ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] – ตอนที่ 16 ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ตอนที่ 16 ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด

แม้ว่าหยุนเชวี่ยจะป้อนน้ำให้เขาช้า ๆ แต่น้ำก็ยังคงไหลไปตามคางของเด็กหนุ่ม ทำให้เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เปียกชื้นเล็กน้อย

กลิ่นเลือดจาง ๆ คละคลุ้งอยู่ที่ปลายจมูก แสงอรุณรุ่งลอดผ่านแมกไม้เขียวขจี ตกกระทบลงยังคิ้วเข้มเรียวยาวของเขา

เด็กหนุ่มผมดำสวมเสื้อผ้าราคาแพง ใบหน้าซีดเซียวของเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย

“เสี่ยวอู่” หยุนเชวี่ยวางน้ำเต้าลง “เจ้าเฝ้าเขาอยู่ที่นี่ อย่าเดินไปไหนเด็ดขาด ข้าจะไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ ว่ามีที่ไหนให้เขาไปพักรักษาตัวได้บ้าง”

เสี่ยวอู่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“ห้ามเดินไปทั่ว หากเกิดอะไรขึ้นให้ตะโกนเรียก พี่สาวได้ยินแล้วจะรีบมา”

หยุนเชวี่ยกำชับน้องชายอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นคว้าท่อนไม้ยาวเดินลึกเข้าไปในพุ่มหญ้ารกทึบ

ความชื้นจากน้ำค้างในพุ่มไม้นั้นเย็นมาก แม้แต่คนที่มีร่างกายแข็งแรงก็ไม่อาจทนต่อความหนาวเหน็บเช่นนี้ได้ นับประสาอะไรกับคนป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียเลือด จะมีชีวิตอยู่รอดได้ภายใต้ความหนาวเย็นและความชื้นบนภูเขาแห่งนี้ในตอนกลางคืน

คงจะดีไม่น้อยหากสามารถหาพื้นที่ราบ แห้ง และแสงแดดส่องถึงได้…

หยุนเชวี่ยถือไม้เท้ากวัดแกว่งไปมารอบ ๆ เป็นบริเวณกว้าง ราวกับกำลังตามล่าหาขุมทรัพย์

เด็กหนุ่มยังคงนอนหลับตานิ่งสนิท ท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย เสี่ยวอู่เฝ้าเขาอยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นไม่นานก็ยื่นมือเล็ก ๆ ของตัวเองออกไป เพื่อตรวจสอบลมหายใจของเขา

สวรรค์คุ้มครอง ดวงชะตาเขายังไม่ถึงฆาต

หยุนเชวี่ยเดินหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ก่อนจะเหวี่ยงตะกร้าหวายไว้ขึ้นบนหลังของตัวเองอย่างรวดเร็ว “มีถ้ำอยู่ตรงนั้น เสี่ยวอู่ ช่วยพาเขาไปที่นั่นกัน”

แม้จะบอกว่าช่วย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เรี่ยวแรงของทั้งสองคนจะสามารถแบกเด็กหนุ่มขึ้นบนบ่า จึงทำได้เพียงลากเขาไปตามทางอย่างทุลักทุเล

ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ในการลากชายหนุ่มไปยังถ้ำที่ลับตาคน

ปากทางเข้าถ้ำค่อนข้างคับแคบ ทั้งยังมีเถาวัลย์หนาปกคลุมอยู่ ในตอนที่หยุนเชวี่ยใช้ไม้แหวกหญ้าไปมา ก็ได้ทำให้กระต่ายตกใจจนกระโดดหนีเข้าไป นางถึงได้รู้ว่ามีถ้ำอยู่ตรงนี้

“อา…” เมื่อวางร่างเด็กหนุ่มลง ทั้งสองก็ถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยหอบ หน้าผากเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเด็กน้อยแดงก่ำ

“เสี่ยวอู่ พักก่อนเถอะ” หยุนเชวี่ยทรุดตัวลงนั่ง รู้สึกว่าร่างกายชาไปครึ่งตัว

เมื่อมองดูชัด ๆ ก็เห็นว่าใบหน้าของเขาช่างดูดีอะไรเช่นนี้… ?

“เลือด” เสี่ยวอู่นั่งยอง ๆ ลงข้างเด็กหนุ่ม พร้อมกับชี้ไปที่ไหล่ซ้ายของเขา

สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่พวกเขาทั้งดึงทั้งลากชายหนุ่มเมื่อสักครู่ จึงทำให้บาดแผลฉีกขาดและเลือดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า

แย่แล้ว!

หยุนเชวี่ยตกใจลนลานและรีบลุกขึ้น “เสี่ยวอู่ ช่วยหน่อย”

เสี่ยวอู่ถึงกับงุนงง

“ถอดเสื้อเขาออก!”

มีคำกล่าวที่ว่าชายหญิงแตกต่างกัน จึงไม่ควรใกล้ชิดกันมากเกินไป แต่หยุนเชวี่ยนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เขาโดยไม่มีท่าทีเขินอาย หรือหัวใจเต้นแรงแต่อย่างใด เมื่อเสื้อของเด็กหนุ่มถูกเปลื้อง มีเพียงเสี่ยวอู่วัยเก้าขวบเท่านั้นที่รู้สึกตกตะลึง…

“เอาน้ำให้ข้าที…”

ร่างกายท่อนบนของเด็กหนุ่มเปิดเปลือย เผยให้เห็นบาดแผลบริเวณหัวไหล่ที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงคล้ำ ดูน่ากลัวยิ่งนัก

“…” คิ้วของเสี่ยวอู่ขมวดมุ่น เขายื่นน้ำเต้าให้หยุนเชวี่ยด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง

บาดแผลที่เกรอะกรังถูกชำระล้างด้วยน้ำเย็นสะอาด แขนซ้ายของเด็กหนุ่มสั่นกระตุกเล็กน้อย หลังจากขยับเปลือกตาอยู่สองสามครั้ง เขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา…

“ฟื้นแล้ว!”

“เสี่ยวอู่ เอาหญ้าสมุนไพรออกมา”

“ทำตามข้านะ ค่อย ๆ เคี้ยว”

“นี่ เจ้าอดทนไว้นะ…”

ชายหนุ่มมองเห็นเพียงภาพพร่าเบลอที่เคลื่อนไหวไปมา ได้ยินเสียงแต่ไม่รับรู้ถึงตัวตน ราวกับเสียงของลำธารบนภูเขาที่ห่างไกลออกไป

“เจ้าอย่าตายนะ มิฉะนั้นต้องเดือดร้อนพวกข้าสองคนพี่น้องทำหลุมศพให้เจ้าอีก…”

“ไม่มีแม้แต่โลงศพ ช่างน่าสังเวชยิ่งนัก…”

“ดูจากการแต่งตัวของเจ้าแล้วเหมือนบุตรชายของตระกูลร่ำรวย ยังไม่ได้แต่งงานใช่หรือไม่? หากเจ้ารีบตายไป คงน่าเสียดายมาก…”

หยุนเชวี่ยเคี้ยวสมุนไพรและทาลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม พร้อมกับบ่นพึมพำ

คนผู้นี้กำลังใกล้ตาย การกล่าวเช่นนี้อาจจะพอเป็นการเรียกสติยื้อชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ได้ เพราะหากจิตใจของเขาระส่ำระสาย ทุกอย่างก็จะจบลงทันที

เสี่ยวอู่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ามืดมน เขาสงสัยว่าพี่สาวคนรองของตนอายุเท่าไหร่? เหตุใดต้องมาสนใจเรื่องการแต่งงานของผู้อื่นด้วย?

“…” ริมฝีปากซีดเซียวของเด็กหนุ่มเผยอขึ้น

“หืม?” หยุนเชวี่ยโน้มตัวเข้าใกล้ หูของนางแนบชิดปลายจมูกโด่งของเขา ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา

“…”

“ไม่ใช่ว่าเป็นการตอบสนองก่อนตายหรอกหรือ?” นางหันไปมองเสี่ยวอู่

เสี่ยวอู่ที่สงบนิ่งอยู่เสมอ เวลานี้กลับแสดงสีหน้าซับซ้อนยุ่งเหยิงด้วยความอับอาย เขาเขินอายเล็กน้อย จึงเบือนหน้าหนีและละสายตาไป

หยุนเชวี่ย… ?

แสงสว่างสาดส่องเข้ามา ทำให้ดวงตาของเขาพร่ามัว

หลังจากวิสัยทัศน์ของเด็กหนุ่มค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เขาก็มองเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู นั่งอยู่ใกล้มาก ใบหน้าของนางหันไปด้านข้าง เผยให้เห็นลำคอเรียวยาว

“…” เขาอยากบอกนางว่าเขายังตายไม่ได้ตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงเปิดปากโดยไร้เสียง

เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้น แววตามืดมนพลันเปลี่ยนเป็นสดใส หลังจากสบตากันอยู่ชั่วขณะนางก็โบกขึ้น “มองเห็นหรือไม่?”

ดวงตาของเด็กหนุ่มมองตามมือของนางไปมา

“ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“…”

“ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”

“…”

“ดื่มน้ำอีกสักหน่อยไหม?”

“…”

“หิวหรือไม่?”

“…”

เมื่อหยุนเชวี่ยถามหนึ่งคำ เขาก็กลอกตาหนึ่งครั้ง จากนั้นนางก็พยักหน้าราวกับเข้าใจ ท่าทางเช่นนี้ทำให้เสี่ยวอู่รู้สึกงุนงงอย่างมาก

หรือว่า ‘มิตรภาพอันศักดิ์สิทธิ์’ ในตำนานเป็นเช่นนี้?

“เสี่ยวอู่ เจ้าไปเก็บใบไม้แห้งมา แต่อย่าไปไกลนัก”

ในที่สุดหยุนเชวี่ยก็ละมือจากเด็กหนุ่มและหันกลับมาพลิกตะกร้าหวายใบเล็ก เสี่ยวอู่รู้สึกโล่งใจ ใบหน้ากลมราวกับซาลาเปาเป็นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกจากถ้ำไปทีละก้าว

นางรู้สึกว่าน้องชายมีท่าทีแปลกไป แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก ตอนนี้กำลังม้วนแขนเสื้อขึ้นและทำความสะอาดภายในถ้ำ

นางรวบรวมเศษไม้ใบหญ้าไว้ข้าง ๆ ก่อนจะขุดหลุมตื้น ๆ บนพื้นด้วยก้อนหิน จากนั้นก็นำใบไม้ขนาดใหญ่ห่อไข่ป่าที่นำมาด้วย ใส่ลงไปในหลุม

เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความเย็นบนภูเขาก็ค่อย ๆ คลายลง อากาศเริ่มร้อนและแห้งขึ้นเล็กน้อย

หยุนเชวี่ยปัดดินที่เลอะมือออก ก่อนจะคว้าน้ำเต้าขึ้นมาดื่มไปสองอึก ทันที่นางเช็ดมุมปาก ก็เห็นเสี่ยวอู่ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว มองมาด้วยสายตาซับซ้อน

“… ?” นางมองน้ำเต้าแล้วชี้นิ้ว “เจ้าหิวน้ำหรือ?”

เสี่ยวอู่ส่ายหัว ก่อนจะวางฟืนไว้บนหลุมที่ขุดไว้เงียบ ๆ

หยุนเชวี่ย…

“ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิด” หลังจากกล่าวออกมา เสี่ยวอู่ก็กระแอมและหน้าแดงก่ำ

แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่เขาก็เป็นเด็กที่จิตใจแข็งแกร่ง ปัญญาเฉียบแหลม เมื่อเห็นว่าพี่สาวคนรองแบกประคองเด็กหนุ่มอย่างกล้าหาญจนเสื้อผ้าเลอะเทอะ ทั้งยังไม่เขินอายที่ดื่มน้ำจากน้ำเต้าเดียวกันกับชายแปลกหน้าอีก…

หยุนเชวี่ยตกตะลึง

เมื่อนึกขึ้นได้ นางก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นก็รู้สึกชื่นชมเด็กน้อยผู้นี้ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน? ถึงได้รู้มากเช่นนี้ ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด ผู้ใดสอนเรื่องนี้แก่เจ้า? ยังไม่ทันโตเลย แต่ความคิดแก่แดดยิ่งนัก…”

“หวังหลี่เจิ้ง” เสี่ยวอู่ขยับร่างกายด้วยท่าทีเคร่งขรึมเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย

หยุนเชวี่ยกลอกตา “แล้วหวังหลี่เจิ้งได้บอกเจ้าหรือไม่ ว่าการช่วยชีวิตคนนั้นได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีก?”

เสี่ยวอู่เงียบ…

“เช่นนั้นพี่สาวขอถามเจ้า ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด กับช่วยชีวิตคนได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น สิ่งใดคือเรื่องที่ถูก? สิ่งใดคือเรื่องที่ผิด?”

หลังจากคิดวกวนอยู่สองสามรอบ เสี่ยวอู่ก็จมไปกับการใช้ความคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับจ้องมองเปลวไฟขนาดเล็กที่จุดติดขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่ง

Related

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

Status: Ongoing
หยุนเชวี่ย เสียชีวิต แล้วมาอยู่ในร่างของ เด็กสาว เธอมาอยู่ในยุคที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ แต่ด้วยความฉลาดของเธอ ทำให้เธอมองหาช่องทางต่างๆที่จะทำให้ชีวิตของเธอกับครอบครัวดีขึ้น ส่วนเรื่องความรักนั้น ได้มีชายหนุ่มปริศนาที่ตั้งปณิธานว่าจะตอบแทนน้ำใจด้วยทั้งชีวิตของเขากับเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท