ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 485 สังคมที่ไม่มีเงินทองและการแลกเ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 485 สังคมที่ไม่มีเงินทองและการแลกเปลี่ยน

หลังลงจากอุปกรณ์เคลื่อนย้ายแบบมีรางแล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยคือมหานครอันยิ่งใหญ่อลังการ

ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองล้วนทำมาจากโลหะผสมชนิดหนึ่งซึ่งส่องประกายแสงสีทอง สิ่งก่อสร้างภายในเมืองสูงตระหง่าน รูปทรงสิ่งก่อสร้างประดุจเจดีย์สูงทรงโค้งเรียบ ระหว่างสิ่งก่อสร้างเหล่านี้มีรางกับโครงสะพานสูงมากมายเชื่อมต่อระหว่างกัน และมีอุปกรณ์เคลื่อนย้ายซึ่งได้รับการสลักอักขระยันต์บนผิวนอกลอยตัวขึ้นจากพื้น และเคลื่อนไปบนรางกับโครงสะพานสูงเหล่านี้ไม่ขาดสาย

ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนที่แออัดเบียดเสียด ครั้นเดินลงจากสถานีรถของเมืองนี้พร้อมกับคนอื่น ๆ พวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคล้ายกับประตูทางออกไปสู่ท่าเมือง

“ทางนี้! ทางนี้!”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าท่าทางเป็นมิตรที่นั่งฝั่งตรงข้ามพวกเขาทั้งสองเมื่อสักครู่ บัดนี้กำลังกวักมือเรียกพวกเขาขณะยืนใกล้ประตูทางออก

ทั้งสองเดินไปหา และหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าก็เชิญชวนพวกเขาด้วยความเป็นมิตร

“ข้าจะไปร่วมพิธีบรรลุแล้ว ถ้าพวกเราร่วมเดินทางด้วยกันไปจนถึงที่นั่นคงจะดี”

ไป๋ชิวหรานตอบรับ ส่วนถังรั่วเวยแสดงท่าทีเชื่อฟังอาจารย์ไปเสียทุกอย่าง

ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงออกเดินทางร่วมกันอีกครั้ง โดยเดินออกจากประตูสถานีไปพร้อมกัน

ด้านนอกประตูทางออกคือเมืองชั้นนอกสุด ทว่ายังคงมีอุปกรณ์เคลื่อนย้ายขนาดเล็กอีกมากมายที่ขับเคลื่อนกันพลุกพล่าน ดูรุ่งเรืองยิ่งนัก บนพื้นคือถนนสายกว้าง โดยสองฝั่งถนนคือทางเดินเท้าและตลาดใต้ดิน

ด้านล่างของสิ่งก่อสร้างทรงเจดีย์สูงทรงโค้งเรียบที่อยู่สองฟากของถนนคือร้านค้านับไม่ถ้วนที่ตั้งเรียงราย

บางครั้งยังมองเห็นป้ายเรืองแสงขนาดใหญ่มหึมาใจกลางเสาหรือเจดีย์สูงได้ บนป้ายแสง คือภาพเคลื่อนไหวของหุ่นกลที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยเจตนาสู้รบ ที่กำลังคำรามราวกับกำลังกระตุ้นพลังของตนเอง ก่อนเอ่ยคำเชิญชวน

“ไม่เสียแรงที่เมืองเส้อหล่าซือเท่อเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดในไม่กี่เมืองของโลกวัตถุนี้!!”

หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าเดินไปพลางพูดไปพลาง

“ข้าได้ยินว่าขนมม่ายม่ายของที่นี่กรอบอร่อยเป็นพิเศษ อ๊ะ! พูดถึงก็เจอพอดี ด้านหน้ามีร้านขายขนมม่ายม่าย”

พูดจบ เขาก็เดินตรงไปทันที ด้านหน้าไม่ไกลนัก มีร้านขายขนมที่ทำจากแป้งสาลีตั้งอยู่ หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าเดินเข้าไปในร้านและคีบขนมแป้งสีเขียวอ่อนชิ้นหนึ่งออกมาจากตู้ โดยที่ยังไม่จ่ายเงิน เขาก็อ้าปากงับกินแล้ว

“อื้ม! อร่อยจริง ๆ ด้วย”

หนุ่มน้อยกัดไปคำใหญ่ จากนั้นก็เคี้ยวไปพลางพูดเสียงอู้อี้ไปพลาง

เพียงไม่กี่คำ หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าก็กินขนมแป้งชิ้นนี้จนหมด ครู่ถัดมา… จึงถามไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยว่าจะลองชิมสักแผ่นหรือไม่?

ทั้งสองปฏิเสธโดยบอกว่าตัวเองกินอิ่มแล้ว หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าจึงเดินออกมา และพาพวกเขาเดินไปข้างหน้า…หนุ่มน้อยไม่มีความคิดจะควักเงินออกมาจ่ายแม้แต่น้อย ส่วนร้านทางนั้นก็ไม่มีใครออกมารั้งเขาด้วยเช่นกัน

หรือว่าร้านขายของในอารยธรรมแห่งนี้สามารถหยิบกินได้ตามอำเภอใจเช่นนั้นรึ?

ไป๋ชิวหรานแอบตกตะลึงอยู่ในใจ ทว่าภายนอกยังคงแสดงสีหน้าราบเรียบ เขาหันไปมองที่ร้านค้าสักครู่ก่อนพบว่าในร้านมีคนผิวสีฟ้ามากมายเดินตรงเข้าไปในร้านแล้วคีบอาหารออกมากินเอง หลังกินเสร็จก็เช็ดมือเช็ดปาก เสร็จแล้วก็ออกร้านไป… โดยไม่มีใครจ่ายเงินแม้แต่คนเดียว

เขามองดูรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนพบว่าที่ร้านค้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเครื่องใช้ประจำวัน ร้านขายเครื่องดื่ม หรือว่าร้านขายเครื่องประดับราคาแพง จนกระทั่งร้านขายยุทธภัณฑ์ขนาดสั้น คนผิวสีฟ้าเพียงแค่เดินตรงเข้าไปเลือกสิ่งที่ต้องการ หยิบแล้วก็เดินจากไป

ราวกับว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องระบบเงินและการแลกเปลี่ยนเลยสักนิด?

ทว่าในร้านแห่งนั้นมีชาวผิวสีฟ้าจำนวนมากแต่งกายด้วยเครื่องแบบ เหมือนเป็นคนงานในร้าน ทว่าในบรรดาคนงานทั้งหมดกลับไม่มีพนักงานเก็บเงิน คนงานเหล่านั้นมีบทบาทเพียงแค่ต้อนรับและแนะนำสินค้าเท่านั้น

ดูเหมือนว่าพวกเขานึกอยากจะทำงานก็ทำ นึกอยากจะไม่ทำก็เดินจากไป ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้งที่ไป๋ชิวหรานมองเห็นภาพบริกรในร้านเดียวกันเดินเข้าไปหลังร้านในเวลาไล่เลี่ยกัน ครั้นถอดเครื่องแบบออกแล้ว ก็เดินจากไปอย่างสบายตัว

ราวกับว่าการออกมาทำงานเป็นคนงานเป็นเพียงแค่สีสันในชีวิตเท่านั้น คล้ายกับว่าที่บ้านของคนพวกนั้นมีบ้านให้เช่าหลายหลัง มีกินมีใช้ ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย บางครั้งเบื่อ ๆ ก็ออกมาหางานทำบ้าง

โดยปกติแล้ว มนุษย์ในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินหางานทำเพื่อความอยู่รอด แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ความหมายของการหางานทำนั้นเพียงเพื่อ ‘หาอะไรทำแก้ว่าง’ เท่านั้น

แต่ดูเหมือนว่าคนเผ่าพันธุ์ผิวสีฟ้าทั้งเผ่าล้วนมีสภาพการใช้ชีวิตเหมือนกันทั้งหมด

หลังเห็นเช่นนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานก็ยังต้องยอมรับนับถือแสดงความชื่นชม ต่อให้เป็นแดนเซียน ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตได้เทียบเท่าคนผิวสีฟ้าเช่นนี้

หากดำเนินชีวิตเช่นนี้ได้ ย่อมหมายความว่ากำลังในการสร้างปัจจัยต่าง ๆ ของสังคมทั้งหมดจะต้องอยู่ในระดับที่ล้นเกินอย่างมาก อีกทั้งคุณธรรมกับความคิดของผู้คนทั้งหมดจะต้องอยู่ในระดับสูงมาก

ไม่เช่นนั้น ต่อให้มีกำลังในการสร้างปัจจัยสูงสักแค่ไหน ก็ยังคงมีคนคิดจะยึดเอาของทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของส่วนตนอยู่ดี เพราะอย่างไรเสีย… ความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีขีดจำกัด

ใช่ว่าไป๋ชิวหรานไม่เชื่อในสันดานของมนุษย์… เขาคิดว่าสันดานมนุษย์แรกเริ่มนั้นดีงาม แต่ก็แฝงด้วยความชั่วร้าย ทารกใกล้ชิดกับบิดามารดาของตัวเอง แต่ก็สามารถฆ่าแกงทำร้ายแมลงตัวเล็ก ๆ ได้โดยไร้ความรู้สึกผิดเช่นกัน

คลุมเครือซับซ้อน มีร้ายมีดี …จึงจะเป็นสันดานมนุษย์ เช่นเดียวกับที่ต้นไม้ใหญ่ย่อมต้องมีกิ่งแห้ง คนหมู่มากย่อมต้องมีคนโฉดชั่ว ด้วยเหตุนี้ หากจะให้ไป๋ชิวหรานเชื่อว่าเป็นเพราะมีหลักคุณธรรมความดีเป็นเลิศจึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนผิวสีฟ้าเหล่านี้เป็นไปด้วยความสมัครสมาน สู้เชื่อว่าเป็นเพราะมีพลังบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่ากำหนดกฎเกณฑ์และบังคับพฤติกรรมของพวกเขาน่าจะเหมาะกว่า

อีกทั้งมนุษย์ผิวสีฟ้าเหล่านี้ไม่ต้องทำงาน …ดังนั้นคำถามต่อไปคืออารยธรรมนี้ไปเอากำลังการผลิตที่สูงถึงเพียงนี้มาจากไหน?

ไป๋ชิวหรานเริ่มเข้าใจรูปแบบการปกครองของมหาเทพหุ่นกลอย่างคร่าว ๆ เพียงแต่ยังมีอีกหลายด้านที่เขายังไม่เห็น ดังนั้นจึงยังไม่รีบร้อนด่วนสรุป

ไม่ว่าจะอย่างไร ลำพังเพียงแค่มาตรฐานชีวิตของมนุษย์ผิวสีฟ้าเหล่านี้ก็เพียงพอให้เป็นกรณีศึกษาของแดนเซียน อีกทั้งต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้อีกหลายหมื่นปี

สถานที่จัดพิธีบรรลุคือชั้นบนสุดของเมืองแห่งนี้ ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยไปที่ร้านขายอุปกรณ์เคลื่อนย้ายส่วนบุคคลพร้อมกับหนุ่มน้อยผิวสีฟ้า ถอยอุปกรณ์เคลื่อนย้ายมา และขับมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานพิธีบรรลุตามรางรถและโครงสะพานสูง

ทว่าดูหนุ่มน้อยผิวสีฟ้าคนนี้ไม่ค่อยจะรีบร้อนมากนัก เขาเองก็สนอกสนใจเมืองเส้อหล่าซือเท่อแห่งนี้มากเช่นกัน ทั้งสามหยุดแวะระหว่างทางเป็นพัก ๆ หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าเที่ยวชมทุกสถานที่ที่แวะผ่าน ส่วนไป๋ชิวหรานก็หยิบทุกอย่างที่มีอักขระยันต์สลักอยู่มาติดตัวเช่นกัน

คล้ายกับว่าอารยธรรมนี้จะกำหนดไว้ว่าห้ามทำลายสินค้าที่ ‘ซื้อ’ จากร้านค้าโดยเจตนา ทว่าไป๋ชิวหรานไม่สนใจข้อกำหนดเหล่านี้ เวลาที่หนุ่มน้อยผิวสีฟ้าเผลอ เขาก็จะแกะทุกสิ่งทุกอย่างออกมาโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เพื่อศึกษาอักขระยันต์ภายใน คำเตือนและข้อกำหนดที่ระบุไว้บนสินค้าไม่มีผลอะไรกับเขาเลย

หลังจากที่ไป๋ชิวหรานแอบแงะทุกอย่างที่แงะได้ออกมาจนหมดท่ามกลางสายตารังเกียจของถังรั่วเวย อุปกรณ์เคลื่อนย้ายก็มาถึงชั้นบนสุดของเมืองนี้

รางรถกับสะพานคดเคี้ยวนับไม่ถ้วนรวมผสานกันเป็นวงเวียนขนาดมหึมาบนชั้นสูงสุดใจกลางเมือง บนวงเวียนเต็มไปด้วยผู้คนผิวสีฟ้าจากโลกวัตถุแห่งนี้ ทว่าท่ามกลางฝูงชน มีเวทีสูงแห่งหนึ่งตั้งอยู่ โดยมีหุ่นกลสีทองตัวโตจำนวนหนึ่งยืนอยู่ด้านบน

และนั่นคือสถานที่จัดพิธีบรรลุ!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว! ‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ! เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย! ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท