อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 247 ร่วมหอกันแล้วหรือยัง

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 247 ร่วมหอกันแล้วหรือยัง

หวางหมัวมัวก็รู้สึกตกใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหยุนหว่านหนิงเช่นกัน “พระชายา ร่างกายของไทเฮา…”

“ไม่มีอะไร”

หยุนหว่านหนิงยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ “ไทเฮาโปรดวางพระทัยเพคะ ร่างกายของพระองค์ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร! สองสามวันนี้หม่อมฉันจะอยู่ที่วังแห่งนี้ก่อน คอยดูแลร่างกายของพระองค์”

“เตรียมยาให้พร้อม หม่อมฉันจะกลับไปเมืองหลวงเมื่อพระองค์สุขภาพดีขึ้นเพคะ”

เห็นนางฝืนยิ้ม…

ไทเฮากู้ไม่ใช่คนธรรมดา นางจะไม่สังเกตเห็นสิ่งที่นางปกปิดได้อย่างไร

พระองค์คว้ามือของนางไว้ “หนิงเอ๋อร์”

“เจ้าบอกข้าตามตรงเถิด ร่างกายของข้าเป็นอะไรกันแน่”

ไทเฮากู้มีสีหน้าจริงจัง ทันใดนั้นความสง่างามที่สั่งสมมานานก็แผ่ออกมา แววตาของนางคมกริบ ดูน่าเกรงขามจนทำให้หยุนหว่านหนิงอดใจสั่นไม่ได้!

กูหน่ายนาย(พี่น้องของคุณปู่)ของนางเป็นบุคคลที่ทรงพลังอย่างที่คิด!

ไม่อย่างนั้นนางจะผ่านช่วงชีวิตหลายสิบปีมานี้ได้อย่างไร

หลายสิบปีก่อน นางยืนอยู่ที่เบื้องหลังอย่างมั่นคง

แม้ว่านางจะไม่ได้ให้กำเนิดโอรสแก่ฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่นางก็ยังทำให้โม่จงหรานเชื่อฟังได้ ปฏิบัติต่อนางเหมือนแม่แท้ๆ อีกทั้งยังเคารพนางในฐานะไทเฮา…

หลังจากนั้นหลายสิบปีต่อมาก็ยังคงดำรงตำแหน่งไทเฮาอย่างมั่นคงกูหน่ายนาย(พี่น้องของคุณปู่)ผู้นี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน!

“ข้า…”

หยุนหว่านหนิงอ้าปาก สีหน้าดูลังเลเล็กน้อย

“หนิงเอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามาตรงๆ! ข้าไม่ชอบคนโกหก!”

แววตาของไทเฮากู้ดูจริงจังยิ่งขึ้น

หวางหมัวมัวรีบเอ่ยว่า “พระชายา มีสิ่งใดก็พูดมาตรงๆ เถิดเพคะ! บ่าวกลัวจนเหงื่อตกหมดแล้ว!”

ว่าแล้วนางจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

นั่นเองหยุนหว่านหนิงจึงถอนหายใจเบาๆ “ไทเฮา ที่ร่างกายของพระองค์เป็นโรคเรื้อรังก็เพราะพระองค์ถูกวางยาพิษในช่วงที่แท้งลูก”

“ว่าอย่างไรนะ?!”

ไทเฮากู้มีสีหน้าตกใจ!

ความหวั่นไหวฉายวาบในแววตาของนางอย่างรวดเร็ว “เป็นเรื่องจริงหรือ!”

ไทเฮากู้ไม่เคยให้กำเนิดลูก

แม้แต่ครอบครัวฝ่ายนางและญาติสายแยกตระกูลกู้ก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ

น้องชายแท้ๆ ของนางก็ไม่มีทายาทเช่นกัน หลังจากที่เสียชีวิตเพราะความเจ็บป่วยเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ไม่มีทายาทสายแยกตระกูลกู้กำเนิดขึ้นมาอีก

ตอนนั้นไทเฮากู้ก็มีลูกเช่นกัน

ตอนนั้นนางยังเป็นฮองเฮา

ใครจะไปรู้ว่าเมื่ออายุครรภ์ได้ห้าเดือน นางจะแท้งลูกอย่างกะทันหัน

ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงพิโรธและรับสั่งให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด

แต่ไม่มีใครในโรงหมอหลวงที่หาสาเหตุพบว่าเพราะเหตุใดนางจึงแท้งอย่างกะทันหัน

ไทเฮากู้ใจสลายเพราะเรื่องนี้ แม้ว่านางจะดูแลร่างกายอย่างดีหลังจากแท้ง แต่หลังจากนั้นนางก็ตั้งครรภ์ไม่ได้อีกเลย… จนกระทั่งฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ นางจึงหมดหวังอย่างสิ้นเชิง

ในตอนนั้นเองที่นางยอมรับความจริงว่านางไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกต่อไป

“ยาพิษอะไร”

ไทเฮากู้ถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ที่ข้าแท้งลูกตอนนั้น หรือว่าเป็นเพราะถูกวางยาพิษด้วย?”

หวางหมัวมัวหันไปมองหยุนหว่านหนิงอย่างตกใจ

ในตอนนั้นไม่มีใครหาสาเหตุพบเลยว่าทำไมไทเฮากู้จึงแท้งลูก

ตอนนี้นางแค่จับชีพจรก็รู้เรื่องรู้ราวแล้วหรือ!

“ไม่ใช่เพคะ”

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าเป็นการยืนยัน “จากการวิเคราะห์ชีพจรของหม่อมฉัน พื้นฐานร่างกายของพระองค์ได้รับความเสียหายหลังจากการแท้งอย่างกะทันหัน พระองค์ถูกวางยาพิษช่วงที่อยู่เดือนหลังแท้ง มิใช่ก่อนแท้งเพคะ”

“ใครกันที่โหดเหี้ยมขนาดนี้!”

ไทเฮากู้โกรธจนหน้าแดง!

หวางหมัวมัวคิดอย่างรอบคอบและเอ่ยว่า “ไทเฮา หรือจะเป็นหลันกุ้ยเฟยเพคะ!”

ในวังหลังตอนนั้น นอกจากไทเฮากู้แล้วก็ยังมีหลันกุ้ยเฟยที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุด

แต่หลังจากคิดดูแล้ว หวางหมัวมัวจึงส่ายหน้าอีกครั้ง “เป็นไปไม่ได้! ตอนนั้นหลันกุ้ยเฟยกับไทเฮาดีต่อกันมากที่สุด พวกท่านทั้งสองเป็นเหมือนพี่น้องที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก”

“แม้แต่พี่น้องแท้ๆ ยังมีกระทบกระทั่งกันและแอบวางแผนทำร้ายอีกฝ่าย แล้วจะนับประสาอะไรกับพี่น้องคนละสายเลือด”

หยุนหว่านหนิงกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนที่ทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้จะต้องไม่ได้ตายดี!”

นางกับหยุนธิงหลานก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ

เมื่อได้ยินดังนั้น ไทเฮากู้จึงเหลือบมองนางอย่างลึกซึ้ง

ราวกับว่านี่คือหยุนหว่านหนิงที่นางไม่รู้จัก และวันนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างออกไปของหยุนหว่านหนิง…

หลานสาวตัวน้อยที่นางเฝ้าดูจนเติบใหญ่ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ!

ในราชสำนัก สิ่งที่ต้องการคือมันสมองอันปราดเปรื่องและการตอบสนองที่รวดเร็วเช่นนี้!

อยู่ในราชสำนัก ถ้าไม่โหดเหี้ยมก็จะถูกคนอื่นฆ่า

เมื่อเห็นสายตาที่ดุร้ายของหยุนหว่านหนิง ไทเฮากู้ก็รู้ทันทีว่านางน่าจะเด็ดขาดและอำมหิตอย่างไร

“ไม่ว่าใครจะวางยาพิษข้า เรื่องมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลันกุ้ยเฟยหรือหลี่กุ้ยเฟยก็ถูกดินฝังกลบไปนานแล้ว”

จู่ๆ ไทเฮากู้ก็เอ่ยอย่างปลงอนิจจัง

หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ หลันกุ้ยเฟยก็แขวนคอจบชีวิตตัวเอง จากไปพร้อมกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน

สนมนางกำนัลคนอื่นๆ ก็แทบจะไม่มีเหลือแล้ว

มีเพียงนางเท่านั้นที่ยังอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในวังนอกเมืองหลวง

“ช่างเถิด!”

ไทเฮากู้พ่นลมหายใจยาวๆ “หนิงเอ๋อร์ เจ้ารักษาอาการของข้าได้หรือไม่”

“ได้แน่นอนเพคะ! หม่อมฉันเพิ่งจะบอกไทเฮาไม่ใช่หรือเพคะ ว่าแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังชื่นชมว่าตอนนี้ทักษะทางการแพทย์ของหม่อมฉันดีกว่าหมอหลวงหยางแล้ว”

หยุนหว่านหนิงเอียงศีรษะและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ปล่อยให้เป็นหน้าที่หม่อมฉันเถิดเพคะ!”

นางต้องตรวจให้แน่ใจก่อนว่าไทเฮากู้ถูกวางยาพิษชนิดใด จากนั้นจึงจะปรุงยาแก้พิษได้

เป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ให้ยารักษาตรงกับอาการ’

นางหันไปสั่งหรูเยียนว่า “หรูเยียน เจ้าบอกให้หรูอวี้กลับไปที่เมืองหลวงทันที ทูลท่านอ๋องว่าข้าจะอยู่ที่พระราชวังนอกเมืองต่ออีกสักระยะหนึ่ง จะกลับไปอย่างช้าที่สุดในสิ้นเดือนนี้”

“เพคะ”

หรูเยียนรับคำสั่งอย่างเคารพและจากไป

ไทเฮากู้มองหยุนหว่านหนิงด้วยความรู้สึกที่หลากหลายภายในใจ

เด็กหญิงตัวน้อยที่นางต้องคอยปกป้องดูแลในตอนนั้น บัดนี้เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ!

จากนั้นไทเฮากู้จึงสอบถามเรื่องของนางกับโม่เยว่

“เจ้ากับเยว่เอ๋อร์แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ก็หมดลงไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าร่วมหอกันแล้วใช่หรือไม่ ในท้องเจ้ามีข่าวดีแล้วหรือยัง”

สิ่งที่ผู้ใหญ่มักให้ความสนใจมากที่สุดเกี่ยวกับรุ่นลูกหลานก็คือเรื่อง ‘ท้อง’

หยุนหว่านหนิงอายจนเหงื่อตก “ไทเฮา! ไหนเลยจะไวขนาดนั้นเพคะ”

“แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เจ้าเลวโม่เยว่นั่น…”

ยังพูดไม่ทันจบก็หยุดพูดอย่างฉับพลัน จากนั้นจึงเอ่ยพลางยิ้มแหย “เป็นความจริงที่เขาทรมานหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันจะไม่ยอมให้อภัยเขาง่ายๆ แน่!”

ร่วมหอรึ…

จนกว่านางจะยกโทษให้โม่เยว่ นางจะไม่ยอมมีสัมพันธ์ใกล้ชิดใดๆ กับเขาเด็ดขาด!

ไทเฮากู้ทรงยิ้มและส่ายศีรษะเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ! นั่นมันก็เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้า”

“แต่กระนั้นข้าก็มีบางอย่างจะเตือนเจ้า ว่าพี่น้องแต่ละคนของเยว่เอ๋อร์น่ะ ไม่ใช่พวกที่จะจัดการได้ง่ายๆ!”

นางเอ่ยอย่างมีความหมายว่า “แม้ว่าเยว่เอ๋อร์จะดูเย็นชา แต่จริงๆ เขาคือคนที่จิตใจดีที่สุด ส่วนคนอื่นน่ะ เสแสร้งกันทั้งนั้น พวกเจ้าอย่าปล่อยให้ภาพลักษณ์ภายนอกของพวกนั้นหลอกได้ล่ะ!”

“ถ้าอยากยืนหยัดได้ เจ้าจะต้องมุมานะเรื่องท้องสักน้อย”

หยุนหว่านหนิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าไทเฮากู้กำลังเตือนนาง ให้นางในรีบฉวยโอกาสให้กำเนิดพระนัดดาองค์ โต!

นางยิ้มและกล่าวว่า “ไทเฮาโปรดวางพระทัยเพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันมั่นใจมาก”

หยวนเป่าเป็นพระนัดดาองค์ โตของฮ่องเต้และมีตัวตนตั้งนานแล้ว ไม่ว่าใครก็ผ่านนางไปไม่ได้แน่!

เพราะเหตุนี้นางจึงมั่นใจมาก!

เมื่อเห็นว่านางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ไทเฮากู้ที่ยังอยากจะพูดอะไรต่อก็หยุดพูดไว้แค่นั้น

……

คืนที่สองหลังจากออกจากเมืองหลวงมาอยู่ที่พระราชวังนอกเมือง

สองวันแล้วที่ไม่ได้เจอหยวนเป่า หยุนหว่านหนิงคิดถึงเขามากและพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างหลับไม่ลง

ความคิดถึงที่มีต่อบุตรชายหยั่งรากลึกอยู่ในใจเหมือนเมล็ดพันธุ์บางอย่าง ที่แตกหน่อฝังรากและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ตระหง่านสูงเสียดฟ้า

นางคิดถึงลูกชายของนางมาก!

กลางคืนนอนไม่หลับ ข้าวปลาก็ไม่อยากกิน!

โชคดีที่มีคนรีบตรงมายังวังในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อสร้างความแปลกใจให้กับนาง!

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท