ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 226 ต้อนรับสู่จักรวรรดิซีฉิน (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่226 ต้อนรับสู่จักรวรรดิซีฉิน (2)

ตอนที่226 ต้อนรับสู่จักรวรรดิซีฉิน (2)

เผชิญพบกับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิซีฉินที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ สีหน้าของฝ่าบาทแห่งตงหลี่ก็บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งยวด ใครที่นั่งร่วมโดยสารอยู่ในเกี้ยวมังกรทองคำย่อมทราบในทันทีว่า เขากำลังอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำเป็นมิได้สังเกตเห็นอะไร ต่างคนต่างชะโงกหน้ามองความคึกครืนในเมืองซีเยว่แห่งนี้ผ่านหน้าต่าง

เกี้ยวมังกรทองคำหยุดลงตรงหน้าโรงเตี้ยมสุดหรูที่สูงถึงห้าชั้น หลังจากทยอยลงจากเกี้ยวเสร็จสรรพ ก็มีนักการทูตคนหนึ่งกำลังยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าทางเข้าโรงเตี้ยม เป็นชายหนุ่มแต่งกายสุภาพเรียบร้อย คงไว้ซึ่งกิริยามารยาทอันสง่างดงาม

นักการทูตแห่งตงหลี่เหลือบสายตามอง ปั้นสีหน้าหยิ่งผยองสูงส่ง ส่วนมือทั้งสองข้างไพล่หลัง เปล่งน้ำเสียงเย็นชาเอ่ยปากถามนักการทูตหนุ่มน้อยตรงหน้าขึ้นว่า

“แล้วจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซีฉินอยู่ไหนรึ? เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ฝ่าบาทของเรามิได้พานพบ คงสบายดีกระมัง?”

นักการทูตหนุ่มคนนั้นมีนามว่า ชิงเยวี่ย โค้งศีรษะคำนับลงเล็กน้อย กล่าวตอบอย่างนอบน้อมว่า

“ฝ่าบาทและอัครมหาเสนาบดีของเรากำลังประชุมหารือเรื่องเก็บภาษีในปีนี้อยู่ เกรงว่าจะไม่สามารถหาเวลาว่างมาพบได้ เช่นนั้นเอง ฝ่าบาทจึงส่งข้าพเจ้าเพื่อมาต้อนรับพวกท่านที่นี่”

บนสีหน้าของชายหนุ่มถึงแม้จะดูสุภาพ แต่ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยของความภาคภูมิ

นี่ถือเป็นการหยามเกรียติกันอย่างเห็นได้ชัด!

ฝ่าบาทแห่งตงหลี่จ้องหน้าชิงเยวี่ยระยะเผาชน สีหน้าการแสดงออกดูโกรธเกรี้ยวไม่พอใจชัดเจน

วานให้ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จากไหนมิทราบมาต้อนรับจักรพรรดิแห่งตงหลี่เฉกเช่นนี้ เป็นที่ชัดแจ้งว่า อีกฝ่ายมิได้ไว้หน้าและให้ความสำคัญกับจักรวรรดิตงหลี่จริงจังเท่าไหร่นัก และยิ่งนำมาผนวกรวมกับวาจาคำพูดของทูตหนุ่มคนนี้ สีหน้าการแสดงออกของทุกคนที่อยู่เบื้องหลังของฝ่าบาทแห่งตงหลี่ถึงกับแปรเปลี่ยนไป

“ไม่มีใครในวังซีฉินสั่งสอนเรื่องมารยาทเลยหรืออย่างไร? ต่อให้อยู่ในสมรภูมิรบ ยามที่ผู้เป็นจักรพรรดิเสด็จมาหา ทุกคนยังต้องมีพิธีรีตอง ไยเจ้าถึงยังกล้าทำตัวเสียมายาทปานนี้อีก? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ภายในวังซีฉินจะขาดแคลนเงินทอง ถึงเลี้ยงดูพวกเจ้าไม่ดีพอจนหลุดออกมาเผยนิสัยเสียๆ เช่นนี้แก่คนนอก?”

ฝ่าบาทแห่งตงหลี่โกรธเกรี้ยวจัด จับจ้องไปที่ชิงเยวี่ยตาเขม็ง เปล่งเสียงดังคำรามลั่น

ชิงเยวี่ยประสานมือกล่าวน้ำเสียงดังฉะฉานตอบไปว่า

“เรียนจักรพรรดิแห่งตงหลี่ เกรงว่าท่านเองก็คงได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ของจักรวรรดิซีฉินมาในระดับนึงแล้ว ท่านคิดจริงๆ หรือว่า ทางวังหลวงของเรายังจะขาดแคลนเงินทอง? จักรวรรดิซีฉินแห่งนี้เป็นดินแดนที่ทรงอำนาจและมั่งคั่งที่สุดในบรรดาสี่จักรวรรดิ ข้าทำงานรับใช้อยู่ในวังหลวง ได้เงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทองทุกวัน ดังนั้นย่อมต้องปฏิบัติหน้าที่ออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเงินทุกแดงที่ได้รับ หากคำพูดของข้าเผลอล่วงเกินท่านตั้งแต่เมื่อใด ก็โปรดชี้แจ้งสำหรับการปรับปรุงต่อไปในอนาคต”

น้ำเสียงของเจ้าหมอนี่ทั้งหยิ่งผยอง และดูภาคภูมิใจนัก!

สีหน้าการแสดงออกของทุกคนที่อยู่เบื้องหลังฝ่าบาทแห่งตงหลี่กำลังเดือดดาลจัด ส่วนทางด้านฝ่าบาทแห่งตงหลี่เองก็กำลังโกรธเกรี้ยวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

“ในฐานะที่เป็นถึงจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ จักรพรรดิของเจ้ากลับส่งเด็กน้อยคนหนึ่งมาต้อนรับพวกเราในวันสำคัญเช่นนี้น่ะรึ? คงไม่กลัวถูกคนอื่นหัวเราะเยาะกระมัง?”

เย่หลีเทียนก้าวออกมาเผชิญหน้า พร้อมกล่าวสวนกลับไป

“หนุ่มน้อย เห็นจักรพรรดิของเราแล้วยังไม่คุกเข่าเช่นนี้ นี่นับว่าดูหมิ่นกันเกินไปจริงๆ!”

ไป๋หลี่หานออกโรงกันมาติดๆ เปล่งเสียงเย็นชาก้องกังวาน

ขณะที่เขาเอ่ยกล่าว ก็สะบัดแขนเสื้อยาวไปทีหนึ่ง ปอยผมยาวสลวยจำนวนหนึ่งคลี่ไหลออกจากไหล่ ด้วยรัศมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นขุมใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมา ชิงเยวี่ยไม่สามารถต้านทานได้ไหว คู่เข่าอ่อนยวบลงอย่างไร้สาเหตุ จนท้ายที่สุดเสียงทิ้งเข่าสนั่นดังตุบ รู้สึกตัวอีกที เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าฝ่าบาทแห่งตงหลี่แล้ว

เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมด พยายามเชิดหน้าแหงนขึ้นมา สีหน้าของเขาซีดเซียวลงหลายส่วนจากตอนแรก กัดฟันกรวดเอ่ยถามอย่างไม่พอใจขึ้นว่า

“พวกท่านทุกคนที่มาจากตงหลี่เป็นพวกป่าเถื่อนกันรึอย่างไร?”

“อย่าบอกเสียว่า เจ้าต้องการให้ข้าสั่งสอนมารยาทขั้นพื้นฐานเมื่อพบองค์จักรพรรดิ?”

เสมือนมีเครื่องสร้างไอเย็นไร้ขอบเขตอยู่บนตัว ไป๋หลี่หานสาดสายตาคู่เฉียบคมประดุจมีด จ้องมองชิงเยวี่ยเขม็งกดดันไว้แน่นหนา

ชิงเยวี่ยรู้สึกอึดอัดยิ่งยวดภายใต้แรงกดดันปริมาณมหาศาลของไป๋หลี่หาน ถึงขนาดจะโงหัวขึ้นเหนือพื้นยังไม่มีปัญหา ทั่วทั้งร่างกายถูกบีบบังคับให้ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าฝ่าบาทแห่งตงหลี่เท่านั้น

เมื่อเห็นชิงเยวี่ยยอมคุกเข่าลงต่อหน้า สีหน้าของฝ่าบาทแห่งตงหลี่ก็ดูดีขึ้นมาก พยักหน้าให้ทีหนึ่งและกล่าวว่า

“พวกเราจากตงหลี่จะสั่งสอนมารยาทเล็กน้อยแก่เจ้าให้เอง เรื่องพื้นฐานเช่นนี้เจ้ากลับละเลยได้เยี่ยงไร?”

กล่าวจบ รัศมีแรงกดดันที่กดขี่อยู่บนร่างของชิงเยวี่ยก็ยิ่งรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าและกล่าวขอโทษขอโพยขึ้นว่า

“ข้า…ข้าเข้าใจแล้ว! โปรดอภัยที่เสียมารยาทกับท่านจักรพรรดิแห่งตงหลี่!”

ไป๋หลี่หานที่ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ ถอดถอนแรงกดดันกลับคืน

ร่างกายกลับมาเบาวิวทันตา ชิงเยวี่ยลุกขึ้นยืนโดยไว สภาพสีหน้าจากซีดเซียวกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ระบายยิ้มสีจางอ่อนออกมาเล็กน้อย และเลือกที่จะไม่ยุ่มย่ามกับหัวข้อเรื่องเมื่อครู่อีกต่อไป เขาผายมือไปทางเกี้ยวรถม้าที่จอดอยู่ข้างโรงเตี้ยม พร้อมกล่าวกับฝ่าบาทแห่งตงหลี่ว่า

“ทุกท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมามากแล้ว ฝ่าบาทของเราจึงเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับพวกท่านทุกคนไว้เรียบร้อย เรียนเชิญท่านจักรพรรดิแห่งตงหลี่ขึ้นเกี้ยว หลังจากนี้พวกเราจะเดินทางเข้าสู่พระราชวังซีฉินกัน”

ชิงเยวี่ยเหลือบสายตามองไปปราดหนึ่ง พร้อมโค้งศีรษะให้ฝ่าบาทแห่งตงหลี่อีกที จากนั้นก็เดินนำทางไปที่เกี้ยวรถม้าที่จอดอยู่ข้างโรงเตี้ยม เกี้ยวรถม้าดังกล่าวถูกสร้างขึ้นจากช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ พินิจจากความวิจิตรงดงามนับได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอก ทั่วทั้งตัวเกี้ยวฉาบด้วยประกายแสงสีทองอร่ามระยิบระยับ และเมื่อเข้าไปสังเกตใกล้ๆ จะพึงทราบได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วเกี้ยวรถม้าคันนี้ถูกสร้างขึ้นจากทองคำขาวทั้งคัน!

ฝ่าบาทแห่งตงหลี่ถึงกับลอบหายใจเฮือกหนึ่ง สีหน้าการแสดงออกกลับมาหมองหม่นอีกครั้ง ดูท่าแล้วจักรพรรดิแห่งซีฉินกำลังโอ้อวดความมั่งคั่งร่ำรวยของตนเองให้เขาได้เห็น ถึงอย่างนั้นก็ยังก้าวขึ้นเกี้ยวรถม้าคันดังกล่าวทั้งสีหน้าหมองหม่นแบบนั้น หลังจากเข้าไปนั่งประจำที่แล้ว จึงหันมากล่าวกับเย่หลีเทียนกับไป๋หลี่หานว่า

“จักรพรรดิแห่งซีฉินเป็นพวกหน้าใหญ่เสียเหลือเกิน ขึ้นมาเถอะ ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าพวกซีฉินมันจะร่ำรวยสักเพียงใด”

ไป๋หลี่หานและเย่หลีเทียนต่างพยักหน้า พร้อมก้าวขึ้นเกี้ยวทองคำขาวคันนี้นั่งเคียงข้างกับฝ่าบาทแห่งตงหลี่ ในอีกด้าน องครักษ์ประจำตัวของฝ่าบาทและเยาวชนผู้เข้าร่วมงานประลองทั้งสามยังคงยืนอยู่หน้าโรงเตี้ยมมิได้ติดตามไปด้วย

เมื่อเกี้ยวทองคำขาวเคลื่อนขับออกไปมุ่งสู่พระราชวังซีฉิน ชิงเยวี่ยหันมองผู้คนที่เหลือและยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ทุกท่านโปรดตามมา ข้าพเจ้าจะช่วยจัดหาห้องพักให้”

เขากวาดสายตาปราดมองฝูงชนเบื้องหน้าอยู่ปราดหนึ่ง และท้ายที่สุดก็หยุดลงที่ร่างของเซียถง นางเป็นสาวน้อยร่างอรชรเพรียวบางงดงามสุดแสน ชุดแพรพรรณสีขาวประดุจหิมะที่สวมใส่ช่างเหมาะสมเข้ากันกับสัดส่วนโค้งเว้าทรงเสน่ห์ เพิ่มเสริมความงดงามด้วยผ้าคลุมปกปิดใบหน้าชวนให้ลึกลับน่าค้นหา ยิ่งผนวกเข้ากับอุปลักษณ์เย็นชาสงบนิ่งของนาง โดยรวมแล้วคือน่าหลงใหลใคร่เชยชม

จนแล้วจนรอด ชิงเยวี่ยก็อดปากเอ่ยชมมิได้

“จักรวรรดิตงหลี่คงเป็นดินแดนผลิตผู้คนหล่อสวย นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่ข้าได้พบเห็นสตรีที่น่าค้นหาปานนี้”

เซียถงชำเลืองมองอีกฝ่ายบเล็กน้อย แต่มิได้ปริปากพูดอันใดออกมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายไม่มีความเคราพหรือให้เกียรติใดๆ ต่อฝ่าบาทแห่งตงหลี่เลย ทัศนคติของนางนี่มีต่อเขาจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าตัวนางเองจะไม่ชอบขี้หน้าฝ่าบาทแห่งตงหลี่เช่นกัน แต่ถึงอย่างไร บ้านเกิดเมืองนอนของนางก็คือตงหลี่ ยามที่เยี่ยมเยือนต่างแดน นางยังจำเป็นต้องรักษาชื่อเสียงของจักรวรรดิบ้านเกิดตนเองเอาไว้โดยธรรมชาติ

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท