หรูเยียนที่อยู่ข้างนอกเห็นสีหน้าโม่เยว่แปลกไป จึงรีบเข้าไปถาม “ท่านอ๋อง ทำไม…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกสายตาดุร้ายของโม่เยว่จ้องกลับ “หลีกไป!”
หรูเยียนหลีกทางอย่างน้อยใจ
โม่เยว่เข้าห้องด้วยความเดือดดาล
หรูโม่เดินมา กระซิบ “วันนี้พระชายาต้องตายแน่ๆ!”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หรูเยียนถามด้วยความตกใจ
ระยะนี้นางเห็นท่านอ๋องเปลี่ยนจากเกลียดชัง เคียดแค้น ไม่ชอบพระชายาเป็นเอาใจใส่ ปกติกับพระชายาก็ตีไม่ตอบโต้ ด่าไม่เถียง วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือ
ตอนเช้าตื่นมายังมอบของขวัญให้พระชายามากมาย ตอนนี้กลับพลิกหน้า?
พลิกหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสือจริงด้วย!
“คุณชายน้อยลงแรงไปตั้งขนาดไหน”
หรูโม่ส่ายหน้าถอนหายใจ
หรูเยียนงุนงง “อยู่ดีๆ เกี่ยวอะไรกับคุณชายน้อยเล่า”
หรูโม่กำลังจะตอบ ก็มีเสียงตวาดของหยุนหว่านหนิงดังออกมาจากในห้อง “โม่เยว่ เจ้าอยากตายใช่ไหม!”
จากนั้นก็เหมือนเสียงอะไรตกแตก
“แย่แล้ว! ตีกันแล้ว!”
หรูโม่สบสายตากับหรูเยียนทีหนึ่ง ทั้งสองรีบผลักประตูเข้าไปด้วยความตื่นตระหนก
ไหนเลยจะรู้ พอเข้าไปก็เห็นโม่เยว่ที่เมื่อครู่โมโหพลุ่งพล่าน ถูกหยุนหว่านหนิงดึงทึ้งผมลากออกไปนอกประตู ราวกับสุนัขถูกทอดทิ้งตัวหนึ่ง
“นี่ จะอนาถเกินไปแล้วกระมัง…”
หรูโม่อดจุปากไม่ได้ “ท่านอ๋องถึงกับถูกพระชายาดึงทึ้งผม?!”
โม่เยว่เจ็บจนหัวคิ้วผูกเป็นปม “หยุนหว่านหนิง ข้าให้หน้าเจ้าใช่ไหม!”
มีผู้ชายบ้านไหนถูกผู้หญิงบ้านตัวเองตีแบบนี้บ้าง!
เมื่อได้ยินเสียงของหรูโม่ สายตาที่คล้ายจะกินคนของเขาก็หันขวับมา หรูโม่กับหรูเยียนตกใจจนรีบถอนเท้า…เผ่นแนบ
ปิดประตูให้เบ็ดเสร็จ
เมื่อนั้นโม่เยว่จึงดึงสายตากลับ “หยุนหว่านหนิง! ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ปล่อยมือเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นข้าจะพลิกหน้าไม่รู้จักคน!”
“เจ้าลองทำให้ข้าดูสิ”
หยุนหว่านหนิงปล่อยมือแล้ว “สมองเจ้ามีปัญหาใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่ว่าไปรับลูกหรือ ทำไมกลับมาก็มาหาเรื่อง”
“เจ้ายังมีหน้าพูด!”
โม่เยว่กุมหนังศีรษะ เห็นได้ว่าเมื่อครู่หยุนหว่านหนิงลงมือหนัก “เจ้าบอกมาตามตรง วันนี้ซ่งจื่ออวี๋มา เขาให้อะไรกับเจ้า!”
ซ่งจื่ออวี๋?
ก็แค่ยันต์คุ้มครองอันเดียว?
เกี่ยวกับความลับของนาง นางวางแผนว่าจะปฏิเสธไม่ยอมรับ “จะสนใจทำไมว่าเขาจะให้อะไรข้า มันเกี่ยวกับเจ้าหรือ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว!”
โม่เยว่โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม!
“เจ้าคือผู้หญิงของข้า! เข้าสู้ตื่นเช้ามาเหมาร้านค้าในเมืองหลวงมามอบให้เจ้า พริบตาเจ้ากลับรับของขวัญจากซ่งจื่ออวี๋?!”
ความหึงหวงในน้ำเสียง อย่างไรก็ปิดไม่มิด “มิน่าเจ้าถึงได้ซึมกะทือ”
“ที่แท้ก็เป็นเพราะซ่งจื่ออวี๋?”
โม่เยว่จ้องนางด้วยความโกรธ “เจ้าอย่าลืมนะ ข้าต่างหากที่เป็นผู้ชายของเจ้า!”
เมื่อได้ยินคำนี้ หยุนหว่านหนิงก็เปลี่ยนจากโกรธเป็นหัวเราะ
นางหัวเราะ “โม่เยว่ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าหึงหรือ”
“หึง?! น่าขัน! ข้าหรือจะหึง ไม่ส่องกระจกดูเสียบ้างว่าเจ้าคือใคร ข้าอยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ย่อมได้ ทำไมยังต้อง…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง หยุนหว่านหนิงก็คว้าหมอนหยกขว้างออกไป
“โม่เยว่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าประสมคำพูดใหม่อีกครั้ง!”
นางทำตาขวางจ้องเขา “แขนหักขาด้วน หรือว่าครบสามสิบสอง เจ้าเลือกเอง!”
โม่เยว่พลันพลิกเปลี่ยนคำพูด “ใช่ ข้าหึง”
เขายืนอยู่ข้างเก้าอี้กุ้ยเฟย ทิ้งมือทั้งสองลง ท่าทางสงบเสงี่ยมเหมือนเด็กที่ยอมรับความผิด แม้แต่มือก็วางทับซ้อนกันตามระเบียบแบบแผนด้วย
วันนี้ไม่เหมือนพยัคฆ์ที่กำลังเกรี้ยวกราด
กลับเหมือน…เจ้าเหมียวว่านอนสอนง่ายตัวหนึ่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการยอมรับ แม้เป็นการยอมรับผิด แต่บรรยากาศรอบตัวกลับหยิ่งผยองข่มคน
ความผิดแผกขั้นรุนแรง ทำให้หยุนหว่านหนิงหัวเราะเบาๆ
นางเท้าคางมองเขา “โม่เยว่ ใครบอกเจ้าว่าซ่งจื่ออวี๋มอบของให้ข้า เจ้าไปรับหยวนเป่าไม่ใช่หรือ ลูกชายกลับมาแล้ว?”
เมื่อนั้นโม่เยว่จึงคลายอารมณ์ นั่งอยู่ด้านข้าง
“หยุนหว่านหนิง ข้ามีเรื่องต้องการจะพูด”
“เจ้าพูด”
“หนึ่ง ต่อไปห้ามดึงทึ้งผมข้าอีก”
“ได้”
“สอง ห้ามสนิทสนมกับชายอื่นมากเกินไป ห้ามรับของขวัญจากผู้ชายคนไหนก็ตาม มีอะไรต้องบอกกับข้าเท่านั้น”
“ได้”
“สาม ห้ามทำให้ข้าเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น!”
“ได้”
ไม่ว่าโม่เยว่จะพูดอะไร หยุนหว่านหนิงก็พยักหน้ารับปากฉับพลัน
รวดเร็วปานนี้ กลับทำให้โม่เยว่แคลงใจอยู่บ้าง…เขามองนางด้วยสายตาระแวงสงสัย เห็นชัดว่าไม่เชื่อ “เจ้ารับปากจริงหรือ”
“ข้าก็รับปากแล้ว ยังจะไม่จริงหรือ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะ ไม่มีท่าทางซึมกะทือเมื่อครู่แล้ว
นางในยามนี้ ถึงจะเป็นนางที่โม่เยว่คุ้นเคยในปกติ กระโดดโลดเต้น ร่าเริงแจ่มใส
ประหนึ่งมีพลังเต็มเปี่ยมตลอดเวลา!
หยุนหว่านหนิงถาม “ตอนนี้เจ้าบอกข้า หยวนเป่าพูดอะไรกับเจ้าใช่หรือไม่”
นางเลิกคิ้วมองเขา
โม่เยว่โล่งอก แค่นฮึเบาๆ “ใช่แล้วจะทำไม”
หยวนเป่าไม่ได้ฟ้อง แต่เจ้าเด็กนี่พอเห็นเขาแล้วกลับเบือนหน้าใส่เขา แล้วยังสั่งสอนเขาหนักๆ อีกยกหนึ่ง เขาไปรับบุตรชายกลับจวนด้วยความสุขเต็มอุรา ใครจะรู้ พอเจอหน้าก็ถูกยกเรื่องมาตำหนิติเตียน
พอถาม ถึงจะรู้ว่าวันนี้ซ่งจื่ออวี๋มาหาแต่เช้า
แล้วยังมอบของขวัญชิ้นสำคัญมากให้หยุนหว่านหนิงด้วย
โม่เยว่ไม่เข้าใจ เขายังดีกับนางไม่พอหรือ
ช่วงนี้เขายังสั่งกับหรูโม่เป็นพิเศษ ให้กวาดของขวัญที่มีค่าที่สุด ประณีตที่สุดจากทุกร้านในเมืองหลวงมาให้หยุนหว่านหนิง
เช้ามาหีบกล่องเหล่านั้นก็กองพะเนินเต็มเรือนชิงหยิ่งแล้ว
ไฉนบุตรชายจึงไม่ชมเชยเขา แต่กลับยกเรื่องมาตำหนิติเตียนเข้าอีก!
คำพูดเดิมของหยวนเป่าคือ “ท่านนึกว่าใช้เงินซื้อของแล้วท่านแม่จะดีใจหรือ ท่านคิดว่าท่านแม่ขัดสนจริงหรือ!”
“ของขวัญของอาซ่ง ทำด้วยใจ มิใช่ซื้อมาด้วยเงิน!”
บุตรชายชื่นชอบซ่งจื่ออวี๋เช่นนี้ ทำให้โม่เยว่คับอกคับใจยิ่งนัก
แต่พอเขาสอบถามว่าซ่งจื่ออวี๋มอบของขวัญอะไรให้ หยวนเป่ากลับไม่ยอมบอก
หัวใจของโม่เยว่ราวกับถูกแมวข่วน ดังนั้นจึงโมโหพลุ่งพล่านมาคิดบัญชีกับหยุนหว่านหนิงทันที
“หยวนเป่าพูดถูก”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าคล้อยตาม เหลือบมองเขาน้อยๆ ทีหนึ่ง “ของพวกนี้ของเจ้ากองเต็มเรือนชิงหยิ่งแล้วมีประโยชน์อะไร ข้าได้ใช้หรือ”
“นี่เจ้ายังไม่ใช่การสิ้นเปลืองหรือ”
โม่เยว่ “…”
เขามอบของขวัญยังมอบให้ไม่ถูกอีก?!
“เจ้ามีเงินมาซื้อของพวกนี้ มิสู้เอาไปใช้กับค่ายเสินจีให้เกิดประโยชน์! ช่วงก่อนเจ้ายังบอกว่าต้องผลิตอาวุธที่ใช้ดินปืนอยู่เลย เท่าที่ข้ารู้มา จะผลิตได้จำเป็นต้องใช้เงินทองมหาศาล”
หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างจริงจัง “เกี่ยวกับอาวุธที่ใช้ดินปืน เจ้ามีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่”
นางก็คือผู้หญิงแบบนี้
อารมณ์มาเร็วไปเร็ว
เมื่อครู่ยังลงมือลงไม้กับโม่เยว่อยู่ พริบตาก็สามารถสงบอารมณ์ ถกเรื่องเป็นการเป็นงานได้
โม่เยว่ขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะตอบ เสียงของหรูอวี้ก็ดังมาจากปากประตู “นายท่าน พระชายา คุณชายน้อยสั่งให้ข้าน้อยกลับมาบอกพวกท่าน…”