บทที่ 318 ไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้
บทที่ 318 ไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้
เธอคิดอยากจะทดลอง
ซูโย่วอี๋ย่อตัวลง ซึ่งเจ้าแมวก็เข้ามาใกล้ทันที มันนอนลงบนพื้นและปล่อยให้ซูโย่วอี๋ลูบท้อง
“เสี่ยวมี่ เธอรู้ไหมว่าแว่นตาของคุณยายหายไปไหน?”
แมวตาปิดลง เหมียว
เธอรู้จริง ๆ ด้วย!
ซูโย่วอี๋ตื่นเต้นมาก “เธอช่วยพาฉันไปหาแว่นตานั้นได้ไหม?”
เหมียว
เจ้าแมวยันตัวขึ้นยืนสองขา ก่อนเดินไปที่ประตู
ซูโย่วอี๋เดินตามไปข้างหลังและมองย้อนกลับไปที่หญิงชราที่กำลังงีบหลับบนเก้าอี้เอนหลัง โดยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเธอและเจ้าแมว
เมื่อเดินผ่านประตูบ้าน เจ้าแมวก็เดินวนไปวนมา 3 รอบก่อนจะหยุด
แมวมองขึ้นไปที่ลานบ้านคนอื่น
ซูโย่วอี๋ถามอย่างไม่แน่ใจ “แว่นตาอยู่ข้างในเหรอ?”
เหมียว
ต้องเข้าบ้านคนอื่นเหรอ?
ขณะกังวลอยู่นั้น แมวตัวนั้นก็กระโดดไปที่รั้วแล้วเข้าไปข้างใน
สักพักมันก็ออกมาพร้อมกับคาบแว่นขอบดำไว้ในปาก
สีขาแว่นที่หลุดลอก มันเป็นอันที่คุณยายทำหาย!
ไม่แปลกใจเลยที่เธอหามันไม่พบ แว่นตาไม่ได้อยู่ในบ้านนี่เอง!
“ขอบคุณนะ แมวน้อย”
แมวเดินวนไปวนมาอย่างมีความสุขพร้อมกับร้องเหมียวไปด้วย
หลังได้แว่นตามา ซูโย่วอี๋ก็กลับไปที่บ้านคุณยายพร้อมกับแมวในอ้อมแขนของเธอทันที และยื่นแว่นตาให้กับยายเฒ่าซี
หญิงชรามองแว่นตาของเธอสักพัก และพึมพำกับตัวเอง “นี่คืออันที่ฉันทำหาย สาวน้อย เธอหามันเจอจากที่ไหน?”
ซูโย่วอี๋ละส่วนที่แมวนำทางไป แล้วอธิบายขั้นตอนการหาแว่นตาโดยละเอียด
หญิงชราส่ายหัวอย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าเสี่ยวมี่จะไปเที่ยวเล่นข้างนอก แล้วเอามันออกไปสินะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบเม็ดช็อกโกแลต 10 เม็ดออกมาจากกระปุกออมสินส่งให้เธอ “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเธอนะจ๊ะ มีเม็ดช็อกโกแลตพิเศษ 2 เม็ด ถือเป็นของตอบแทนจ้ะ”
ซูโย่วอี๋ไม่เกรงใจ เธอรับเม็ดช็อกโกแลตมาอย่างมีความสุข
จากนั้นระบบแจ้งเตือน
[ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่ที่ทำภารกิจช่วยยายเฒ่าซีหาแว่นตา ประสบการณ์ทำงาน +3 เม็ดช็อกโกแลต +10]
“คุณยายคะ ฉันกลับก่อนนะคะ”
ยายเฒ่าซีเรียกเธอให้หยุด “สาวน้อย เธอทายารักษากระดูกหักให้ฉัน ฉันจะเอาดอกไม้กับพืชให้เธอ เธอเลือกเอาดอกไม้และต้นไม้ในสวนนี่ที่เธอชอบได้เลยจ้ะ”
ซูโย่วอี๋ลังเลและพูดว่า “ตกลงค่ะ”
มันผลิตโดยระบบ มันจะต้องเป็นของคุณภาพสูงแน่
จะมีประโยชน์หรือเปล่า ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
ซูโย่วอี๋มองไปรอบ ๆ ในสวนมีพรรณไม้มากมาย แต่ไม่มีพันธุ์ใดที่เหมือนกันเลย
เธอต้องการสัมผัสดอกไม้และต้นไม้ด้วยมือ เพื่อลองดูว่าระบบจะแจ้งสรรพคุณของดอกไม้และต้นไม้พวกนี้หรือเปล่า
แต่ก่อนที่มือจะแตะมัน เสียงของยายเฒ่าซีก็ดังขึ้น
“สาวน้อย เธอจะโลภไม่ได้นะ เธอเลือกได้เพียงดอกเดียว แตะเพียงดอกเดียว”
ซูโย่วอี๋ปัดทิ้งความคิดอื่น ๆ ในทันที ก่อนเลือกต้นไม้ที่ดูธรรมดา ๆ ที่มีลำต้นเปลือยเปล่า แต่ออกผลสีเขียว
“คุณยาย ฉันต้องการต้นนี้ค่ะ”
ยายเฒ่าซีชำเลืองมองเธอ “หยิบมันไปเถอะ”
ซูโย่วอี๋ดึงต้นไม้ออกมาอย่างแรง ก่อนกระถางดอกไม้จะปรากฏขึ้นในอากาศ
[ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่ที่ได้รับผลไม้จิตวิญญาณ คุณต้องการปลูกลงในกระถางตอนนี้หรือไม่?]
[ผลไม้จิตวิญญาณเติบโตได้ในดินของกระถางดอกไม้เท่านั้น และจะตายภายในสองชั่วโมงหากไม่ปลูกถ่าย นำออกจากพื้นที่ระบบได้หลังจากปลูก!]
ว้าว!
มันนำออกไปได้
ซูโย่วอี๋เลือกที่จะปลูกในกระถางต้นไม้ทันที
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ซูโย่วอี๋ก็กลับไปยังพื้นที่ระบบ ซึ่งเจ้าจิ้งจอกเน่าก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะมองมาที่เธอ “โชคของคุณก็เหมือนกับการเหยียบอึสุนัข คุณได้รับผลจิตวิญญาณจากการทำงานทั่วไปซะได้”
ซูโย่วอี๋กลอกตา แล้วเปิดดูไอเท็มในคลัง
กระถางต้นไม้สำหรับปลูกผลไม้จิตวิญญาณถูกวางไว้ข้างในนั้น
เธอสัมผัสผลไม้เบา ๆ
[ผลไม้จิตวิญญาณจะส่งกลิ่นหอมชนิดหนึ่งตั้งแต่เริ่มเติบโต กลิ่นหอมของมันมีผลในการชำระจิตใจ การสูดดมกลิ่นหอมของผลไม้จิตวิญญาณในระยะยาวสามารถชะล้างจิตใจของผู้คน]
[พลังวิญญาณขั้นปฐมภูมิ]
ซูโย่วอี๋ตะลึง “เจ้าจิ้งจอกเน่า สิ่งนี้รักษาหยินหยินได้หรือเปล่า?”
เจ้าจิ้งจอกเน่าลูบคางของมัน “ในทางทฤษฎีมันก็เป็นไปได้ แต่ผลจิตวิญญาณนี้ยังเล็กเกินไป ตอนนี้มันแสดงผลได้ไม่มากนัก แต่หลังจากผ่านไปสักพัก มันอาจจะทำได้”
“ถ้างั้นก็เอาไปลองดู”
ซูโย่วอี๋หยิบกระถางต้นไม้ออกจากระบบทันที ก่อนรีบกลับไปที่โรงพยาบาลและวางกระถางต้นไม้ไว้ข้างเตียงของซูหยิน
[ซู่จู่ คุณต้องระวังไม่ให้คนอื่นชนมันล้ม และต้องป้องกันไม่ให้ซูหยินดึงมันเล่น สิ่งนี้ไม่มีขายในร้านค้า ผลจิตวิญญาณมันมีค่ามากเลยนะ]
ซูโย่วอี๋พยักหน้าเข้าใจ
ซูหยินสนใจผลไม้จิตวิญญาณนี้จริง ๆ “โย่วอี๋ เธอไปซื้อต้นไม้มาเหรอ?”
“กลิ่นหอมมาก ฉันอยากนอนดมมัน”
ซูโย่วอี๋รีบเอากระถางต้นไม้มาจากมือของซูหยินอย่างระมัดระวัง “หยินหยิน แค่ดูก็พอนะ เธออย่างจับและห้ามเอาไปให้ใครเด็ดขาด”
ดวงตาของซูหยินเบิกกว้างอย่างสับสน “ทำไมล่ะ?”
ซูโย่วอี๋แสร้งทำเป็นเขินอาย “นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่พี่ลู่มอบให้ฉัน เขาจะโกรธถ้ามันหายไป”
“เธอดูแลมันให้ฉันได้ไหม?”
ซูหยินพยักหน้า “ตกลง ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลต้นกล้านี้อย่างดีเลย”
ซูโย่วอี๋สั่งอาหารเย็นมากินอย่างหิวโหยและออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเห็นว่าซูหยินยังไม่หลับ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซูหยินลังเลคล้ายอยากพูดอะไรบางอย่าง นี่คือท่าทางที่เธอไม่เคยแสดงอีกเลยตั้งแต่สมองเธอกลับไปเป็นเด็ก
“โย่วอี๋ พี่ลู่จะโกรธเธอเพราะต้นไม้เล็ก ๆ นี้จริง ๆ เหรอ?”
ซูโย่วอี๋ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถาม “ใช่”
นั่นทำให้ซูหยินยิ่งสับสนมากขึ้น
“พี่ลู่จะโกรธคุณเพราะต้นไม้ได้ยังไง? หยินหยินไม่ชอบเขาแล้ว”
“เธอก็อย่าชอบเขาเหมือนกันนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกจากเตียงและกำลังจะโยนต้นไม้ที่คิดว่าลู่เฉินให้มาทิ้ง
ซูโย่วอี๋ตกใจ “หยินหยิน ฉันขอโทษที่เมื่อกี้พูดผิดไป”
“ต้นไม้นี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ฉันจะมอบให้กับพี่ลู่ ช่วยฉันดูแลมันหน่อยนะ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีเวลาดูแลมันน่ะ”
ซูหยินมองเธออย่างสงสัย “จริงเหรอ?”
“จริงสิ”
ซูโย่วอี๋ให้ความมั่นใจกับซูหยิน
เมื่อเธอนอนหลับ ซูหยินยังคงพึมพำ “มันไม่ใช่แค่ต้นไม้เหรอ?”
ซูโย่วอี๋ลูบผมของเธอ “นอนเถอะ”
ในคืนที่มืดมิดมีเพียงผลไม้สีเขียวมรกตเท่านั้นที่เผยกลิ่นหอมของมันโชยไปทั่วห้อง
ไม่กี่วันต่อมา ซูโย่วอี๋ยังคงคว้าภารกิจมาไม่ได้ เธอไม่ได้โทษตัวเองที่วิ่งช้า แต่มันเป็นเพราะคู่แข่งของเธอวิ่งเร็วเกินไปต่างหาก
ซูโย่วอี๋คิดว่าคงเป็นเพราะครั้งนั้นเป็นวันแรกที่เธอเข้าร่วม และเห็นว่าเธอเป็นคนมาใหม่หรือเปล่า ถึงปล่อยภารกิจให้เธอง่าย ๆ
ไม่อย่างนั้น ความเร็วของซู่จู่คนอื่น ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ!
เจ้าจิ้งจอกเน่าเกาหู [หนวกหู]
[นายท่านไม่เคยลำเอียงอยู่แล้ว และนายท่านก็ไม่มีเวลามาจัดการภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้หรอก เป็นเพราะคุณแค่โชคดีในวันแรกต่างหาก เพราะงานพาร์ทไทม์ที่คุณได้ไปมันไม่ท้าทาย ซู่จู่หลายคนเลยไม่สนใจ ส่วนผู้ที่เข้าร่วมก็ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่สักหน่อย]
ซูโย่วอี๋คิดถึงภารกิจของในสองวันมานี้
ไปที่ทุ่งหญ้าไม่สิ้นสุดเพื่อเก็บเห็ด
ไปที่ป่าวอร์คราฟเพื่อล่ากระต่าย
ไปที่เทียนซานเพื่อรวบรวมน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ…
เกือบทุกงานจ่ายมากกว่า 50 เม็ด
ตราบใดที่เธอคว้าภารกิจมาได้ เธอก็ซื้อยาต้านการเสพติดได้ทันที
เจ้าจิ้งจอกเน่ากัดริมฝีปากของมัน [การที่คุณไม่ได้รับภารกิจก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร งานเหล่านี้เป็นอันตรายถึงชีวิต ในระหว่างภารกิจ หากเจ็บตัว 100% จะส่งผลในชีวิตจริงตั้ง 10%]
[แต่ถ้าคุณตายในการทำภารกิจ ซู่จู่จะตายในความเป็นจริงทันที]
ซูโย่วอี๋ตกใจจนตัวสั่น “ตายเหรอ?”
เจ้าจิ้งจอกเน่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอน ด้วยคะแนนประสบการณ์ปัจจุบันของคุณก็เพียงพอแล้วที่จะซื้อของ อย่าทะเยอทะยานเกินไปเลย”
“การไม่ได้รับภารกิจถือเป็นการช่วยชีวิตคุณเองด้วย”
ซูโย่วอี๋ยอมแพ้ เธอตัดสินใจตรวจสอบระดับภารกิจก่อนที่จะไปคว้ามันมา
อย่าทำอะไรเหนือระดับที่สองเด็ดขาด แม้ว่าจะได้เม็ดช็อกโกแล็ตช้าลงสักหน่อยก็ตาม
จากนั้นพยาบาลก็เข้ามา “คุณซูคะ คุณหมอขอให้คุณไปที่ห้องตรวจค่ะ”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้น เธอพูดกับซูหยิน 2-3 คำก่อนจะไปที่ห้องตรวจ
ประตูเปิดอยู่ ซูโย่วอี๋จึงทำแค่เคาะสองครั้งก่อนจะเดินเข้าไป
“คุณหมอคะ เรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
หมอที่ดูแลบอกให้เธอนั่งลง “เมื่อเร็ว ๆ นี้ อารมณ์ของซูหยินค่อนข้างคงที่ และผลของการฟื้นฟูก็เกินความคาดหมาย”
ว่าแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “คุณคิดยังไงบ้างเรื่องเด็กในท้อง?”
ซูโย่วอี๋ไม่สามารถปิดบังได้ เธอจึงไม่ได้อยากจะโกหก “ตรวจดีเอ็นเอก่อนค่ะ”
หมอขมวดคิ้ว “แล้วจากนั้น?”
“ถ้าลูกเป็นของกู่อวี๋เฉิง เราจะเอาไว้”
“ไม่สำคัญว่าเด็กจะแข็งแรงหรือเปล่างั้นเหรอครับ?”
“เด็กจะแข็งแรงค่ะ” ซูโย่วอี๋พูดอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้นไม่นาน หมอก็พูดว่า “มันเสี่ยงมาก”
“คุณซู เราเองก็คุ้นหน้าคุ้นตากันมาสักพัก ผมรู้ว่าคุณให้ความสำคัญกับซูหยินมากแค่ไหน แต่เด็กนั้นไร้เดียงสา แม้ว่าคุณจะมีเงิน คุณก็ไม่สามารถรับความทุกข์ทรมานแทนเด็กได้ ผมหวังว่าคุณจะคิดอีกครั้งนะครับ”
“หากรอจนกว่าเด็กในครรภ์โตพอจนตรวจพบแล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ มันจะส่งผลร้ายต่อแม่ของเด็กอย่างมากนะครับ”
ซูโย่วอี๋เข้าใจดีว่าคุณหมอจริงจังกับเรื่องนี้มากเพราะต้องรับผิดชอบคนไข้ แต่เธอไม่มีวิธีจะอธิบายเรื่องระบบเหมือนกัน “หมอคะ ฉันมียารักษาโรคของทารกในครรภ์อยู่ ได้โปรดวางใจเถอะค่ะ”
คุณหมอหงุดหงิด “ถ้าอย่างนั้นก็ตรวจดีเอ็นเอก่อน ใช้เวลาประมาณเจ็ดสัปดาห์ ขอให้คุณกู่มาโรงพยาบาลในตอนบ่ายด้วยนะครับ”
“ตกลงค่ะ”
เวลาบ่ายสามโมง กู่อวี๋เฉิงมาถึงโรงพยาบาล
เขาเห็นผลไม้จิตวิญญาณข้างเตียง “นี่คือ…?”
ซูหยินตอบขึ้น “มันเป็นของขวัญวันเกิดของโย่วอี๋ เธอให้ฉันดูแลให้น่ะ”
ซูหยินพูดอย่างภูมิใจ
“ฉันรดน้ำมันทุกวัน คุณเห็นไหมว่ามันโตแค่ไหน”
กู่อวี๋เฉิงยิ้ม “ใช่”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูโย่วอี๋ “ดีแล้วที่หาอะไรให้เธอทำ”
เขาเองก็วางแผนที่จะหาเต่าหรือปลาทองซักสองตัวให้ซูหยินเลี้ยงเหมือนกัน
จากนั้น พยาบาลพากู่อวี๋เฉิงและซูหยินไปตรวจ
ซูหยินหันกลับมาอย่างสงสัย “โย่วอี๋ เธอไม่ไปด้วยกันเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่ที่เดิม “อืม ฉันจะรอเธอที่นี่”
กู่อวี๋เฉิงจับมือซูหยินเดินไป แล้วค่อย ๆ หายไปจากสายตา
การตรวจเป็นไปอย่างรวดเร็ว กู่อวี๋เฉิงไม่ได้กลับไปที่วอร์ดทันที แต่ไปหาคุณหมอก่อน
คุณหมอถอนหายใจ “ไม่ ผมคุยกับคุณซูแล้ว เธอยืนยันว่าซูหยินจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ ไม่ว่าเด็กจะแข็งแรงหรือไม่ก็ตาม”
“ผมต้องบอกว่านี่เป็นการตัดสินใจที่โง่จริง ๆ ผมหวังว่าคุณจะคุยกับเธอได้”
กู่อวี๋เฉิงจ้องไปที่หน้าจอสีขาวที่ส่องประกาย “ไม่มีโอกาสเลยเหรอครับ?”
“น้อยมาก อย่าพูดถึงยาที่ใช้เลย ยาล้างพิษตัวไหนที่ฉีดเข้าไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์บ้าง? ผมเกรงว่าคุณซูจะใช้อารมณ์เหนือเหตุผล”
“แน่นอนว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคุณ ผมแค่แนะนำ”
เสียงของกู่อวี๋เฉิงแหบแห้งเล็กน้อย “เราจะไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้ครับ”