ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] – ตอนที่ 39 เส้นทางเศรษฐี

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ตอนที่ 39 เส้นทางเศรษฐี

“อาสะใภ้สามอยากกินหรือเจ้าคะ? จ่ายเงินมาก่อนแล้วข้าจะเอามาให้ท่าน” หยุนเชวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางแบมือออกไปด้านหน้า

“ดูพูดจาเข้าสิ ข้าไม่จ่ายเด็ดขาด” แม่นางเฉินกล่าวอย่างหน้าไม่อาย “ครอบครัวเจ้าเพิ่งขายหมูไปไม่ใช่หรือ มีเงินเยอะกว่าข้าตั้งมากโข”

หยุนเชวี่ยยิ้มเยาะในใจก่อนชี้ไปที่ดวงอาทิตย์และกล่าวว่า “อาสะใภ้สามคิดว่าดวงอาทิตย์มีรูปร่างเหมือนขนมแป้งทอดยัดไส้ไหมเจ้าคะ?”

แม่นางเฉินมองตามนิ้วของหยุนเชวี่ยด้วยความงุนงง

ขณะเดินออกจากประตูบ้านของตระกูลหยุน หยุนเชวี่ยก็ได้ยินเสียงก่นด่าไล่ตามหลังมา “นังเด็กอกตัญญู ได้ดิบได้ดีแล้วคงลืมกำพืดตนเองเป็นแน่…”

เหอยาโถวกลั้นหัวเราะก่อนกล่าว “อาสะใภ้สามของเจ้าตะกละจริง ๆ!”

หยุนเชวี่ยพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเห็นนางชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ท่านย่าก็เอาแต่สาปแช่งนางให้อดตายทุกวัน”

“คราวที่แล้วนางเข้าไปในบ้านข้าโดยพลการแล้วกินติ่มซำและผลไม้อบแห้งจนเกลี้ยง อีกทั้งดื่มชาพุทราสองโถจนหมด หลังจากนั้นนางก็ยังหน้าด้านหน้าทนไม่ยอมกลับบ้าน จนท่านแม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ…”

“ในเมื่อรู้ตัวผู้ร้ายที่ขโมยอาหารและน้ำในบ้านแล้ว แม่ของเจ้าไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือ?”

“ทำไม่ได้น่ะ ท่านแม่ไม่กล้าบ่นหรือต่อว่านางด้วยซ้ำ หลังจากรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของอาสะใภ้สาม”

ทั้งสองพูดคุยปลดทุกข์กันไปตลอดทางเข้าเมือง

ด้านข้างของประตูเมืองบานใหญ่ พ่อค้าขายปริศนาห่วงตัวต่อกำลังเตรียมตัวตั้งแผงลอย

เมื่อสังเกตเห็นหยุนเชวี่ยที่เดินมาจากระยะไกล พ่อค้าคนนั้นจึงตะโกนเรียกนาง “สาวน้อยมาแล้วหรือ!”

“ท่านลุงมาถึงเร็วมากเลยเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยฉีกยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างก่อนวางตะกร้าไม้ไผ่ลงข้าง ๆ แผงลอยของพ่อค้าเร่

“เจ้าเอาของพวกนี้มาขายหรือ?”

“เจ้าค่ะ มีทั้งไก่ฟ้าและกระต่ายที่ท่านพ่อขึ้นไปล่าบนภูเขา” หยุนเชวี่ยหยิบเนื้อสัตว์ในตะกร้าขึ้นมา “ท่านลุงอยากลองกินไหมเจ้าคะ ข้าขายให้ในราคาถูกแบบคนกันเองเลย”

พ่อค้าเร่ยังไม่ทันกล่าวตอบ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ฮ่า ๆ ๆ สาวน้อยคนนี้…” พ่อค้าคนนั้นเดินเอามือไพล่หลังออกจากร้านของตนเอง

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะเถ้าแก่หู” หยุนเชวี่ยโค้งตัวแสดงความเคารพ

“ข้าบอกแล้วว่ามันไม่ง่ายเลย” เถ้าแก่หูกล่าวขณะลูบเคราพร้อมมองเข้าไปในตะกร้า

อย่างไรก็ตามสาวน้อยคนนี้คงไตร่ตรองมาดีแล้ว นางยังเด็กและฉลาด ถ้าคาดเดาไม่ผิด นางคงกำลังวางแผนทำการค้าขายในระยะยาวอยู่เป็นแน่

เถ้าแก่หูเอ่ยถามด้วยความสนใจ “ไก่ป่ากับกระต่ายราคาเท่าไร?

“ราคาของพวกมันแตกต่างกันไปตามขนาดเจ้าค่ะ ปกติข้าขายตัวละสามสิบเหรียญ แต่สำหรับท่านข้าคิดราคาเพียงยี่สิบห้าเหรียญเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยทำท่าทางและยื่นมือออกไปด้านหน้า “ท่านแม่ของข้าทำความสะอาดและหมักมันไว้อย่างดี ท่านสามารถเอามันไปทำอาหารได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลยเจ้าค่ะ”

“พูดได้ดี” เถ้าแก่หูพยักหน้าอย่างชื่นชมก่อนล้วงมือเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินในแขนเสื้อ “เลือกมาให้ข้าสองตัว”

“กินกันกี่คนเจ้าคะ?”

“มีข้า เหรัญญิก นักบัญชี และลูกน้องรวมทั้งหมดประมาณเจ็ดคน”

“ได้เลยเจ้าค่ะ!” หยุนเชวี่ยพับแขนเสื้อขึ้นพลางหยิบเนื้อสัตว์ในตะกร้าขึ้นมา

“เจ้าทำอะไรน่ะ มันไม่เหมือนกันหรือ?” เถ้าแก่หูเลิกคิ้วขึ้นขณะเอ่ยถาม

“ไม่เหมือนเจ้าค่ะ พวกท่านมีทั้งหมดเจ็ดคน หากเลือกตัวเล็กไปเกรงว่าจะไม่พอทาน แต่ถ้าเลือกตัวใหญ่เกินไปก็เกรงว่าจะกินไม่หมด” หยุนเชวี่ยถือกระต่ายไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาถือไก่ป่าก่อนยื่นมือออกไปข้างหน้า “นี่เจ้าค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ขนาดตัวกำลังพอดี”

“โถ แม่สาวน้อย…”เถ้าแก่หูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ฉลาดกว่านักบัญชีของข้าเสียอีก”

“ท่านพูดชมเกินไปแล้ว ทั้งหมดสี่สิบเหรียญเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยโบกมือให้เสี่ยวอู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส “เสี่ยวอู่ เอาสิ่งนั้นมาให้ข้าหน่อยสิ”

เด็กชายตัวเล็ก ๆ สวมชุดซอมซ่อหยิบของบางอย่างที่ห่อด้วยใบบัวออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่อีกใบหนึ่ง

“มันคืออะไรรึ?”

“พุทราป่าเจ้าค่ะ ข้าให้ท่านเอาไปชิม”

เสี่ยวอู่พยักหน้า

“ทุกคนในละแวกนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเถ้าแก่หูเป็นพ่อค้าที่ฉลาดที่สุดในเมืองนี้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าก็มีหัวการค้าที่ดีเช่นกัน” พ่อค้าเร่ที่ยืนอยู่ด้านข้างยกนิ้วให้หยุนเชวี่ย “เลือกกระต่ายตัวอ้วน ๆ ให้ลุงสักตัวหนึ่งสิ”

ค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ภายในชั่วพริบตา กระเป๋าเงินในอ้อมแขนของหยุนเชวี่ยก็พองตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความปีติยินดี

“ขายได้เท่าไหร่?” เหอยาโถวเอ่ยถามพลางโน้มตัวไปด้านหน้า

“หกสิบห้าเหรียญ”

“เยอะขนาดนั้นเลยหรือ?”

“สำหรับธุรกิจที่ไม่มีเงินทุนแล้ว ถือว่าไม่มากเท่าไหร่”

ในตะกร้าไม้ไผ่ยังเหลือกระต่ายสองตัวและไก่ฟ้าห้าตัวอยู่ หากขายหมดทุกตัวจะได้เงินหนึ่งร้อยหกสิบหรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเหรียญ คำนวณคร่าว ๆ แล้วจะได้เงินจากการขายวันละสองร้อยเหรียญ”

“ขายได้วันละสองร้อยเหรียญ สิบวันก็เท่ากับสองตำลึง หากหนึ่งเดือน…” เหอยาโถวนับนิ้วก่อนเอะอะโวยวาย

“เชวี่ยเอ๋อ เจ้ากำลังจะเป็นเศรษฐี!”

“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่าก็ดีน่ะสิ ต่อให้พ่อของข้ามีสามหัวหกแขนก็ล่าสัตว์ป่ามาไม่ทันแน่” หยุนเชวี่ยกล่าวติดตลก

มีวิธีใดบ้างที่สามารถทำเงินได้หกตำลึงต่อเดือน? ความฝันที่จะซื้อที่นาและสร้างเรือนเป็นของตนเองช่างห่างไกลยิ่งนัก!

“จริงด้วย” เหอยาโถวพยักหน้าพลางยืนเท้าเอว “ถ้าอย่างนั้นเรามาตะโกนเรียกลูกค้ากันเถอะ!”

“อย่ารีบร้อนเลย” หยุนเชวี่ยชี้ไปยังแผงขายปริศนา

ชายหนุ่มสองคนกำลังยกช่วยกันยกเหล้าหมักโถใหญ่ออกมาหน้าร้าน โดยแปะกระดาษสีแดงที่เขียนคำว่า ‘ของรางวัล’ ไว้บนโถเหล้าหมัก

“นี่คือรางวัลชิงโชคของวันนี้หรือ?” พ่อค้าเร่โน้มตัวไปสูดดมโถเหล้าหมัก

“เหล้าพีชหมักนานถึงสิบปี พี่ชายคิดว่ามันเป็นของดีหรือไม่เล่า?”

“เถ้าแก่ใจกว้างยิ่งนัก!”

เหอยาโถวดึงตัวหยุนเชวี่ยเอาไว้ก่อนเอ่ยคำเบา “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“อีกประเดี๋ยวต้องมีเรื่องสนุกให้ดูแน่”

ขณะนี้มีผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของบนถนนอย่างหนาตา

“เกร๊ง ๆ ๆ” ชายหนุ่มหยิบระฆังขึ้นตีสองสามครั้งก่อนตะโกนเสียงดัง “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา เมื่อสามวันก่อนข้าและเถ้าแก่หูได้ทำข้อตกลง…”

ไม่นานผู้คนมากมายก็มารวมตัวกันบนถนนเส้นนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นมีหลายคนที่จำหยุนเชวี่ยได้ จึงเข้ามาทักทายนาง

“โอ้ สาวน้อยคนนั้นนี่”

“ตอนที่เจ้าแก้ปริศนาห่วงตัวต่อนั้นดูง่ายดายมาก แต่ตอนนี้ข้าพยายามมาสามวันแล้วยังไม่สำเร็จเลย”

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยเฉียนแก้ปริศนาห่วงตัวต่อได้แล้ว น่าภูมิใจยิ่งนัก…”

“แก้ปริศนาได้ก็จริง ทว่านายน้อยไม่สามารถทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิมได้ ดังนั้นสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาจึงหมกมุ่นกับมันมาก จะว่าไปแล้วพวกมันมีไม่ต่ำกว่าแปดหรือสิบห่วงใช่หรือไม่?”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะชอบใจ

หยุนเชวี่ยพลันคิดในใจว่าเสี่ยวอู่ฉลาดไม่น้อย เพราะเขาแทบไม่ต้องใช้ความพยายามในการแก้ปริศนาเลย อีกทั้งยังสามารถทำให้มันกลับเป็นเหมือนเดิมได้ด้วย

เฮ้อ ข้ามีน้องชายที่อัจฉริยะขนาดนี้ได้อย่างไร?

หยุนเชวี่ยพลันรู้สึกภูมิใจในตัวน้องชายจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขา ในตอนแรกเสี่ยวอู่ที่ถูกรายล้อมโดยผู้คนมีสีหน้าเรียบเฉย แต่เมื่อถูกพี่สาวหยิกแก้ม เขาจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจทันที

“นี่แม่สาวน้อย รีบบอกเคล็ดลับให้พวกเราเถอะ” หญิงสาวผู้หนึ่งตะโกนขึ้น “ตอนนี้ข้าแก้ปริศนาห่วงตัวต่อได้เพียงสี่ห่วงเท่านั้น ข้าอยากรู้วิธีแก้ห่วงเหล็กอันต่อไปจะแย่แล้ว”

“พี่สาวอย่าใจร้อนไปหน่อยเลย” หยุนเชวี่ยส่งยิ้มหวานพลางชี้ไปที่ตะกร้าด้านหน้า “ก่อนที่ข้าจะออกจากบ้าน ท่านพ่อท่านแม่กำชับเอาไว้ว่าให้ข้าขายของเหล่านี้ให้หมดเพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว”

ทุกคนเหลือบมองสิ่งของที่อยู่ในตะกร้าอย่างพร้อมเพรียง

หยุนเชวี่ยกล่าวต่อ “กระต่ายละไก่ฟ้าทั้งหมดนี้พ่อข้าล่ามาจากภูเขาใจหมู่บ้านไป่ซี ท่านแม่ข้าเป็นคนทำความสะอาดและหมักมันเองกับมือ เนื้อสดใหม่ อีกทั้งราคาไม่แพงด้วย…”

Related

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]

Status: Ongoing
หยุนเชวี่ย เสียชีวิต แล้วมาอยู่ในร่างของ เด็กสาว เธอมาอยู่ในยุคที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ใดๆ แต่ด้วยความฉลาดของเธอ ทำให้เธอมองหาช่องทางต่างๆที่จะทำให้ชีวิตของเธอกับครอบครัวดีขึ้น ส่วนเรื่องความรักนั้น ได้มีชายหนุ่มปริศนาที่ตั้งปณิธานว่าจะตอบแทนน้ำใจด้วยทั้งชีวิตของเขากับเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน