อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 406 รนหาเรื่องอัปยศอดสู

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 406 รนหาเรื่องอัปยศอดสู

แต่เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไป

เขาเพิ่งจะหันหลังกลับก็ได้ยินน้ำเสียงของหยุนหว่านหนิงดังมาจากทางด้านหลัง “หยุนกั๋วกง ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดจึงมิทักทายก็จะกลับเล่า?”

หยุนเจิ้นซงตัวแข็งคือ

ลูกอกตัญญูคนนี้!

นับตั้งแต่นางอ๋องหวังกักบริเวณเอาไว้ และได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหวัง นางก็มิเคยเรียกเขาว่าพ่ออีก

แต่ก็นับว่าหักล้างกันไปแล้ว

หยุนเจิ้นซงหันหลังกลับมามองนางด้วยรอยยิ้มว่า “หนิงเอ๋อร์……”

ก่อนหน้านี้หยุนหว่านหนิงมิได้รับการยอมรับและรับความรักจากโม่เยว่ บัดนี้มิเพียงแต่นางจะมีโม่เยว่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นางยังมีฮ่องเต้และเต๋อเฟยเหนียงเหนียง อีกทั้งตระกูลกู้ ที่สำคัญก็คือนางได้ให้กำเนิดพระนัดดาองค์โตขึ้น

ก่อนหน้านี้หยุนเจิ้นซงมิเห็นลูกสาวงี่เง่าคนนี้ในสายตา

ให้นางทำอะไรล้วนมิได้เรื่อง สร้างแต่ปัญหามิหยุดมิหย่อน

เพื่อมิให้ถูกนางพาเข้าไปเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายเหล่านั้นด้วย หยุนเจิ้นซงจึงตั้งใจจะขีดเส้นแบ่งแดนกับนางให้ชัดเจน

คิดมิถึงว่าหยุนหว่านหนิงที่ถูกกักบริเวณมาถึงสี่ปี จะให้กำเนิดพระนัดดาองค์โตอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงเช่นนี้ได้

หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็คงจะมิขีดเส้นแบ่งแดนกับนางอย่างนี้หรอก

ในตอนนั้นเขาได้ยินมาว่าหยุนหว่านหนิงมีความสัมพันธ์กับคนในจวนอ๋อง ทั้งยังให้กำเนิดเด็กนอกคอกคนนั้นออกมา ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะเป็น โอรสของอ๋องหมิง และเป็นพระราชนัดดาองค์โตของฮ่องเต้”

ในตอนแรกหยุนเจิ้นซงยังคงสงสัยในตัวตนของหยวนเป่า

แต่หลังจากที่ได้เห็นเขาแล้วก็พบว่าหน้าตาคล้ายคลึงกับโม่เยว่เหลือเกิน……

แล้วจะมีอะไรให้น่าสงสัยอีกเล่า?

“ข้าได้ยินว่าเจ้ายุ่งนัก ดังนั้นจึงมิอยากจะรบกวน ในเมื่อเจ้ายุ่งมาก พ่อก็ขอตัวก่อน”

หยุนเจิ้นซงลืมไปเสียแล้วว่าเขามาที่นี่ทำไม

เพียงแค่เขาเห็นใบหน้าของหยุนหว่านหนิงแล้วก็ตึงเครียดทันที และอยากจะหารูมุดหนีไปเหลือเกิน

“รีบร้อนทำไมกัน?”

หยุนหว่านหนิงยืนพิงไปที่กรอบประตูบ้าน มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่าหยุนกั๋วกงนำของขวัญมาให้ข้าด้วย อย่าได้ซ่อนมันไว้เลย อะไรกันเล่าขอข้าดูหน่อย”

ของขวัญหรือ?

หยุนเจิ้นซงชะงักตกตะลึง

เขาบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่านำของขวัญมาให้นางด้วย

ใครกันที่เข้าไปรายงานเช่นนี้?!

“พ่อค้า ข้า……”

หยุนเจิ้นซงสีหน้าแดงเรื่อ เขามิอาจกล่าวคำใดออกมาได้เลย

หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นกอดอก “ดูเหมือนว่าหยุนกั๋วกงจะมิได้นำของขวัญใดมาให้ข้า…… การเดินทางมาเยือนด้วยมือเปล่าเช่นนั้นข้าเองก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็น”

เมื่อเห็นว่าสายตานางมองมาที่กระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอก หยุนเจิ้นซงก็ตระหนักได้ในทันที

“มิใช่ของขวัญอะไรหรอก มันคือ คือ……”

ภายใต้ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหยุนหว่านหนิง ทำให้หยุนเจิ้นซงมิอาจกล่าวคำใดออกมาได้เลยถึงจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาที่นี่

เขาคิดมิถึงจริงๆ ว่าหยุนหว่านหนิงในวันนี้จะเฉลียวฉลาดเช่นนั้น

“อย่างนั้นหรือ?”

หยุนหว่านหนิงดูรู้สึกประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย

หยุนเจิ้นซงมองไปทางด้านหลัง

วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสองเดือนสิบสองแล้ว ฝูงคนที่เดินทางออกมาจับจ่ายใช้สอยมีจำนวนมิน้อย ผู้คนบนท้องถนนที่เดินไปมาต่างหันมามองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หยุนเจิ้นซงรออยู่ข้างนอกเป็นเวลาเนิ่นนาน บัดนี้เสื้อคลุมผ้าฝ้ายของเขาก็เปียกโชก

เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ “สะดวกให้เขาเข้าไปคุยด้านในหรือไม่?”

“มิสะดวก”

หยุนหว่านหนิงปฏิเสธโดยมิลังเล

นางนั่งลงที่ธรณีประตู “จวนอ๋องของพวกเรากำลังอยู่ในการปรับปรุง เข้าไปก็มิมีที่สำหรับต้อนรับท่าน” หยุนกั๋วกงก็โมโห มีเรื่องอะไรก็สนทนากันที่นี่เถอะ”

ให้สนทนาที่นี่หรือ?

หากถูกนางปฏิเสธ เขาก็คงจะน่าอายเพียงไรกัน

เมื่อเห็นว่านางปฏิเสธและนั่งลงที่ธรณีประตูเช่นนั้น หยุนเจิ้นซงก็ก้าวมาอยู่ครู่หนึ่งและก้าวไปข้างหน้านั่งลงที่ประตูนี้เช่นกัน”

แต่ว่าระยะห่างระหว่างสองพ่อลูกค่อนข้างมาก มองดูแล้วราวกับถูกแยกออกด้วยแม่น้ำใหญ่

ผู้คนที่สัญจรไปมา มองด้วยสายตาอันแปลกประหลาด

สองพ่อลูกนี้น่าสนใจยิ่งนัก เขามิเพียงแต่ไปสนทนากันในบ้านกับ กลับคุยกันอยู่ที่ธรณีประตู……”

หยุนหว่านหนิงมิสนใจสายตาที่มองมาด้วยความแปลกประหลาดของผู้คนเหล่านี้ นางเคยชินกับมันแล้ว

แต่สำหรับหยุนเจิ้นซง ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเขาแดงเรื่อ

เขาหยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วลังเลที่จะพูดว่า “อีกยี่สิบกว่าจะเป็นวันเฉลิมฉลองวันเกิดข้า หวังว่าเจ้าจะกลับไปที่จวนในตอนนั้น”

เขายืนหนังสือเชิญ ที่ยับยู่ยี่ให้แก่นาง

เนื่องจากว่าเขาเหงื่อออกมากจึงทำให้หนังสือเชิญนี่เปียกไปด้วย

หยุนหว่านหนิงเหลือบมองด้วยใบหน้าอันขยะแขยง

นางมิได้เอื้อมมือไปรับมัน ทำให้หยุนเจิ้นซงชะงักลงทันที จากนั้นจึงยื่นกลับไปให้หรูเยียนที่อยู่ด้านข้าง “แม่นางหรูเยียน รบกวนด้วย……”

มิใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะแสดงความนอบน้อมต่อคนอื่นเช่นนี้

พระชายาของพวกนางมิไว้หน้าเขา แต่หรูเยียนยังคงให้เกียรติเขาบ้าง

นางเอื้อมมือไปรับจดหมายเชิญนั้นมากางออกดู “พระชายาเพคะ วันที่สิบสามเดือนหน้า”

“หยุนกั๋วกงเชิญข้าเพียงคนเดียวหรือเชิญท่านอ๋องกับหยวนเป่าด้วย?”

หยุนหว่านหนิงเลิกคิ้วขึ้นถาม

หยุนเจิ้นซงแทบจะสำลัก

เขาเองก็อยากจะเชิญโม่เยว่กับหยวนเป่าไปด้วย แต่ว่าอ๋องหมิงผู้สูงส่ง อีกคนหนึ่งก็เป็นถึงพระนัดดาองค์โต ผู้มีตัวตนสูงส่ง

แล้วทั้งสองคนจะให้เกียรติเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเขาได้อย่างไร

เพียงแค่สามารถเชิญหยุนหว่านหนิงไปได้เขาก็รู้สึกขอบคุณฟ้าดินเหลือเกินแล้ว

ด้วยเหตุนี้เองในหนังสือเชิญเขาจึงเขียนชื่อหยุนหว่านหนิงเพียงคนเดียว ……

เมื่อเห็นว่าเขามิอาจตอบได้ หรูเยียนจึงกล่าวขึ้นว่า “เขียนเชิญไว้เพียงแค่พระชายาคนเดียวเพคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของหยุนเจิ้นซงก็จับจ้องมองไปทางหยุนหว่านหนิงทันที……

และเห็นว่านางหรี่ตาลงรอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปจนสิ้น “หยุนกั๋วกง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ท่านดูถูกท่านอ๋องและหยวนเป่าของข้าหรือ?”

ดูถูกงั้นหรือ?

เขาจะกล้าดูถูกหรือ!

เขามิกล้าเชิญต่างหากเล่า!

หยุนเจิ้นซงรีบอธิบายขึ้นทันทีว่า “มิใช่ดังนั้นหรอก ข้าพอพียงแค่เห็นว่าท่านอ๋องทรงงานยุ่งอยู่ทุกคืนวาน และพระนัดดาองค์โตก็ได้รับความรักจากฮ่องเต้กับเต๋อเฟยเหนียงเหนียงเป็นที่สุด คาดว่าคงจะอยู่เป็นเพื่อนทั้งสองที่ในวัง”

“ดังนั้น ดังนั้น……”

“ดังนั้นหยุนกั๋วกงจึงคิดว่าในจวนอ๋องหมิงนั้นมีข้าเพียงคนเดียวที่ว่างที่สุดงั้นหรือ

หยุนเจิ้นซงส่ายหน้า “ข้า……”

เขาหมายถึงเช่นนี้จริงๆ

แต่เมื่อมองเห็นท่าทีการแสดงออกของหยุนหว่านหนิงเช่นนั้น แล้วเขาจะกล้าเอ่ยได้อย่างไร?

“ในเมื่อเป็นวันเกิดของท่านหยุนกั๋วกง มิรู้ว่าท่านได้เชิญชวนอ๋อองสามแล้วหรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงเอ่ยถามอีกครั้ง

หยุนเจิ้นซงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “เชิญแล้ว”

“ดูสิ ข้าคิดแล้วเชียวในใจของท่านหยุนกั๋วกง จวนอ๋องสามคงจะควรค่าแก่การประจบประแจงมากกว่า ของพวกเราเทียบอะไรได้เล่า”

นางตั้งใจเอ่ยขึ้นว่าอ๋องสามบัดนี้เป็นผู้ป้องกันขุนเขาอันยิ่งใหญ่เชียว

ราชาแห่งขุนเขาจะเปรียบเทียบคนธรรมดาได้อย่างไร

“หาใช่เช่นนั้น เจ้าเข้าใจผิดไปแล้ว ท่านอ๋องสามมิได้อยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นจึงเชิญเพียงพระชายาของอ๋องสามเท่านั้น……”

หยุนเจิ้นซงรีบอธิบาย

หยุนธิงหลานเดินทางติดตามโม่หุยเฟิงกลับไปที่เขาซีเซียงด้วย อย่างน้อยฉินซื่อเสวียก็ควรจะเดินทางไปเชิญ เนื่องจากว่าเขาได้เชิญพระชายาอ๋องคนอื่นๆ แล้ว

“ข้าคิดอยู่แล้วว่าเป็นเช่นนี้”

หยุนหว่านหนิงเม้มริมฝีปากของตนเอง “หากคนอื่นมิเลือกจนกระทั่งเหลือ ท่านก็คงมิเอามันมาให้ข้าหรอก”

หยุนเจิ้นซงผงะไปชั่วครู่ มิเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร

อะไรคือเลือกในส่วนที่เหลือไว้?

เขามิได้ให้อะไรคนอื่นเลย

ทันใดนั้นเองหยุนหว่านหนิงก็ทำท่าทางน้อยใจ กล่าวต่อไปว่า “ข้าจะไปสู้พวกเขาได้อย่างไรเล่า พวกเขาเปรียบดั่งหยกและเงินทอง เรานั้นเป็นเพียงรากหญ้า น่าน้อยใจยิ่งนัก”

หยุนเจิ้นซงเองผงะ“???”

หรูเยียนเองก็ผงะเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของนางกัน?

ดังนั้นนางจึงยื่นหนังสือเชิญไป “พระชายาอ๋องเพคะ……”

หยุนหว่านหนิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วโบกสะบัดด้วยความรังเกียจ “สิ่งนี้ชายผู้เน่าเฟะเคยหยิบมันแล้ว ข้าเหม็นและมิต้องการ”

หยุนเจิ้นซง “……”

หรูเยียนแทบจะสำลัก นางหัวเราะออกมาเสียงดังว่า “พระชายาอ๋องเพคะ ชายเน่าเฟะอะไรกัน นี่คือหนังสือเชิญที่หยุนกั๋วกงนำมามอบให้นะเพคะ”

“หยุนกั๋วกงมิใช่ผู้ชายงั้นหรือ”

หยุนหว่านหนิงถามกลับ

หยุนเจิ้นซงเหงื่อซึมทั่วกาย

พระเจ้า!

วันนี้เขากินยาอะไรผิดกันจึงได้เดินทางออกมารนหาที่ให้คนอื่นดูถูกขายหน้าเช่นนี้

แต่บัดนี้ก็สายเกินไปที่เขาเพิ่งตระหนักได้

สิ่งที่น่าอัปยศอดสูกว่านี้ยังคอยอยู่ข้างหลัง……

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท