คุรุการแพทย์ – บทที่ 123 ไม่ผ่านการคัดเลือก

คุรุการแพทย์

บทที่ 123 ไม่ผ่านการคัดเลือก

บทที่ 123 ไม่ผ่านการคัดเลือก

โจวเสี่ยวเทียน ซุนฮ่าว และจูเปิ่นเจิ้งนั่งลงด้วยความงุนงงพร้อมเผยสีหน้าประหลาดใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ฟางชิวเอ่ยถามด้วยความสับสนขณะเดินเข้าไปในหอพัก

“เจ้าห้า!”

โจวเสี่ยวเทียนทิ้งตัวลงบนพื้น ขณะช้อนตามองฟางชิว เขาเอื้อมมือโอบขาชายหนุ่มแล้วร้องไห้ออกมา “ดูแลฉันด้วย!”

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟางชิวสับสนอย่างยิ่ง

เกิดอะไรขึ้น มากอดขาฉันทำไม?

ฟางชิวพยายามสะบัดให้หลุดจากแขนของโจวเสี่ยวเทียน แต่พละกำลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทานได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงปล่อยให้เขากอดไว้เช่นนี้ เมื่อเห็นว่าโจวเสี่ยวเทียนสงบลงแล้วก็เอ่ยถาม

“มีอะไร?”

ในฐานะหัวหน้าหอพัก จูเปิ่นเจิ้งทำได้เพียงถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น กล่าวด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “เจ้าห้า นายคืออนาคตของพวกเรา”

“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”

ฟางชิวกล่าวด้วยความสงสัย

ฟึ่บ!

แววตาเปี่ยมจิตสังหารจ้องมองไปยังฟางชิวทันที

“ฉันแค่ล้อเล่นน่า“

ฟางชิวยิ้มอย่างประดักประเดิด เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่มีอาจารย์คนไหนในห้าสิบคนนั้นยอมรับพวกนายเลยเหรอ?”

“ไม่”

จูเปิ่นเจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เราเข้ารับการสัมภาษณ์จากอาจารย์ทุกคนที่เข้าได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาจารย์ที่เราเลือกก็ตาม แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มี… ไม่มีใครรับเราเลยสักคน…”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำในตอนท้าย

“ความมั่นใจของฉันถูกทำลายจนพังพินาศ ฉันสูญสิ้นวิญญาณแล้ว อยากจะร้องอยู่แล้ว โฮ”

โจวเสี่ยวเทียนกอดขาฟางชิว น้ำเสียงจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

ฟางชิวไม่คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นนี้ รูมเมตของเขาทั้งสามคนจะไม่ผ่านการคัดเลือกได้อย่างไร

นี่เกินความคาดหมายของเขา ดูเหมือนว่ามาตรฐานในการคัดเลือกของอาจารย์จะเข้มงวดกว่าที่คิดไว้มาก ไม่ก็แสดงว่านักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ต้องเตรียมพร้อมมาอย่างดี

“วันนี้มีคนผ่านการคัดเลือกกี่คน?” ฟางชิวถาม

“วันนี้อาจารย์แต่ละคนรับนักศึกษาประมาณสามสิบคน”

จูเปิ่นเจิ้งครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “แค่เริ่มก็ถูกคัดออกซะแล้ว!”

ฟางชิวพยักหน้าก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “ไม่น่าแปลกใจ มหาวิทยาลัยของเรามีนักศึกษาระดับปริญญาตรีมากกว่าสามหมื่นคน ถ้าไม่นับรวมนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก จะมีนักศึกษาเพียงหนึ่งพันห้าร้อยคนที่ผ่านการคัดเลือก เป็นเรื่องปกติที่พวกนายไม่ผ่าน คนเก่งเยอะขนาดนั้นจะผ่านได้ยังไง?”

สิ้นเสียงกล่าว ฟางชิวก็รู้สึกว่าท่อนขาหนักอึ้ง

เป็นโจวเสี่ยวเทียนนั่นเอง เจ้าตัวกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “เจ้าห้า นายพูดแบบนั้นกับเราได้ยังไง? ดูถูกพวกเราเหรอ?”

“นี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการดูถูกชัด ๆ”

ฟางชิวส่ายศีรษะพลางกล่าว “ในเมื่อรู้ว่ามีคนมากมายต้องการเข้ารับการฝึกงาน พวกนายก็ต้องมีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะนักศึกษาคนอื่น ๆ สิ!”

“อย่าลืมว่าเราเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยมาเพียงไม่กี่วัน ยังมีรุ่นพี่ปีสอง ปีสาม ปีสี่ และรุ่นพี่ปีห้าที่อยู่มานานกว่าเรามาก ถ้าอาจารย์จะเลือกนักศึกษา พวกเขาก็ต้องเรียกคนที่มีพื้นฐานดีสิ ต้นไม้ที่ยังไม่งอกงามอย่างพวกนายจะเทียบต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำมานานหลายปีได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสามก็ตกตะลึง

ที่ฟางชิวว่ามาก็สมเหตุสมผล ต้นไม้เรอะ ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิด ๆ แฮะ

“จริงด้วย ไม่มีน้องใหม่คนไหนที่ฉันรู้จักผ่านการคัดเลือกเลย” จูเปิ่นเจิ้งกล่าวพลางครุ่นคิด

“ฉันเข้าใจแล้ว!”

โจวเสี่ยวเทียนพลันนึกอะไรได้จึงเงยหน้ามองฟางชิวแล้วพูดว่า “นี่คือเหตุผลที่นายไม่เข้ารับการสัมภาษณ์ใช่ไหม! เฮ้อ ได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็ชื่นใจ”

ฟางชิว “…”

เขาพูดไม่ออก

พูดไม่ออกจริง ๆ!

“เจ้าห้า พวกเราคงต้องพึ่งพานายแล้วล่ะ!”

ซุนฮ่าวจ้องมองฟางชิวพร้อมประจบสอพลอ “นายคือความหวังสุดท้ายของเรา นายเข้าใจแนวคิดของพวกอาจารย์นี่ งั้นช่วยหาอาจารย์ให้เราได้ไหม?”

โจวเสี่ยวเทียนและจูเปิ่นเจิ้งจ้องมองไปที่ฟางชิวทันทีที่ได้ยิน ความรู้สึกผิดหวังในใจพวกเขาหายไปในทันที

ในเมื่อฟางชิวเข้าใจแนวคิดของการฝึกงานในครั้งนี้ ฟางชิวก็น่าจะให้คำแนะนำพวกเขาได้

“เจ้าห้า นายเป็นคนฉลาดไม่ใช่เหรอ!”

โจวเสี่ยวเทียนกอดต้นขาฟางชิวไว้แน่นพลางกล่าว “ตอนนี้นายได้เป็นหมอในโรงพยาบาลแล้ว แปลว่านายต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกคนในโรงพยาบาล ขนาดหลี่ชิงสือยังได้รับการคัดเลือกเลย เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของห้องพักห้าศูนย์หนึ่งของเรา! เราจะปล่อยให้เขาเหยียดหยามไม่ได้ เพื่อเกียรติยศและอนาคตของห้องพัก นายต้องหาอาจารย์ในโรงพยาบาลให้เรา!”

ซุนฮ่าวและจูเปิ่นเจิ้งจ้องมองฟางชิวด้วยแววตาแน่วแน่

“จำได้ว่าก่อนไปสัมภาษณ์ ใครบอกว่าฉันเป็นแค่หมอจ่ายยานะ?” ฟางชิวถามยิ้ม ๆ

“ฉันไม่ได้พูด”

ซุนฮ่าวส่ายศีรษะทันที

“ฉันก็ไม่ได้พูดเหมือนกัน”

จูเปิ่นเจิ้งปิดปากแน่น

ส่วนโจวเสี่ยวเทียนหันซ้ายหันขวา ทำท่าจะประจบสอพลอ กล่าวต่อกับฟางชิวว่า “ฉันพูดแบบนั้นเหรอ? ทำไมจำไม่ได้เลยล่ะ?”

“เจ้าห้า เราทำได้แค่พึ่งนาย ช่วยเราเถอะ” ซุนฮ่าวขอร้อง

“แล้วฉันจะหาอาจารย์คนไหนให้พวกนายได้?”

ฟางชิวยิ้มเยาะ

แม้เขาจะกลายเป็นหมอประจำในโรงพยาบาลแล้ว แต่ฟางชิวก็ไม่รู้จักใครอื่นในโรงพยาบาลนอกจากเสิ่นชุน ไม่ต้องพูดถึงเหล่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักคนเหล่านี้เป็นการส่วนตัว

“ฉันเชื่อว่านายหาได้!”

ซุนฮ่าวกล่าวพลางกำหมัดแน่น “อาจารย์เสิ่นชุนไง นายรู้จักเขาดีไม่ใช่เหรอ ช่วยขอให้เขารับเราเป็นลูกศิษย์สิ หรือเขามีลูกศิษย์อยู่แล้ว?”

ฟางชิวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้สนิทกับหมอเสิ่นซุนอย่างที่นายคิด ขอร้องไปก็เท่านั้น”

เขาและเสิ่นซุนไม่ได้สนิทสนมกันมากพอ จะร้องขอให้อีกฝ่ายยอมรับเพื่อนของเขาเป็นลูกศิษย์ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ขอร้องนะเจ้าห้า!”

โจวเสี่ยวเทียนกอดต้นขาฟางชิวแน่นกว่าเดิม “นายเป็นคนมีน้ำใจ จะปล่อยให้พวกพี่ ๆ พลาดโอกาสไปแบบนี้เหรอ? นายจะยอมให้คนอื่นดูถูกห้องพักห้าศูนย์หนึ่งของเราจริงเหรอ?”

“เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เกียรติยศของเราคือเกียรติยศของห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง ความล้มเหลวของเราก็คือความล้มเหลวของห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง” ซุนฮ่าวกล่าวอย่างรวดเร็ว

“เจ้าห้า…” จูเปิ่นเจิ้งส่งเสียงขอร้องอีกครั้ง

“หยุด!”

ฟางชิวทนแรงกดดันของทั้งสามคนไม่ไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “สัญญากับฉันข้อหนึ่ง หากพวกนายทำได้ ฉันจะช่วยหาอาจารย์ให้ ฉันสัญญาแล้วไม่คืนคำ!”

“คำสัญญาที่ว่าคืออะไร?”

ทั้งสามเอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียงกัน

“พวกนายต้องอ่าน ‘คัมภีร์เน่ยจิง’ คนละยี่สิบรอบ” ฟางชิวกล่าว

ความจริงแล้วถ้าทั้งสามได้อ่านคัมภีร์เน่ยจิงครบยี่สิบรอบ พวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องขอให้ช่วยหาอาจารย์แล้ว เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง เหล่าอาจารย์จะยอมรับในความรู้ของพวกเขาเอง

ฟางชิวจึงใช้เรื่องนี้กระตุ้นทั้งสามคน

การพึ่งพาผู้อื่นไม่ใช่สิ่งน่าเชื่อถือ สิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดคือการพึ่งพาตนเอง

ยี่สิบรอบหรือ?

ทั้งสามมองหน้ากันไปมา ต่างฝ่ายต่างปรากฏความมุ่งมั่นในดวงตา

“ตกลงตามที่นายบอกก็แล้วกัน”

ซุนฮ่าวกล่าวอย่างมั่นใจ “อ่านคัมภีร์เน่ยจิงยี่สิบรอบเอง ง่ายนิดเดียว”

“สัญญาแล้วห้ามกลับคำนะเว้ย!” โจวเสี่ยวเทียนเอ่ยอย่างรวดเร็ว

“ไม่กลับคำแน่นอน!” ฟางชิวพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ “ถ้าพวกนายทำได้ ฉันจะช่วยพวกนายอย่างแน่นอน แต่ฉันจะพิจารณาความรู้ที่พวกนายได้รับ ไม่ใช่การอ่านเพียงอย่างเดียว”

หากทั้งสามมีพื้นฐานดี แน่นอนว่าเหล่าอาจารย์จะยอมรับ และเขาเองก็อาจร้องขอให้สวีเมี่ยวหลินยอมรับด้วย!

“ไม่มีปัญหา!” โจวเสี่ยวเทียนพยักหน้าทันที

จูเปิ่นเจิ้งดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ฟางชิวต้องการสื่อ เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตามีเลศนัยก่อนจะหัวเราะออกมา “อ่านอย่างเดียวไม่มีประโยชน์หรอก เราต้องพิสูจน์ให้ฟางชิวเห็นด้วยว่าเรามีศักยภาพพอ”

ระหว่างการสนทนา ซุนฮ่าวกับจูเปิ่นเจิ้งก็กลับไปที่โต๊ะของตัวเองทันที สำหรับคนที่มีหนังสืออยู่แล้วก็เริ่มต้นอ่าน แต่สำหรับคนที่ไม่มีก็ค้นหาเนื้อหาในอินเทอร์เน็ต

โจวเสี่ยวเทียนรีบลุกจากพื้น ชายหนุ่มปัดฝุ่นตามร่างกายแล้วรีบหาหนังสืออ่านทันที

เมื่อเห็นดังนั้น ฟางชิวก็เดินไปยังโต๊ะของตนเองพร้อมกับรอยยิ้ม และขณะที่กำลังอ่านหนังสือ ความคิดมากมายก็ประดังเข้ามาในหัวของฟางชิว

‘สัมภาษณ์ยากมาก ไม่รู้เลยว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋จะเป็นยังไง’

‘โทรหาเธอหน่อยดีไหม?’

ขณะครุ่นคิด ฟางชิวก็นึกถึงเหตุการณ์ ณ สถานีรถไฟขึ้นมา เขาเลยได้แต่ส่ายศีรษะ ลอบยิ้มนิด ๆ แล้วหยิบคัมภีร์เน่ยจิงข้างหมอนขึ้นมาอ่าน

ในเวลาเดียวกัน บนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย โพสต์สถิติการสัมภาษณ์ก็ดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้ามาชม

[มีใครผ่านสัมภาษณ์ไหม? ยากมากเลย!]

[แย่มากพี่สาว ฉันสัมภาษณ์กับอาจารย์ครบทั้งห้าสิบคน แต่ไม่มีใครเลือกฉันเลย]

[คอมเมนต์บนสุดยอดมาก ฉันเข้าคิวทั้งวันได้เข้ารับการสัมภาษณ์กับอาจารย์แค่สิบคนเอง แต่เธอได้สัมภาษณ์ครบทุกคนเลย]

[ฉันเตรียมตัวทั้งคืนเพื่อให้ได้เข้าร่วมการอบรม แต่ไม่มีอาจารย์คนไหนเลือกฉันเลย เศร้ามากอะ!]

[ใช่ ฉันก็เหมือนกัน สัมภาษณ์ครั้งนี้ยากมาก!]

[ฉันไม่รู้ว่าเกณฑ์ที่เหล่าอาจารย์คัดเลือกคืออะไร ถามฉันแค่สองสามคำถามเอง พอฉันตอบ พวกเขาก็ปล่อยฉันไป ไม่เห็นจะพูดอะไร]

[ความรู้สึกเหมือนตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งแรกเลย ทั้งประมาททั้งอึดอัด! มีสาวสวยคนไหนจะปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของผมได้บ้าง? มาเจอกันที่สนามได้นะ!]

[ไม่ไหวแล้วโว้ย! ทำไมอาจารย์ไม่ยอมรับฉัน สรุปอยากได้แต่พวกหัวกะทิใช่ไหม?]

นักเรียนทุกคนต่างพร่ำบ่นถึงความเข้มงวดของเหล่าอาจารย์ โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งเข้ามาใหม่ มีเพียงไม่กี่คนที่ผ่านการคัดเลือก

ส่วนเหล่านักศึกษาที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกก็ต่างหดหู่ บางคนถึงขั้นถอดใจยอมแพ้แล้วชวนกันไปกินเหล้า

[อึดอัดว่ะ เสียใจด้วย อยากเมาย้อมใจ มีใครจะไปด้วยกันไหม?]

[พี่ครับ ผมไปด้วย!]

[เราไปเมาให้ลืมความผิดหวังกันเถอะ]

[พวกเขาออกมาระบายความผิดหวังกันทีละคนสองคน]

[ยากขนาดนั้นเลยเหรอ?]

ทันทีที่ข้อความนี้ปรากฏขึ้น ผู้คนมากมายก็พลันถูกดูดให้กลับเข้าสู่ห้องแชต

[รุ่นพี่! ช่วยอย่าตอกย้ำกันได้ไหม? มีหลายคนที่ไม่ผ่านการสัมภาษณ์ จะตอกย้ำกันไปเพื่ออะไร?]

[รุ่นพี่ผ่านการคัดเลือกได้ยังไงครับ?]

[รุ่นพี่โคตรเจ๋ง!]

[เห็นด้วยกับคอมเมนต์บน +1]

[รุ่นพี่ช่วยแนะนำวิธีการสัมภาษณ์ให้พวกเราหน่อยสิครับ!]

[นั่นสิครับ ช่วยแนะนำพวกเราที พวกเราควรทำยังไงถึงจะผ่านการสัมภาษณ์]

ผู้คนมากมายในห้องแชตต่างส่งข้อความอ้อนวอนขอเคล็ดลับเพื่อจะได้ผ่านการสัมภาษณ์ ตอนนี้แม้แต่ข้อความที่ไม่โดดเด่นนักก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายได้

[ใครรู้บ้าง ฟางชิวที่เสนอเรื่องฝึกงานผ่านการสัมภาษณ์ไหม]

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน