ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 455 อสูรดาราเหลือง (1)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่455 อสูรดาราเหลือง (1)

ตอนที่455 อสูรดาราเหลือง (1)

ช่วงเที่ยงตรงในวันที่สามของการเดินทาง แสงตะวันทอแสงสว่างเจิดจ้า ทอประกายลงมาพ้นผ่านทั้งต้นไม้ใบหญ้า เพิ่มสีสันเขียวขจีให้ทั่วทั้งผืนป่าเทือกเขา

เค่อฮั่วชี้นิ้วไปที่เส้นทางสายหนึ่งที่ไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป เป็นทางสายหนึ่งที่ยื่นออกมาจากขอบผาและเอ่ยขึ้นว่า

“หลังผ่านเส้นทางสายนี้ไป เดินทางอีกเพียงสองวันก็น่าจะถึงหุบเขาคุนหลุนแล้ว”

ทุกคนรีบลงจากหลังม้าจูงเดินต่อไป เซียถงยังคงจดจำคำพูดที่หลิวซบอกกับตนเมื่อคืนได้ดี เช่นนั้นแล้ว นางก็เลยจงใจชะลอฝีเท้าเดินผิดท้ายขบวน เพื่อหาเรื่องสนทนาปรึกษาเรื่องศาสตร์แห่งโอสถกับชิงเยวี่ย

ในช่วงแรก ภาคเที่ยงวันดวงตะวันแผดรัศมีแสงแดดจรัสจ้า อากาศจึงค่อนข้างร้อน แต่ไม่นานนักจากนั้น มุ่งหน้าไปได้ครึ่งทาง พลันบังเกิดเมฆลมแรงกระโชกพัดผ่าน ความมืดเข้าบดบังแสงตะวันฟากฟ้า เศษหินดินทรายปลิวกันให้ว่อน

ยิ่งเดินตรงต่อไปเท่าไหร่ ความกว้างของเส้นทางใต้แผ่นเท้าก็ยิ่งมีขนาดแคบลงเท่านั้น หากลองชำเลืองสายตามองลงไปเบื้องล่างผาสักนิด จะค้นพบได้ว่ามันสูงลิ่วปานใด สรรพสิ่งใต้ร่างดูเล็กจ๋อยไปเสียหมด และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือสภาพอากาศที่ดูทรงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก คล้ายกับฤดูฝนที่พายุใกล้เข้า วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของทุกคนมองไม่เห็นสิ่งใด และไม่สามารถเดินทางขึ้นหน้าต่อไปได้มากกว่านี้ สุดท้ายจึงทำได้เพียงหยุดพักการเดินทางกลางคัน และหารอให้กระแสความผันผวนของฟ้าฝนสงบลง

เซียถงหลับตาสองข้างสนิทแนบ เสี่ยวฮั่วฉายปรากฏดวงไฟสีม่วงลุกโชติช่วงขึ้นท่ามกลางห้วงความคิดของนางและกล่าวว่า

“นายท่าน ข้ารู้สึกว่า สถานการณ์บนขอบผาคล้ายจะมีใครจงใจสร้างขึ้นมา!”

ทันใดนั้น สุ้มเสียงของหลิวซูก็ดังขึ้นเสริมว่า

“เดี๋ยวข้าไปดูเอง”

อาศัยจังหวะที่ทุกคนทีเผลอ หลิวซูจำแลงกายเป็นกระบี่ทะยานบินออกไปคล้ายดาวหางสายหนึ่ง มันเหินหาวขึ้นไปยังบนยอดเขาแห่งนั้น

สักครู่หนึ่งจึงค่อยกลับเข้ามาในห้วงความคิดของเซียถงอีกครั้ง

“มีกลุ่มคนกำลังติดระเบิดไฟบนยอดเขา! พวกมันคิดจะถล่มหุบเขาฆ่าพวกเราทั้งเป็น!”

เซียถงทอดสายตามองขอบผาทางแคบเบื้องหน้า พลางเค้นเสียงหัวเราะเย้ยเยาะขึ้นคำหนึ่งว่า

“หาใช่ว่าพวกมันคิดจะถล่มหุบเขาฆ่าพวกเราหรอก แค่จะตัดเส้นทางเบื้องหน้าเพื่อบังคับให้พวกเราเปลี่ยนเส้นทางไปยังหุบเหวเทียมฟ้าเท่านั้น”

“ห๊ะ?!”

หลิวซูผงะไปชั่วครู่หนึ่ง

“หรือเจ้าวางแผนเอาไว้หมดแล้ว?! คงมิใช่ว่าข้า…เผลอไปขัดแผนการของเจ้าหรอกกระมัง…”

“นี่เจ้าทำอะไรลงไป?”

“ข้า…”

ทว่าหลิวซูเพิ่งจะปริปากกำลังจะเอ่ยขึ้นเท่านั้น จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นจากบนยอดเขาประดุจอสนีบาตร้องคำรนหมื่นพันสะบั้นผ่าลงมาพร้อมกัน! ทำเอาทุกคนแทบแก้วหูแตก!

พริบตาต่อมา แลเห็นเศษฝุ่นควันก่อตัวเป็นหมอชั้นหนาถล่มลงมาดั่งคลื่นยักษ์ ชิ้นหินผาและก้อนทรายน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนกลิ้งกระเด็นลงมาจากยอดเขา เข้าปิดกั้นเส้นทางขอบผาเบื้องหน้าพวกเขาที่อยู่ไม่ไกลนักในชั่วพริบตา

“ปรากฏว่า ข้าสังหารทิ้งไม่หมด น่าจะยังมีพวกแอบซุ่มอยู่”

หากย้อนกลับไปเล็กน้อย ทันทีที่หลิวซูเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังวางระเบิดไฟอยู่บนยอดเขา ร่างกระบี่ของมันพลันสาดแสงประกายเย็นเยียบเข้าจู่โจม มันเหินทะยานบินผ่าน ประหัตประหารกลุ่มคนเหล่านั้นเชือดทิ้งจนสิ้น แต่อย่างไร ใครจะไปคาดคิดว่า ยังหลงเหลือคนอีกกลุ่มที่ดักซุ่มอยู่ในเงามืด และก็เป็นพวกเขาที่รับหน้าที่สานต่อภารกิจระเบิดผายอดหุบเขาในเวลานี้

ทุกอย่างเป็นไปตามที่สองพี่น้องตระกูลเค่อต้องการ พวกเขาได้ใช้ทางอ้อมสมใจนึก

เสี่ยวฮั่วดูตื่นตาตื่นใจยิ่งยวด มันรีบเอ่ยขึ้นว่า

“จะได้ไปหุบเหวเทียมฟ้าแทนงั้นรึ? ดีเลย! บริเวณนั้นมีสัตว์อสูรอยู่ชุกชุมมาก!”

เซียถงสัมผัสได้ถึงอาการตื่นเต้นดีใจของเสี่ยวฮั่ว จึงคิดได้ว่า ตัวมันในเวลานี้คงต้องการพลังวิญญาณของพวกสัตว์อสูรเพื่อเติมพลังยกระดับความแข็งแกร่ง เพราะอย่างไร นี่ก็เป็นระยะเวลานานมากแล้วที่มันไม่ได้ดูดกลืนพลังวิญญาณของพวกสัตว์อสูรเลย

เค่อฮั่วที่เห็นเส้นทางเบื้องหน้าถูกปิดตาย เขาก็แสร้งทำสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยกล่าวขึ้นคำหนึ่งอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ว่า

“บัดซบ! หากเป็นเช่นนี้จำเป็นต้องใช้ทางอ้อมเสียแล้ว!”

พอเอ่ยกล่าวออกไปดังนั้น เขาก็แอบชำเลืองหางตาลอบสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของเซียถงอย่างระมัดระวัง พอเห็นว่า ทีท่าการแสดงออกของนางยังดูปกติดีมิได้ดูผิดแปลกไป ก็แอบถอนหายใจโล่งอกแก่ตัวเองอย่างลับๆ ในปัจจุบันทุกคนในที่นี้พึงทราบกระจ่างแจ้งว่า อุปลักษณ์นิสัยของเซียถงเป็นพวกระมัดระวังตัวปานใด กล่าวคือ หากทำตัวให้ผิดสังเกตเพียงเล็กน้อย ก็มีโอกาสสุ้มเสียงสูงมากที่จะโดนนางจับไต๋ได้

เซียถงพยักหน้าตอบทีหนึ่ง

“เช่นนั้นนำทางไป”

โม่ซวนเดินติดตามเข้าใกล้ เอ่ยกระซิบข้างหูนางอย่างแผ่วเบาว่า

“นายหญิง นี่ต้องเป็นแผนของพวกมันแน่นอน! ทางอ้อมที่มันหมายถึงก็คือหุบเหวเทียมฟ้า! ฟังว่า สถานที่แห่งนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของอสูรวิญญาณจารย์อันแกร่งกล้ามากมาย!”

“อสูรวิญญาณจารย์? แหล่งพลังวิญญาณชั้นดีเลยมิใช่รึ!”

พอได้ฟังคำพูดของนาง โม่ซวนถึงกับผงะตกใจและรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม กว่าที่พวกเขาจะเดินย้อนกลับลงขอบผาได้ ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปสู่หุบเหวเทียมฟ้าแทน ในเวลานี้เป็นตอนบ่าย แสงแดดแรงจัดจ้าน ทว่าเบื้องหลังหุบเหวเทียมฟ้าแห่งนี้กลับไม่มีแสงสว่างใดเล็ดลอดส่องผ่านเข้ามาได้เลย เดินทางอยู่ภายในนี้ราวกับช่วงเวลาตกดึก อย่างมากที่สุดก็มีเพียงแสงสลัวลอดผ่านมาได้เป็นจุดน้อยๆ ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ เส้นทางนี้มีเถาวัลย์ที่เหี่ยวเฉามากมายเกินคณานับขวางกั้น เวลาใครที่เดินผ่านทางนี้มาล้วนแต่รู้สึกจิตใจหมองหม่น พร้อมกับไอหนาวยะเยือกที่เย็นวูบวาบผ่านแผ่นหลังเป็นระยะ

เพิ่งจะเดินต่อได้ไม่กี่ก้าว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ด้วยความเย็นชื่นของสถานที่แห่งนี้ที่สั่งสมกันเนิ่นนานกว่าหลายสิบปี ส่งผลให้พืชพันธุ์ภายในหุบเหวเทียมฟ้าแห่งนี้เจริญเติบโตเป็นอย่างดี กิ่งก้านของพวกมันทั้งหลายเลื่อยยาวกลายเป็นเถาวัลย์คาบเกี่ยวพัลวันทั่วทุกทิศเต็มไปหมด

เค่อมู่ชักกระบี่เหล็กดำเล่มยาวออกมาโดยไม่พูดพล่ำใดๆ อาศัยกำลังแขนอันทรงพลังฟันเข้าใส่เถาวัลย์ที่บดบังวิสัยทัศน์ตรงหน้าอย่างหนักหน่วงราวกับเสือโคร่งตะปบเหยื่อ

หนึ่งกระบี่ผ่าสะบั้นฟันบรรดาเถาวัลย์ตรงนั้นทั้งหมดจนขาดดังฉับ และยังไม่จบเพียงเท่านั้น คลื่นลมปราณสีม่วงประกายเงินเข้มข้นกระแสใหญ่ดุจใบมีด ยังคงแผดขยายกวาดล้างออกไปเป็นทางยาวกว่าครึ่งลี้ เถาวัลย์ทั้งหมดในรัศมีร่วงโรยโปรยกองอยู่กับพื้น เปิดเส้นทางเบื้องหน้าเป็นทางยาวออกไป

เค่อมู่ตบเท้าเดินขึ้นนำตามมาด้วยเค่อฮั่ว ส่วนชิงเยวี่ย เซียถงและโม่ซวนค่อยเดินตบท้ายขบวนตามลำดับ

และจากเดินหน้าต่อไปได้สักพัก โม่ซวนคล้ายสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง จึงลองหันศีรษะชำเลืองมองเส้นทางด้านหลังที่เพิ่งเดินพ้นผ่านมา เพียงเท่านั้นเขาถึงกับเบิกตาโตตะลึงงัน เพราะสิ่งที่พบเห็นคือ เถาวัลย์เหล่านั้นที่โดนคลื่นลมปราณของเค่อมู่ตัดผ่าจนโปรยร่วงอยู่กับพื้น ยามนี้พวกมันขยับเขยื้อนดุ๊กดิ๊กไปมา และกลับเข้ามารวมตัวกันเพื่อเชื่อมผสานสมานกันขึ้นมาใหม่ ซึ่งนี่เป็นภาพฉากที่แปลกตาอย่างยิ่ง!

“ดูนั่น!”

สิ้นเสียงตะโกนเท่านั้น เถาวัลย์นับไม่ถ้วนที่ผสานกันจนกลับเป็นดังเดิมพุ่งโจมตีใส่พวกเขาทั้งหลายในพริบตา เสมือนอยู่ท่ามกลางโซ่ตรวนเหล็กที่ทะยานเข้าพันธนาการจากทุกสารทิศ

เถาวัลย์เหล่านั้นที่ถูกสะบั้นฟันทิ้งไป มีความเร็วในการฟื้นตัวที่น่าตกใจเกินจินตนาการ เพิ่งตัดออกใหม่ไม่ทันไรก็กลับมาสมานเชื่อมต่อกันอีกครั้งแล้ว!

เหตุที่ก่อนหน้านี้พวกมันแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน คล้ายกับว่ากำลังเชิญชวนให้พวกเขาเดินตกหลุมกับดักด้วยตัวเองอยู่!

ประกายตาเยียบเย็นเซียถงทอแสงสว่างวาบ กระบี่ทัณฑ์ฟ้ากระชับเตรียมพร้อมอยู่ในมือแล้ว

“นายท่าน! เถาวัลย์เหล่านี้หาใช่พืชพันธุ์พฤกษา! แต่เป็นเส้นขนของอสูรดาราเหลือง!”

เสี่ยวฮั่วที่สังเกตเห็นเถาวัลย์เหล่านั้นให้จงดี ก็เอ่ยเสียงร้องอุทานลั่น

ต่อมาก็เป็นหลิวซูที่สบถออกมาคำโตผ่านห้วงความคิดของเซียถงเช่นกัน

“บัดซบ! ฟันไปเท่าไหร่ก็ฟื้นตัวกลับมาได้เร็วมาก! หากเส้นผมของข้ามีความสามารถเช่นนี้บ้างคงดี!”

“เหอะ เจ้าอย่าอิจฉาเลย อยากมีเส้นผมน่าขยะแขยงแบบเถาวัลย์พวกนี้รึไง?”

“อืม! ก็จริงแฮะ!”

เซียถงกล่าวติดตลกหลิวซูกลับไปวาจาหนึ่ง พร้อมทั้งเหวี่ยงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าฟันฟาดพวกมันไปพลาง เสียงสะบั้นขาดดัง‘ฉับ’ เส้นขนของอสูรดาราเหลืองถูกตัดด้วนภายในพริบตา

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท