ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] – ตอนที่ 22 วิกฤตการณ์ของอาหารชั้นเลิศ

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ตอนที่ 22 วิกฤตการณ์ของอาหารชั้นเลิศ

ด้วยมีเงินเพียงแปดเหรียญในกระเป๋า หยุนเชวี่ยจึงเดินสอบถามราคาสิ่งของต่าง ๆ ไปทั่วทั้งเมือง

ซาลาเปาลูกละหนึ่งเหรียญ ซาลาเปาเนื้อกับบะหมี่ธรรมดาในน้ำซุปราคาสองเหรียญเท่ากัน เกี๊ยวน้ำชามละสามเหรียญ เนื้อหมูหนึ่งจินห้าสิบเหรียญ ส่วนเนื้อวัวหนึ่งจินนั้นราคาสี่สิบเหรียญ

สำหรับของสวยงามอย่างตลับชาด กระเป๋าเงินและพัด ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สิบถึงยี่สิบเหรียญ

เหอยาโถวซื้อบ๊วยดองน้ำตาลที่ห่อด้วยใบบัวจากแผงขายของแล้วยื่นให้ “ลองดูสิ”

“ราคาเท่าไหร่?” หยุนเชวี่ยเปรี้ยวจนเสียวฟัน

“ห้าเหรียญ เจ้าเอาแต่ถามราคามาตลอดทางแล้ว” เหอยาโถวกล่าวพร้อมกับทำตายิบหยี “เหตุใดถึงเปรี้ยวเช่นนี้!”

“เสียของ” หยุนเชวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“เพ้ย! พ่อค้าผู้นั้นหลอกลวง! ไป ไปตามหาเขาให้เจอ!” เหอยาโถวกล่าวขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ

“ช่างเถิด” หยุนเชวี่ยรีบรั้งตัวเขาไว้ “เก็บไว้ก่อน กลับไปข้าจะทำให้เจ้ากินเอง”

มณฑลอันผิง ในทุก ๆ วันที่ห้า สิบห้า และยี่สิบห้าของเดือน จะมีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ ชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านระแวงใกล้เคียง มักจะเข้ามาซื้อของและตั้งแผงขายของกันเต็มไปหมด มีผู้คนขับเกวียนและรถม้าเข้ามาในเมืองอย่างครึกครื้น ทำให้ในเมืองดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก

ระหว่างที่ต่อรองราคาสินค้า ท่านป้าเหอก็ต้องดูแลตัวภาระทั้งสองไปด้วย นางมักจะหันมาบอกอยู่เสมอ “อย่าวิ่งซุกซนไปทั่ว มิฉะนั้นจะหลงทาง”

“ถังหูลู่ ถังหูลู่ รสเปรี้ยวอมหวาน อร่อย!”

“ขนมถั่วกวน ไส้ถั่ว ละลายในปาก!”

“เต้าฮวย เต้าฮวย หอมนุม ละมุนลิ้น!”

เสียงตะโกนเรียกลูกค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าดังก้องทั่วทั้งบริเวณ กลิ่นขนมและอาหารหอมหวานกระจายฟุ้ง เหอยาโถวกลืนน้ำลายด้วยความหิว “เชวี่ยเอ๋อ เจ้าอยากกินอะไร?”

“ข้าไม่มีเงิน” หยุนเชวี่ยส่ายหัว ก่อนจะเดินตามป้าเหอเข้าไปในร้านขายผ้าที่มีป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้ตรงประตู

“ข้าจะซื้อให้” เหอยาโถวดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วชี้ให้นางดู พร้อมกับขยิบตาและบอกเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงกระซิบ “พี่สาวของข้าแอบให้เงินมา ท่านแม่ไม่รู้”

พี่สาวทั้งสี่คนของเหอยาโถว มักจะมองว่าเขาเป็นเด็กน้อย โดยเฉพาะเหอเย่เอ๋อพี่สาวคนรอง ทุกครั้งที่นางกลับบ้านมาเยี่ยมบ้านบิดามารดา มักจะหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาให้เขาอยู่เสมอ และแอบให้เงินเขาอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย

“เจ้าเก็บไว้เถอะ เอาไว้เป็นสินสอดสู่ขอภรรยาในภายหน้า” หยุนเชวี่ยยิ้มและลูบไล้ลงไปบนผืนผ้าแพรสีสว่างเรียบเนียนด้วยมือเล็ก ๆ ของนาง พร้อมกับคิดว่าเมื่อไหร่ จะมีเงินซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้หยุนเยี่ยนได้

ตอนนี้หยุนเยี่ยนอายุสิบสี่ปีกว่าแล้ว ภายในปีสองปีนี้ น่าจะมีคนมาเจรจาสู่ขอ แต่ครอบครัวของนางยากจน ไม่มีแม้แต่สินเจ้าสาวเก็บไว้ให้

“ผ้าผืนนี้ขายอย่างไร?” ป้าเหอสนใจผ้าแพรสีชมพูลายดอกท้อน่ารัก

เสมียนร้านขายผ้ารีบเดินเข้ามาทักทาย “โอ้ รสนิยมในการเลือกผ้าของท่านเป็นเลิศยิ่งนัก ผ้าแพรเนื้อดี เป็นที่นิยมไปทั่วเมืองอันผิง ท่านลองดูสี และสัมผัสเนื้อผ้าดูก่อนได้…”

“วาจาพ่อค้า อย่าคิดหลอกข้าเลย”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” ชายผู้นั้นยังคงกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ราคาไม่แพง หนึ่งฉื่อเจ็ดเหรียญ เหมาะกับท่านยิ่งนัก!”

“เจ็ดสิบเหรียญยังไม่แพงอีกหรือ!” ป้าเหอโบกมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ราคานี้พอจะซื้อลูกหมูได้หนึ่งตัวเลยด้วยซ้ำ”

“สินค้าของเรามีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องในหมู่บ้านว่านเหอ ข้าไม่หลอกลวงท่าน หากไม่เชื่อสามารถเปรียบเทียบกับสินค้าร้านอื่นได้เลย…”

ด้วยความชื่นชอบจากใจ ป้าเหอไม่อาจปล่อยผ้าแพรเนื้อนุ่มผืนนี้ไปได้ หลังจากต่อรองราคากันอยู่นาน ในที่สุดนางก็ตัดสินใจซื้อผ้าลายนี้เจ็ดฉื่อ นอกจากนี้ยังซื้อเสื้อผ้าธรรมดาอีกสองชุด ผ้าฝ้ายสองฉื่อ ผ้าไหมสามฉื่อ รองเท้าผ้าหลายคู่ และเส้นด้ายสำหรับปักผ้าอีกมากมาย

พ่อค้าวุ่นวายกับการคิดราคาสิ่งของมากมาย เมื่อรวมแล้วทั้งหมดนี้ราคาสองตำลึง

ในตอนนี้หยุนเชวี่ยรู้ซึ้งแล้วว่าเงินจำนวนมหาศาลหนึ่งร้อยสิบตำลึงที่หยุนลี่จงเอาไปล้างผลาญนั้นมีค่าเพียงใด แค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวด

ตอนใกล้เที่ยง ป้าเหอสั่งซาลาเปาเนื้อสองลูก เต้าฮวยหนึ่งชามจากร้านอาหารเล็ก ๆ ริมทาง ให้สำหรับทุกคน

หยุนเชวี่ยรู้สึกขัดเขินอยู่เล็กน้อย

“กินสิ ซาลาเปานึ่งนี่อร่อยนะ” เหอยาโถวเช็ดมือกับเสื้อผ้า ก่อนจะเอื้อมไปหยิบซาลาเปาหนึ่งลูกยื่นให้นาง

หยุนเชวี่ยเลียริมฝีปาก หลังจากเดินเล่นจนทั่วตลอดทั้งเช้า ตอนนี้ชักหิวขึ้นมาจริง ๆ

“กินเร็ว เหตุใดต้องเกรงใจป้า?” ป้าเหอยิ้มให้อย่างใจดี

หยุนลี่เต๋อและแม่นางเหลียนเป็นคนขยัน จิตใจดี ทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในหมู่บ้านไป๋ซี ส่วนแม่เฒ่าจูนั้นทั้งขี้เหนียวและใจร้าย จนเป็นที่รู้แจ้งโดยทั่วกัน พวกเขารู้สึกว่าการที่เด็ก ๆ ไม่เคยได้กินอิ่มนั้นเป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก

“ขอบคุณท่านป้า” หยุนเชวี่ยยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

เมื่อกัดลงไปคำโต น้ำมันก็ชุ่มอยู่เต็มในปาก แต่รสชาติ… เหมือนจะแตกต่างจากในความทรงจำ…

“อร่อยหรือไม่?” เหอยาโถวถามออกมาขณะที่กินอย่างเอร็ดอร่อยจนริมฝีปากมันแผล่บ

“…” หยุนเชวี่ยกัดอีกคำ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่ไส้อะไรหรือ?”

“ไส้หมู” เหอยาโถวมองนางอย่างประหลาดใจ

เนื่องจากเนื้อวัวมีราคาแพงเกินไป คนทั่วไปมักจะได้กินแค่ในช่วงวันปีใหม่ ซาลาเปาที่ขายทั่วไปตามท้องถนน ส่วนใหญ่จะเป็นไส้ผักหรือหมู

ป้าเหอมองหยุนเชวี่ยด้วยแววตาทุกข์ใจเล็กน้อย

ตอนอยู่ที่บ้านเด็กสาวคงไม่เคยได้กินเนื้อเลยสักครั้ง ช่างน่าสงสาร!

ตั้งแต่ที่หยุนเชวี่ยฟื้นขึ้นมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน นางยังไม่เคยได้กินเนื้อหมูเลยสักคำ จึงค่อยละเลียดชิมรสในปากอย่างระมัดระวัง…

รสชาติไม่เลว แต่แตกต่างจากซาลาเปานึ่งหอมกรุ่นในความทรงจำของนางยิ่งนัก ซาลาเปาก้อนนี้ไส้อมน้ำมัน เนื้อมีกลิ่นคาวผสมปนเปกันไปอย่างยากจะบรรยาย

“เชวี่ยเอ๋อ รีบกินเร็ว ซาลาเปาต้องกินตอนร้อน ๆ หากเย็นแล้วจะไม่หอมอร่อย” เหอยาโถวกินหมดไปแล้วหนึ่งลูก ก่อนจะดูดนิ้วมือที่มันเยิ้มของเขา

“อืม!”

ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย เมื่อสังเกตดูลูกค้าคนอื่น ๆ ขณะรับประทาน ไม่มีผู้ใดแสดงท่าทีแปลก ๆ ออกมา ดูเหมือนว่าซาลาเปาไส้หมูของที่นี่จะมีรสชาติอย่างนี้อยู่แล้ว

นางเกาหัวด้วยความสงสัยว่าหมูที่ใช้เป็นพันธุ์เดียวกับที่นางเคยกินหรือไม่? หรือว่าหมูในราชวงศ์นี้ยังไม่มีวิวัฒนาการ

ถ้าเช่นนั้นขาหมูตุ๋นซอสเลิศรส หมูทอดซอสเปรี้ยวหวาน สันในหมูผัดเปรี้ยวหวานและหัวสิงโตน้ำแดง ก็จะรสชาติคล้ายแบบนี้หรือ?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการโจมตีครั้งสำคัญของนักชิมมืออาชีพ!

เมื่อออกมาจากร้านซาลาเปานึ่ง แสงแดดยามเที่ยงวันก็แผดเผาแรงกล้า

ผู้คนที่ออกมาเดินตามท้องถนนเริ่มบางตา พ่อค้าหาบเร่แผงลอยเข้ามาหลบใต้ชายคา บ้างก็อาศัยร่มเงาต้นไม้ใหญ่เพื่องีบนอน

ป้าเหอจ้างเกวียนล้อกลับหมู่บ้าน ในระหว่างทางกลับชนบท เกวียนก็กระแทกกับพื้นถนนที่ขรุขระตลอดเส้นทาง หยุนเชวี่ยนั่งห้อยขาอยู่บนเกวียน ส่วนเหอยาโถวนั้นหาวออกมาอย่างแรง

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ขณะที่นางกำลังจะงีบหลับ เพียงหรี่ตาลงครู่หนึ่ง ก็ได้ยินคนกำลังสนทนากันแว่วอยู่ในหู จากระยะไกล ๆ ไม่ชัดเจนนัก

“ไปซักผ้าให้ข้า”

“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

“ระวังด้วย หากเจ้ากล้าทำผ้าข้าเสียหายเหมือนครั้งที่แล้ว ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”

“อาหญิง อย่าได้กังวล”

“ห้ามใช้กังหันน้ำซักผ้า ต้องใช้มือซักเบา ๆ เสื้อผ้าสองชุดนี้เป็นผ้าเนื้อดีที่สุดในเมือง หากเจ้าทำมันพัง เจ้าไม่มีปัญญาชดใช้แน่!”

“อืม ได้”

“ยังไม่รีบไปอีก! ยืนเซ่ออะไรอยู่ได้!”

หยุนชิ่วเอ๋อตะโกนเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงชัดเจน…

หยุนเชวี่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด แสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

หลังจากตั้งสติได้ นางก็รีบสวมรองเท้าผ้าและวิ่งไปทางประตูห้องฝั่งตะวันตก

เมื่อมองออกไปก็พบว่าหยุนเยี่ยนกำลังถืออ่างไม้ขนาดใหญ่ เตรียมจะออกไปซักผ้า ในอ่างนั้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของหยุนชิ่วเอ๋อ นางยืนบิดสะโพกด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ในขณะที่หยุนเยว่เอนกายอยู่ใต้ชายคาด้วยรอยยิ้ม

“พี่สาว!” หยุนเชวี่ยตะโกนร้องเรียกและดึงนางไว้ “ท่านกำลังจะทำอะไร?!”

“ข้าจะไปซักผ้า ข้างนอกแดดแรง เจ้ารีบกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนเถิด” หยุนเยี่ยนขยิบตาให้นางเล็กน้อย

Related

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

Status: Ongoing
หยุนเชวี่ย เสียชีวิต แล้วมาอยู่ในร่างของ เด็กสาว เธอมาอยู่ในยุคที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ แต่ด้วยความฉลาดของเธอ ทำให้เธอมองหาช่องทางต่างๆที่จะทำให้ชีวิตของเธอกับครอบครัวดีขึ้น ส่วนเรื่องความรักนั้น ได้มีชายหนุ่มปริศนาที่ตั้งปณิธานว่าจะตอบแทนน้ำใจด้วยทั้งชีวิตของเขากับเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท