ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 613 ตกหน้าผา (1)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่613 ตกหน้าผา (1)

ตอนที่613 ตกหน้าผา (1)

ปรากฏเป็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมหลวมสีเทาอ่อน วงแขนเสื้อกว้างพองตัวขึ้นจากสายลมที่พัดโชย เส้นผมสีขาวยาวไสวปลิวตามสายลม อย่างไรเสีย ภายหลังจากที่แสงสว่างสีขาวบนพื้นจางหายไป เซียถงก็สามารถปรับวิสัยทัศน์ แลเห็นร่างมนุษย์ตรงหน้าได้อย่างชัดแจ้ง!

“ที่แท้ก็เป็นเขา!”

กระทั่งเซียถงยังมิอาจคาดฝันได้ถึง บุคคลที่มีพลังการอัญเชิญอสูรที่น่าสะพรึงกลัวปานนี้ ปรากฏว่าเป็นผู้อาวุโสใหญ่นี่เอง!

ก่อนหน้านี้ เสี่ยวฮั่วกับเซียถงได้ร่วมมือช่วยกันพยายามตรวจสอบรากฐานพลังนักอัญเชิญอสูรของผู้อาวุโสใหญ่อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว แต่อย่างไร สิ่งนี้กลับลึกลับเกินไปอย่างยิ่ง ทั้งคู่จึงสามารถรับรู้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และนั่นก็ใช่ว่าจะสูงส่งอันใด แต่ใครจะคาดคิดว่า ระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจะน่าสะพรึงขวัญปานนี้! หรือเป็นไปได้ไหมว่าที่ผ่านมา เขาเสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอดุจชายชราทั่วไปคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้โดดเด่นจนเตะตาของใครเข้า!

เซียถงอดกลืนน้ำลายกระเดือกลงไปมิได้ ทันทีทันใด นางก็หวนย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว ในตอนนั้น เซียถงเคยมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับนักอัญเชิญอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนหลางนามว่า จางจู ซึ่งเป็นถึงนักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูรเช่นกัน

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่อันน่าสะพรึงขวัญเฉกเช่นผู้อาวุโสใหญ่ในเวลานี้ นางกลับตระหนักได้ว่า ความรู้สึกในตอนนั้นและปัจจุบันกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หรือก็คือ นางไม่รู้สึกถึงโอกาสชนะชายชราตรงหน้านี้ได้เลย!

“นายท่าน รีบหนีกันเถอะ!”

เซียถงระงับยับยั้งกลิ่นอายทั้งหมดที่แผ่กระจายจากกายาโดยหมดสิ้น ย่องเท้าเบาลอบบินขึ้นสู่เบื้องบน แต่ทันใดนั้น กลับมีเชือกจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงตกลงมา!

เชือกทั้งหมดที่อยู่ด้านบนถูกตัดขาดลงมา!

เช่นนี้ก็แสดงว่า…

นับไม่ทันครุ่นคิดร่อนบินขึ้นไปไหนต่อ จู่ๆเซียถงก็เห็นเงาร่างสีดำดิ่งพสุธาร่วงลงมาจากเหนือหัว!

เสี้ยวพริบตานั้น เซียถงรีบหันศีรษะของตนเหลียวกลับไปมอง จากระยะหางตานี้เห็นเพียงว่า ผู้อาวุโสใหญ่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เสมือนกับว่ากำลังมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการร่ายอาคมสวดคาถาอะไรบางอย่าง ในขณะเดียวกันก็มีอักขระโบราณแปลกๆจำนวนหลายร้อยตัวปรากฏขึ้นทั่วทั้งใบหน้าของเขา ใครเห็นต่างต้องขนหัวลุกสยดสยอง!

ทั้งหมดที่กล่าวเล่ามาล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา!

เงาร่างสีดำที่ร่วงตกลงมาจากบนหน้าผาก พุ่งลงมาใส่นางด้วยความเร็วที่สูงมาก!

ทันทีทันใด พลันมีเสียงเรียกตะโกนขึ้นลั่นจากบนหน้าผากแห่งนั้น

“ท่านอาจารย์!”

สุ้มเสียงนี้คล้ายกับอาจิว ลูกศิษย์คนสนิทของผู้อาวุโสใหญ่

เมื่อได้ยินเสียงเรียกขานของอาจิว ผู้อาวุโสใหญ่จึงค่อยถอนตัวขึ้นจากภวังค์สมาธิ หันศีรษะเหลือบมองออกไป

พริบตานั้น ปรากฏเงาร่างสีดำดิ่งพสุธาผ่านหน้าไป เสมือนคนจากสองฟากฝั่งหันเข้ามาสบมองกันโดยมีร่างเงาสีดำนี้ร่วงคั่นกลางเอาไว้อย่างพอดิบพอดี เซียถงที่ลอยอยู่กลางอากาศเหลียวมองร่างสีดำนี้ ขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่เองที่อยู่ในเวิ้งถ้ำใต้หน้าผาก็หันมองมันเช่นเดียวกัน

ปรากฏว่าเงาร่างสีดำที่ถูกโยนลงมาก็คือซ่งเหว่ย!

เสี้ยวอึดใจนั้น เซียถงกัดฟันดำดิ่งลงไปช่วยซ่งเหว่ยที่ร่วงตกจากหน้าผากโดยเร็ว ทันทีที่เอื้อมือจับอีกฝ่ายได้ก็เร่งถ่ายพลัง สำแดงใช้เกราะแสงวิญญาณเข้าคลุมเคลือบร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้

เสียงตกกระแทกดังโครมคราม ส่วนศีรษะของซ่งเหว่ยดิ่งปะทะด่านโขกหินที่ก้นทะเลอย่างแรงจนแตกกระจุยเป็นผุยผง เศษกรวดละอองฝุ่นฟุ้งตลบจนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใต้นั้นไม่เห็นอีกต่อไป

คล้อยหลังได้ยินสุ้มเสียงตะโกนของอาซิ่วศิษย์ตน ผู้อาวุโสใหญ่จึงบินขึ้นหาบนหน้าผากพร้อมกับฝูงเทพอสูรของตน

ตกหน้าผาคราวนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งรุนแรงมาก หากไม่ได้หลิวซูที่จำแลงกลายเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าบินเข้ามาช้อนรับเพื่อลดทอนแรงกระแทกได้ทัน ปานนี้เกราะแสงวิญญาณที่ผนึกตัวไม่สมบูรณ์บนร่างซ่งเหว่ยคงมิอาจรักษาชีวิตของเขาได้เช่นกัน โชคยังดีนักที่ตอนนี้อีกฝ่ายแค่เป็นลมหมดสติไปเท่านั้น ทุกอย่างยังถือว่าอยู่ในการควบคุมของเซียถง

ในขณะที่เซียถงและซ่งเหว่ยร่วงตกหน้าผากดำดิ่งสู่ก้นทะเลคลั่งที่มีคลื่นนับไม่ถ้วนซัดสาด

เวลาเดียวกัน อาจิวก็ชะโงกหน้าก้มมองตามลงไป เขากล่าวรายงานกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า

“ท่านอาจารย์ เมื่อครู่ซ่งเหว่ยมันกำลังแอบดูท่านอยู่! แต่ข้าผลักมันตกหน้าผากไปแล้ว!”

ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงรักษาความสงบนิ่งจวบจนบัดนี้ ปราศจากทีท่าตื่นตระหนกใดๆ เขากล่าวน้ำเสียงเย็นชืดเพียงว่า

“ก็แค่ลูกชายของผู้อาวุโสสาม หาได้สำคัญอันใด เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ หลังจากที่คนอื่นตามหาซ่งเหว่ยไม่เจอ เจ้าก็แค่บอกไปว่า มันผลักตกหน้าผากตาย”

“ขอรับท่านอาจารย์! ศิษย์รับทราบแล้ว!”

พออาจิวเห็นว่า ฝูงเทพอสูรที่คอยติดตามผู้อาวุโสใหญ่นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆ แววประกายความปีติดีใจพลันสาดฉายผ่านแววตาของเขา แล้วกล่าวอย่างมีความสุขขึ้นว่า

“ในที่สุดท่านอาจารย์ก็ฝึกพวกมันจนเชื่องได้แล้ว! หลังจากนี้ ย่อมต้องได้ครอบครองพญามัจฉาจ้าวปักษาคุนเผิงเป็นสัตว์วิญญาณของท่านดั่งปรารถนาเป็นแน่!”

ได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็ฉีกยิ้มกว้างพลัน เอื้อมมือยกขึ้นตบไหล่ของอาจิวเบาๆสองสามที แต่นั่นทำเอาอีกฝ่ายยืนตัวแข็งทื่อพร้อมเหงื่อเย็นที่เอ่อชุ่มชโลมทั่วแผ่นหลัง

ต่อมา หลังจผู้อาวุโสใหญ่เดินทางจากออกไป อาจิวก็รีบปรี่วิ่งไปดูที่ขอบผาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง และพบว่าคลื่นทะเลอันเชี่ยวกรากกำลังพัดร่างของซ่งเหว่ยลอยขึ้นมา เขารีบยกมือปาดเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากอย่างโล่งอก และรีบวิ่งจากไปพร้อมทีท่ากระวนกระวาย

ในขณะเดียวกัน เซียถงกำลังดำน้ำลึกซ่อนตัวอยู่ใต้ร่างที่ลอยคอของซ่งเหว่ยอยู่อีกที ขณะเดียวกันก็วานให้เสี่ยวฮั่วจำแลงเป็นลูกไฟสีม่วงสร้างค่ายกลปิดกั้นพลังเอาไว้ และให้หลิวซูในร่างกระบี่ทัณฑ์ฟ้าแผดกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์เข้าข่มบรรดาสัตว์อสูรใต้ทะเลลึกเพื่อมิให้เข้าใกล้

อย่างไรเสีย ถึงแม้จะพยายามแผดรัศมีไล่พวกมันไปแล้ว แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรใต้สมุทรจำพวกลายครามเข้ารุกล้ำอยู่ดี จึงหาใช่เรื่องง่ายนักที่จะเอาชีวิตรอดฝ่าคลื่นก้นทะเลคลั่งแห่งนี้ออกมาโดยมิให้ถูกจับได้…

เมื่อแสงแรกอรุณทอประกายสาดลงมา เซียถงก็ตะกายขึ้นฝั่งได้เสียทีอย่างยากลำบาก โดยมีหลิวซูคอยลากร่างของซ่งเหว่ยติดตามขึ้นมาสภาพเหน็ดเหนื่อย ทั้งสองช่วยกันแบกหามร่างที่ไร้สติมาพักพิงอยู่แถวโขกหินปลอดภัยแห่งหนึ่ง

ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เซียถงต้องคลื่นทะเลคลั่งดุจคมมีดเข้ากระหน่ำซัดโถมอย่างไม่มีหยุดหย่อน ส่งผลให้เกิดบาดแผลคล้ายโดนของมันคมฟันอยู่หลายจุดบนร่างของนาง และเมื่อบาดแผลเหล่านี้ถูกน้ำทะเลเค็มเข้ากัดเซาะ ก็บังเกิดเป็นความเจ็บแสบสุดพรรณนายิ่งนัก

เซียถงกัดฟันกรอด หยิบผงโอสถออกมาทาอย่างรวดเร็ว

เวลานี้เอง ซ่งเหวยก็เพิ่งได้สติเลือนรางตื่นขึ้นมาท่ามกลางวิสัยทัศน์ภาพสลัว เมื่อปรับสายตาจนมองเห็นได้ชัดแจ้ง พลันต้องตกใจขนานหนักเมื่อพบว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าเขาก็คือ เซียถงในสภาพที่มีบาดแผลฉาบเลือดอยู่ทั่วร่าง เขาตกใจจนแทบกัดลิ้นตัวเองด้วยซ้ำ เสี้ยวอึดใจนั้นก็รีบเร่งเอ่ยถามทันทีว่า

“ทะ-ท่านพี่เซียถง? นี่เกิดอะไรขึ้น? แล้วไฉนข้าถึงอยู่ตรงนี้ได้?”

แลสังเกตเห็นเซียถงกำลังใช้ผงโอสถฉาบทาอยู่นั้น เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ น่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอันใด

เซียถงพยักหน้าพร้อมเอ่ยปากอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ซ่งเหว่ยฟังโดยสังเขปทันที

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน