บทที่ 185 ผู้อาวุโสโปรดต่อสู้กับฉัน!
บทที่ 185 ผู้อาวุโสโปรดต่อสู้กับฉัน!
คำพูดของฟางชิวเรียกเสียงอื้ออึงจากทุกคนและทำให้รอบข้างเงียบสงัดลงไปทันตา
ทุกคนต่างขมวดคิ้วครุ่นคิด
พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะเห็นเส้นทางสว่างที่มุ่งตรงไปยังขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งผ่านคำพูดของฟางชิว ดูเหมือนว่าการก้าวไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งจะเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ แต่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็ตระหนักก็ได้ว่า แม้ว่าวิธีการจะฟังดูดี แต่พวกเขาก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างไปด้วยตัวเองทั้งหมด
แต่ใครจะรับประกันได้ว่าการทำเช่นนี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดี?
ขณะนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
และอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสอี้ยังคงตกตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่ม
หากมีใครสักคนในที่นี้ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่ฟางชิวพูดได้อย่างถ่องแท้ …ก็คงมีเพียงเขาเท่านั้น
ดังที่ฟางชิวกล่าว
ในตอนนั้น เขาเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต เอาแต่ลากสังขารและวิญญาณที่อ่อนล้าไปฝึกฝน แต่ผลที่ตามมาคือไม่สามารถทะลวงผ่านได้ จนกระทั่งวันนั้นที่ตระหนักได้ถึงบางอย่างและปล่อยวางเรื่องหนักใจลง นั่นจึงนำเขาไปสู่การทะลวงผ่าน
ฟู่ว…
เมื่อนึกถึงความยากลำบากในปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสอี้ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นก่อนจะปรบมือเสียงดัง
หืม?
ทุกสายตาหันมองไปยังผู้อาวุโสอี้โดยพลัน
พวกเขาต่างสงสัยว่าผู้อาวุโสอี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบางสิ่งหรือไม่?
ฟางชิวเองก็มองไปยังอีกฝ่ายเช่นกัน
“การฟังคำพูดของผู้อาวุโสดีกว่าการพยายามอย่างหนักมาตลอดสิบปี! เป็นความจริงที่ว่าการเดินเป็นหมื่นลี้ดีกว่าการฟังคำพูดของคนดัง”
ผู้อาวุโสอี้กับฟางชิงมองหน้ากันด้วยความมุ่งมั่นและทั้งสองโค้งคำนับให้กัน “ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับการชี้แนะ”
หลังพูดจบแล้ว เขาก็ค่อย ๆ หันกลับมาและกวาดสายตามองฝูงชน “สิ่งที่ผู้อาวุโสนิรนามพูดเป็นคำพูดที่สมเหตุสมผลที่สุด ตราบใดที่เชื่อฟังเขา ฉันรับประกันว่าทุกคนจะทะลวงผ่านไปได้”
คำกล่าวนี้สร้างความตกใจให้กับทุกคนไม่น้อย
ใครจะคาดคิดว่าผู้อาวุโสอี้จะยืนหยัดสนับสนุนผู้อาวุโสนิรนามในเวลานี้
ก่อนหน้านี้ ทุกคนยังไม่อาจไว้วางใจฟางชิวได้อย่างเต็มที่ พวกเขาล้วนสงสัยและไม่เชื่อในคำพูดสวยหรูของเขา
แต่วันนี้…
ทันทีที่ผู้อาวุโสอี้เอ่ยปาก ความสงสัยในใจของพวกเขาพลันสลายหายไป
ผู้อาวุโสอี้คือใคร?
ผู้อาวุโสอี้เป็นหนึ่งในบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในแวดวงศิลปะการต่อสู้เจียงจิง และเป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ ทั้งยังเป็นผู้จัดการแข่งขันในครั้งนี้อีกด้วย
ผู้อาวุโสอี้เป็นใคร?
ผู้ที่ก้าวผ่านไปสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่ง!
ในเมื่อเขากล่าวว่าคำพูดของฟางชิวนั้นยอดเยี่ยมที่สุด นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อเป็นดังนี้ทุกคนก็สั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
“จริงเหรอ จริง ๆ น่ะเหรอ?”
“ใครจะคิดกันล่ะว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสนิรนามพูดจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
“การเลื่อนขั้นสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ในที่สุดก็มีโอกาสสินะ ว้ากกกก!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันต้องทะลวงผ่านไปได้แน่นอน!”
เสียงพูดคุยจอแจดังขึ้นไม่หยุดจนทั่วพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเสียงอึกทึก
“ผู้อาวุโส”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นและพูดคุยกันอย่างออกรส ผู้อาวุโสอี้ก็คารวะฟางชิวอีกครั้งก่อนเอ่ยคำ “ไม่ทราบว่าผมขอประลองกับผู้อาวุโสได้ไหมครับ?”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาทุกคนพลันเงียบปากทันทีพร้อมมองไปยังผู้อาวุโสอี้และชายหนุ่ม
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสนิรนามผู้นี้ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นไม่ค่อยน่าชมเท่าไรนัก แต่ทุกครั้งที่สิ้นสุดการแข่งขัน ผู้อาวุโสจะแสดงความกล้าหาญในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ก่อนจะต่อกรกลับไปยังคู่ต่อสู้จนอยู่หมัด
สิ่งนี้ยังนำไปสู่ความจริงที่ว่าแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าผู้อาวุโสทรงพลังเพียงใด กระนั้นก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับไหน
ถ้าผู้อาวุโสอี้ลงสนาม…
ผู้อาวุโสนิรนามคนนี้จะยังทำตัวสบาย ๆ และไม่แยแสหมือนเมื่อก่อนได้หรือไม่?
ต่อหน้าผู้อาวุโสอี้ ชายลึกลับจะยังคงแสดงอำนาจในการชี้นำได้หรือไม่?
ทุกคนล้วนอยากรู้
แต่อีกด้านหนึ่ง เหอเกาหมิงผู้หมดหวังที่จะขึ้นสังเวียนรู้สึกกระวนกระวายใจทันที
สายตาที่มองผู้อาวุโสอี้ไม่มีเคารพเหมือนเก่าก่อน แต่กลับกลายเป็นคำตำหนิ
เพื่ออะไร?
นี่มันอะไร?
ตัดหน้าเขาได้อย่างไร!
ฉันรอมานานนะเฟ้ย แม้ว่าท่านจะเป็นชายชรา แม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของท่าน แต่จะแซงคิวแบบนี้ไม่ได้! เงินก็จ่าย อย่างนี้ที่จ่ายไปไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?
“สหายท่านนี้…”
ผู้อาวุโสอี้คารวะไปทางเหอเกาหมิงผู้ที่เต็มไปคำตำหนิ พลางเอ่ยถาม “ขออนุญาตร่วมทีมด้วยได้หรือไม่?”
เหอเกาหมิงพลันตะลึงงัน
ในใจเขายืนกรานว่าจะไม่อนุญาต
แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโสนิรนามกำลังจะจากไปเมื่อใด?
หลังจากต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า หากเขาจากไปในการแข่งขันครั้งต่อไปจะทำอย่างไร?
แต่ผู้อาวุโสอี้เองก็เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าไม่อนุญาตจะไม่กลายเป็นการหักหน้าเขาหรือไม่?
ภายใต้การจ้องมองของผู้อาวุโสอี้และทุกคน
ชั่วขณะหนึ่ง เหอเกาหมิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เมื่อเห็นดังนี้ ฟางชิวที่อยู่บนเวทีจึงยกยิ้มจาง ๆ ก่อนเอ่ยคำ “ปล่อยให้เพื่อนนักต่อสู้คนนี้ไปก่อน อย่างไรเสียพวกที่รอคิวอยู่นี่ก็ล้วนจ่ายเงินกันไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหอเกาหมิงก็มีความสุขขึ้นโดยพลัน
หลังจากชำเลืองมองผู้อาวุโสอี้ เขาก็รีบคารวะและโค้งคำนับทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปยังสังเวียน
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสอี้ก็ตะลึงงัน จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เป็นผมเองที่รีบร้อน ในกรณีนี้ผมจะขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสในภายหลังแล้วกันนะครับ”
ฟางชิวพยักหน้าเบา ๆ
บนสังเวียน
“ผมชื่อเหอเกาหมิง ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะด้วย”
เหอเกาหมิงยืนอยู่ตรงข้ามกับฟางชิวที่คารวะโค้งคำนับ
“เชิญ!”
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงคารวะตอบ
ร่างของเหอเกาหมิงขยับพุ่งเข้าโจมตีฟางชิวโดยไม่รั้งรอ
เวลานั้นชายหนุ่มยังคงไม่ขยับเท้า และรอให้เหอเกาหมิงโจมตีก่อนที่ถึงออกกระบวนท่า
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันในเวลาเดียวกัน
เขาเฝ้าดูข้อบกพร่องทั้งหมดของเหอเกาหมิงอย่างระมัดระวัง
สามนาทีต่อมาปราณภายในของฟางชิวก็พุ่งสูงขึ้น ก่อนที่ร่างของเหอเกาหมิงจะกระเด็นกระดอนออกไป
“ผะ… ผู้อาวุโส”
เหอเกาหมิงรีบลดมือลงและรีบทำท่าคารวะเพื่อออกปากถามด้วยความเคารพ “โปรดชี้แนะผมด้วยครับ!!”
ชายหนุ่มมองไปยังเหอเกาหมิงแน่นิ่ง “จิตใจละเอียดถี่ถ้วนและมีไหวพริบ จงทำต่อไป ความก้าวหน้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม”
สิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง …เหอเกาหมิงทำผลงานโดยรวมได้ดีไม่น้อย
ปราศจากการปิดกั้นของหัวใจ ทั้งยังไม่มีข้อเสียด้านกำลังภายใน
“จริง ๆ เหรอครับ?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เหอเกาหมิงก็ยกยิ้มด้วยความปีติที่เอ่อล้นหัวใจ
แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวลงจากสังเวียน จิตใจของเขาพลันคิดถึงบางอย่าง
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ฉันใช้เงินไปหนึ่งหมื่นสองพันหยวน แต่กลับได้รับคำชี้แนะเพียงเท่านี้เนี่ยนะ?
คุ้มไหม?
ไม่ใช่ว่าควรมีสิ่งที่ต้องชี้แนะมากกว่านี้หรอกหรือ?
คิดได้ดังนั้นเขาก็หยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองฟางชิว “ผู้อาวุโส ผมใช้เงินไปมากเพื่อมาที่นี่ ได้โปรดชี้แนะให้มากกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ อย่างไรเสียวันนี้ผมก็ไม่มีธุระต้องไปทำต่อ ไม่มีอะไรต้องรีบร้อน”
ผู้คนด้านล่างสังเวียนต่างพากันพูดไม่ออก
นายมีเวลาเหลือเฟือ แต่ฉันไม่มี!
นายไม่รีบอย่างนั้นหรือ แต่ฉันรีบโว้ยยยยย!
จ่ายเงินเพื่อมาเรียนอย่างนั้นหรือ? เหอะ!
คนอื่น ๆ ฟังเพียงหนึ่งหรือสองประโยคก็รีบรุดออกไปง่วนกับการฝึกฝน แล้วนายมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?
ออกปากชมก็แล้ว ทำไมยังไม่พอใจอีก?
ฟางชิวมองไปยังเหอเกาหมิงนิ่งงันโดยไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
อืม …ลึก ๆ ก็กลัวว่าเงินของเหอเกาหมิงจะสูญเปล่า เขาจึงเอ่ยเสริมเพิ่มออกมา
ทว่ามีความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาในที่สุด “ภายในหนึ่งปี นายจะสามารถทะลวงผ่านได้อย่างแน่นอน!”
“ถ้ามีโอกาสก็สามารถทะลวงผ่านได้ภายในหกเดือน!”
“แต่ถ้าได้รับโอกาสที่ดีมาก ๆ เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ทะลวงผ่านได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เหอเกาหมิงที่ตะลึงงัน แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณ!
“ให้ตายเถอะ! บอกเวลาได้ด้วย? นี่มันจะเจาะจงไปหน่อยไหม?”
“ผู้อาวุโสนิรนามสามารถบอกเวลาของการเลื่อนระดับได้อย่างนั้นหรือ?”
“บ้าไปแล้ว ฉันเชื่อว่าสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้เป็นความจริงมากกว่าที่จะลงรายละเอียด!”
“เหอเกาหมิงคนนี้เป็นคนมีความสามารถขนาดที่จะก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้เลย?”
ทุกคนตกใจไม่น้อย
เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้!
ไม่เคยได้ยินเลยว่าคนคนหนึ่งจะสามารถบอกวันเวลาในการเลื่อนระดับได้
นี่มันไม่เพ้อฝันไปหน่อยหรือ ผู้ที่ฟังรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความฝัน…
“พูดจริงเหรอครับ?”
เหอเกาหมิงเพิ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ จากนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยความดีใจ “โอกาสนั้นที่ท่านพูดถึงคืออะไรและโอกาสที่ดีคืออะไรครับ?”
“โอกาสคือเมื่อมีคนต่อสู้กับนายจนนายโกรธ”
ฟางชิวกล่าว “และโอกาสที่ดีคือการมีคนที่เหนือกว่ามานำทางให้นาย”
อันที่จริง… ฟางชิวมีอีกอย่างที่จะพูดที่ยังไม่ได้พูด เพราะกลัวว่าคำพูดนั้นจะทำให้คนตรงหน้าตกใจกลัว
นั่นคือหากได้รับคำแนะนำจากสุดยอดปรมาจารย์เช่นเขา ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ เหอเกาหมิงจะสามารถทะลวงผ่านเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งได้
แต่จะหาสุดยอดปรมาจารย์จากที่ไหนเพื่อมาชี้แนะให้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์!
“เข้าใจแล้วครับ”
เหอเกาหมิงโค้งคำนับพร้อมคารวะ ก่อนเอ่ยคำ “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ให้โอกาสผม”
หลังจากกล่าวจบ น่าประหลาดใจที่เขาไม่ได้ก้าวลงจากสังเวียน
แต่กลับขยับร่างพุ่งทะยานโจมตีชายหนุ่มด้วยความเร็วอีกครั้ง!!
เขาสร้างโอกาสนี้ด้วยตัวเอง
อย่างไรเสียเขาก็ยังไม่ได้ลงจากสังเวียนนี่น่า
ฟางชิวหมดคำจะพูด …ผู้ชายคนนี้!
เนื่องจากเห็นเหอเกาหมิงปรารถนาที่จะสู้อย่างแรงกล้า ฟางชิวจึงไม่ได้ออมมือ
โดยไม่ต้องรอให้เหอเกาหมิงโจมตีก่อน เขาก็เป็นฝ่ายรุกพุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายพร้อมกับมือสองข้างที่เริ่มเคลื่อนไหวทันที
มันเป็นการปะทะอย่างรุนแรงที่ไม่ได้ใช้พลังปราณแม้แต่น้อย!
และเหอเกาหมิงยังไม่ทันเริ่ม
“โอ้ โอ้ย…”
“อ่า…”
“เจ็บ พอก่อนครับ ๆ เจ็บ!!!”
เสียงร้องโอดโอยราวกับหมูที่ถูกเชือดดังก้องไปทั่วคฤหาสน์
จากที่เห็น เหอเกาหมิงไม่มีโอกาสแม้จะสู้กลับ ทั้งยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำในเวลาเพียงครู่เดียว
หลังจากโจมตีไปพอสมควร
ฟางชิวจึงหยุดมือ
“โอ้ย”
“หึ ๆๆ…”
เหอเกาหมิงทรุดตัวลงบนสังเวียนพร้อมส่งเสียงร้องโอดโอย แต่เขากลับหัวเราะอย่างร่าเริงราวกับว่ามีอาการทางสมอง
และด้วยการสลับระหว่างเสียงครวญครางและเสียงหัวเราะ เหอเกาหมิงจึงก้าวลงมาจากสังเวียน
“ยอดเลย!”
ทันทีที่ก้าวออกมาจากสังเวียน เหอเกาหมิงพลันเงยหน้าตะโกนพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น “นั่นคือหนึ่งหมื่นสองพันพยวนที่เสียไปอย่างคุ้มค่า! วู้ววว คุ้มค่าจริง ๆ!”
หลังจากเห็นว่าเหอเกาหมิงถูกโจมตีกลายเป็นเรื่องดีไม่น้อย
ในตอนแรกผู้คนพากันตกตะลึงก่อนจะส่งเสียงเอะอะโวยวาย
“ผู้อาวุโส เอาชนะฉันด้วย!”
“ผู้อาวุโส ฉันหนังหนาดังเหล็กกล้า ดังนั้นท่านต้องสู้กับฉัน!”
“พวกเขามีแต่หนังหุ้มกระดูก ต่อยฉันดีกว่า ผู้อาวุโส ต่อยฉัน!”
ในชั่วขณะนั้น คำอ้อนวอนแปลก ๆ ในการขอรับการถูกต่อยทุกประเภทดังไปทั่วทั้งบริเวณ
เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก หัวเราะก็ไม่ได้
“เงียบ ทุกคนจงเงียบ!”
อีกด้าน ผู้อาวุโสอี้รีบลุกขึ้นก่อนเอ่ยบอกให้ทุกคนเงียบ แล้วจึงทำท่าคารวะฟางชิวอีกครั้งพร้อมเอ่ยคำ “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”
อีกแล้ว?
ฟางชิวมองไปยังผู้อาวุโสอี้และเอ่ย “มันเป็นการไม่เหมาะสมที่คุณจะแซงคิวเช่นนี้”
“ผู้อาวุโสอย่าได้กังวล”
ผู้อาวุโสอี้ยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “…หลังจากการแข่งขันจบลง ผมจะให้ค่าตอบแทนแก่พวกเขาแน่นอน”
ฟางชิวพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าเช่นนั้นก็มาเถอะ”
ผู้อาวุโสอี้ก้าวเข้าสู่สังเวียน
“ผู้อาวุโสครับ มีบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่”
ผู้อาวุโสอี้กล่าว
“พูดมาเถอะ”
ฟางชิวเอ่ยตอบ
“ผมสังเกตเห็นการประมือก่อนหน้านี้ คุณไม่ได้ใช้พลังปราณภายใน แต่แน่นอนว่าเพราะคู่ต่อสู้สองสามคนก่อนหน้านี้ไม่มีใครทะลวงผ่านเข้าไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งได้เลย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสอี้จึงเอ่ยต่อว่า “แต่ถึงอย่างนั้น ในการประมือกับผม…”
“คุณใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มีออกมาได้เลย ผมจะใช้เพียงความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเพื่อสู้กับคุณ”
ฟางชิวกล่าวอย่างสบาย ๆ
ทั่วทั้งบริเวณพลันตกตะลึง
ใช้ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเท่านั้น?
นี่ไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของชายลึกลับสูงกว่านั้นหรอกหรือ?