ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 94 รินชาให้เขา (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่94 รินชาให้เขา (2)

เป้าหมายของหญิงสาวนางนี้คือเขาอย่างไม่ต้องสงสัย รอยยิ้มของไป๋หลี่เย่ยิ่งเผยชัดเจนยิ่งขึ้น ชั่วขณะต่อมา เขาคิดแผนหนึ่งได้ในทันใด ทันทีที่เขายื่นมือไปหยิบถ้วยชาที่นางส่งมอบมาให้ เขาจะพาอีกฝ่ายเข้ามาโอบกอดในอ้อมแขนให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ

ในเมื่อนางเป็นฝ่ายริเริ่มโปรยเสน่ห์ยั่วยวนก่อน เขาเองก็ขอรับไว้โดยไม่เกรงใจเช่นกัน

เมื่อเห็นหญิงสาวนางนั้นเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไป๋หลี่เย่ก็ยิ่งเสาะเห็นว่า นางคนนี้น่ารักงดงามเพียงใด ถึงขั้นที่ว่าภายในใจของเขาตอนนี้ไม่สามารถระงับความกระวนกระวายได้อีกต่อไป ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเดินมาถึงด้วยซ้ำ ไป๋หลี่เย่ยื่นมือออกไปรอรับชาถ้วยนั้นก่อนโดยไว ทว่าสุดท้ายนางกลับเดินถือถ้วยชาในมือผ่านหน้าอีกฝ่ายไปโดยไม่ไยดี ทั้งนี้ยังเดินก้าวต่อไปอย่างมั่นคง

ฉีหมิงเยว่สบสายตาเป็นประกาย จับจ้องไปที่เซี่ยหลู่เฟิงที่อยู่รั้งท้ายสุดของกลุ่มไป๋หลี่เย่ เผยรอยยิ้มบางขึ้นปรากฏบนมุมปากของนาง ถือถ้วยชาในมือแน่น ภายใต้ทุกสายตาที่เหม่อมองด้วยความประหลาดใจ นางก้าวย่างทีละน้อย ยิ่งเข้าใกล้เซี่ยหลู่เฟิงมากเท่าไหร่ ใจดวงนี้ของนางยิ่งสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ

ในตอนแรกสุด ฉีหมิงเยว่ตั้งใจจะส่งชาถ้วยนี้ให้แก่ไป๋หลี่เย่ ทั้งหมดก็เพื่อแผนการของย่าเฟิงในการกอบกู้จักรวรรดิ แต่หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวของเซียถง นางก็ตาสว่างในที่สุด มองเห็นว่าอะไรคืออะไร สิ่งใดกันแน่ที่ใจของนางต้องการ และสิ่งใดกันแน่ที่ฝืนใจนางเหนี่ยวรั้งอยู่ตลอด ดั่งโซ่พันธนาการที่มีชื่อว่า‘การกอบกู้จักรวรรดิ’ได้ขาดสะบั้นลงแล้ว นางในตอนนี้เป็นอิสระและสิ่งเดียวที่ต้องการคือการเดินไปหาชายคนนี้ เซี่ยหลู่เฟิง

ฉีหมิงเยว่ยื่นถ้วยชาให้ต่อหน้าเซี่ยหลู่เฟิง พร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยนประดับแช่มใบหน้าสดใส เซี่ยหลู่เฟิงในเวลานี้ตื่นตระหนกมิใช่น้อย โค้งคำนับแก่นางให้ทีหนึ่ง และรับชาถ้วยนั้นด้วยสองมือ ก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณเป็นพิธี

ฉีหมิงเยว่ส่ายหัวเล็กน้อยเชิงบอกว่า ไม่ต้องเกรงใจ จากนั้นก็ส่งยิ้มหวานดั่งสายลมอบอุ่นยามฤดูร้อน

ไป๋หลี่เย่หันศีรษะขวับจับจ้องภาพฉากนี้ สีหน้าการแสดงออกดูมืดหม่นน น่ากลัวเป็นอย่างมาก มีม่านหมอกชั้นหนาปรากฏขึ้นทั่วทั้งม่านตา หม่นประกายแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง สาวน้อยนางนี้กล้าดีอย่างไรที่มาเพิกเฉยต่อตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งชาถ้วนนั้นให้กับเซี่ยหลู่เฟิงที่เป็นเพียงองค์รักษ์ใต้บัญชาของเขาทั้งแบบนี้?

นี่ทำให้ไป๋หลี่เย่โมโหอย่างยิ่งยวด

บังอาจทำให้องค์รัชทยาทผู้นี้ต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชน เขาไม่มีวันปล่อยพวกมันทั้งคู่ไปแน่นอน!

“ยื่นมือรอเก้อเช่นนั้น คงไม่เมื่อยกระมัง?”

ไอ้เจ้าไป๋หลี่เย่มันคิดจริงๆรึว่า ฉีหมิงเยว่รินชาให้ตัวมัน? สุดท้ายด้วยความมั่นหน้ามั่นใจสุดขั้วของมันเอง ถึงขนาดยื่นมือออกไปรอรับ แต่อีกฝ่ายกลับเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส และส่งชาถ้วยนั้นให้เซี่ยหลู่เฟิงที่อยู่ด้านหลังมันไปแทน การโดนหักหน้าชนิดหยิบมีดมาแทงกันให้ตายยังน่าอายน้อยกว่าเช่นนี้ เซียถงเห็นแล้วมีความสุขสำราญใจยิ่งนักแล้ว ทั้งนี้เอง พอสังเหตเห็นว่าไป๋หลี่เย่ยังยกมือรอค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแบบนั้น นางก็อดเปล่งเสียงหัวเราะเยาะขึ้นมิได้

ทันทีที่ทุกคนได้ยินเซียถงเอ่ยกล่าวออกมาดังนั้น ทุกคนก็พึงตระหนักได้ทันทีว่า มือข้างขวาของไป๋หลี่เย่ยังคงยื่นออกมาค้างเติ่งเพื่อรอรับชาถ้วยนั้นอยู่กลางอากาศจริงๆ เสียงหัวเราะระเบิดลั่นดังสนั่นขึ้น ไป๋หลี่เย่รีบชักมือกลับโดยไวด้วยความอับอายสุดขีด หรี่สายตาแคบจ้องไปทางเซียถงตาเขม็ง สีหน้าบูดบึ้งมีแต่ความขมขื่น

ชั่วขณะ ไป๋หลี่เย่หันไปเห็นเซี่ยหลู่เฟิงที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่ม เขารู้สึกหงุดหงิดใจเสียเหลือเกินกับภาพฉากนี้ เพียงหนึ่งความคิดเคลื่อนขยับ เขาสะบัดแขนเสื้อตัดผ่านห้วงเวลาดังฉับ ส่งคลื่นพลังคมเคี้ยวสีครามอ่อน ฟันฟาดถ้วยชาแตกคามือของเซี่ยหลู่เฟิงในพริบตา ก่อนจะเลื่ออสายตาจับจ้องฉีหมิงเยว่ด้วยความโกรธ

เสียงแตกดัง‘ชวิ้ง’ ถ้วยชาถูกผ่าครึ่งเป็นสองซีก น้ำชาหอมไหลนองไปทั่วพื้น ฉีหมิงเยว่สะดุ้งเฮือก ร่นถอยออกมาสองก้าวเจือแววตกใจ

สังเกตเห็นว่าสีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่ไม่ค่อยสู้ดันัก เซี่ยหลู่เฟิงจึงก้าวเท้าย่างออกไปตรงหน้า ยืนเคียงข้างฉีหมิงเยว่ จับจ้องไปที่องค์รัชทยาทของเขาฉายแววฉงนกล่าวว่า

“ข้าน้อยมิทราบว่าพึงกระทำสิ่งใดให้องค์รัชทายาทขุ่นเคือง?”

“ข้าผู้นี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อได้เห็นชาถ้วนนั้น”

ไป๋หลี่เย่เหลือบหางตามองส่อท่าทีแสนหยิ่งผยองออกมา ก่อนจะหันไปมองฉีหมิงเย่ที่อยู่เคียงข้างอีกฝ่าย กล่าวขึ้นน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

“ข้าผู้นี้รู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย รบกวนเจ้ารินชาให้สักถ้วย”

ฉีหมิงเยว่ถึงกับหนย้าถอดสีซีดเซียว จำใจพยักหน้าตอบไป๋หลี่เย่กลับไป จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปที่ศาลาหลังเดิมทันที เซี่ยหลู่เฟิงเหม่อมองทุกย่างก้าวที่ฉีหมิงเยว่เดินกลับไปยังศาลา ใจหนึ่งต้องการจะหยุดนางเอาไว้ แต่เมื่อตระหนักถึงสถานะของตนกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่ สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ

ฉีหมิงเยว่เดินเข้าไปในศาลา หยิบถ้วยชาเปล่าอีกอันที่เตรียมมา และเริ่มรินน้ำชาในกาลงไป เหมือนว่าครั้งนี้จะปราศจากความบรรจงหรือประณีตใดๆ นางเทน้ำชาลงในถ้วยโดยตรง ส่งผลให้ไอน้ำทะลักล้นลอยออกมาจากถ้วยมากเกินไป จนปกคลุมไปกว่าครึ่งร่าง ยกมือปัดไม่หวาดไม่ไหว ทว่าภาพฉากของนางสำหรับผู้คนในมุมมองภายนอก ใครเห็นก็ว่าสง่างาม โฉมสะคราญองเอวบิดพลิ้วดูเย้ายวน จนแล้วจนรอด ไป๋หลี่เย่ไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้ไหว รีบเดินติดตามเข้าไปในศาลาโดยไว เข้าไปโอบกอดนางจากข้างหลัง กายทั้งสองแนบชิดติดกัน เขาเอื้อมมือข้างขวาออกไปคว้าข้อมือเรียวสวยสีขาวผ่องประดุจหิมะของฉีหมิงเยว่เอาไว้แน่น

“สาวน้อย ไฉนเราสองถึงไม่ไปหาสถานที่เงียบๆ นั่งชื่นชมรสชาติของชาหอมที่เจ้ารินให้ล่ะ?”

ผิวพรรณของสาวน้อยนางนี้เรียบเนียนนุ่มนิ่มเหลือเกิน กลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของร่างกายหญิงสาวแรกแย้มช่างหอมรัญจวนใจเกินจะหักห้ามใจไหว ชั่วขณะอึดใจ ไป๋หลี่เย่บังเกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้นทันทีภายในหัว

ฉีหมิงเยว่ถึงกับหน้าถอดสีซีดเผือด ขวัญผวาหวาดกลัวสุดขีด

พอพบเห็นภาพฉากนี้เข้า สีหน้าของเซี่ยหลู่เฟิงพลันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังกระวนกระวายใจว่า จะหยุดไป๋หลี่เย่อย่างไรดี ชั่วพริบตาต่อมา เขาก็เห็น เซียถงหยิบกาน้ำชาอัญมณีสีทับทิมใสขึ้นมาจากบนโต๊ะ จากนั้นก็ยกขึ้นฟาดใส่ใบหน้าของไป๋หลี่เย่สุดแรงเกิด

ส่งผลให้น้ำชาร้อนระอุในกาสาดกระเด็นราดทั่วทั้งใบหน้าของอีกฝ่าย ไป๋หลี่เย่สะดุ้งเฮือกกระโดดโหย่งออกจากร่างของฉีหมิงเยว่ทันทีด้วยความตกใจสุดขีด เสมือนสุนัขสะดุ้งน้ำร้อน สาดสายตาจับจ้องเซี่ยถงตาเขม็งด้วยความโกรธจัด

“เซียถง! เจ้าบ้าไปแล้วรึ?!”

ไป๋หลี่เย่ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของตนเองที่พองบวมสีแดงก่ำจากที่โดนชาร้อนลวกเมื่อครู่ ชี้หน้าด่ากราดใส่เซียถงที่กำลังถือกาน้ำชาอยู่

“ต้องขออภัยองค์รัชทยาทอย่างสุดซึ้ง พอดีเมื่อครู่ข้ามือลื่น…”

เซียถงเหลือบหางตามองดูกาน้ำชาอัญมณีสีทับทิมใสในมือเล็กน้อย พลางคิดในใจกับตัวเองว่า สมแล้วที่เป็นกาน้ำชามูลค่าแพง หวดใส่หน้าคนไปตั้งแรงยังไม่แตกเลย

ไป๋หลี่เย่เพ็งสายตามองเซียถงใส่อย่างเดือดดุ ไม่ว่าจะมองยังไง นังอัปลักษณ์นี่ก็จงใจแน่นอน! เฝ้าระแวดระวังอีกฝ่ายที่ปราศจากความกลัวต่อตัวเขา ด้วยเพลิงความแค้นอาฆาตทั้งเก่าและใหม่ที่ล้นปรี่ภายในใจ เขาวางมือลงบนตัวกระบี่ตั้งท่ากระชับจับโดยมิตั้งใจ

“เรียนองค์รัชทยาท เกรงว่าคงจะคิดถึงรสชาติของน้ำข้าวต้มตอนนอนติดเตียงกระมัง?”

เซียถงเอ่ยถามน้ำเสียงสงบนิ่ง แลหางตางจับจ้องมือทั้งสองข้างของไป๋หลี่เย่ที่จับกระชับด้ามกระบี่ เตรียมพร้อมออกโรงสัประยุทธ์

ผู้ติดตามที่อยู่เบื้องหลังไป๋หลี่เย่ รีบชักอาวุธคู่กายของแต่ละคนออกมา รัศมีลมปราณสีครามอ่อนสว่างวูบวาบ มุ่งจิตสังหารหลากหลายสายตรงไปที่เซียถง ทันทีที่องค์รัชทยาทสั่งให้ลงมือ พวกเขาก็พร้อมฆ่านางทิ้งได้ในอึดใจ

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท