บทที่ 154 ตบหน้า! โดนตบหน้าเต็ม ๆ!
บทที่ 154 ตบหน้า! โดนตบหน้าเต็ม ๆ!
เจียงไห่ยังคงแนะนำต่อไป
“คนต่อไป หานอวี่เซวียน”
“เขาเป็นหมอออร์โธปิดิกส์ ศิษย์ของปรมาจารย์เว่ยฉี!”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เว่ยฉี!
เป็นหนึ่งในแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่เพียงห้าสิบคนในประเทศจีน และหนึ่งในแพทย์ออร์โธปิดิกส์ที่ยิ่งใหญ่มีเพียงไม่กี่คนในบรรดาแพทย์ห้าสิบคนนั้นด้วย
และหานอวี่เซวียนก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์เว่ยฉี คนอื่น ๆ จะไม่ตกใจและอิจฉาได้อย่างไร?
ใครกันคาดคิด เป็นเพียงนักศึกษาใหม่แท้ ๆ!
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชน เจียงไห่ก็วาดมือออกพร้อมชี้ไปยังชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย
ทุกคนหันมองตาม จึงเห็นว่าคนคนนี้มีใบหน้าเรียบเฉย แต่กลับมีความเย่อหยิ่งปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของเขา
นักศึกษาคนอื่น ๆ จะเริ่มยืนขึ้นเมื่อพวกเขาถูกแนะนำ แต่หานอวี่เซวียนคนนี้รอจนกระทั่งเจียงไห่แนะนำเขาเสร็จและชี้มายังเขาแล้วค่อยยืนขึ้น
ชายผู้นี้หยิ่งยโสจริง ๆ
ต่อจากนั้น เจียงไห่ยังคงแนะนำต่อไป
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้ตกหล่น เจียงไห่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแนะนำนักศึกษาแต่ละคนอย่างสมบูรณ์แบบ
เพียงครู่เดียว การแนะนำตัวของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็เสร็จสิ้นลง
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยคนต่อไปลุกขึ้นพร้อมแนะนำตัวเอง
อาจเป็นเพราะมีนักศึกษาที่มีฐานะและความสามารถมากเกินไป เมื่อแนะนำตัวมาเรื่อย ๆ ทุกคนก็ขี้เกียจเกินกว่าจะประหลาดใจ อย่างไรชื่อของคนที่ออกจากปากของผู้บริหารมหาวิทยาลัยเหล่านี้ล้วนเป็นคนโปรดของสวรรค์กันหมดนั่นแหละ
ในตอนท้าย ทุกคนในห้องประชุมล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ และไม่รู้สึกกดดันอีกต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา การแนะนำตัวของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งก็สิ้นสุดลง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ยังมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงซึ่งนั่งอยู่ทางด้านซ้าย
ตอนนี้ถึงเวลาของพวกเขาแล้ว เฉินอินเซิงลุกขึ้นยืนขึ้นพร้อมเอ่ยคำทันที “สวัสดีทุกคนครับ ผมรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง เฉินอินเซิง”
“ต่อไป ผมขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับตัวแทนนักศึกษาเก้าคนจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงของเรา”
“อันดับหนึ่ง ฟางชิว”
เฉินอินเซิงมองไปยังฟางชิว ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังฟางชิวอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ใช่แล้ว เขาคือคนที่เสนอเรื่องโครงการฝึกงาน!”
“ผมแน่ใจว่าทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้นผมจะไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป แต่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่าในการทดสอบนี้ ฟางชิวทำคะแนนได้สมบูรณ์แบบ”
เมื่อพูดตรงนี้ เฉินอินเซิงหยุดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “อีกอย่างหนึ่ง…”
เขาลากเสียง ทำให้ความสงสัยถูกกระตุ้นขึ้นโดยพลัน
“อะไรอีก”
“ฉันจำผู้ชายคนนี้ได้ เหมือนว่าเขาจะมีตัวตนอื่นอีกไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ นอกเหนือจากเรื่องโครงการฝึกงานแล้ว เขาก็ไม่มีน่าสนใจแล้วใช่ไหม?”
นักศึกษาและผู้บริหารต่างพึมพำ
ทุกคนล้วนสงสัยว่า ฟางชิวมีความสามารถใดอีกบ้าง
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคน เฉินอินเซิงก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ช่วยแพทย์แผนกกระดูกและข้อ ได้รับการว่าจ้างเป็นกรณีพิเศษที่โรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยของเรา”
ว้าว!
พูดจบ ทุกคนในห้องก็ตาโตเท่าไข่ห่าน
“ล้อเล่นกันใช่ไหม?”
“เหล่าเฉิน เรื่องนี้จะมาล้อเล่นกันไม่ได้นะ”
“ใช่ เขายังเป็นแค่นักศึกษา เป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง จะมาเป็นหมอได้ยังไง?”
นักศึกษาล้วนตกใจ ส่วนผู้บริหารเองก็เต็มไปด้วยคำถาม
“เป็นความจริงทั้งนั้นครับ”
เมื่อเผชิญกับความสงสัย เฉินอินเซิงก็อธิบายต่อ “ฟางชิวไม่เพียงเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษเท่านั้น เขายังได้รับป้ายยกย่องจากผู้ป่วยด้วย!”
ทั้งห้องตะลึงงัน ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก
ป้ายยกย่อง?
เขาไม่เพียงแค่เป็นแพทย์เท่านั้น แต่เขายังได้รับป้ายยกย่องจากคนไข้ด้วย? สำหรับนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในสายตาของครอบครัวแพทย์แผนจีน ลูกศิษย์แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ รวมถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัย นี่เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นักศึกษาใหม่ที่ไม่เพียงเป็นผู้ช่วยแพทย์ แต่ยังได้รับป้ายยกย่องจากผู้ป่วยด้วย
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ใครเล่าจะเชื่อลง
“ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าฟางชิวเก่งขนาดนี้?”
เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเองตกใจเช่นกัน
ในทางกลับกัน ชายที่ชื่อหานอวี่เซวียนซึ่งนั่งถัดจากเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยหันมองไปยังฟางชิวทันทีหลังจากได้ยินการแนะนำตัวของเขา
เขาเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เว่ยฉี ตามหลักแล้วเขาพูดได้ว่าตนเองผู้เชี่ยวชาญการจัดกระดูก
แต่หลังจากได้ยินว่าฟางชิวได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ช่วยแพทย์เป็นกรณีพิเศษ ทั้งที่ยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แล้วยังได้รับป้ายยกย่อง ในใจของเขาสะดุดอย่างบอกไม่ถูก
เขาแอบเปรียบเทียบตัวเองกับฟางชิว
“อันดับสอง เจียงเหมี่ยวอวี๋”
เฉินอินเซิงกล่าวแนะนำต่อ “เธอเป็นทายาทของตระกูลการฝังเข็ม ตระกูลเจียง ได้คะแนนเต็มในการทดสอบนี้เช่นกัน ที่สำคัญเธอได้รับการฝึกฝนจากปรมาจารย์ด้านการฝังเข็ม เจิ้งกั๋วชิ่ง”
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่างประหลาดใจ
พวกเขาเคยได้ยินชื่อตระกูลการฝังเข็มอย่างตระกูลเจียงมาก่อน แต่พอได้ยินชื่อของปรมาจารย์ฝังเข็ม เจิ้งกั๋วชิ่ง พวกเขาก็ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
ใครกันจะคาดคิดว่าในมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะมีนักศึกษาที่มีทั้งภูมิหลังและจุดแข็งที่โดดเด่นเช่นนี้
“อันดับสาม จ้าวเหยียนเฉิง”
เฉินอินเซิงผายมือไปยังจ้าวเหยียนเฉิงก่อนเอ่ยต่อ “นี่คือทายาทของตระกูลการแพทย์แผนจีน ตระกูลจ้าว ได้คะแนนเต็มในการทดสอบครั้งนี้เช่นกัน”
ทุกสายตาพลันจับจ้องไปยังทั้งสามคน
คะแนนเต็มทุกคน!
ฟังดูเหมือนเยอะ แต่ในบรรดานักศึกษาที่เข้าร่วมแข่งขันความรู้ มีน้อยคนนักที่จะได้คะแนนเต็ม
คะแนนเต็มแปลว่ามีความสามารถ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในสายตาของนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัย ฟางชิว เจียงเหมี่ยวอวี๋ และจ้าวเหยียนเฉิงเป็นศัตรูที่น่ากลัวเพียงใด
เฉินอินเซิงยังคงแนะนำต่อไป
ไม่นานนัก หลังจากแนะนำจูเปิ่นเจิ้งเสร็จ นักศึกษาทั้งเก้าคนยืนยันว่าได้รับการแนะนำทั้งหมดแล้ว
แต่เฉินอินเซิงกลับยังไม่นั่งลง เขากล่าวต่อว่า “การประชุมก็มีเท่านี้แหละครับ ทุกคนได้รู้จักกันแล้ว ดังนั้น ผมในฐานะเจ้าภาพขอแนะนำทุกท่านเกี่ยวกับขั้นตอนการแข่งขันในวันพรุ่งนี้”
หลังจากกล่าวจบ เจียงไห่ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็ยืนขึ้นแล้วขัดจังหวะ “เดี๋ยวก่อนครับ”
เฉินอินเซิงงุนงง
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยและนักศึกษาคนอื่นต่างงุนงงเช่นกัน
“ท่านรองเฉิน เราเตรียมการแสดงความสามารถมาด้วย จะได้สร้างความบันเทิง ให้กำลังใจทุกคนก่อนแข่งขัน ท่านรองเฉินเองก็ส่งเด็กมาแสดงด้วยสิครับ” เจียงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินดังนั้น นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนที่ทุกคนจะมองไปยังฟางชิว
ความสามารถพิเศษ?
แข่งขันกับความสามารถกับพวกเรา?
ฟางชิวเป็นเด็กเทพที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ระวังเถอะ เดี๋ยวก็ช็อกตาตั้งหรอก
เมื่อได้ยินคำขออย่างกะทันหันของเจียงไห่ เฉินอินเซิงก็ขมวดคิ้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง”
เมื่อเสียงเงียบลง ทุกคนก็ปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อรับชมการแสดงความสามารถของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ย
ในตอนนั้นเอง นักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยทุกคนก็ลุกขึ้น
ภายใต้การกำกับของเจียงไห่ เสียงขับขานเพลงดังขึ้น
“การแพทย์แผนจีนที่ยิ่งใหญ่ มีประวัติอันยาวนาน
เราเดินไปตามทางแห่งการแสวงหา
สายลมโบราณที่ทอดยาวปะทะกับอกอันอบอุ่น ผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้นเจิดจรัสราวกับดวงดารา
วันนี้เราต่อสู้และแสวงหาอย่างขยันขันแข็ง พรุ่งนี้เราจะเขียนบทใหม่ในโลกแห่งพลังและความคิด
อา… ดูสิ ดูสิ เนินเขาเขียวขจีอธิษฐานเผื่อเรา
ฟังสิ ฟังสิ สายน้ำที่ทอดยาวร้องเพลงเพื่อเรา
เพื่อที่จะเป็นธรรมิกชนต่อไป เป็นการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อช่วยให้มีสุขภาพสมบูรณ์ เพื่อตอบรับการเรียกร้องของเวลา เรามีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องก้าวไป และเราจะพยายามพัฒนาตนเอง”
…
เสียงเพลงดังฟังชัดเพราะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยร้องเพลงด้วยความฮึกเหิม
ใบหน้าของเฉินอินเซิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวครึ้ม
เพลงนี้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย การร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยของพวกเขาเองนั้นถือเป็นการยั่วยุ
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่างยกยิ้ม
ตบหน้า นี่มันเป็นการตบหน้าเต็ม ๆ!
ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเสนอขอแสดงความสามารถพิเศษ ที่แท้พวกเขาก็กะจะยั่วยุเช่นนี้เอง!
ร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยถือเป็นการแสดงความสามารถตรงไหนกัน?
เมื่อเพลงประจำมหาวิทยาลัยจบลง นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็โพสท่าร่วมกัน ดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้อย่างดี
“ดี!”
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่างปรบมือให้แล้วมองไปยังมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงพลางโห่ร้อง
ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยต่างก็ยืนขึ้น ค้อมศีรษะเล็กน้อย พร้อมยกยิ้มในขณะที่มองไปยังมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง
ใบหน้าของเฉินอินเซิงยิ่งทวีความน่าเกลียดน่ากลัว
ใครกันคาดคิดว่ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยจะใช้กลอุบายนี้?
นี่ไม่ใช่การพยายามทำให้เขาขายหน้าหรอกหรือ?
ทำอย่างไรได้? ทุกคนต่างมีเหตุผลในการกระทำของตนเอง
เป็นเรื่องปกติที่จะมีการแสดงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ร้องเพลงมหาวิทยาลัยแล้วอย่างไร?
พวกเขาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ย ถ้าไม่ร้องเพลงประจำของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ย จะให้พวกเขาร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงหรือ?
เฉินอินเซิงหัวเสีย!
เขารู้ว่าทุกคนกำลังรอให้เขาแสดงจุดยืน ถ้าเขาปรบมือพร้อมกับคนอื่น ๆ ก็ถือว่าเขายอมรับความพ่ายแพ้ เป็นการยอมรับความพ่ายแพ้บนอาณาเขตของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย!
แน่นอนว่า เฉินอินเซิงจะไม่ปรบมือหรือยกย่องนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิงเป่ยสำหรับการร้องเพลงที่ดีของพวกเขาได้ แต่หากไม่มีคำชมหรือปรบมือก็ต้องมีเหตุผลใช่ไหม?
อย่างน้อยก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราดีกว่าคนอื่น!
ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นรัว เฉินอินเซิงก็มองไปที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตัวเอง
นักศึกษาที่เหลืออีกทั้งเจ็ดคนของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงล้วนมองไปยังฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋อย่างพร้อมเพรียงกัน
แม้ว่าการพบปะครั้งนี้จะดูสงบและรื่นเริงมาก แต่เราทุกคนรู้ดีว่า การแข่งขันอย่างเงียบ ๆ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ตอนนี้ ฝั่งมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับฝ่ายของเขาว่าจะทำมันหรือไม่?
จะสวนกลับด้วยการร้องเพลงเหรอ?
ในสายตาของทั้งเจ็ดคน การแข่งขันความสามารถนี้ง่ายเกินไป
เพราะอะไรน่ะหรือ?
แค่นึกถึงความสามารถของฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วยังต้องกล่าวอะไรอีก
เมื่อพูดถึงการร้องเพลง สองคนนี้เป็นนักร้องที่เก่งที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่ฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
ใช่!
เมื่อเห็นทุกคนมุ่งความสนใจไปยังฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ ดวงตาของเฉินอินเซิงก็พลันเปล่งประกาย
ในใจของเขาผุดความคิดหนึ่งขึ้น
ทำไมคิดไม่ถึงนะ ฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋มีความสามารถในการร้องเพลงไม่น้อย ทั้งคู่ร้องเพลงบนเวทีในพิธีเปิดครั้งก่อน ด้วยทักษะการร้องเพลงของพวกเขา แน่นอนว่าต้องสามารถเอาชนะด้านการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยได้
อย่างไรปกติแล้วทุกคนก็รู้จักเพลงประจำมหาวิทยาลัย งั้นก็ไม่น่ามีปัญหา!
คิดได้ดังนี้ เฉินอินเซิงก็ยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ยคำ “ท่านรองฯ เจียง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของคุณร้องเพลงได้ดีไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเรา ผมเกรงว่าพวกเขาจะค่อนข้างด้อยกว่า”
เจียงไห่ตื่นตะลึง
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยคนอื่น ๆ เองก็ถึงกับตัวแข็งค้าง
หรือว่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงเองก็ได้เตรียมการแสดงความสามารถมา ทั้งยังบังเอิญเป็นร้องเพลงเช่นกัน?