เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 383 ลูกไก่มาสำรวจบ้าน! อีกหนึ่งตัวตนของต้าซื้อมิ่ง!

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 383 ลูกไก่มาสำรวจบ้าน! อีกหนึ่งตัวตนของต้าซื้อมิ่ง!

“จิ๊บ!”

ลูกไก่สีเหลืองที่ไม่เคยทำพลาดแม้แต่น้อยก็กระพือปีกพลางส่งเสียง “พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ พ่อข้าล่ะ!”

ตุบ!

ตุบ! ตุบ…

ทหารจอมมารทยอยกันร่วงลงมา พวกมันตกใจกับกลิ่นอายจักรพรรดิอสูรของพวกเขาที่จู่ๆ แผ่ซ่านออกมาของลูกไก่จนร่วงตกลงมาบนพื้น

แม้แต่แม่ทัพอสูรนรกสองตนที่เฝ้าประตูเมืองก็ร่วงลงบนพื้นดัง ตุบ เห็นได้ชัดว่าต่างตกใจกับ ‘ความยิ่งใหญ่’ ของลูกไก่สีเหลืองมาก พวกมันจะกล้าหาเรื่องได้อีกอย่างไร

นี่เป็นภาพที่เยี่ยนอวี๋ก็คิดไม่ถึง แต่ลูกไก่สีเหลืองก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มันยังพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าจะไปหาพ่อของข้า!”

“…”

ทหารงงงันกันเป็นแถบ พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินว่าใต้เท้าจักรพรรดิของพวกเขามีลูกด้วย!? อีกทั้งยังมีลูกเป็น ‘ลูกไก่’ ? นี่มัน…

ทหารที่สับสนและงงงวยไม่สามารถคิดวิเคราะห์ได้เลย แม่ทัพอสูรที่แต่เดิมก็ไม่ค่อยมีสมองอยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร พวกเขามีเพียงคำถามเดียว “หรือว่าร่างจริงของใต้เท้าจักรพรรดิเป็นไก่ตัวหนึ่งจริงๆ?”

ทว่าลูกไก่สีเหลืองก็ไม่ต้องการให้พวกเขา ‘ต้อนรับ’ แล้ว มันออกคำสั่งว่า “อั้นอั้น เจ้าคลานต่อไป”

“แต่ว่า…” ตี้อั้นที่ตัวสั่นจนไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้วอยากจะพูดว่า นี่ไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้เลย! อีกทั้งมันเองก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวและเคลื่อนไหวไม่ได้ด้วยซ้ำ จะให้ทำอย่างไรเล่า!

“คลาน!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปีนขึ้นไปบนหลังของตี้อั้นอีกครั้ง สั่งให้มันคลาน เขาคิดว่าหากให้ท่านแม่อุ้มท่านพ่อคงจะลำบากท่านแม่มากเกินไป ท่านพ่อตัวใหญ่มาก!

เยี่ยนอวี๋เองก็รู้สึกลำบากใจว่าจะอุ้มลงไปอย่างไรจึงจะไม่รบกวนต้าซือมิ่ง ไม่คิดเลยว่าลูกไก่สีเหลืองจะให้ความช่วยเหลือดีเช่นนี้ อสูรรอบกายดึงพลังที่แผ่ซ่านของตนกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตี้อั้นคลานได้อีกครั้ง

“แหะๆ…” ตี้อั้นอยากจะพูดว่า ลูกพี่ไม่ต้องให้ความร่วมมือเช่นนี้ก็ได้ อันที่จริงข้าไม่อยากคลานเลย จริงๆ นะ! ไม่อยากเลยจริงๆ…

แต่จะทำอย่างไรได้ ทหารและแม่ทัพอสูรให้ความร่วมมือมาก เพียงไม่กี่ลมหายใจ สำหรับตี้อั้นแล้ว ความหวาดกลัวอันน่าสะพรึงในการก้าวข้ามระดับที่แตกต่างกันกลับ ‘หาย’ ไปแล้ว

นี่เป็นวิธีการที่ตี้อั้นเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน เหตุใดมันจึงจำได้ว่าพลังกดดันเช่นนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นะ หรือว่าแม่ทัพอสูรอะไรนั่นก่อนหน้านี้แค่วางอำนาจข่มเหงอสูรตัวน้อยเท่านั้น!

ในขณะที่ตี้อั้นกำลังครุ่นคิด ลูกไก่สีเหลืองก็เร่งมัน “รีบคลานสิ!”

“…” ตี้อั้นที่น่าเวทนาก็ได้แค่คลานต่อไป

ทหารที่ร่วงลงมาจากรอบทิศไม่มีตนไหนลุกขึ้นมาขัดขวางไว้เลย พวกมันกลับยังนอนอยู่ที่เดิมด้วยความเคารพ ก้มศีรษะให้กับขบวนของลูกไก่สีเหลืองเดินเข้าไปในวัง เป็นภาพที่พิกลมาก ทว่าลูกไก่สีเหลืองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย มันบินไปบนศีรษะของตี้อั้น “เร็วเข้า ต้องเร็วเหมือนก่อนหน้านี้สิ!”

ตี้อั้น “…”

อันที่จริงในใจของมันมีคำหยาบเป็นหมื่นล้านคำอยากจะด่า แต่มันไม่กล้า มันจึงทำได้เพียงเร่งความเร็วอย่างสุดความสามารถ

ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็พูดขึ้นว่า “ระดับของตี้อั้นค่อนข้างต่ำ ถึงแม้อสูรทุกตัวจะเก็บกลิ่นอายแล้ว แต่สำหรับมันแล้ว ยังคงมีแรงกดดันมหาศาล”

“อ๋อ!” ลูกไก่สีเหลืองจึงอภัยให้ตี้อั้นที่คลานด้วยความเร็วของมันจริงๆ

ทว่าแม่ทัพอสูรนรกตนหนึ่งที่แอบมองเยี่ยนอวี๋เงียบๆ มันก็ชะงักงัน! มันยังอ้ำอึ้งค่อนข้างนาน จนเมื่อขบวนเยี่ยนอวี๋เดินผ่านข้างหน้ามันไป มันก็ยังชะงักอยู่เช่นนั้น

“คลาน! คลานๆ” ลูกไก่สีเหลืองเร่งเร้าอย่างมีจังหวะ มัน ‘ขี่’ ตี้อั้นจนถึงทางเดินหลักในวังจักรพรรดิอสูร ทั้งสองฝั่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีผู้ใดเลย

เดินขึ้นหน้าอีกไม่กี่ร้อยลี้ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างราชวังจักรพรรดิแล้ว มันเป็นอาคารโอ่อ่าตระการตาที่สร้างอยู่บนภูเขาอสูร และมีขนาดสูงกว่าประตูเมืองมาก มันไม่ได้เป็นอาคารที่มีเพียงสีดำ แต่เป็นอาคารที่มีหลังคาสีดำ กำแพงสีแดง และพื้นสีขาว ส่วนสีดำที่เป็นยอดตำหนักมีรูปสลักร่างจริงของสิบสองเทพมารที่เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและความรุ่งเรืองของเผ่าอสูร พวกมันที่ชั่วร้ายโหดเหี้ยมถูกสลักไว้บนยอดตำหนัก ส่งผลให้ความชั่วร้ายมืดมนของตำหนักเพิ่มทวีคูณ

อีกทั้งยังมีกำแพงสีเลือดที่ส่องประกาย ทั่วทั้งตำหนักในวังก็เหมือนกับฉากฆ่าฟันนองเลือดที่มีศพทับซ้อนกันบนภูเขาหิมะ ราวกับกลับไปสู่โลกมนุษย์ในยุคแห่งความโกลาหล

“ว้าว…” เด็กน้อยอุทาน

ลูกไก่สีเหลืองพูดอย่างดีอกดีใจว่า “บ้านข้า!”

“ใหญ่!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองสำรวจตำหนักน้อยใหญ่อย่างไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก เขาหันไปมองท่านพ่อของเขาต่อ พบว่าท่านพ่อของเขา ‘แดง’ ขึ้นกว่าเดิม และในขณะนี้เอง แม่ทัพอสูรนรกผู้เฝ้าประตูราวกับเพิ่งตั้งสติได้ก็พึมพำว่า “ทำไมข้าจึงรู้สึกว่า เมื่อครู่นี้เห็น… ฝ่าบาท?”

“หา?” แม่ทัพอสูรนรกผู้เฝ้าประตูอีกตนหนึ่งไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความว่าอะไร”

“ไม่มีอะไร ข้าอาจจะตาฝาดไปเอง” แม่ทัพอสูรนรกกะพริบตาสี่ดวงสองสามที เขาคิดว่าในเมื่อจักรพรรดิอสูรน้อยบอกว่า ‘จะไปหาพ่อ’ และยังรู้ทางดีเช่นนั้น มันอาจจะตาฝาดจนดูผิดไปจริงๆ ก็ได้

ก็ถูก หากฝ่าบาทอยู่ข้างกาย จักรพรรดิอสูรน้อยจะถามว่า ‘พ่อข้าล่ะ’ ได้อย่างไรเล่า มวลหมอกสีแดงเมื่อครู่นี้ก็สลัวมาก ตนเองคงตาฝาดไปจริงๆ

แม่ทัพอสูรนรกคิดได้ดังนั้นก็ไม่คิดต่อไปแล้ว เพราะสมองของมันไม่พอใช้ สำหรับมันแล้ว การคิดมากมายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแล้วจริงๆ

ส่วนแม่ทัพอสูรนรกอีกตนหนึ่งก็ไม่ได้ถามอีก เพราะมันเองก็ไม่อยากใช้สมองแล้ว รู้สึกปวดศีรษะ หากมีเวลามาคิด สู้มาปะทะกันหลังเปลี่ยนกะดีกว่า!

ขบวนเยี่ยนอวี๋จึงเดินเข้าไปในวังจักรพรรดิอสูรได้อย่างง่ายดาย และยัง ‘คลาน’ ไปทางอาคารตำหนักหลักโดยการนำทางของอสูรตนหนึ่งได้อย่างราบรื่น

ถึงอย่างไรความเคลื่อนไหวจากข้างหน้า อสูรผู้ต้อนรับก็ได้ยินหมดแล้ว พวกมันที่ไร้สมองและไร้พลังมากที่สุดจึงไม่ถามอะไรมาก มันนำทางให้ขบวนเยี่ยนอวี๋โดยปริยาย

ทั้งหมดนี้ราบรื่นจนเยี่ยนอวี๋ยิ่งระวังตัว นางไม่เพียงนั่งขัดสมาธิข้างหรงอี้ นางยังกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก เพื่อเตรียมตัวเผชิญกับอันตรายที่มาได้ทุกเมื่อ

“คลานๆ! อั้นอั้น ข้าเรียกเจ้าว่าคลานคลานนะ” ลูกไก่สีเหลืองไม่รู้สึกเคร่งเครียดราวกับกลับถึงบ้านแล้วจริงๆ มันก็พูดกับตี้อั้น “ดีหรือไม่”

“ไม่ดี” ตี้อั้นย่อมไม่เห็นด้วย!

ลูกไก่สีเหลืองกลับไม่สนใจ “ข้าจะเรียก!”

“แล้วท่านจะถามข้าน้อยทำไม” ตี้อั้นหมดคำพูด

ลูกไก่สีเหลืองพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “ไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนข้าเลยนี่ นายท่านน้อยก็ไม่สนใจข้า”

เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้น เขาก็โบกมือเรียกลูกไก่สีเหลือง “มา”

ลูกไก่สีเหลืองกำลังจะบินไปหาเด็กน้อยอย่างดีอกดีใจ เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลับดังขึ้นกลางอากาศ “ผู้ใดบังอาจอ้างตัวเป็นบุตรจักรพรรดิ!”

เมื่อสิ้นเสียง… เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็รีบจับลูกไก่สีเหลืองเข้ามาในอ้อมอกทันที และเขาก็เงยหน้ามองไปที่ที่เสียงนั้นดังขึ้น

ในขณะเดียวกัน…

โฮก!

ครืน!…

อสูรนับไม่ถ้วนพากันเคลื่อนไหวสะเทือน แต่ตัวที่ปรากฏตัวก่อนตนใดและยังเป็นเจ้าของเสียงที่ ‘แยกแยะ’ ได้อย่างชัดเจนคืองูสีเขียวดำขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง!

มันลอยลงมาจากกลางอากาศ หยุดอยู่บนยอดตำหนักที่อยู่ไม่ไกลออกไป มันมีลักษณะคล้ายเทียแมทหนึ่งในสิบสองเทพมาร แต่มันมีเพียงหนึ่งศีรษะ ขณะที่เทียแมทมีเก้าศีรษะ

แม้จะเป็นเช่นนี้ พลังกดดันระดับจอมมารที่ทะลักออกมาจากตัวมันก็ทำเอาตี้อั้นตกใจจนหมอบอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับตัวอีก ลมปราณยังผ่อนเบาลงอย่างรุนแรง

ลูกไก่สีเหลืองโมโห มันปีนออกมาจากอ้อมอกของเด็กน้อย “เจ้าทำให้คลานคลานตกใจแล้ว!”

“ฝ่อ!” งูยักษ์แลบลิ้นออกมา มันใช้ดวงตาสีเลือดอันชั่วร้ายหลุบมองลูกไก่สีเหลือง “เจ้าน่ะหรือที่อ้างตัวเป็นบุตรจักรพรรดิ ช่างอาจหาญจริงๆ แต่เสียดายที่กลิ่นอายเจ้าซับซ้อน ไม่มีทางเป็นบุตรจักรพรรดิได้!”

“พ่อข้าก็คือพ่อข้า! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าข้า” ลูกไก่สีเหลืองไม่เกรงกลัว มันยังแผ่ซ่านกลิ่นอายโกลาหลออกมาปกคลุมตี้อั้นไว้ ช่างรู้จักปกป้องลูกน้องจริงๆ

แต่กลิ่นอายโกลาหลที่ลูกไก่สีเหลืองแผ่ซ่านออกมากลับดึงดูดความสนใจของงูยักษ์ “โกลาหลแห่งวารี!”

“จักรพรรดิอสูรน้อยระวัง มัน… มันคือจอมมารสวรรค์เมาโร!” ตี้อั้นรู้สึกว่าเมาโรมาไม่ดี จึงเตือนลูกไก่สีเหลืองดั่งที่เขาว่าหมูไปไก่มา

ทว่าถึงแม้มันจะไม่ได้เตือน เยี่ยนอวี๋ก็จำได้ ถึงอย่างไรขาดศีรษะไปแปดหัว เมาโรก็ยังถือว่าเหมือนกับบรรพชนเทียแมท โดยเฉพาะความตะกละ! เช่นในตอนนี้เมาโรกำลังมองลูกไก่สีเหลืองอย่างตะกละแล้ว “เจ้าบังอาจอ้างตนเช่นนี้ สมควรตาย!”

เมื่อพูดเสร็จ… ลูกไก่สีเหลืองไม่ทันตั้งสติได้ เมาโรก็แลบลิ้นออกไปทางลูกไก่แล้ว!

ฝ่อ!

ลิ้นงูขนาดใหญ่กลายเป็นเส้นยาวขนาดเล็กบางกำลังจะรัดตัวลูกไก่สีเหลืองแล้ว

“จิ๊บ!”

ลูกไก่สีเหลืองกรีดร้อง รอบกายมันพ่นหมอกควันสีเหลืองออกมา

“อ้ะ!”

เด็กน้อยก็ร้องตาม เขายังทำท่าจะไปช่วยเหลือ แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ปล่อยเขาไป เพราะว่าหมอกควันสีเหลืองของลูกไก่กำลังกัดกร่อนลิ้นงูของเมาโรจนเกิดเสียง ซู่ แล้ว

ไม่เพียงเท่านี้…

กรร!

ลูกไก่สีเหลืองเปลี่ยนไปในทันที! ครานี้มันเปลี่ยนไปจริงๆ แล้ว

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท