์และพยาบาลก็เดินออกจากอาคาร เมื่อพวกเขาเดินผ่านรายชื่อแพทย์ดีเด่นประจำสัปดาห์ พวกเขาก็ต่างประหลาดใจที่เห็นว่า ฟางชิวที่เคยอยู่ในอันดับที่สามสิบในสัปดาห์แรก กำลังไล่ไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาจากผลคะแนน คะแนนของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ คะแนนตอนนี้ช่างน่าเกรงขามนัก
ทุกคนต่างตกตะลึง!
เพิ่งจะเข้ามาตอนบ่ายโมงเองนะ!
เพียงเวลาไม่นานเขาก็ไต่ขึ้นสู่อันดับที่สิบห้าแล้ว หากนานกว่านี้จะไม่ไต่ขึ้นสู่อันดับที่หนึ่งเลยหรือ?
“ที่ได้ยินมาว่าหมอฟางชิวเชี่ยวชาญการรักษาจนเป็นที่ต้องการของคนไข้ดูเหมือนจะเป็นความจริง”
แพทย์คนหนึ่งจ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ทุกคนกำลังยกย่องเขาในฐานะบุคคลในตำนาน ดูเหมือนเขาจะเก่งกล้าสามารถจริง ๆ!”
“ได้ยินมาว่าเขาเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลสัปดาห์ละหนึ่งวันไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?”
“จริงสิ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนนิสัยเสียแบบนี้ ทำงานแค่เดือนละสามถึงสี่วันแต่กลับติดอันดับแพทย์ดีเด่น”
แพทย์เหล่านี้ต่างพูดคุยกันอย่างออกรส
“อะไรกัน?”
แพทย์หญิงคนหนึ่งชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ทุกคนดูนั่น เขาไต่อันดับแซงหน้าฮันเจิ้นแล้ว!”
“หา? จริงด้วย!”
ทันทีที่แพทย์หญิงเตือน ทุกคนต่างสังเกตเห็นว่า ฮันเจิ้นตกลงสู่อันดับที่สิบหก พ่ายแพ้ให้กับฟางชิวด้วยคะแนนสามสิบเก้าคะแนน!
ฮันเจิ้นเป็นแพทย์ที่มีพรสวรรค์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากคณบดี เรียกได้ว่าเป็นแพทย์หนุ่มอันดับหนึ่งของโรงพยาบาล
แต่ตอนนี้เขากลับถูกฟางชิวนำหน้า จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร!
“ถึงฮันเจิ้นจะตกอันดับ แต่ฟางชิวก็จะไม่ถูกยอมรับให้เป็นแพทย์หนุ่มมือหนึ่งของโรงพยาบาลเราอย่างแน่นอน!”
เสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้น เพราะหลายคนก็คิดเช่นนั้น พวกเขาจึงต่างถอนหายใจ ลืมไปว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ท่ามกลางกลุ่มแพทย์หนุ่ม ชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลากำลังกัดฟันแน่นด้วยความเหลือเชื่อ
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือฮันเจิ้น อดีตแพทย์หนุ่มมือหนึ่ง
“หึ!”
เมื่อได้ยินการพูดคุยโดยรอบ ฮันเจิ้นก็ตะคอกออกมาทันที “คอยดูสัปดาห์หน้าก็แล้วกัน!”
สิ้นเสียงกล่าว เขาก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันที ทุกคนเลยได้แต่จ้องมองอย่างสับสนและทำตัวไม่ถูก
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ฟางชิวก็ออกจากโรงพยาบาลไปก่อนเวลาเลิกงาน ตอนแพทย์คนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกัน เขาก็กลับไปยังหอพักแล้ว
ทว่าหลังก้าวผ่านธรณีประตู ฟางชิวก็ตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง