ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 591 ก็แค่แม่ลูกคู่หนึ่ง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่591 ก็แค่แม่ลูกคู่หนึ่ง

ตอนที่591 ก็แค่แม่ลูกคู่หนึ่ง

ห่างออกไปจากอี้เฉิง ณ จักรวรรดิต้าซิ่งในปัจจุบันยังมีอีกเมืองหนึ่งที่มีเขตแดนเชื่อมต่อกันระหว่างจักรพรรดิต้าซิ่งและจักรวรรดิตงหลี่

สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงเมืองชนบทขนาดเล็กแห่งหนึ่ง หาได้โดดเด่นอันใดนัก แต่ถึงกระนั้น บนตรอกซอกซอยบนตามเส้นทางภายในเมืองแห่งนี้กล่าวได้ว่า ค่อนข้างคึกคักและมีชีวิตชีวามิใช่น้อย เพราะหลังจากจักรวรรดิต้าซิ่งผงาดขึ้นมาได้ไม่นาน ที่นี่ก็กลายมาเป็นตลาดการค้าระดับสากลระหว่างสองจักรวรรดิใหญ่

นับตั้งแต่ที่มีพระราชโองการยกดินแดนอี้เฉิงให้อยู่ในเขตปกครองของจักรวรรดิต้าซิ่ง จึงส่งผลทำให้ไป๋หลี่เย่และเย่หลีเทียนเกิดความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานไม่ลงรอยมานับแต่นั้น เหล่าผู้ลี้ภัยและพ่อค้าต่างแดนจากสองจักรวรรดิถูกบังคับให้กลับไปยังบ้านเกิดทันทีโดยปราศจากข้อต่อรอง ความตึงเครียดระหว่างสองจักรวรรดิได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน ส่งผลให้มาตรการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างสองจักรวรรดิเกิดความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น จะข้ามผ่านพรมแดนระหว่างกันกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้น เมืองแห่งนี้ที่เป็นส่วนระหว่างรอยต่อของสองจักรวรรดิจึงได้รับผลพลอยได้ไปโดยปริยาย นำมาสู่ความมั่งคั่งทางการค้าทั้งในด้านที่ถูกกฎหมาย รวมไปถึงการค้าของเถื่อน

เซียถงพาเสี่ยวฮั่วเข้ามาในย่านเมือง เดินปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่แออัดส่งเสียงอึกทึกเจี๊ยวจ๊าว ทั้งคู่สวมชุดผ้ากระสอบเนื้อหยาบ มองผิวเผินดูเหมือนสองแม่ลูกที่กำลังเดินทางมาเยี่ยมญาติจากทางไกล

ทั้งสองเดินเข้ามาพักในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เสี่ยวเอ๋อร์รีบรุดปรี่เข้ามารับแขก กล่าวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า

“ปรากฏว่าเป็นแม่นางนี่เอง! ในที่สุดก็กลับมาเสียที เดินทางไปเยี่ยมญาติเที่ยวนี้เป็นอย่างไรบ้าง? มาเถิด แม่ของท่านบ่นคิดถึงอยู่หลายวันแล้ว เดี๋ยวข้ายกสัมภาระเข้าไปในห้องพักให้!”

เมื่อประมาณเดือนที่แล้วเห็นจะได้ เซียถงได้พาแม่ของนางมาพักแรมอาศัยที่นี่ เนื่องด้วยต้องการขึ้นหุบเขาหิมะเพื่อเสาะหาสมุนไพรที่ใช้ล้างพิษ หลังจากครุ่นคิดหาข้อแก้ตัวอยู่เสียนาน ในที่สุดก็จึงพาท่านแม่มาฝากไว้กับที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ และอ้างกับเสี่ยวเอ๋อร์ผู้ดูแลว่า นางต้องออกเดินทางไปหาญาติทางไกล วานต้องฝากดูแลท่านแม่แทน

ส่วนเรื่องเงินทองนั้น กล่าวได้ว่า เซียถงแทบไม่มีอะไรติดขัด แค่สมบัติเพชรพลอยที่ติดตัวหลิวซูมาสักชิ้นสองชิ้นมาจำนำขาย ก็มีเงินถุงเงินถังไว้ใช้ไปอีกนาน แต่คงไม่มีสองแม่ลูกเดินละเห็ดละเหินมาเยี่ยมญาติที่ไหน พกเงินถุงเงินทั้งมากมายขนาดนี้แน่นอน และหากยกเหรียญทองออกมากองให้ คงจะเรียกความสงสัยให้แก่คนในโรงเตี้ยมมิใช่น้อย เซียถงจึงจัดการแสดงฉากหนึ่งให้ แสร้งทำเป็นหยิบจี้หยกชิ้นหนึ่งออกมา ปั้นสีหน้าน่าสงสารยิ่งนักพร้อมบอกว่า ขอจ่ายค่าพักแรมให้แก่ท่านแม่ของนางด้วยจี้หยกของบรรพบุรุษชิ้นนี้แทน เนื่องด้วยความยากจนไม่มีเงิน

ซึ่งโชคยังดีนักที่เถ้าแก่โรงเตี้ยมแห่งนี้เป็นหลงจู้โรงจำนำเก่า ช่ำชองเรื่องการตรวจสอบดูของมีค่า และทันทีที่เห็นว่า จี้หยกชิ้นนี้มีความบริสุทธิ์สูงมาก ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนแสดงให้เห็นถึงช่างฝีมือผู้เจียระไนหยกชิ้นนี้ประณีตเพียงใด ถือได้ว่าเป็นของมีค่าอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น เถ้าแก่จึงส่างกำชับให้เสี่ยวเอ๋อร์คนนี้ดูแลฮูหยินหลี่เป็นอย่างดี ยกอาหารเลิศหรูส่งให้นางแทบทุกมื้อ

เสี่ยวเอ๋อร์กวาดสายตามองสภาพของเซียถงในตอนนี้ที่ค่อนข้างซ่อมซอ เสื้อผ้ากระสอบขาดรุ่ยเป็นบางส่วนดูไม่ค่อยดีนัก นี่อาจเป็นไปได้ว่า การเดินทางไปหาญาติทางไกลครั้งนี้มิค่อนราบรื่นนัก ทำเอาเสี่ยวเอ่อร์คนนั้นอดอยากรู้อยากเห็นมิได้ว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

เสี่ยวฮั่วที่ในขณะนี้ที่เสแสร้งแสดงเป็นลูกชายของเซียถง เห็นว่าเสี่ยวเอ๋อร์ตรงหน้ากำลังจะชวนคุยต่อ ก็ระเบิดเสียงร้องไห้งอแงออกมา พลางตะโกนบ่นคิดถึงท่านยายหรือก็คือฮูหยินหลี่นั่นเอง

เซียถงเอ่ยขึ้นว่า

“อันที่จริง…ญาติที่ว่าก็คือสามีข้าเอง แน่นอนว่าข้าเจอเขา แต่…แต่เขากลับไปมีครอบครัวอื่นเสียแล้ว”

นางยกมือขึ้นปาดน้ำตาทีหนึ่ง สีหนเอมทุกข์ราวกับกำลังจะร้องไห้

ในเวลานี้ ทั้งเย่หลีเทียนและไป๋หลี่เย่กำลังออกตามหาเซียถงแทบพลิกแผ่นดิน และยังมีอีกหลายจักรวรรดิที่ต้องการบัญชาสี่พิภพในมือของนาง ดังนั้นนางจำต้องระมัดระวังรอบคอบในทุกย่างก้าว

เสี่ยวเอ๋อร์เห็นแบบนั้นก็อดรู้สึกสะเทือนใจแทนมิได้ จึงเร่งปลอบโยนโดยไว ทั้งยังสบถด่าขึ้นอีกว่า

“ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสมเพชอะไรเยี่ยงนี้! ปล่อยทิ้งให้เจ้าค่อยดูแลเด็กเล็กกับคนชราไปมีครอบครัวอื่นได้เยี่ยงไรกัน! แม่นาง เช่นนี้แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปรึ?”

“คงต้องกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนที่เคยจากมา หางานเลี้ยงชีพเพื่อดูแลท่านแม่กับลูกคนนี้”

ขณะที่เซียถงกำลังสนทนาพูดคุยกับเสี่ยวเอ๋อร์อยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าชุลมุนวุ่นวายดังขึ้นพลัน ปรากฏเป็นทหารกลุ่มหนึ่งที่วิ่งขึ้นมายังชั้นสอง แต่ละฝีเท้าที่กระทบพื้นทั้งหนักหน่วงดุดัน ราวกับต้องการจะกระทืบพื้นไม้เหล่านี้ให้ทะลุกันไปข้าง

เซียถงปีรายหางตาเหลือบมองอยู่ปราดหนึ่ง พินิจจากเครื่องแบบแต่งกายน่าจะเป็นทหารของตงหลี่ และพวกเขาก็กำลังเดินตรงมาทางนี้แล้ว

นางก้มหน้ากดศีรษะลงเล็กน้อย พลางยกแขนเสื้อขึ้นปาดเช็ดน้ำตาอย่างเศร้าสร้อยอาลัย

ทหารนายหนึ่งเดินตรงเข้ามา ชำเลืองมองเซียถงไปทีหนึ่งและเปล่งเสียงดังตะคอกใส่เสี่ยวเอ๋อร์คนนั้น

“เจ้าเห็นหญิงสาวนางนั้นในประกาศจับบ้างหรือไม่?”

เสี่ยวเอ๋อร์รีบส่ายหัว

ทหารคนอื่นๆปรี่เดินตามติดเข้ามาสมทบ และกล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า

“ตอนนี้ทางเบื้องบนไล่กรวดขันกดดันพวกเราหนักมาก ไม่ว่ากรณีใดก็จำต้องค้นหาหญิงสาวนางนั้นให้เจอ มิฉะนั้นพวกเราทั้งหน่วยจะตายกันหมด! เวลาก็บีบเข้ามาเรื่อยๆแล้ว หากไม่เจอนางมีหวังแย่กันหมดแน่!”

ขณะเดียวกัน นายทหารคนนั้นก็หันไปเจอเซียถงที่กำลังก้มหน้าซับน้ำตาอยู่ จึงเอื้อมมือขึ้นเคยคางตรวจสอบทันที

“แม่นาง ให้พวกเราดูหน้าหน่อย!”

“ตอนนี้มีหญิงโสดไม่รู้เท่าไหร่แล้วที่ถูกจับยัดใส่ห้องขัง นี่ยังต้องการหามายัดเพิ่มอีกรึ? หากยังใช้วิธีนี้ตามหาต่อไป เกรงว่าห้องขังเป็นอันระเบิดแน่!”

ทหารอีกนายหนึ่งที่อยู่ข้างเคียงกล่าวตำหนิ

เมื่อเห็นว่า พวกทหารต้องการจะนำตัวเซียถงจับไปขัง เสี่ยวเอ๋อร์ผู้คล้อยตามไปกับการแสดงตบตาอันมากประสบการณ์ของเซียถงจนรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา จึงเร่งออกตัวกล่าวปกป้องแทนว่า

“พวกท่านโปรดใจเย็นก่อน! จะต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดเป็นแน่! นางเป็นเพียงหญิงจากหมู่บ้านชนบท ที่กำลังออกตามหาสามีเท่านั้น จะไปใช่อาชญากรหญิงที่ทางการต้องการตัวได้เยี่ยงไร?”

ได้ยินดังนั้น กลุ่มทหารต่างหันขวับจับจ้องใส่ด้วยความหงุดหงิด ทำเอาเสี่ยวเอ๋อร์คนนั้นตกใจกลัวจนขาอ่อนทรุดลงกับพื้น

พอเห็นว่าพวกทหารเข้าถึงเนื้อถึงตัวเซียถง เสี่ยวฮั่วก็แหกปากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง วิ่งเข้าโผกอดแข้งขาของนางเอาไว้แน่น ตะโกนส่งเสียงลั่นว่า

“พวกเจ้าจทำอะไร! ปล่อยแม่ข้าเดี๋ยวนี้! ปล่อยท่านแม่ข้าเดี๋ยวนี้!!”

เจอเสี่ยวฮั่วแหกปากร้องไห้ใส่ชนิดโหยหวนดังสนั่นปานนี้ ทำเอาดึงดูดความสนใจของเหล่าลูกค้าที่ใช้บริการโรงเตี้ยมได้ในทันที

กระทั่งพวกทหารเองก็ยังตกตะลึงกับเสียงร้องที่สุดจะโหยหวนน่าสงสารนี้ ทหารนายนั้นที่จับตัวเซียถงเอาไว้ ถึงกับต้องรีบปล่อยมือคลายออก เฝ้ามองเซียถงก้มตัวไปอุ้มลูกชายของตนมาโอ้กอดในอ้อมแขน อ้าปากค้างเติ่งตะลึงงันไปชั่วครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเอง ก็เป็นทหารอีกนายที่อยู่ข้างเคียงคนเดิม กล่าวเสริมขึ้นว่า

“พี่หวัง ไม่น่าจะใช่นางจริงๆ เพราะอาชญากรหญิงตามใบประกาศจับระบุว่าเป็นหญิงโสดไม่มีบุตร แล้วดูนางสิ กระเตงลูกตัวตั้งโต!”

พอรู้ว่านางไม่ใช่บุคคลที่กำลังตามหา ทหารนายนั้นก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อผลักไสเซียถงจนล้มตึงด้วยความโกรธ

“จะไปไหนก็ไป!”

หลังจากกลุ่มทหารเดินจากออกไป เสี่ยวเอ๋อร์ก็รีบช่วยประคองร่างของเซียถงขึ้นมา

“แม่นาง ลุกขึ้นก่อนเถิด”

เขายังกล่าวเสริมอีกว่า

“สถานการณ์บ้านเมืองในระยะนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ท่านเองก็น่าจะเห็น ตามถนนหนทางภายในเมืองมีแต่ทหารเดินลาดตระเวนอยู่เต็มไปหมด พวกเขาบอกแต่ว่า ต้องการจับกุมอาชญากรหญิงที่กำลังลี้ภัยหลบหนี เห้ออ…คนพวกนี้ก็จริงๆเลย กับแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวยังกลัวกันขนาดนี้ หากเกิดภัยสงครามขึ้นมาจะทำยังไง? บ้านเมืองอันไร้ซึ่งผู้ปกครองที่มีความสามารถ มันก็ไม่ต่างอะไรจากนรกทั้งเป็นนั่นแหละ เอาล่ะแม่นาง ท่านกลับไปพักผ่อนที่ห้องตามสบายก่อน ช่วงเย็นข้าจะส่งอาหารไปให้”

เซียถงยกมือโบกปัดด้วยความเกรงใจ หลังจากกล่าวขอบคุณ นางก็เดินทางกลับเข้าห้องพักพร้อมกับเสี่ยวฮั่วโดยตรง

ทันทีที่กลับเข้ามาในห้อง เซียถงก็ถอดชุดเสื้อผ้ากระสอบโยนทิ้งไปด้าน ระหว่างนั้น พลันกระตุกยิ้มเย้ยหยั่นขึ้นบนมุมปากของนางบางๆ

โดยไม่รอช้า นางเดินออกไปทางนอกหน้าต่างพร้อมยกมือขึ้นเปิดโดยไว มุ่งสายตาสะดุดมองไปยังทหารกลุ่มนั้นที่เพิ่งเดินจากโงรเตี้ยมออกมา ยามนี้กำลังเดินพูดคุยไปพลางกลางท้องถนนสายตรงหน้า

ประกายแสงสีเงินสว่างวาบยิงออกจากปลายนิ้วของเซียถงฉับพลัน…

“โอ๊ย!”

จู่ๆทหารนายนั้นที่ผลักไสร่างเซียถงจนร่วงลงกับพื้นก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ ผ่านไปสักครู่หนึ่ง บริเวณแก้มที่คล้ายกับว่าโดนอะไรบางอย่างต้อยเข้าก็เริ่มบวมแดงขึ้นมาจนเป็นซาลาเปาลูกแดงปูด

“พี่หวัง! ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”

ทหารอีกนายที่อยู่ข้างเคียงรีบวิ่งมาดูอาการโดยไว

แต่พอหันหน้ามาพลันต้องตกใจ ใบหน้าทั้งหน้าของทหารนายดังกล่าวบวมแดงช้ำเลือดลามไปทั่ว น้ำหูน้ำตาไหลพรากออกมาเกินจะควบคุมได้ จากนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นด้วยความปวดระทม ดึงดูดความสนใจของฝูงชนที่สัญจรไปมาบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวฮั่วถึงกับยกมือตบเข่าฉะใหญ่ ระเบิดหัวเราะคิกคักสนุกสนาน

“สมควรแล้ว! ใครที่กล้าทำร้ายนายท่านของข้า มันผู้นั้นไม่มีทางได้อยู่เป็นสุข! พิษชนิดนี้หากปักแทงโดยบริเวณใด บริเวณนั้นจะก่อเกิดความเจ็บปวดสุดพรรณนา!”

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท