คุรุการแพทย์ – บทที่ 151 สามแสนหยวนเพื่อสิ่งที่ดี!

คุรุการแพทย์

บทที่ 151 สามแสนหยวนเพื่อสิ่งที่ดี!

บทที่ 151 สามแสนหยวนเพื่อสิ่งที่ดี!

“มาหาคุณ”

ฟางชิวยิ้ม

ครั้งก่อนที่เขาช่วยเอาเงินคืนมาให้เว่ยตง ฟางชิวสวมหน้ากากเอาไว้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเขาเอาเงินคืนมาคือฟางชิว

“นั่งเร็ว นั่งเร็ว”

เว่ยตงรีบลุกขึ้นยืนและยกเตียงให้ฟางชิวนั่ง

“ที่คุณกำลังเผาอยู่นี่คือถ่านเหรอ?”

ฟางชิวเอ่ยถาม

“อืม เจ้าของบ้านให้มา”

เว่ยตงยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตอนนี้เผาไว้ให้ห้องอุ่นขึ้น ตอนค่ำ ๆ ยังต้องออกไปข้างนอกอีกน่ะ”

“อืม ระวังควันพิษนะ”

ฟางชิวกล่าวเตือน

“ไม่หรอก”

เว่ยตงหัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “จริง ๆ ผมควรขอบคุณคุณมากกว่า ตั้งแต่ได้รับการรักษาจากคุณ กระดูกสันหลังของผมดีขึ้นไม่น้อย ตอนนี้เวลาทำงานจึงไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

“ดีขึ้นก็ดีแล้วครับ”

ฟางชิวยิ้ม ก่อนจะหยิบเงินสองหมื่นหยวนออกมาจากกระเป๋าของเขาพร้อมกับกล่าวคำ “อันที่จริง ที่ผมมาหาคุณในครั้งนี้เพราะผมมีเงินอยู่นิดหน่อยจึงหวังว่าคุณจะช่วยผมทำเรื่องดี ๆ ได้”

“หา?”

เว่ยตงตกใจ ก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ทำไม่ได้ครับ ทำไม่ได้”

“เงินนี่จำนวนไม่มาก แต่ก็จำนวนไม่น้อยเช่นกัน”

ฟางชิวกล่าวต่อ “ตอนนี้มีสองหมื่น วันนี้ผมถอนเงินไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้จะเอาให้คุณอีกสองแสนแปดหมื่น รวมทั้งหมดเป็นสามแสน”

“แบบนี้ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่!”

ทันทีที่เขาได้ยินจำนวนเงินสามแสน เว่ยตงถึงกับตัวสั่น ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตระหนก “หากไปทำสิ่งที่ดีแล้วได้รับเงินนิดหน่อยนั่นผมก็ทำได้ แต่เงินคุณมากขนาดนี้ ผมไม่กล้ารับจริง ๆ”

“ไม่ต้องคิดมาก”

ฟางชิวส่ายหน้า จากนั้นวางเงินไว้บนเตียง ก่อนจะเอ่ยต่อ “เงินจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อใช้ในทางที่ถูกที่ควร เงินฝากในธนาคารนี้เป็นเพียงตัวเลขที่ผมทำได้เพียงมองดูมันเท่านั้น การเอาไปทำอะไรดี ๆ ย่อมดีกว่าปล่อยไว้แบบนี้”

เว่ยตงเกิดความลังเลเล็กน้อย

“คุณดูสิ แม้ว่าตอนนี้ผมจะเป็นหมอแล้ว แต่ก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงยังคงยุ่งอยู่กับการเรียน ทั้งยังไม่มีเวลามากพอที่จะใช้เงินไปกับสิ่งที่ควร”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฟางชิวก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “เงินนี้ คุณเอาไปทำสิ่งดี ๆ ให้ผม เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการที่ผมรักษาให้เถอะครับ”

“ไม่ได้ ไม่ได้”

เว่ยตงส่ายหัวอีกครั้งและกล่าวว่า “คุณหมอเสี่ยวฟาง ผมซาบซึ้งมากที่คุณรักษาผม แต่เงินนี้มากเกินไป ผมรับไม่ได้!”

“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ”

ฟางชิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น “วันนี้ผมไปคลินิกการกุศลมา ที่นั่นเป็นชุมชนแออัด ทั้งยังเป็นพื้นที่ลี้ภัยทางฝั่งตะวันตก ซึ่งมีคนชราไร้บ้านจำนวนไม่น้อย รวมถึงอีกหลายครอบครัวที่ยากลำบาก และเด็กบางคนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเรียนหนังสือ”

“ตัวผมเองต้องไปทั้งมหาวิทยาลัยและออกตรวจที่โรงพยาบาล ไม่มีเวลาไปช่วยพวกเขา”

“คุณโปรดรับเงินนี้ไว้เพื่อช่วยผมในการช่วยเหลือพวกเขา เพื่อสนองความปรารถนาของคุณที่จะช่วยเหลือผู้คนและสนองความปรารถนาของของผมที่จะทำความดี ดีต่อทั้งสองฝ่าย”

“เงินที่คุณได้ไปนี้ จงเอาไปทำในสิ่งที่ต้องการ คุณคิดว่ายังไงครับ?”

เมื่อกล่าวจบ

ฟางชิวมองไปยังเว่ยตงเพื่อรอคำตอบ

“นี่…”

เว่ยตงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อ “คุณจะให้ผมทำจริง ๆ เหรอ แล้วยังเชื่อใจผมและให้เงินผมมากขนาดนี้จากการฟังความข้างเดียวน่ะเหรอ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น

ฟางชิวก็รู้ทันทีว่านั่นคือการตอบรับของเว่ยตง

เขาพลันลุกขึ้นยืน ชี้ไปยังเงินบนเตียง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมเชื่อคุณ”

“ผมจะเอาเงินมาให้คุณพรุ่งนี้”

หลังจากกล่าวจบ

โดยไม่รอให้เว่ยตงปฏิเสธอีก เขาก็จากไป

ก้าวออกจากห้องใต้ดิน

ฟางชิวขึ้นรถแท็กซี่ และกลับมาถึงหอพักก่อนที่ไฟในมหาวิทยาลัยจะปิดลง

วันรุ่งขึ้น ฟางชิวไปถอนเงินที่ธนาคาร แต่ชายหนุ่มกลับต้องกลัดกลุ้มใจ

ธนาคารหยุดทำการในวันอาทิตย์

เขาลืมเรื่องนี้ไปเลยจริง ๆ จึงทำได้เพียงถอนเงินสองหมื่นหยวนจากตู้เอทีเอ็ม แล้วหาคนจากอินเทอร์เน็ตที่สามารถถอนเงินสดจากบัตรเครดิตได้อย่างผิดกฎหมาย หากแต่ของเขาไม่ใช่บัตรเครดิตกลับเป็นบัตรออมทรัพย์

ชายหนุ่มรับเงินสองแสนหกหมื่นหยวนมาจากพวกเขา

พร้อมกับจ่าย ‘ค่าธรรมเนียม’ บางส่วน

จากนั้นเขาจึงไปพบเว่ยตงอีกครั้งพร้อมกับเงินสองแสนแปดหมื่นหยวนโดยไม่แม้แต่จะให้โอกาสอีกฝ่ายปฏิเสธ

หลังจากออกจากหมู่บ้าน

ฟางชิวจึงโทรหาเหอเกาหมิง

“[เด็กนี่ เมื่อคืนนายวางสายทำไม มารยาทยังเหลืออยู่ไหม?]”

เหอเกาหมิงเอ่ยถามด้วยความโมโหทันทีที่รับสาย

“มีบางอย่างที่ฉันต้องการให้นายช่วย”

ฟางชิวเอ่ยคำโดยไม่สนใจความโกรธของเหอเกาหมิง “ฉันเพิ่งให้เงินเว่ยตงไปสามแสน ขอให้เขาช่วยทำสิ่งที่ดี นายช่วยจับตาดูให้ที”

“[สามแสน?]”

เหอเกาหมิงตกใจไปครู่ ก่อนจะกล่าวต่อ “[ตกลง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้ ยังไงฉันก็สัญญาว่าจะช่วยนายฟรี ๆ หนึ่งครั้ง แต่เด็กอย่างนายได้เงินจำนวนนี้มาจากไหน แถมเงินเยอะขนาดนี้ ทำไมนายไม่ไปทำความดีด้วยตัวเอง กลับให้เว่ยตงไปทำแทน เป็นเพราะนายต้องการเดินตามรอยพวกคนปิดทองหลังพระพวกนั้นเหรอ?]”

“ความดีก็คือความดี จะให้คนอื่นรับรู้ชื่อไปเพื่ออะไร?”

จากนั้นฟางชิวก็วางสายโทรศัพท์ไป

ที่อีกฝั่งของโทรศัพท์

เหอเกาหมิงโมโหยิ่งกว่าเดิม

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้โทรหาฟางชิว

เขารอให้อีกฝ่ายโทรหาเขาในครั้งต่อไป แล้วเขาจะชิงวางสายก่อนเพื่อให้เด็กคนนี้ได้ลิ้มรสเสียบ้าง!

อีกด้าน

ฟางชิวกลับไปยังมหาวิทยาลัย

เขาอ่านหนังสืออยู่สักพัก แล้วจึงไปเข้าเวรบ่ายที่โรงพยาบาลอย่างตรงเวลา

คราวนี้มีคนมาพบแพทย์มากขึ้น ทุกคนต่างมาตามเสียงเล่าลือ และคนที่ไม่ได้พบฟางชิวก็เลือกที่จะรอมากกว่าการไปพบแพทย์คนอื่น

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความแออัดครั้งใหญ่ที่แผนกกระดูกและข้อ ชั้นเจ็ดอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเห็นผู้ป่วยจำนวนมาก ฟางชิวจึงรีบออกตรวจทันที

แต่เนื่องจากมีผู้ป่วยมากเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถตรวจคนไข้ให้เสร็จในเวลางานได้ ดังนั้นฟางชิวจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำงานล่วงเวลาต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเหล่านี้ล้วนเดินทางมาไกล และจำนวนคิวก็ไม่ได้น้อย ดังนั้นการปล่อยให้พวกเขากลับไปทั้งแบบนั้นเป็นสิ่งที่ฟางชิวทำไม่ได้จริง ๆ

ด้านหนึ่ง ฟางชิวยังคงทำงานล่วงเวลาต่อไป

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น…

ในรายชื่อแพทย์ที่ได้รับคะแนนความนิยมจากผู้ป่วย อันดับของฟางชิวพุ่งทะยานราวกับจรวดขึ้นไปในอันดับที่สิบสองทันที

ลำดับที่เพิ่มขึ้นด้วยความรวดเร็วอันน่าทึ่งนี้ทำให้แพทย์คนอื่น ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาลพูดไม่ออก

เร็วเกินไป!

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะถูกเด็กรุ่นใหม่แซงหน้าไปเสียแล้ว

คนเหล่านั้นทำได้เพียงแค่ถอนหายใจที่หน้าจอ ก่อนจะจากไป

หลังจากทำงานล่วงเวลาเสร็จ

ฟางชิวจึงกลับไปพักที่มหาวิทยาลัย

ชั่วพริบตา เช้าวันจันทร์ก็มาถึง

ทางมหาวิทยาลัยได้ออกประกาศแจ้งฉบับหนึ่ง

มหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งจะมาถึงที่เมืองเจียงจิงในบ่ายวันพฤหัสบดีนี้ จะมีการประชุมในบ่ายวันศุกร์ และการแข่งขันประลองความรู้ของนักศึกษาใหม่จะเริ่มอย่างเป็นทางการในเช้าวันเสาร์

เมื่อประกาศนี้ประกาศออกไป

ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยพลันตื่นเต้นกับกิจกรรมนี้ทันที

ไม่ใช่แค่นักศึกษาใหม่เท่านั้น แต่นักศึกษาทุกคนทั้งมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนต่างฮือฮากับการแข่งขันประลองความรู้การแพทย์แผนจีนสำหรับน้องใหม่

“ใกล้จะแข่งขันแล้วเหรอ?”

“ฉันหวังนักศึกษาใหม่ปีนี้จะทำได้ดีกว่าปีก่อน ๆ นะ เพราะเมื่อปีที่แล้วมันโคตรแย่เลยอะ”

“นั่นสิ มหาวิทยาลัยของเราก็เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่การแข่งขันประลองความรู้ครั้งล่าสุด มหาวิทยาลัยเราอยู่อันดับสองรองจากท้าย แค่คิดก็อายขึ้นมาแล้ว”

“นักศึกษาปีหนึ่งรุ่นนี้มีความสามารถไม่น้อย เพราะนอกจากมหาวิทยาลัยของเราแล้ว ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นที่มีคนสอบได้อันดับหนึ่งถึงสามคน ทั้งยังได้คะแนนเต็มทุกคนด้วย”

“ฟางชิวที่ได้อันดับหนึ่งนั้น ดูเหมือนจะเป็นรุ่นน้องที่ขอรับการฝึกงานจากอาจารย์ หวังว่าเขาจะทำได้ดีในการแข่งขันประลองความรู้ กู้ชื่อเสียงคืนให้มหาวิทยาลัยของเรา”

ในขณะที่ทั้งมหาวิทยาลัยกำลังฮือฮา

ฟางชิวที่กินมื้อเช้าเสร็จ ตรงไปที่อาคารเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าชั้นเรียน

ใครกันคาดคิด

ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องเรียน เขาก็เห็นว่าจูเปิ่นเจิ้งถูกรายล้อมไปด้วยนักศึกษาจำนวนไม่น้อยราวกับเป็นดาราดัง

“เหล่าจู นายต้องได้คะแนนดี ๆ ในการแข่งขันครั้งนี้นะ เพื่อเกียรติยศของมหาวิทยาลัย และเกียรติยศในชั้นเรียนของเราด้วย!”

“ใช่! ต้องให้ได้อันดับดี ๆ นะ!”

คนที่รายล้อมจูเปิ่นเจิ้งกล่าวกันไม่หยุด

เมื่อเห็นดังนั้น

ฟางชิวก็เดินผ่านฝูงชนไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งลงตรงจุดที่เงียบสงบเพื่ออ่านหนังสือ

ไม่นานนัก

ถึงเวลาเข้าเรียน

ทุกคนกวาดสายตามองหาฟางชิวด้วยความใคร่รู้

ทันทีที่พวกเขาเห็นชายหนุ่ม ฝูงชนต่างประหลาดใจ

“บ้าเถอะ เจ้านี่มาตอนไหนน่ะ?”

“เดินไม่มีเสียง? นี่เขาเป็นผีเหรอ?”

“อะไรเนี่ย เขามันบ้าไปแล้ว!”

“ฉันยังอยากจะให้กำลังใจเขาจัง”

“ถึงนายจะไม่ให้กำลังใจเขา เขาก็ยังเป็นเจ้าบ้านั่นอยู่ดี”

ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของบางคน

เฉียวมู่ก็ได้เดินเข้ามาในห้องเรียน

“วันนี้ไม่เช็กชื่อ”

เมื่อกวาดสายตามองนักเรียนในห้องเรียน เฉียวมู่พลันยกยิ้มพร้อมจ้องมองไปยังจูเปิ่นเจิ้ง

“ฉันแน่ใจว่าพวกเธอคงได้เห็นการจัดอันดับสำหรับการทดสอบครั้งล่าสุดแล้ว”

เฉียวมู่เอ่ย

นักศึกษาต่างพยักหน้ารับ

“วันนี้ฉันต้องการเอ่ยชมจูเปิ่นเจิ้งเป็นพิเศษ”

เฉียวมู่มองไปยังจูเปิ่นเจิ้ง และเอ่ยต่อ “เชื่อว่านักศึกษาล้วนได้เห็นความพยายามของจูเปิ่นเจิ้ง และความสำเร็จของเขาก็ทำให้ฉันประหลาดใจเช่นกัน”

จูเปิ่นเจิ้งส่งเสียงหัวเราะแหะ ๆ ออกมา

สายตาของทั้งชั้นเรียนจับจ้องมาที่เขา

“ทำไมถึงต้องกล่าวชื่นชมจูเปิ่นเจิ้งด้วยงั้นเหรอ?”

เฉียวมู่เอ่ยถาม ก่อนจะเสริม “เพราะในชั้นเรียนของเรา เขาเป็นผู้ที่ผ่านเข้าร่วมการแข่งขันประลองความรู้ แม้ว่าการประลองความรู้จะแข่งกันเฉพาะนักศึกษาใหม่ แต่มีเพียงเก้าคนเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ ทั้งยังเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะคว้าหนึ่งในเก้าอันดับมาครอง”

“ก่อนหน้านี้ ฉันคิดเสมอว่าชั้นเรียนของเราจะต้องมีคนผ่านเข้ารอบแน่นอน แต่ใครกันคาดคิดว่าจูเปิ่นเจิ้งซึ่งตั้งใจและพยายามอย่างหนัก จะได้อันดับที่สองของชั้นเรียนของเรา ในฐานะอาจารย์ของเธอ ฉันรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง”

เพื่อร่วมชั้นต่างปรบมือให้

“เป็นเกียรติสำหรับชั้นเรียนของเราจริง ๆ!”

เฉียวมู่พยักหน้า ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ดูสิว่าทั้งมหาวิทยาลัยมีชั้นเรียนไหนบ้างที่มีนักศึกษาผ่านเข้าแข่งขันถึงสองคน ไม่มี มีเฉพาะชั้นเรียนของเรา!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา

นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจ

แต่ในตอนนี้เอง เฉียวมู่พลันเอ่ยออกมา “แต่แม้ว่าชั้นเรียนของเราจะมีผู้ผ่านการคัดเลือกในการเข้าร่วมการแข่งขันประลองความรู้ แต่การได้รับรางวัลจากการแข่งขันประลองความรู้นั้นคือเกียรติยศอันแท้จริงที่สามารถนำไปเล่าสู่ชั้นเรียนอื่น หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยอื่นว่าชั้นเรียนของเรานั้นโดดเด่นที่สุดได้อีกด้วย”

คำพูดนั้นฮึกเหิม

นักศึกษาต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่ต้องพูดอะไรมาก”

เฉียวมู่ชำเลืองมองฟางชิวและจูเปิ่นเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยคำ “การแข่งขันประลองความรู้นั้นใกล้เข้ามาแล้ว ฉันจะไม่กดดันเธอมากนัก หวังว่าเธอจะเตรียมตัวอย่างดี พลิกหน้าหนังสือให้มากในช่วงไม่กี่วันนี้ ฉันอยู่ที่นี่อวยพรให้พวกเธอได้รับความสำเร็จกลับมา”

ฟางชิวและจูเปิ่นเจิ้งพยักหน้าพร้อมกัน

“มา”

เฉียวมู่โบกมือแล้วกล่าวว่า “ทุกคนปรบมือให้กำลังใจฟางชิวและจูเปิ่นเจิ้ง”

เขาเอ่ยพร้อมกับปรบมือให้คนทั้งสอง

นักศึกษาคนอื่นก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

เมื่อเห็นดังนั้น ฟางชิวและจูเปิ่นเจิ้งรีบลุกขึ้นยืน พยักหน้า ก่อนจะคำนับทุกคน

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน