ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 256 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่256 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (2)

ตอนที่256 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (2)

เห็นเซียถงชำเลืองสายตามองมา ไป๋หลี่หานรีบหดมือพับแขนเสื้อลงมาโดยไว เพื่อปิดคลุมรูปวาดเต่าน้อยบนท่อนแขน ซึ่งทุกอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ล้วนอยู่ภายใต้สายตาของเซียถงทั้งสิ้น นางเหลือบสายตามองไปที่แขนเสื้อยาวที่ปิดคลุมของอีกฝ่ายพลางแสยะยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลงมือวาดในเวลานั้น นางแอบผสมผงยาชนิดพิเศษลงในแท่นหมึก ซึ่งภาพวาดเต่าบนแขนของไป๋หลี่หานจะไม่สามารถล้างออกได้ภายในเจ็ดวัน

ไป๋หลี่หานทอดสายตาติดตามมอง แลเห็นรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มของเซียถง มุมปากพลันกระตุกขึ้นหนึ่งส่วน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยกล่าวว่า

“นี่เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่เมื่อวาน? คิดฉวยโอกาสกลั่นแกล้ง?”

เซียถงได้ยินเช่นนั้นพลันชะงักนิ่ง แสร้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยิน ย่างเท้าเดินหน้าตรงต่อไป

เจ้าทำอะไรกับข้ากันแน่เมื่อวาน? ฉวยโอกาสกลั่นแกล้ง? กล้าพูดจาแบบนี้ออกมาได้ยังไง! ก็เห็นชัดเจนว่า กลับเป็นนางที่เกือบโดนเจ้าหมอนี่ฉวยโอกาสต่างหาก!

“เซียถง เจ้าขโมยจูบข้า”

จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงของไป๋หลี่หานเอ่ยดังขึ้นจากด้านหลัง พอฟังดูแล้ว ถึงจะคล้ายประโยคร้องเรียนขอความเป็นธรรม แต่เนื้อเสียงที่ซ่อนแฝงกลับดูมีความสุขไม่น้อยเลย

“แล้ว? จะจูบข้าคืนรึอย่างไร?”

ฝีเท้าเซียถงหยุดชะงักลง ชำเลืองกลับไปมองไป๋หลี่หานพร้อมรอยยิ้มประดับแต่งแต้มบนใบหน้า ทว่าหากสังเกตให้จงดี จะค้นพบประกายแสงพิฆาตส่องสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้นชัดแจ้ง ในส่วนมือขวาลอบกำแน่นพร้อมจู่โจมทุกเมื่อ

กล้าพูดเช่นนี้กับข้า เกรงว่าไม่กลัวตายแล้วกระมัง?

แต่เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋หลี่หานกลับตบเท้าก้าวขึ้นหน้า จับจ้องนางด้วยสายตาแสนเร่าร้อน ปรายยิ้มทรงเสน่ห์สดใส กล่าวขึ้นว่า

“หากเจ้าต้องการ ข้าเองก็มิรังเกียจเช่นกัน”

มองทะลุเข้าไปในดวงตาคู่ร้อนแรงของไป๋หลี่หาน ทันใดนั้นนางก็พลันใจสั่นเกินหักห้าม หาใช่อารมณ์พิสมัยใคร่รัก แต่เป็นความโศกเศร้าชนิดหนึ่งที่เกินจะอธิบาย เพราะว่าสายตาเช่นนี้ นางเคยเห็นมาก่อน ใช่แล้ว…ช่างเหมือนกับมู่เฟยในตอนนั้นมาก แต่สุดท้าย….

เซียถงส่ายศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง แววความเศร้าโศกฉายสะท้อนออกมาผ่านแก้วตาจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน แอบเลื่อนคมมีดสั้นที่เร้นซ่อนในมือขวาเก็บกลับขึ้นไป หันหน้ากลับและเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบงัน

ไป๋หลี่หานเหม่อมองแผ่นหลังที่ฉาบคุมอารมณ์เปลี่ยวเหงาของหญิงสาว ทั้งสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสับสนไปหมด ก็เห็นได้ชัดว่า นางกำลังเลื่อนมีดสั้นในมือขวาออกมาลอบโจมตีเขา แต่เพราะเหตุใดกัน? จู่ๆ นางก็ถอนคมมีดเก็บและเดินจากออกไปด้วยอารมณ์เศร้าสร้อยหดหู่ปานนี้? โดยไม่ปริปากกล่าวอันใดต่อ เขารีบเดินติดตามนางออกไปอย่างสงบปากสงบคำ

ทั้งสองเดินสำรวจอยู่บนหุบเขาซีเยว่อยู่เป็นเวลานาน และไม่ว่าจะเป็นไป๋หลี่หานหรือเซียถง ก็ไม่มีใครคิดริเริ่มจะที่เก็บเกี่ยวสมุนไพรข้างทางเลยแม้สักต้น ในความเห็นของเซียถง ต่อไปนี้นางจะให้ความสนใจกับสมุนไพรชนิดที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ก่อนจะเลือกมาเก็บไว้เป็นตัวเลือกทีหลัง ส่วนทางด้านไป๋หลี่หาน เขายิ่งไม่มี่วี่แววจะเก็บเกี่ยวสมุนไพรเลยสักนิด กระทั่งความสนใจยังแทบไม่มี ราวกับว่าเขาเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมากับนางเท่านั้น

ดวงตะวันเคลื่อนไปเกือบสุดทางทิศตะวันตกเต็มทน ม่านนภาฟากฟ้าถูกฉาบย้อมไปด้วยสีแสดส้ม แสดงถึงยามอัสดง ระยะเวลาที่ทั้งสองเดินสำรวจบนนี้น่าจะกินไปกว่าครึ่งวันได้แล้ว เนื่องด้วยสมุนไพรซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่จำเป็นจริงๆ ของโอสถวัฏจักรฟื้นคืนระดับเก้ามีเพียงชนิดเดียว และเสี่ยวฮั่วมิได้ระบุรายละเอียดของสมุนไพรวัตถุดิบที่เหลือเลย ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่า ควรจะใช้สิทธิ์อีกสองครั้ง ตัดสินใจเลือกสมุนไพรชนิดใดดี ทำได้เพียงคิดว่า อาจจะมีสมุนไพรที่ดีกว่านี้ในส่วนลึก แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่เจอสมุนไพรดีๆ ที่ว่าเลย

หุบเขาซีเยว่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป

เซียถงแลเห็นดวงตะวันกำลังอัสดงตกดิน หันไปเอ่ยถามไป๋หลี่หานขึ้นว่า

“ท่านจะลงเขาเมื่อใด?”

“กว่าที่ข้าจะได้รับป้ายตราอนุญาตขึ้นหุบเขาแห่งนี้มาช่างยากลำบาก ยังไงเสียก็ต้องเดินทางไปต่อ เจ้าเองก็ควรเช่นกัน มั่นใจได้เลยว่า ส่วนลึกสุดในหุบเขาซีเยว่จะต้องมีสมุนไพรหายากดีๆ ซ่อนอยู่”

ไป๋หลี่หานแหงนศีรษะเชยมองดวงตาวันใกล้ลับขอบฟ้า

เมื่อได้ยินที่เขากล่าวดังนั้น เซียถงก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นางเองก็คิดแบบเดียวกัน แต่สถานที่แห่งนี้มันกว้างใหญ่เกินไป คงต้องใช้เวลาอีกมากโขแน่นอน ขณะที่นางกำลังก้าวย่างเตรียมเข้าสำรวจในส่วนลึกชั้นต่อไป จู่ๆ นางก็ได้ยินไป๋หลี่หานเปล่งเสียงดังขึ้นจากด้านหลังว่า

“เซียถง ไปจับกระต่ายป่าสักสองตัวมาย่างกินก่อนเถอะ ข้าหิวแล้ว”

ได้ยินแบบนั้น เซียถงพลันท้องร้องรู้สึกหิวขึ้นมาทันใด ระหว่างทางตอนทั้งวันนี้ นางได้ดินเพียงข้าวเช้าเท่านั้น และปัจจุบันก็ชักจะหิวขึ้นแล้วจริงๆ แต่จะอย่างไร จุดยืนของนางก็ค่อนข้างชัดเจนมาก กล่าวสวนตอบไปว่า

“หากท่านอยากจะกินนัก เช่นนั้นก็ไปจับหามาด้วยตนเอง ข้ารับผิดชอบในส่วนของตนเท่านั้น”

นางหาใช้ลูกน้องผู้ใต้บัญชาของไป๋หลี่หาน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอันใดเลยที่ต้องฟังคำสั่งของเขา หากหิวก็จงไปหากินเอาเอง และด้วยทีท่าที่เย็นชานี้ ไม่ว่าไป๋หลี่หานจะจับจ้องนางจากด้านหลังตาเขม็งแน่นหนาเพียงใด นางก็หาได้อ่อนข้อยอมเชื่อฟังสักนิด

ไม่นานหลังจากนั้น เซียถงก็จับกระต่ายป่าตัวหนึ่งได้ และอุ้มกลับมายังจุดแวะพักผ่อนระหว่างทาง พอกลับมาไม่เห็นไป๋หลี่หาน นางก็บังเกิดความสงสัยขึ้นทันที หรือเจ้าหมอนั่นจะเป็นอะไรไปรึเปล่า? หรือจะถอดใจแอบลงเขาไปแล้วตามลำพัง?

หากไม่มีป้ายตราอนุญาตติดตัว ตอนที่ลงเขาไปน่าจะเกิดปัญหาลำบากขึ้นเล็กน้อย แต่นี่ก็หาใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมาย เพียงอาศัยใช้ประโยชน์ในยามวิกาล เพื่อลอบเร้นลงจากเขา และนางก็ไม่เชื่อว่า พวกทหารตามป้อมปราการจะสามารถตรวจจับสัมผัสการมีอยู่ของนางได้

“จับกระต่ายป่าได้รึยัง? นำมาย่างเร็วเข้า”

ทันใดนั้น นางก็ได้ยินสุ้มเสียงชืดชาเหนือศีรษะสูง พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่า ไป๋หลี่หานกำลังนอนตะแคงพาดกายอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นใช้พยุงศีรษะแทนหมอน สายตาคู่คมภายใต้หน้ากากสะลึมสะลือราวกับว่าเพิ่งตื่นนอน

เซียถงที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ท่านั้น ก็แทบอยากจะกระโดดถีบต้นไม้ให้ตัวมันร่วงลงมา

แลเห็นเซียถงตั้งท่ากำลังจะถีบต้นไม้ ไป๋หลี่หานก็รีบลุกขึ้นนั่ง ส่งยิ้มให้นางพลางกล่าวทวงบุญคุณขึ้นทันทีว่า

“ที่เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะความเสียสละของข้าทั้งสิ้น แค่ขอให้จับกระต่ายป่ามาสักตัว กลับคิดปองร้ายกันแล้ว?”

เพลิงโทสะที่สุมทรวงอยู่ในใจของเซียถงว่าโหมปะทุยิ่งใหญ่แล้ว ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น ระงับความเกรี้ยวโกรธลงไป โยนกระต่ายป่าตัวหนึ่งไปให้อีกฝ่ายบนต้นไม้ แล้วกล่าวว่า

“เช่นนั้นเอากระต่ายข้าไปเถอะ ย่างกินเองแล้วกัน”

“ไม่! เจ้าย่าง!”

วาจาเพียงไม่กี่พยางค์ทั้งง่ายและสั้นเปล่งสวนตอบกลับในทันใด พร้อมโยนกระต่ายป่าตัวนั้นคืนให้เซียถงที่อยู่ภาคพื้น

เซียถงคว้ากระต่ายตัวนั้นกลับเข้ามา พลางถอนหายใจยืดยาวอยู่หลายเฮือก จะว่าไปก็เป็นเพราะไป๋หลี่หานที่ทำให้นางสามารถขึ้นมาบนหุบเขาซีเยว่ได้ ถึงหมอนี่จะหลอกใช้นางเป็นไม้กันสุนัข หรือเป็นขี้ข้าของมันในเวลานี้ก็ตามที

เดินหาใบไม้แห้งกับกิ่งไม้อยู่จำนวนหนึ่งสักครู่ จากนั้นก็เริ่มจุดกองไฟ เซียถงหยิบมีดสั้นมือขึ้นมาเริ่มชำแหละกระต่ายป่า ถลกหนังทิ้งอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะนำมาเสียบไม้ย่าง ส่วนทางด้านไป๋หลี่หานยังคงนอนเอนกายพักพิงอยู่บนกิ่งไม้อย่างสบายใจเฉิบ เฝ้ามองทุกกระบวนการของนางพลางอ้าปากหาววอดแสนเกียจคร้าน

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท