คุรุการแพทย์ – บทที่ 217 ฉันเพิ่งเรียนมาสี่วัน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 217 ฉันเพิ่งเรียนมาสี่วัน!

บทที่ 217 ฉันเพิ่งเรียนมาสี่วัน!

ที่บ้านของสวีเมี่ยวหลิน

“สุดยอด!” ฉีไคเหวินที่กำลังดูการถ่ายทอดสดก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และพูดกับสวีเมี่ยวหลินว่า “ศิษย์น้อง ลูกศิษย์ของนายไม่เพียงพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวงการการแพทย์แผนจีนเท่านั้น แต่ยังใช้โอกาสนี้ในการเผยแพร่จริยธรรมทางการแพทย์อีกด้วย ลูกศิษย์ของนายช่างดีจริง ๆ !”

“ดีที่ไหนกันล่ะ?” สวีเมี่ยวหลินทำหน้ามุ่ยและพูดอย่างใจเย็น “เขายังห่างไกลจากคำว่าดีอีกเยอะ!”

ฉีไคเหวินตกตะลึงทันทีที่ได้ยินแบบนั้นจึงหันไปมองสวีเมี่ยวหลิน และพบว่าอีกฝ่ายกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดราวกับกำลังคิดอะไรที่ไม่ดีอยู่

อีกด้านหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำตอบของฟางชิว หลี่เหวินป๋อก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวังทันที

ดูเหมือนเป็นคำถามล่อลวงที่ดี แต่ฟางชิวไม่ได้ติดกับ แถมยังใช้โอกาสนี้ในการเชิดชูตัวเองและการแพทย์แผนจีน!

“ผ่านไปแล้วสิบเอ็ดคน!”

“คนต่อไป เชิญครับ” ฟางชิวกล่าว

ผู้หญิงคนที่สิบสองถูกเชิญเข้ามา

หลังจากจับชีพจรของผู้หญิงคนที่สิบสองแล้ว ฟางชิวก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์”

“แต่…” ฟางชิวพูดเสริมอย่างจริงจังว่า “ชีพจรของคุณค่อนข้างอ่อนแอ ร่างกายก็เช่นกัน คุณต้องดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการแท้งบุตร ดังนั้นควรไปโรงพยาบาลของการแพทย์แผนจีนที่อยู่ในเมืองหรือจังหวัดเพื่อพบแพทย์เก่ง ๆ ร่างกายจะได้ฟื้นตัว”

“หา?” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ และก่อนที่ทนายความจะยืนยันความถูกต้อง ผู้หญิงคนนั้นก็ถามอย่างกระวนกระวายใจ “คุณหมอคะ ฉันจะป้องกันการแท้งลูกได้ยังไง? แล้วลูกของฉันจะแข็งแรงไหมคะ”

“เรื่องนี้…” ฟางชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขออภัย ผมยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ*[1] ในขณะนี้ ผมไม่สามารถบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันการแท้งบุตรได้ คุณควรหาหมอแผนจีนเก่ง ๆ แล้วดูแลตัวเองตามคำแนะนำของหมอดีกว่า”

สวีเมี่ยวหลินยังไม่ได้สอนวิธีการป้องกันการแท้งบุตรให้ฟางชิว ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือมามากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะบอกเธอได้

เมื่อได้ยินว่าฟางชิวยังไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะและไม่สามารถบอกได้ หญิงสาวจึงพยักหน้าด้วยความผิดหวัง

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ทนายความก็ถึงกับพูดไม่ออก

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดไปแล้ว ทนายความก็ยังจำเป็นต้องยืนยันความถูกต้องอยู่ดี จากนั้นค่อยพาผู้หญิงคนนี้ออกไป

หลังจากตรวจสอบแล้วทนายความก็ประกาศผลว่า “หลังจากการตรวจสอบ ผู้หญิงคนนี้ตั้งครรภ์จริง ๆ ค่ะ”

อาจเป็นเพราะพวกเขารู้ผลล่วงหน้าเลยไม่รู้สึกแปลกใจ ผู้คนจำนวนมากจึงพุ่งความสนใจไปที่ความจริงที่ว่าฟางชิวไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ

ฟางชิวไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะเหรอ?

ขณะที่ดูการถ่ายทอดสด คนที่เป็นกลางกับผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกก็นึกขึ้นมาได้

ใช่แล้ว…

ฟางชิวยังเป็นนักศึกษาอยู่ เขาเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง! ขนาดนักศึกษาปีหนึ่งยังจับชีพจรตั้งครรภ์ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าการแพทย์แผนจีนร้ายกาจเพียงใด

จากนั้น ผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกก็ตกตะลึง เพราะต้องการตบหน้าฟางชิวให้เจ็บปวด แต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ให้โอกาสได้เงื้อมือขึ้นเลย อีกทั้งไม่เพียงวินิจฉัยถูกสิบสองครั้งติดต่อกัน แต่ยังแสดงให้เห็นว่าการแพทย์แผนจีนยอดเยี่ยมเพียงใด

ฟางชิวยังถือโอกาสนี้ในการเหน็บแนมแพทย์แผนตะวันตกด้วย ทำให้ยากที่พวกเขาจะยอมรับความจริงได้

แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะว่ามันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา พวกเขาจึงไม่สามารถโต้แย้งได้เลย

ถ้าแม้แต่นักศึกษายังเก่งขนาดนี้ แล้วแพทย์แผนจีนโบราณที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นจะเก่งขนาดไหน? วงการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์เทียมจริงหรือ?

ในขณะที่ผู้สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกอดไม่ได้ที่จะสงสัย

ดวงตาของหลี่เหวินป๋อก็เปล่งประกายทันที

ใช่แล้ว!

ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ!

ฟางชิวยังเป็นนักศึกษาอยู่ ทำให้ไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ เขาสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้

ความคิดหนึ่งพลันแวบเข้ามาในหัวของหลี่เหวินป๋อ

หลี่เหวินป๋อยิ้มให้ฟางชิวและถามตรง ๆ ว่า “ฟางชิว เนื่องจากเธอเก่งเรื่องการตรวจชีพจร เธอคงจะเคยตรวจคนไข้มามากมายเลยใช่ไหม?”

คนถูกถามชำเลืองมองและคาดเดาความคิดของหลี่เหวินป๋อออก “นี่คุณกำลังพยายามกล่าวหาว่าผมประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างผิดกฎหมายเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องทำให้คุณผิดหวังแล้ว เพราะผมศึกษาการวินิจฉัยชีพจรเป็นเวลาสี่วันเท่านั้น และสำหรับชีพจรของการตั้งครรภ์ ผมศึกษาเพียงแค่สองวัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่กำลังเรียนรู้ผมก็ไม่ได้วินิจฉัยผู้ป่วยเลย ผมแค่ศึกษาเกี่ยวกับการจับชีพจร แล้วคนที่จ่ายยาก็ไม่ใช่ผม พอเรียนเสร็จก็ตรงมาที่นี่ทันที ผมไม่มีเวลาไปตรวจคนไข้หรอก ต่อให้มีเวลาแต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ผมก็ไม่กล้าออกไปตรวจคนไข้อยู่ดี!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟางชิว ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างตกตะลึง

[เฮ้ย! ฟางชิวเรียนรู้แค่สองวันจริง ๆ เหรอ? เขาล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย?]

[นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ เขาทำได้ดีหลังจากเรียนแค่สองวันเท่านั้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!!]

[หลังจากเรียนรู้แค่สองวัน คุณก็กล้าที่จะยอมรับคำท้าแล้ว นี่ไม่เล่นใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ?]

[จริงหรือเปล่าอะ?]

[เรียนแพทย์แผนจีนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?]

[ไม่ใช่ว่าการจับชีพจรตั้งครรภ์มันยากเหรอ? ฟางชิวจะมารับคำท้าได้ยังไงหลังจากเรียนรู้ได้เพียงสองวันเท่านั้น]

พวกที่เป็นกลางต่างถกเถียงกัน ส่วนผู้สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกต่างกลับตกตะลึงแทน

[เป็นไปไม่ได้]

[ฉันตรวจสอบแล้ว หากแพทย์แผนจีนต้องการจับชีพจรตั้งครรภ์ เขาควรจะมีประสบการณ์สูง สำหรับฟางชิวที่เพิ่งเรียนรู้ได้สองวันจะจับชีพจรการตั้งครรภ์ได้ยังไงกัน]

[ฟางชิวโม้เกินไปแล้ว ถ้าบอกว่าเรียนมาตั้งแต่เด็กฉันก็เชื่อ แต่บอกว่าเรียนแค่สองวันเนี่ยนะ? ถ้าเรียนรู้ได้ภายในสองวัน แล้วทำไมพวกเราต้องเรียนแพทย์แผนตะวันตกล่ะ? ถ้างั้นทุกคนก็ไปเรียนการแพทย์แผนจีนกันหมดแล้วสิ]

[ถูกต้อง การแพทย์แผนจีนง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ]

[คนธรรมดาไม่สามารถแม้แต่จะเรียนรู้วิธีการจับชีพจรภายในสองวันได้ ไม่ต้องพูดถึงชีพจรตั้งครรภ์เลย ฟางชิวจะต้องโกหกแน่นอน]

[ฉันสงสัยว่าฟางชิวเป็นนักศึกษาปีหนึ่งจริง ๆ หรือเปล่า]

เมื่อเทียบกับผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกและผู้ที่เป็นกลางแล้ว ผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนก็ตกใจกับสิ่งที่ฟางชิวพูดไปแล้วครึ่งค่อนวัน

[ผู้ชายคนนี้เรียนรู้แค่สองวันจริงๆเหรอ?]

[เป็นไปไม่ได้!]

[ฟางชิวจะวินิจฉัยชีพจรของการตั้งครรภ์ภายในสองวันได้ยังไง]

[นั่นสิ เขาไม่เพียงแต่วินิจฉัยชีพจรของการตั้งครรภ์ได้ แต่ยังวินิจฉัยว่าผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ได้เพียงสองสัปดาห์อีกด้วย นี่เป็นไปได้ยังไงกัน?]

[แม้แต่แพทย์ที่มีชื่อเสียงมากประสบการณ์ก็ยังไม่กล้าพูดว่าตัวเองสามารถวินิจฉัยชีพจรตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เพียงสองสัปดาห์ได้ แต่ฟางชิวเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง เขาทำได้ยังไง]

[ฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กล้าหรือว่าบ้าบิ่นกันแน่ ที่เขากล้าเข้าร่วมในการท้าทายหลังจากเรียนรู้เพียงสองวันเท่านั้น]

[ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความแข็งแกร่งที่ฟางชิวแสดงออกมาไม่ได้เหมือนว่าเขาเพิ่งจะศึกษามาแค่สองวันเลย]

[ความสามารถในการเรียนรู้ของฟางชิวจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว]

[ใช้เวลาศึกษาทั้งหมดเพียงสี่วัน และสามารถเรียนรู้การจับชีพจรตั้งครรภ์ได้ในระดับนี้ นี่มันน่าทึ่งมาก!]

ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนตกใจ

ในขณะเดียวกัน

นักศึกษาที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันความรู้ของน้องใหม่ร่วมกับฟางชิวต่างเชื่อกันหมด

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตอนที่เข้าร่วมการแข่งขันความรู้ของน้องใหม่ ฟางชิวจับชีพจรไม่ได้จริง ๆ และไม่ได้ยินว่ามีความสามารถในการวินิจฉัยชีพจรด้วย

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฟางชิวพูดมีแนวโน้มที่จะเป็นความจริง ว่าเขาเรียนไปแค่สี่วันเท่านั้น!

ชายหนุ่มสามารถเรียนรู้ได้ดีภายในสี่วัน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งจะไม่เชื่อได้อย่างไร? โดยเฉพาะหานอวี่เซวียน

ก่อนหน้านี้ หานอวี่เซวียนเคยต่อต้านฟางชิวมาโดยตลอด และคิดว่าตัวเองเหนือกว่า แต่หลังจากที่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเลยค่อย ๆ เข้าใจว่าความแข็งแกร่งของฟางชิวมันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มสามารถจับชีพจรตั้งครรภ์ได้ดีขนาดนี้หลังจากเรียนรู้เพียงแค่สี่วัน หานอวี่เซวียนผู้ซึ่งจ้องจะหาโอกาสในการแข่งขันกับฟางชิวอีกครั้งก็เชื่ออย่างสนิทใจ

ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยที่กำลังดูการถ่ายทอดสดในหอพักอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นฟางชิวบนหน้าจอ

“ฟางชิว นายแอบขี้เกียจตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยจริง ๆ ใช่ไหม!”

ในบ้านของสวีเมี่ยวหลิน

“สองวัน?” ฉีไคเหวินมองสวีเมี่ยวหลินด้วยความตกใจและถามว่า “ศิษย์น้อง สิ่งที่ฟางชิวพูดเป็นความจริงเหรอ?”

“จริง” สวีเมี่ยวหลินพยักหน้า

“แค่สองวัน? งั้นเขาก็ร้ายกาจกว่านายน่ะสิ!”

ฉีไคเหวินรู้สึกตกตะลึง เพราะในสายตาของเขา สวีเมี่ยวหลินนั้นร้ายกาจมาก ในวงการแพทย์แผนจีนไม่มีคนร้ายกาจแบบนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว!

ฉีไคเหวินไม่คาดคิดว่าฟางชิวจะร้ายกาจกว่าสวีเมี่ยวหลิน

“แม้ว่าเขาจะร้ายกาจกว่าฉัน แล้วไงล่ะ” สวีเมี่ยวหลินยกริมฝีปากขึ้นก่อนเอ่ย “ถึงอย่างนั้น ฉันก็เป็นคนสอนเขานะ!”

“ให้ตายเถอะ!” ฉีไคเหวินเบิกตากว้างด้วยความตกใจและถอนหายใจออกมา “เป็นความจริงที่ว่าอาจารย์ร้ายกาจย่อมมีลูกศิษย์ที่ร้ายกาจ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ในอนาคตลูกศิษย์ของฉันจะไล่ตามฟางชิวไม่ทันแน่นอน อนิจจา…โชคชะตาชอบเล่นตลกกับผู้คน เพราะฉันถูกกำหนดให้ถูกรังแกไปตลอดชีวิต”

ในห้องทำงานรองอธิการบดี

“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”

การที่ฟางชิวเรียนรู้ชีพจรตั้งครรภ์เพียงสองวันทำให้เฉินอินเซิงตกใจมากเช่นกัน

เขานึกว่าชายหนุ่มเรียนรู้การจับชีพจรตั้งครรภ์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่นี่สองวันเนี่ยนะ??

“ถ้าอย่างนั้น เด็กคนนี้จงใจสร้างปัญหาใช่ไหม? เขาได้เรียนรู้มันเพียงสองวันก่อนถึงวันนัดหมาย นี่ไม่ใช่มัจฉาตายตาข่ายขาด*[2] หรือไง? แต่… ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ปลาก็ยังไม่ตาย ตาข่ายก็ยังไม่ขาด”

“เด็กคนนี้ลึกลับจริง ๆ”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เฉินอินเซิงก็ตกตะลึง ครู่ต่อมาเขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

อีกด้านหนึ่ง

หลี่เหวินป๋อจ้องไปที่ฟางชิวและถามว่า “การเรียนรู้ชีพจรของการแพทย์แผนจีนจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง? เนื่องจากเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดเพียงสี่วันและเรียนรู้ชีพจรตั้งครรภ์สองวัน เป็นไปได้ยังไงที่จะเรียนรู้ได้ดีขนาดนี้ เธอกำลังโกหก!”

“ฮ่า ๆ ๆ …” ฟางชิวหัวเราะออกมาทันที “คุณถามแบบนี้หมายความว่าไง? นี่ยอมรับการวินิจฉัยชีพจรของแพทย์แผนจีนแล้วงั้นเหรอ? คุณจะยอมรับไหมว่าการแพทย์แผนจีนไม่ใช่วิทยาศาสตร์เทียมอีกต่อไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหลี่เหวินป๋อก็คล้ำลง แม้ว่าจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน แต่จากสิ่งที่เขาพูดก็ถือว่ายอมรับวงการแพทย์แผนจีนแล้ว

หลี่เหวินป๋อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการกับการแพทย์แผนจีน แต่ตอนนี้ ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับจากฟางชิว ถ้าเกิดยอมรับวงการแพทย์แผนจีนละก็ นี่ไม่เท่ากับว่าเขาตบหน้าตัวเองหรือไง?

ชั่วขณะหนึ่ง หลี่เหวินป๋อก็พูดไม่ออกด้วยกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป

ในการถ่ายทอดสด ทุกคนที่รับชมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ตอนนี้ฟางชิวในสายตาของพวกเขาไม่ใช่นักศึกษาปีหนึ่งที่โง่เขลาอีกต่อไป แต่เป็นแพทย์แผนจีนที่มีความสามารถพิเศษ

นอกจากตัวตนที่มีความจริงจังแล้ว ในสายตาของทุกคน ฟางชิวยังมีฝีปากร้ายกาจอีกด้วย! เขาเป็นบุรุษที่ฉวยโอกาสในการทุบตีผู้คนจนตาย!

ดูสิ… เขาทำให้หลี่เหวินป๋อพูดไม่ออกอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการตบหน้าฉาดใหญ่

เมื่อเห็นความคิดเห็นอย่างบ้าคลั่งในการถ่ายทอดสด หลี่เหวินป๋อก็กัดฟันแน่น เพราะครั้งนี้ล้มเหลวในการขัดขวางฟางชิว

เขารู้สึกกังวลหนักกว่าเดิม!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและมีผู้ชมการถ่ายทอดสดมากกว่าหนึ่งล้านคน!

ในฐานะที่หลี่เหวินป๋อเป็นผู้มีอิทธิพลบนเวยป๋อกลับต้องมาโดนดูถูกแบบนี้ตลอดเวลา นี่มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ?

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการท้าทาย! ฟางชิวตรวจพบหญิงตั้งครรภ์หกคนโดยการวินิจฉัยชีพจร ถ้าเขาตรวจพบผู้หญิงอีกสองคนละก็ หมายความว่าความแม่นยำของฟางชิวมีมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์และจะได้รับชัยชนะไป!

ผู้หญิงเหล่านี้เป็นหลี่เหวินป๋อที่เตรียมมา ดังนั้นจึงรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงสิบคนจากยี่สิบคนกำลังตั้งครรภ์ และอีกสิบคนไม่ได้ตั้งครรภ์

ก่อนการท้าทาย หลี่เหวินป๋อได้ประกาศกฎแล้ว ตราบใดที่ผลการวินิจฉัยของฟางชิวถูกต้องแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในหมู่หญิงตั้งครรภ์ นั่นคือแปดในสิบคน …ฟางชิวก็จะชนะ

ตอนนี้ฟางชิวขาดอีกแค่สองคนเท่านั้น ดูจากอัตราความแม่นยำในปัจจุบันแล้วก็มีแนวโน้มว่าจะชนะ

เวลานี้หลี่เหวินป๋อรู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะเขาเป็นคนที่ออกคำท้าและเป็นคนริเริ่มที่บอกว่าจะตบหน้าฟางชิว แล้วเขาก็มักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนมาหลายปีแล้ว

ความมั่นใจเต็มร้อยก่อนหน้านี้แทบจะพังทลายจนหมด

ไม่ได้การแล้ว!!

เขาต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่มีวันปล่อยให้ฟางชิวชนะได้!

[1] การประกอบวิชาชีพที่กระทำหรือมุ่งหมายจะกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการตรวจโรค การวินิจฉัยโรค การบำบัดโรค การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ การผดุงครรภ์ แต่ไม่รวมถึงการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ๆ

[2]มัจฉาตายตาข่ายขาด หมายถึง ต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท