ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 566 ไป๋โม่เสวี่ยแข็งแกร่งแล้ว

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 566 ไป๋โม่เสวี่ยแข็งแกร่งแล้ว

บทที่ 566 ไป๋โม่เสวี่ยแข็งแกร่งแล้ว

ขอบเขตใหม่นี้ดูเหมือนจะมีเพียงขั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น ไป๋ชิวหรานเปิดเส้นทางไร้สิ้นสุดแทบจะมองไม่เห็นสำหรับผู้ฝึกตนไว้แล้วในอนาคต

สิ่งนี้เป็นพรสำหรับผู้ฝึกตนทั้งหมด เพราะพวกเขาไม่ต้องกังวลว่าเส้นทางฝึกฝนจะสิ้นสุดลง และเส้นทางที่ไป๋ชิวหรานสร้างไว้นั้นหลากหลาย โลกสามารถควบแน่นเป็นผลึกพลังงานได้เพื่อให้ผู้ฝึกตนสามารถรับประโยชน์มากมายจากมัน

อย่างเช่นคุณสมบัติของผลึกพลังงาน หรือการใช้คริสตัลพลังงานเพื่อจัดการกับค่ายอาคมและสิ่งอื่น ๆ

ไป๋ชิวหรานพอใจมากที่จะกำหนดชื่อขอบเขตนี้ว่า ‘ขอบเขตธาราสุญตา’ และคิดมอบขอบเขตนี้ให้กับไป๋ซวี่เซียงและหลีจิ่นเหยา

และหลังจากนั้นไม่นานที่เขาสรุปพลังภายในขอบเขตของธาราสุญญตานี้เสร็จสิ้น ไป๋โม่เสวี่ยก็จะถูกสั่งสอนจากเขาด้วยเช่นกัน

ในอดีต ไป๋โม่เสวี่ยเป็นคนขี้ขลาดและกล่าวคำอ่อนโยนเสมอ เพราะถูกมารดากักขังไว้ในห้องส่วนตัวทั้งยังต้องสวมกระโปรง อีกทั้งยังถูกพี่สาวรังแกด้วยวิธีการต่าง ๆ

แต่ตอนนี้ไป๋โม่เสวี่ยเผยความเป็นผู้ชายใบหน้าเคร่งขรึม ใบหน้ามั่นคงมากขึ้นและคำพูดไม่เหมือนยุงอีกต่อไป เขากล่าวคำได้ตรงไปตรงมาและชัดเจน

ไป๋ชิวหรานพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก แม้ไป๋โม่เสวี่ยจะไม่ได้รับการสั่งสอนให้เป็นบุรุษในจินตนาการของเขา แต่ก็ถือว่าเขาคือต้นกล้าของบุรุษที่แท้จริง ในเวลานี้ไป๋โม่เสวี่ยเลิกหวาดกลัวสัตว์ประหลาดภายในสำนักเหอฮวน ทั้งสตรีและสัตว์ตัวเมียในป่าจะไม่สามารถปฏิบัติกับเขาด้วยการข่มเหงได้อีก เขาสามารถกล่าวคำว่า ไม่! และทุบอีกฝ่ายด้วยกำปั้นได้

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้ไป๋โม่เสวี่ยควบคุมพลังมนต์เสน่ห์ของตนให้ดีขึ้น ไป๋ชิวหรานไม่เพียงดัดแปลงย่างก้าวภูตพรายของมารดาเพื่อสั่งสอนเขา แต่ยังฝึกฝนให้บุตรชายผู้นี้สร้างอาวุธวิเศษอีกด้วย

รูปร่างของอาวุธวิเศษคือแว่นตาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ชิวอวี้ซวน เจ้าสำนักเสวียนฝ่า

เมื่อไป๋โม่เสวี่ยสวมแว่นตานี้ มนต์เสน่ห์ของเขาจะถูกปิดกั้นไว้โดยสมบูรณ์ และเนื่องจากแว่นตานี้ปิดใบหน้าของเขาไปเกือบครึ่ง ดังนั้นในสายตาผู้อื่นจะมองเห็นไป๋โม่เสวี่ยในฐานะบุคคลสามัญ มิใช่ตกตะลึงอีกต่อไป!

ด้วยพลังของอาวุธวิเศษนี้ ในที่สุดไป๋ชิวหรานจึงสามารถผ่อนคลายจิตใจได้ เขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องส่งไป๋โม่เสวี่ยไปที่ชั้นเรียนของเทพีซีเหอ

เหตุผลที่เขาไม่ยอมให้บุตรชายไปก่อนหน้านี้เพราะเขากลัว ไม่ใช่ไป๋ชิวหรานไม่สามารถวางใจเทพีซีเหอและอีกาสามขาได้ ทั้งสองเป็นถึงเซียนในยุคโบราณ และพวกเขาจะไม่ถูกใบหน้าของไป๋โม่เสวี่ยล่อลวงแน่นอน … แต่อีกาสามขาและเทพีซีเหอมีสาวรับใช้มากมายที่คอยดูแลเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของทุกคน

สาวใช้เหล่านั้นล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาจากแดนเซียนทางใต้ พวกเขายังมีระเบียบการปฏิบัติในการดูแลชีวิตประจำวันของอีกาสามขา สำหรับสาวใช้ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาเข้ามาหารายได้เสริมหลังจากออกการการฝึกฝนที่ยาวนาน

และในบรรดาสาวใช้เหล่านี้ มีหลายคนที่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างเข้มงวด และบางคนก็ไม่ใช่เซียน ขอบเขตของพวกเขาไม่ต่างอะไรจากอาวุโสของสำนักต่าง ๆ ภายในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน แน่นอนว่าเขาจะต้องหลงเสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ย และไป๋โม่เสวี่ยไม่อาจเอาชนะพวกนางได้

ท้ายที่สุดเทพีสามขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และเทพีซีเหอไม่ได้อาศัยอยู่กับเด็กทั้งสองตลอดเวลา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลพวกเขาตลอด สำหรับอาจารย์ของไป๋ชิวหราน ไป๋ชิวหรานไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะสำนักกระบี่ชิงหมิงนั้นมักจะให้อิสระกับบุตรของครอบครัวอื่นเสมอ

ดังนั้นจึงมีสักช่วงเวลาหนึ่งที่จะไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ไป๋ซวี่เซียงและไป๋โม่เสวี่ย

สำหรับไป๋ซวี่เซียง ไป๋ชิวหรานและเจียงหลานไม่ต้องกังวล นางเกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติและเก่งกาจจนสามารถรังแกผู้อื่นได้ แต่ไป๋โม่เสวี่ยไม่ได้ทรงพลังมากเท่ากับพี่สาวของตน อีกทั้งยังมีบุคลิกที่ขี้ขลาด มันง่ายที่จะเพลี้ยงพล้ำ และสิ่งที่ไป๋ชิวหรานกับซูเซียงเสวี่ยหวาดกลัวคือบุตรของตนจะไม่กล้าเอ่ยปากเมื่อตนเองถูกเอาเปรียบ

แต่เวลานี้ไม่มีปัญหาแล้ว เสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ยถูกวัตถุเวทลักษณะคล้ายแว่นตาปิดผนึกเอาไว้ โดยปกติแล้วมันสามารถลดทอนพลังลงไปได้มาก แม้จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ด้วยนิสัยปัจจุบันของไป๋โม่เสวี่ย เขาจะต่อต้านสิ่งนั้นอย่างกล้าหาญและไม่ลังเล ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นชายหรือหญิง ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

นี่เป็นเหตุผลจากการที่ไป๋ชิวหรานพาเขาไปฝึกฝนภายในโลกวัตถุต่าง ๆ เพื่อเอาชนะสิ่งมีชีวิตมากมาย

หลังจากที่สถานการณ์เป็นไปอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงพาบุตรชายกลับบ้าน

เมื่อเปิดประตูลานสำนักเหอฮวน ไป๋ชิวหรานเห็นว่าถังรั่วเวยและเจียงหลานที่อยู่ภายในสถานที่ทดลองของเทพจักรกลเพื่อศึกษาร่างของนางพญาแมลงกลับมาแล้ว พวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่ภายในสนาม

จากการสนทนา ไป๋ชิวหรานได้ยินพวกเขากล่าวถึงแมลงมากมาย ดูเหมือนถังรั่วเวยและเจียงหลานเพิ่งกลับมาถึงบ้าน และไป๋ชิวหรานกับไป๋โม่เสวี่ยก็กลับมาถึงในเวลาเดียวกัน

“โอ้ ท่านอาจารย์กับโม่เสวี่ยกลับมาแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดออก เจียงหลานและถังรั่วเวยหยุดพูดก่อนจะหันศีรษะมามอง เมื่อเห็นว่าไป๋ชิวหรานและโม่เสวี่ยยืนอยู่ที่ประตู นางรีบวิ่งมาหาไป๋โม่เสวี่ยด้วยความยินดี

“หืม? โม่เสวี่ย เจ้าไปเอาแว่นนี้มาจากที่ใด น่าเกลียดนัก… พอเจ้าใส่มันแล้ว จึงไม่น่ารักเช่นเดิม”

“เจ้าไม่รู้อะไร นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยม!”

ไป๋ชิวหรานเคาะศีรษะศิษย์ของตนด้วยกำปั้น

“กลับมาแล้วหรือ เรียนจบแล้วหรือไร?”

“จบแล้ว!”

ถังรั่วเวยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“สตรีผู้นี้ได้ทะลวงผ่านอีกระดับหนึ่งแล้ว และเข้าสู่ขอบเขตแคว้นโฮ่วถู… ท่านอาจารย์ ท่านคงต้องใช้เวลามากกว่าจะตามทันสตรีผู้นี้ได้ ข้าคิดแล้ว… เกรงว่ามันจะต้องใช้เวลามากกว่าสองหมื่นปี!”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมรสกำปั้นไปแล้ว?”

ไป๋ชิวหรานคว้าถังรั่วเวยก่อนจะยัดเข่าเข้าไปที่เอวของนาง และส่งนางลอยไปสู่สะพานเหล็กด้านนอกโดยตรง

“ท่านอาจารย์ ข้าเจ็บ! พอได้แล้ว!”

ถังรั่วเวยดิ้นรนอย่างอ่อนแรง

“เอวข้าจะหักแล้ว!”

“จะหักแล้ว? หึ อย่างไรแล้วเจ้าโชคดีที่การหลอมร่างกายมาถึงระดับที่สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาที่ดีที่อาจารย์จะช่วยเจ้าจัดระเบียบร่างกายเสียใหม่”

ทั้งอาจารย์และศิษย์ต่อสู้กัน ไป๋โม่เสวี่ยเดินผ่านบิดาของเขาไปอย่างใจเย็น

“ท่านแม่เจียงหลาน พี่หญิง ข้ากลับมาแล้ว”

เขาทักทายเจียงหลานและไป๋ซวี่เซียงอย่างสุภาพ จากนั้นก็จับมือของพี่สาวเอาไว้

“พี่หญิง แม้เราจะเป็นพี่น้องกัน แต่ข้าก็อยากบอกว่าได้โปรดอย่าเอาหนอนยัดใส่กระเป๋าของข้าอีก แม้ตอนนี้ข้าจะไม่กลัวมันแล้ว แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะขยะแขยง”

“หนอน?”

เจียงหลานดุทันทีหลังจากได้ยินเช่นนั้น

“เจ้าตัวแสบ มานี่เลย!”

ไป๋ซวี่เซียงเผยมือของตนออกจากรอยแยกของมิติอย่างรวดเร็ว และฝ่ามือนั้นจับกุมแมงป่องตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเข็มพิษ

แต่นางถูกคว้าเอาไว้โดยมารดา หลังจากเจียงหลานสั่งสอนบทเรียนให้กับนางเสร็จแล้ว นางจึงกลับมาหาน้องชายพร้อมเขย่งเท้า

“เด็กน้อย เจ้าเริ่มแข็งแกร่งแล้วหรือยัง?”

ไป๋ซวี่เซียงลูบศีรษะของน้องชาย ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนไหวเข้าหาเขาพร้อมเขย่งเท้า

“ดูเหมือนเจ้าจะสูงขึ้น”

หลังจากเห็นว่าน้องชายสูงกว่าแล้ว ไป๋ซวี่เซียงก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

“อืม ภายใต้การฝึกของท่านพ่อ ข้าโตแล้ว และแข็งแกร่งขึ้น!”

ไป๋โม่เสวี่ยขยับแว่นตาก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น

“เช่นนั้นโปรดหยุดกลั่นแกล้งข้า เรามาเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันจะดีกว่า!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว! ‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ! เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย! ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท