Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว – บทที่ 307 กู่อวี๋เฉิงช่วยฉันด้วย

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 307 กู่อวี๋เฉิงช่วยฉันด้วย

บทที่ 307 กู่อวี๋เฉิงช่วยฉันด้วย

Content Warning: มีการใช้ความรุนแรงทางร่างกาย (physical abuse)

คุณปู่เคยพูดก่อนหน้านี้มาหลายครั้งว่าให้เขารีบหย่ากับอวิ๋นจิ้งหว่าน

“ตระกูลฮัวจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลไม่ได้ อวิ๋นจิ้งหว่านไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว”

“อาจิง จัดการเรื่องนี้ให้ดี ๆ อย่าปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมเรา และจะให้คนอื่นมาพูดว่าตระกูลฮัวไร้หัวใจไม่ได้เด็ดขาด”

ฮัวจิงดึงลิ้นชักชั้นที่อยู่ล่างสุดออกมา ในนั้นมีเอกสารอยู่สองฉบับ

ฉบับแรกคือข้อตกลงในการหย่าร้าง ซึ่งฮัวจิงลงชื่อในเอกสารเรียบร้อยแล้ว รอแค่ให้อวิ๋นจิ้งหว่านเห็นด้วยเท่านั้น

ฉบับที่สองคือรายงานทางการแพทย์เรื่องที่อวิ๋นจิ้งหว่านมีบุตรยาก

เขาจุดไฟแช็ก เปลวไฟสีส้มลุกโชนขึ้นกลืนกินรายงานทางการแพทย์จนหายไป เหลือไว้เพียงกลิ่นขี้เถ้าจาง ๆ ที่ลอยไปในอากาศ

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฮัวจิงรีบเก็บข้อตกลงในการหย่าร้างเข้าไปในลิ้นชักและล็อกกุญแจเอาไว้

“เข้ามา”

อวิ๋นจิ้งหว่านเข้ามาพร้อมกับถาดในมือ เธอเดินเข้ามายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือ และเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำบนถาด “ร้อนจัง”

ฮัวจิงลุกขึ้นยืน “คุณมานี่หน่อยสิ”

กลิ่นหอมของชาโชยมาจากแก้ว

“อาจิง ช่วงนี้คุณต้องออกไปดื่มบ่อย ๆ ฉันเลยชงชามาให้ ฉันใส่อินทผลัมกับลำไยเข้าไปด้วย ดื่มเยอะ ๆ นะคะ มันดีต่อลำไส้”

ฮัวจิงหยิบขึ้นมาดื่มเข้าไปหนึ่งอึก

ชาในแก้วไม่ร้อนไม่เย็น กำลังอุ่นพอดี

อวิ๋นจิ้งหว่านใส่ใจเขามาโดยตลอด

ฮัวจิงจับมือเธอเอาไว้ “คุณสั่งให้คนไปทำให้ก็ได้ ไม่ต้องหักโหมตัวเองขนาดนี้หรอก”

“อืม ฉันอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อาจิง ฉันกลับไปนอนพักที่ห้องก่อนนะคะ คุณจัดการงานเสร็จแล้วก็รีบไปพักล่ะ”

“ครับ”

ฮัวจิงไปส่งเธอที่หน้าห้องก่อนจะหันหลังกลับ

แสงสลัว ๆ บนทางเดินทำให้ใบหน้าของอวิ๋นจิ้งหว่านสว่างขึ้น มันเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์

เธอดูแตกต่างไปจากภรรยาผู้อ่อนโยนที่คุยกับฮัวจิงเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง

เธอดึงผ้าห่มออกและขึ้นไปนอนบนเตียง ดวงตาเบิกกว้าง คอยฟังเสียงของเหล่าคนใช้ที่ทำงานอยู่ชั้นล่าง

จนกระทั่งเสียงรอบ ๆ ตัวสงบลง

ฮัวจิงคงจะไม่มีทางกลับมานอนที่ห้องแน่ ต่อให้เธอย้ายไปอยู่ห้องนอนของเขา มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

เธอมองภาพงานแต่งงานนิ่ง ในวันนั้นอวิ๋นจิ้งหว่านยิ้มด้วยความเขินอายราวกับว่ามันคือเรื่องตลก

เธอลุกขึ้นมาจากเตียง และเดินไปยังสถานที่หนึ่ง

ตระกูลฮัวมีอาคารร้างอยู่ที่มุมทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากอาคารหลักอยู่ไกลมาก เดิมทีอาคารนี้มีไว้จัดเก็บสิ่งของ แต่หลังจากนั้นมันก็ถูกทิ้งร้าง

กว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไม่มีใครมาที่นี่เลย

มันเป็นอาคารที่ไม่ใหญ่มากนัก แสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

อวิ๋นจิ้งหว่านเดินไปรอบ ๆ อาคารนั้นกว่า 10 นาที เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามมา เธอจึงเปิดทางเข้าห้องใต้ดินและเข้าไปในนั้น

เธอเดินบันไดยาวเหยียดลงมา พร้อมกับได้ยินเสียงพูดอันแผ่วเบาในนั้น

ผู้ชายตัวสูงใหญ่สองคนที่กำลังงัวเงีย ๆ อยู่ เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจิ้งหว่านมาก็รีบลุกขึ้นยืน “คุณอวิ๋น”

ไม่ใช่คุณนายฮัว แต่เป็นคุณอวิ๋น

นี่คือคนรับใช้ผู้ภักดีของตระกูลอวิ๋น

“เธอเป็นยังไงบ้าง?”

ผู้ชายคนหนึ่งตอบกลับ “ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของคุณครับ เธอกินข้าวแค่มื้อเดียว และอนุญาตให้นอนได้แค่วันละสามชั่วโมง เธอดูจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ”

อวิ๋นจิ้งหว่านถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพรางตัว เป็นชุดคลุมทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าจนดูไม่ออกเลยว่าเธอเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปที่มุมห้อง

เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้น ประตูเหล็กเปิดออก

กลิ่นเหม็นปะทะเข้ากับใบหน้า มีแอ่งน้ำเล็ก ๆ บนพื้นคอนกรีตที่เปียกเฉอะแฉะ ห่างออกไปเล็กน้อยทุกอย่างกลายเป็นสีดำ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าอากาศหนาวมาก ทั้งห้องนี้ก็คงจะเต็มไปด้วยแมลงวันไปแล้ว

อวิ๋นจิ้งหว่านขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ เธอเดินไปตรงหน้าของซูหยินอย่างเหนือกว่า “ลืมตาขึ้นเดี๋ยวนี้”

ซูหยินไม่ขยับเขยื้อน

อวิ๋นจิ้งหว่านโน้มตัวเข้าไปและดึงโซ่ที่คอเธออย่าแรง “ฉันรู้ว่าแกไม่ได้หลับ”

“ไม่อยากเห็นหน้าฉันงั้นเหรอ?”

ซูหยินหิวจนไม่มีแรง มองผู้คนก็แทบจะไม่เห็น และที่สำคัญ เธอไม่ได้นอนเลย

“เธอไม่เห็นแสงสว่างบ้างเลยเหรอ มีเรื่องอะไรถึงมาจับตัวฉัน มีอะไรก็เปิดหน้าออกมาสิ หดหัวหนีแบบนี้ หรือว่าพวกเรารู้จักกัน?”

อวิ๋นจิ้งหว่านปล่อยมือ “ดูเหมือนว่าแกยังหิวไม่มากพอสินะ ยังมีแรงพูดอยู่อีก”

ซูหยินแค่พยายามฝืนตัวเองก็เท่านั้น เธอพูดออกไปได้แค่สองประโยคก็แทบจะหายใจไม่ทันแล้ว “นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ขังเธอเอาไว้และมาพูดจาเหน็บแนมเธอได้ทุกวี่ทุกวัน

อวิ๋นจิ้งหว่านยิ้มอย่างเย็นชา “ตอนนี้แกมันก็แค่หมาตัวหนึ่งที่ฉันเลี้ยงเอาไว้ มีสิทธ์อะไรมาตะคอกใส่ฉัน? ยังคิดว่าตัวเองเป็นดาราอยู่งั้นเหรอ?”

“ฉันเอาของดีมาให้แก คิดว่าแกน่าจะต้องชอบแน่ ๆ”

อวิ๋นจิ้งหว่านเดินออกจากประตูเหล็กไปและพาผู้ชายสองคนเข้ามา

หนึ่งในนั้นถือเข็มฉีดยาอยู่ในมือ

ซูหยินมองเห็นไม่ชัด แต่รับรู้ได้ถึงอันตราย เธอพยายามเพ่งตามอง “พวกแกจะทำอะไร?”

อวิ๋นจิ้งหว่านยกเข็มฉีดยาขึ้น “ยาเสพติดตัวใหม่ที่พึ่งพัฒนาขึ้นมา ลองดูหน่อยสิ?”

ซูหยินบังคับให้ตัวเองถอยหลังไปสองก้าว เธอพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เธอแค้นอะไรฉันเหรอ”

“ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”

อวิ๋นจิ้งหว่านแผดเสียงหัวเราะอันเศร้าสร้อยออกมา “แกต่างหากที่ทำร้ายฉันก่อน”

หัวของซูหยินทำงานในทันที “คุณเป็นใครกันแน่? หลี่เพ่ยเพ่ย? หลินเฉวียน? หรือว่า…”

“ไม่ใช่ทั้งนั้น” อวิ๋นจิ้งหว่านหยุดเธอเอาไว้ “ซูหยิน ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ฉันจะเอาสิ่งที่แกแย่งจากฉันไปคืนมาให้หมด”

เธอโบกมือขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาล็อกตัวซูหยินเอาไว้

ผู้ชายอีกคนใช้เข็มดูดยาขึ้นมาจนเต็มหลอด พอมองไปเห็นผู้หญิงที่อยู่ที่พื้นก็อดไม่ได้ที่จะสงสารเธอ

“ออกไป”

ซูหยินอยากจะถอยหนี แต่กลับขยับไปไหนไม่ได้เลย

“ปล่อยฉัน แกมันคนเลวทรามไร้ยางอาย”

ซูหยินทนกับการที่ถูกเลี้ยงดูเหมือนสัตว์ได้

ตีเธอ ด่าว่าเธอ ซูหยินก็ทนได้

แต่ยาเสพติดนี่มัน…

เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมงานที่เคยเสพยา ซูหยินอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้

“ปล่อนฉันนะ ฉันยอมฟังคุณหมดทุกอย่างเลย” เธอพูดน้ำเสียงอ้อนวอน

ความรู้สึกเหมือนพวกโรคจิตก่อตัวขึ้นในใจของอวิ๋นจิ้งหว่าน “ดีมาก ในที่สุดก็รู้แล้วสินะว่าแกเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง”

“เห่าให้ฟังหน่อยสิ”

ซูหยินเปิดปากออกอย่างยากลำบาก “โฮ่ง”

“เสียงดังหน่อย”

“โฮ่ง”

อวิ๋นจิ้งหว่านพอใจเป็นอย่างมาก เธอส่งสายตาไปให้ผู้ชายสองคนนั้น

ผู้ชายหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาและค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของซูหยิน “ไม่นะ…”

“กู่อวี๋เฉิง ช่วยฉันด้วย!”

คืนนี้ กู่อวี๋เฉิงกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากจนถึงกับนั่งไม่ติด

ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นจนถึงดึกดื่นและค่อย ๆ หายไป

เขาดม ๆ ที่เสื้อผ้าของตัวเอง มันมีแต่กลิ่นเหม็น

เขาเก็บเสื้อผ้าและเตรียมไปอาบน้ำอย่างเหนื่อยล้า เดินไปได้ครึ่งทางก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทงขึ้นมาในหัวใจ

กู่อวี๋เฉิงยืนทรงตัวไม่ไหวจนล้มลงไปกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ซูหยิน คุณกำลังเรียกผมอยู่ใช่ไหม?”

สิบวันผ่านไป ตำรวจไม่พบเบาะแสใด ๆ เลยจึงตัดสินใจที่จะล้มเลิกการค้นหา

ทุก ๆ ปีมีคนมากมายที่หายสาบสูญไปและหาตัวไม่พบ พวกเขาเองก็ไม่สามารถนำกำลังของตำรวจทั้งหมดไปใช้เพื่อคน ๆ เดียวได้

แม้ซูโย่วอี๋จะขอร้อง

“เจ้าหน้าที่เหลียง ถ้าหากว่าพวกเรายอมแพ้ ก็จะไม่เหลือความหวังในการช่วยหยินหยินแล้วนะคะ”

“เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณเชื่อฉันเถอะ”

“คุณซู เรื่องนี้ทางตำรวจจะให้ความสำคัญแน่นอน แต่คุณเองก็ควรจะต้องเตรียมใจกับข่าวร้ายเอาไว้ด้วย”

หัวใจของซูโย่วอี๋เหมือนจะแตกสลาย

สุนัขจิ้งจอกทนดูเฉย ๆ ไม่ได้ [ซู่จู่ การไม่มีข่าวคราวอะไรแบบนี้อาจจะเป็นข่าวดีก็ได้]

ซูโย่วอี๋เดินอย่างไร้จุดหมายไปบนถนน หวังว่าซูหยินจะกระโดดออกมาจากมุมไหนสักมุมและเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’

จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้นมา ซูโย่วอี๋หยิบขึ้นมาดูก็ชาวาบไปทั้งร่างกาย

มันเป็นเบอร์แปลก

‘ในถังขยะตรงประตูทิศใต้ของอาคารเทียนเฉิงมีสิ่งของที่คุณต้องการอยู่’

ซูโย่วอี๋โทรกลับไป แต่ปลายสายมีเพียงเสียงเย็นชาของผู้หญิงดังขึ้น [ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณโทรออกยังไม่เปิดใช้บริการ กรุณาตรวจสอบเบอร์ติดต่อก่อนโทรออก]

ซูโย่วอี๋ไม่กล้าเสียเวลาอีกต่อไป เธอรีบวิ่งไปยังประตูของอาคารเทียนเฉิง จากที่นี่ไปก็แค่ไม่กี่นาที

ระหว่างทาง เธอแจ้งข่าวให้กับกู่อวี๋เฉิงและเจ้าหน้าที่เหลียง

“ฉันล่วงหน้าไปก่อน”

เจ้าหน้าที่เหลียงเตือนให้เธอระมัดระวังตัวให้ดี “อย่าพึ่งรีบร้อนเข้าใกล้ถังขยะล่ะ”

ไม่มีใครรู้ว่าในถังขยะเป็นเบาะแสหรือระเบิด

อาคารเทียนเฉิงอยู่ในย่านธุรกิจที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากที่ซูโย่วอี๋รีบไปยังประตูทางทิศใต้แล้ว ที่นี่ก็มีผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมด

คนที่เดินผ่านไปผ่านมาทิ้งขยะกันไม่หยุด

ซูโย่วอี๋รออยู่ 2 วินาทีก่อนที่จะเดินไปทางถังขยะ

สุนัขจิ้งจอกเรียกขึ้นมา [ซู่จู่ คุณบ้าไปแล้ว]

[ตำรวจกำลังจะมาถึงแล้ว คุณไม่ห่วงชีวิตแล้วหรือไง?]

ซูโย่วอี๋ไม่ได้ตอบกลับ เธอเปิดฝาถังขยะออกและชะโงกหน้าเข้าไปดู

หน้ากากอนามัยไม่สามารถบดบังกลิ่นเหม็นเน่าได้

น้ำซุป อาหารเน่าเสีย กระดาษสกปรก…

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมอง

“หน้าตาสวยแท้ ๆ แต่งตัวก็ดี แต่กลับมาคุ้ยขยะเนี่ยนะ?”

“สกปรกชะมัด เธอเอามือไปจับมันได้ยังไงเนี่ย”

“เห็นแล้วฉันอยากจะอ้วก จะคุ้ยก็คุ้ยไป แต่จะเอามามองใกล้ ๆ ทำไมเนี่ย อี๋”

“เหมือนเธอกำลังหาอะไรบ้างอย่าง คงจะเป็นของที่สำคัญมาก ๆ เลยนะ”

ไม่งั้นใครจะมาคุ้ยขยะกันล่ะ?

ตำรวจที่เพิ่งมาถึงปิดล้อมถังขยะเอาไว้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้กันผู้คนเอาไว้รอบนอกแล้ว แต่ยิ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้คนหยุดดูกันมากยิ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่เหลียงเดินตรงมายังด้านหน้าของซูโย่วอี๋ “เจออะไรไหมครับ?”

มือของซูโย่วอี๋ยังคงคุ้ยไม่หยุด เหมือนเป็นการบอกว่าเธอยังไม่เจอสิ่งของที่ต้องการเลย

แต่ทันใดนั้น เธอก็นิ่งไป

มันคือหมั่นโถวที่อีกครึ่งซีกยังกินไม่หมด ส่วนที่ถูกตัดถูกย้อมด้วยสีแดงเล็กน้อย

ซูโย่วอี๋หยิบหมั่นโถวขึ้นมา เธอรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

น้ำหนักของหมั่นโถวที่ควรเบากลับหนักจนผิดปกติ

ด้านข้างมีตะเข็บขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

นี่แหละ!

ซูโย่วอี๋ฉีกหมั่นโถวออก เผยให้เห็นนิ้วมืออันแห้งเหี่ยว

นิ้วมือเรียวสวยที่เพนท์รูปแมวอยู่บนเล็บ

ซูโย่วอี๋ตัวสั่น เธอรู้ดีว่านี้คือนิ้วมือของซูหยิน

สีหน้าของเจ้าหน้าที่เหลียงเปลี่ยนไป เขารีบแจ้งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อนำนิ้วกลับไปยังสถานีตำรวจ

ตอนที่กู่อวี๋เฉิงมาถึง เขาก็เห็นเหตุการณ์นี้พอดี

เขยืนาตัวแข็งทื่ออยู่สักพักก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาพยุงให้ซูโย่วอี๋ลุกขึ้น

ชุดสูทและรองเท้าหนังที่ดูเรียบร้อยไปทั้งตัว

นอกจากสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแล้ว ทั้งตัวของเขาไม่ต่างจากตอนก่อนเกิดเหตุกับซูหยินเลย

แต่สายตาของเขาปกคลุมไปด้วยความหม่นหมองทั้งหมด

มันดูเหม่อลอยและหนักอึ้ง

ซูโย่วอี๋ไม่กล้ามองหน้ากู่อวี๋เฉิง เธออยากจะเอ่ยปากปลอบเขา แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอและไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลย

กลับกัน กู่อวี๋เฉิงตบลงที่ไหล่ของเธอเบา ๆ

ผลดีเอ็นเอของนิ้วที่ขาดออกมาแล้ว มันเป็นนิ้วของซูหยินอย่างแน่นอน

น้ำเสียงสงบนิ่งของเจ้าหน้าที่เหลียง “จากสภาพของนิ้วที่ขาด พิสูจน์ได้ว่าพึ่งถูกตัดออกมาจากร่างที่มีชีวิตได้ไม่นาน”

“มีความเป็นได้สูงมากว่าซูหยินยังมีชีวิตอยู่”

จนถึงตอนนี้ นี่น่าจะเป็นข่าวดีเพียงข่าวเดียว

ซูโย่วอี๋เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “ตรวจสอบคนที่ส่งข้อความมาจากเลขได้ไหมคะ?”

“คนที่เอานิ้วมาทิ้งไว้ล่ะ?”

เจ้าหน้าที่เหลียงพยักหน้า “กำลังตรวจสอบอยู่ครับ ถ้าได้ข่าวคราวอะไรจะแจ้งพวกคุณทันที”

ความจริงผลการตรวจสอบออกมาแล้ว

สถานที่ส่งข้อความคือต่างประเทศ จึงไม่สามารถแกะรอยได้

คนที่เอานิ้วมาทิ้งเอาไว้ก็หายเข้าไปในกลุ่มผู้คน

เบาะแสสำคัญตอนนี้มันหายไปอีกแล้ว

ส่วนเจ้าหน้าที่เหลียงแค่ทำตามคำแนะนำของลู่เฉิน คือการไม่บอกความจริงกับซูโย่วอี๋ก็เท่านั้น

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

Status: Ongoing
ซูโย๋วอี่เพิ่งถูกสามีที่เป็นทั้งชีวิตนอกใจ แต่แล้วกลับมีระบบสุดยอดเทพธิดาปรากฏขึ้นตรงหน้า แถมบอกอีกว่าเธอจะต้องกลายเป็นดาราสุดฮอตได้แน่!‘ซูโย๋วอี่’ สาวอ้วนหนักกว่าแปดสิบแปดกิโลกรัม ถูกสามีที่เป็นทั้งชีวิตนอกใจ แต่เมื่อเธออับจนหนทางกลับมีระบบสุดยอดเทพธิดาปรากฎขึ้นตรงหน้า แถมบอกว่าเธอต้องสวยขึ้นแล้วกลับไปแก้แค้นสามีที่กล้านอกใจ ด้วยเส้นทางสู่ดาราสุดฮอตเบอร์ต้นของประเทศ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน