บทที่ 873 รับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด
คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่ไม่หลับนอน
ที่คฤหาสน์หอกุหลาบ กลุ่มทหารรับจ้างห้าคนกำลังจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย
“เฮ้อ ซือเยี่ยหานป่วยใกล้ตายแล้ว! แบบนี้เจ้านายพวกเราต้องปวดใจแน่เลย…”
“ก็ไม่แน่หรอกมั้ง ถึงเจ้านายจะค่อนข้างรักใคร่คนคนนี้จริง แต่คนงามตายไปหนึ่งคนก็ยังมีคนงามอีกเป็นหมื่นพันคนนี่นา!”
“ที่สำคัญคือซือเยี่ยหานตายแล้ว พวกเราก็ต้องย้ายฐานหรือเปล่า ยังไงซะเจ้านายก็อยู่ที่นี่เพราะเขา…”
“ก็คงใช่มั้ง เฮ้อ ทำใจไปจากที่นี่ไม่ลงจริงๆ แฮะ นายดูสิดอกไม้ที่ฉันตัดเล็มสวยขนาดไหน! ไม่ได้มีวันที่มีอิสระขนาดนี้นานแล้ว…”
“เจียวเจียวก็ไม่อยากไป…”
…
บ้านฉิน
ฉินเฟิงบิดาของฉินรั่วซีรีบเดินทางกลับมาจากต่างประเทศในคืนนั้น
“คุณพ่อ!”
“เรื่องเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ยังไม่มีข่าว ดูจากสถานการณ์ตอนนี้คาดว่าจะร้ายมากกว่าดี…ก่อนหน้านี้ซุนไป๋เฉ่าก็คาดการณ์ว่าเขาจะอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ตอนนี้ใกล้ตายเต็มที ที่ดีขึ้นก่อนหน้านี้ คงเป็นแสงสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ”
“หึ เด็กนั่นไม่รู้จักดีชั่ว ถ้าแต่งงานกับลูกดีๆ ก็ยังอยู่ได้อีกหลายปี! ก่อนที่เรื่องจะยืนยันชัดเจนอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวก่อน ผู้หญิงคนนั้นจะมีคนช่วยลูกจัดการเอง!” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงดุดัน
“ค่ะ คุณพ่อ”
ดวงตาของฉินรั่วซีมีแววเย็นเยียบวาบผ่าน ในเมื่อไม่ได้มา…ทำลายไปเลยก็ดี…
…
วันถัดมา โรงพยาบาลแถบชานเมือง
ผู้อาวุโสทุกคนกำลังรอฟังผลที่หน้าประตูห้องผู้ป่วยอย่างร้อนใจ
ซือหมิงหลี่สอดส่ายสายตารอบด้าน จากนั้นจงใจถาม “ผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
เฝิงอี้ผิงเอ่ยน้้ำเสียงเหยียดหยัน “ไม่รู้สิ ไม่เห็นเงาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คงไม่ใช่กลัวความผิดหนีไปแล้วหรอกมั้ง?”
“เฮ้อ เมื่อวานไม่น่าปล่อยเธอไปเลย!”
ขณะที่พวกผู้อาวุโสโกรธกับความไม่เป็นธรรม เสียงฝีเท้าดังตึกๆๆ ก็ดังขึ้นจากสุดปลายโถงทางเดิน
เทียบกับฉินรั่วซีที่ขาวบริสุทธิ์ทั้งตัวแล้ว พวกเขาเห็นเยี่ยหวันหวั่นสวมชุดกระโปรงสีแดงเข้มทั้งตัว แต่งหน้าสวยงาม ก้าวเดินเข้ามาช้าๆ ไม่ได้กลัวลนลานอย่างที่พวกเขาคาดคิด และยิ่งไม่มีท่าทีร้อนตัวกลัวความผิด
เห็นเยี่ยหวันหวั่นในสภาพนี้ เฝิงอี้ผิงมีสีหน้าดูถูกอย่างยิ่ง “หัวหน้าตระกูลเป็นตายไม่รู้ ก็ยังสวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาดขนาดนี้ สารรูปอะไรกัน!”
ซือหมิงหรงที่ไม่เอ่ยอะไรมาตลอดมองเยี่ยหวันหวั่นขึ้นลง สีหน้าก็ไม่น่าดูมาก กำลังจะเอ่ยปาก ซุนไป๋เฉ่ากับทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย
ซือหมิงหรงถาม “คุณหมอ หัวหน้าตระกูลพวกเราร่างกายเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนเข้าไปล้อมวงอย่างร้อนใจ แม้แต่ซือหมิงหรงก็เลิกสนใจเยี่ยหวันหวั่น และจับจ้องซุนไป๋เฉ่าไม่วางตา ดวงตาเต็มไปด้วยแววคาดหวัง
“ผู้ป่วยอยู่ในอาการหมดสติหลับลึก ลมหายใจเบาบาง สถานการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก พวกเรากำลังตรวจสอบหาสาเหตุ พวกคุณ…เตรียมใจรับผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดไว้ดีกว่าครับ…เรื่องที่ควรเตรียมก็ต้องเตรียมแล้ว…” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเตือนทางอ้อม
“นี่…”
นี่แทบจะเท่ากับตัดสินโทษตายให้พวกเขาเตรียมงานศพแล้ว!
เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนพลันแตกตื่นฮือฮา
ซือหมิงหลี่ตะโกนทันที “ใครก็ได้ จับผู้หญิงคนนี้ไว้! พาไปขังให้ดี ฉันจะสอบปากคำให้หนัก!”
ฉับพลันนั้นบอดี้การ์ดร่างใหญ่สองคนเดินมาทางเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าดุดัน
เยี่ยหวันหวั่นหันมองซือหมิงหลี่ด้วยแววตาเย็นเยียบ “ซือหมิงหลี่…”
ซือหมิงหลี่เลิกคิ้ว “ทำไม นายหญิงในอนาคตของพวกเรายังมีอะไรอยากพูดเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ผลวินิจฉัยสุดท้ายของหัวหน้าตระกูลยังไม่ออกมา ปู่สี่ก็กระพือข่าวลืออย่างแทบทนไม่ไหว คิดจะใช้อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัวกับฉัน! ถ้าสุดท้ายพิสูจน์ว่าฉันไม่ผิด ไม่รู้ปู่สี่ควรทำยังไง?”
สีหน้าของซือหมิงหลี่ไร้แววหวาดกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง หัวเราะออกเสียงในที่นั้น “ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยนะไม่ผิด? เวลาป่านนี้แล้ว ยังจะกล้าอวดดีหน้าไม่อายอีก!”
นอกเสียจากซือเยี่ยหานจะฟื้นจากความตายและกระโดดลงจากเตียงตอนนี้ เธอยังคิดว่าจะพ้นผิดอีก? น่าขำสิ้นดี!
ซือหมิงหลี่ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “ถ้าเธอไม่ผิด ฉันซือหมิงหลี่จะรับผิดชอบผลที่ตามมาทุกอย่างเอง!”
…………………………………..
บทที่ 874 อย่าขอร้องให้ฉันออกมา
เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองซือหมิงหรงกับผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ด้านข้าง “ปู่รอง แล้วก็ผู้อาวุโสทุกคนที่นี่ คำพูดเมื่อกี้ของปู่สี่ หวังว่าทุกคนจะเป็นพยานแทนฉันนะคะ”
พวกผู้อาวุโสตรงนั้นทำหน้าบึ้งตึง แววตาดูถูก ไม่ตอบรับการเล่นสำบัดสำนวนของเยี่ยหวันหวั่นแม้แต่นิดเดียว
ซือหมิงหรงมองตระกูลซือที่วุ่นวายในทุกวันนี้ เวลานี้เสียใจสุดซึ้งแล้ว ตอนนั้นเขาไม่ควรปล่อยให้หัวหน้าตระกูลทำตามใจเลย ถ้าจัดการผู้หญิงคนนี้เร็วหน่อย สถานการณ์ก็คงไม่กลายเป็นอย่างวันนี้
ถ้าตอนนั้นปลูกถ่ายอวัยวะ อย่างน้อยหัวหน้าตระกูลก็ยังอยู่ได้อีกสองสามปี…
ซือหมิงหลี่พูดจบก็เดินไปข้างกายซือหมิงหรง เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “พี่รอง ตอนนี้พี่สะใภ้ล้มป่วยแล้ว พี่รองก็ต้องดูแลฝั่งโรงพยาบาล เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้มอบให้ผมจัดการเถอะ! ผมจะสอบสวนผู้หญิงคนนี้ให้ละเอียดเอง!”
ซือหมิงหรงเหลือบมองซือหมิงหลี่ ไม่เอ่ยวาจา นับว่ายอมรับคำพูดของซือหมิงหลี่โดยนัยแล้ว
สวี่ฉางคุนเห็นซือหมิงหรงไม่ห้าม ก็รีบร้อนยืนขึ้นมา “ถึงตอนนั้นคุณหนูหวันหวั่นขัดขวางการผ่าตัดก็จริง แต่ก็เพราะคิดถึงสุขภาพของหัวหน้าตระกูล ตอนนี้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คาดเดาไม่ได้ ทำไมต้องยัดความผิดว่าวางแผนร้ายให้คุณหนูหวันหวั่นด้วย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้หัวหน้าตระกูลยังไม่ได้…”
“สวี่ฉางคุน!” ซือหมิงหลี่ยิ้มเย็นตัดบทเขา ตะคอกว่าเสียงดัง “แค่เพราะผู้หญิงคนนี้ช่วยลูกชายนายไว้ตอนนั้น แม้แต่คำพูดผิดศีลธรรมอย่างนี้นายก็พูดออกมาได้เหรอ”
สวี่ฉางคุนเอ่ย “ผมแค่แจกแจงความจริง!”
“ความจริงก็คือเธอล่อลวงหัวหน้าตระกูล ปองร้ายชีวิตหัวหน้าตระกูล ก่อเรื่องจนคนทั้งตระกูลเราเดือดร้อนไปหมด! ผู้หญิงคนนี้คือนักโทษของตระกูลซือ ไม่นึกเลยว่านายจะแก้ต่างแทนคนผิด!”
“ซือหมิงหลี่ คุณ…”
เยี่ยหวันหวั่นก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว ขวางสวี่ฉางคุนที่กำลังโกรธจัดไว้ จากนั้นชำเลืองมองซือหมิงหลี่ที่มีสีหน้าลำพองใจ เอ่ยปากเรียบๆ ว่า “ฉันเข้าห้องขังก็ได้ แต่ หวังว่าถึงตอนนั้นปู่สี่จะไม่ขอร้องให้ฉันออกมาล่ะ”
“ฮ่าๆๆ เหลวไหลทั้งเพ!” ซือหมิงหลี่หัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยามถึงที่สุด “คุณหนูเยี่ย ด้วยความผิดของเธอ ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังจะได้ออกมา!”
“พาตัวเธอไป!”
“ครับ!”
บอดี้การ์ดที่ผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวดสองสามคนพลันเข้ามาล้อมเยี่ยหวันหวั่น ก่อนจะพาตัวเธอไป
เมื่อเห็นว่าในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ในกำมือตัวเอง ซือหมิงหลี่เบิกบานใจอย่างยิ่ง อารมณ์ที่มืดมัวในหลายวันมานี้หายวับไปหมดเกลี้ยง!
นางสารเลว ยังกล้าคิดออกจากห้องขังตระกูลซืออีก ช่างไร้เดียงสาจริงๆ!
เนื่องด้วยสภาพของซือเยี่ยหานในตอนนี้อาจลาโลกได้ทุกเมื่อ พวกผู้อาวุโสตระกูลจึงรออยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยไม่กล้าไปไหน ส่วนซือหมิงหลี่ขันอาสาไปเตรียมงานศพล่วงหน้าแล้ว
…
ห้องขังตระกูลซือ
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเหยียบเข้าไป ความหนาวเสียดกระดูกก็โจมตีเข้ามา ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดเหนียวข้นคละคลุ้ง กลิ่นเชื้อราผสมกับกลิ่นของสนิมเหล็กชวนให้คนรู้สึกคลื่นไส้
“อ้ากกก—” ส่วนลึกของทางเดินมีเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจดังขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นเคยได้ยินเรื่องสถานที่นี้มาแล้ว ที่นี่กักขังคนทรยศตระกูล และสายลับของศัตรูที่แฝงตัวเข้ามาในตระกูลไว้ เป็นสถานที่ที่ดำมืดที่สุดของตระกูลซือ
เธอขี้ขลาดมาตั้งแต่เด็ก แถมยังกลัวเลือด ถ้าเป็นเมื่อก่อนมาเห็นภาพนองเลือดอย่างนี้ คงตกใจจนเป็นลมไปนานแล้ว แต่อาจเป็นเพราะมีประสบการณ์มามากมาย เวลานี้อารมณ์ของเธอจึงไม่สั่นคลอนอะไร
สองคนที่คุมตัวเธอมาเป็นคนสนิทของซือหมิงหลี่ เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้านิ่งค้าง ก็คิดแค่ว่าเธอตกใจจนสติหลุดไปแล้ว
หนึ่งในนั้นขู่เสียงเย็นว่า “กล้าปองร้ายแม้แต่หัวหน้าตระกูล คนพวกนี้ก็คือจุดจบหลังจากนี้ของเธอ!”
……………………..