สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 144.2 เด็กน้อย เจ้ากำลังยั่วยวนเปิ่นหวางหรือ (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

น่าตายนัก เหตุใดเธอต้องเอ่ยปากขึ้นด้วย เธอควรปิดปากให้แน่นไม่ส่งเสียงใดออกไป เช่นนี้พญายมจึงจะคิดว่าเธอหลับไปแล้ว!

แต่ตอนนี้คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอเอ่ยปากออกไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังโกหก

ดังที่คิดหลังได้ยินคำพูดของเธอ ด้านนอกประตูเงียบงันชั่วขณะ ก่อนเสียงหัวเราะทุ้มต่ำแหบพร่าของชายหนุ่มจะดังขึ้น

“ฮ่า ๆ”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินแม้เล่อเหยาเหยาจะไม่เปิดประตูออกไปมองหน้าพญายม ก็ทราบดีว่าตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มอย่างแน่นอน กระทั่งดวงตาเย็นชาคู่นั้น ต้องปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างแน่นอน

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเก้อเขิน หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น

ดึกดื่นแล้วเหตุใดพญายมต้องหัวเราะอย่างดึงดูดใจขนาดนี้ จนเธอที่ได้ฟังต่างหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ ผิดจังหวะ

ทว่าในคืนที่เงียบงันเช่นนี้ เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของพญายม ฟังดูแล้วน่าหลงใหลเสียจริง

ขณะที่เล่อเหยาเหยาจินตนาการไปไกล ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ในเมื่อยังไม่หลับ ก็เปิดประตูเถิด”

“เอ่อ”

เปิดประตูหรือ!

หมายความเช่นใด!

เวลาดึกดื่น ชายโสด ชายเหงา เหตุใดเล่อเหยาเหยาจึงได้ยินถึงเสียงของหมาป่าขึ้นมา!

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาวิตกกังวลในใจ

แม้จะลงกลอนประตูไว้ แต่กลัวชายหนุ่มนั้นจะพังประตูเข้ามา เพราะพญายมสามารถทำได้ทุกสิ่ง

หากถูกเขารู้ว่าภายในห้องเธอมีชายอื่นจะทำเช่นไร!

ดังนั้น เธอจะให้พญายมรู้ไม่ได้เด็ดขาด

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาข่มเสียงเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีที่อยู่หน้าเตียงนอนของตน ที่ไม่ว่าจะผลักเช่นใดต่างไม่จากไปอีกครั้ง

“ท่านจะไปหรือไม่!”

“ไม่ไป”

ช่างเป็นคำพูดตรงไปตรงมาคล่องแคล่วยิ่ง! และภายในน้ำเสียงยังแฝงด้วยโทสะ

เล่อเหยาเหยาได้ยิน โมโหจนถลึงตา สองมือเท้าสะเอว สุดท้ายกัดฟันเอ่ยขึ้น

“ได้ ท่านไม่ไป ขึ้นมาบนเตียง”

“เอ่อ!”

เดิมทีหนานกงจวิ้นซีมีสีหน้าโมโหและอึดอัด ทว่าหลังได้ยินประโยคนี้ของเล่อเหยาเหยา ภายในสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้น ก่อนพลันขาวโพลน

หัวใจดุจค้อนทุบอย่างรุนแรงชั่วขณะ ก่อนเต้นระรัว

ความคิดก็เตลิดไปไกล

‘เขา’ พูดให้เขาขึ้นเตียงหรือ!

แม้เขาจะชื่นชอบ ‘เขา’ แต่ไม่คิดว่าจะข้ามขั้นกับ ‘เขา’ รวดเร็วเช่นนี้

อีกทั้งเรื่องรักใคร่ระหว่างชายหญิงเขาล้วนไม่เข้าใจ จึงไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องรักใคร่ระหว่างชายรักชาย

พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเพียงไอร้อนพรั่งพรูจากหัวใจขึ้นสู่เหนือศีรษะ แก้มบนใบหน้าก็ร้อนผ่าว แม้ไม่ส่องกระจก เขาก็รู้ว่าตนกำลังหน้าแดง

“เอ้อ เรื่องนี้ ข้ายังไม่เข้าใจ พวกเราข้ามขั้นเกินไปหรือไม่”

“เพ้ย”

หลังได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาพ่นน้ำลายออกมา

“น่าตาย สมองท่านคิดสิ่งใดอยู่กันหรือ”

เล่อเหยาเหยามีสีหน้าจนใจ ทว่ายังใช้โอกาสดึงหนานกงจวิ้นซีที่กำลังอึดอัดขึ้นมาบนเตียง จากนั้นปล่อยม่านลงมา ก่อนจะลงจากเตียงขณะที่หนานกงจวิ้นซีหน้าแดง

“เอ่อ เจ้า”

“ท่านไม่กระโดดหนีทางหน้าต่าง ก็รออย่างสงบอยู่บนเตียง หากกล้าส่งเสียงแม้แต่เล็กน้อยละก็ ข้าจะตัดขาดกับท่าน”

เล่อเหยาเหยาหันหลังกลับไปเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีอย่างโหดเหี้ยมจบ ก็ไม่รอให้หนานกงจวิ้นซีเอ่ยสิ่งใดอีก รีบสวมรองเท้า เดินไปที่ประตู

สงบอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของตนลงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือตบใบหน้าที่แข็งทื่อ ก่อนเล่อเหยาเหยาจะยื่นมือเปิดประตูบานสลักที่ปิดสนิทออก

ตามมาด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ ของประตูไม้ที่เสียดสีกับพื้น พร้อมกับเล่อเหยาเหยาที่ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอก

ความจริงห้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อยู่ตรงข้ามเล่อเหยาเหยา ตรงกลางระหว่างประตูมีทางเดินที่แขวนโคมไฟไว้

เห็นเพียงเวลานี้ดึกมากแล้ว

ชายหนุ่มยืนมือไพล่หลัง แสงไฟสลัวที่สาดลงมาที่ตัวเขานั้น ทำให้ร่างกายเขายิ่งดูสูงใหญ่

ฤดูร้อนอุณหภูมิจึงสูง ท่อนล่างชายหนุ่มจึงสวมเพียงกางเกงสีขาวตัวหนึ่ง ทำให้สองขาเขายิ่งดูเรียวยาว

ท่อนล่างยังมีกางเกงชั้นในสีเดียวกับกางเกงคลุมเอาไว้ ทว่ากลับไม่ได้คาดสายรัดเอว

ดังนั้นหลังจากเปิดประตูไม้บานสลัก รูปร่างอันแข็งแรงของชายหนุ่ม จึงเปิดเปลือยสู่สายตาเล่อเหยาเหยา

ผิวหนังสีน้ำตาล กล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นกลุ่มก้อน ใต้สะดือที่ไร้ส่วนเกิน

ยังมีจูอวี๋สองเม็ดที่เลือนรางนั้น

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

ก่อนมองจากรูปร่างแข็งแรงสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มขึ้นไป

เห็นเพียงผมยาวดุจเส้นไหมดุจหมึกของชายหนุ่ม เวลานี้ไร้การตกแต่ง ถูกปล่อยสยายลงมาทั้งหมด

เส้นผมชายหนุ่มทั้งเข้มทั้งลึกล้ำ ทั้งยังสลวยดุจเส้นไหม ยาวจรดเอว

ปกติผมของชายหนุ่มจะถูกหวีเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ พิถีพิถัน ทำให้เขาดูน่าเกรงขามแฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว

วันนี้ชายหนุ่มปล่อยผมสยายลงมา กลับทำให้มีเสน่ห์เย้ายวนไปอีกแบบ ดึงดูดใจชวนตะลึงอย่างยิ่ง!

เล่อเหยาเหยาขณะเห็นชายหนุ่มแต่งกายปลอดโปร่งปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูตน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจคือ

หรือตอนนี้พญายมจะใช้ความหล่อเหลามาล่อลวงตน!

เพราะสำหรับการสารภาพรักตอนเช้าของเขา เธอไม่ได้ให้คำตอบก็หลบหนีออกมา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงใช้ความน่าดึงดูดเช่นนี้ มาจู่โจมเธออีกครั้ง!

จะโทษที่เล่อเหยาเหยาคิดเช่นนี้ไม่ได้ เพราะเวลานี้ดึกดื่นแล้ว บุรุษสองคนที่ไร้ครอบครัว…

ด้านนอกพระจันทร์ลอยเด่น ดวงดาวกระพริบระยิบระยับ พูดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่งดงาม บรรยากาศชวนหลงใหล เหมาะเป็นช่วงเวลาที่คู่รักตกหลุมรักกัน อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา

ขณะที่เล่อเหยาเหยาสับสนอย่างไร้ที่สิ้นสุด กลับรู้สึกคล้ายมีบางอย่างแปลกไป ก่อนค่อยๆ ได้สติ จึงพบว่าสายตาของพญายม กำลังจ้องเขม็งมาที่ตน

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยามองตามสายตาของชายหนุ่มทันที เมื่อเห็นว่าบนร่างเล็กของตนก็สวมเพียงเสื้อชั้นในตัวบางเบา ร่างกายดุจถูกฟ้าผ่าเข้าตอนกลางวัน ตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ

หลังได้สติ เรื่องแรกที่ทำคือใช้มือเล็กรวบปกเสื้อที่เปิดอ้าออกเล็กน้อยทันที

เพราะฤดูร้อน แม้เป็นตอนกลางคืนอุณหภูมิก็ยังคงสูง ดังนั้นทุกคืนขณะเข้านอน เธอจะสวมเพียงชุดชั้นในบางเบาเข้านอน

วันนี้ก็เช่นกัน

ทว่าเมื่อครู่ตนเพราะเรื่องวันนี้ในตอนกลางวัน จึงนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง จนกระทั่งหนานกงจวิ้นซีพลันเข้ามา เดิมทีเธอจึงไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่ตนสวมอยู่

เวลานี้ยืนอยู่ต่อหน้าพญายม และรับสายตาที่ร้อนแรงเช่นนี้ของเขา ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาเก้อเขิน หลังรวบปกเสื้อเรียบร้อย สองมือก็ยกไขว้กันปิดบังหน้าอก ท่าทางดูระแวงระวัง

สำหรับท่าทางนี้ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้ว ดวงตาเย็นชาโค้งขึ้น ก่อนพลันรู้สึกสนุก

เขาเพียงมาดู ‘เขา’ เท่านั้น ‘เขา’ ต้องระแวงเขาเช่นนี้หรือ!

“ยังไม่หลับหรือ”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เลิกคิ้วปรายตามองเล่อเหยาเหยาแวบหนึ่ง ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยถามขึ้น

“เอ่อ เดิมทีข้าหลับไปแล้ว ทว่าท่านอ๋องมาจึงตื่นขึ้น”

เล่อเหยาเหยาหลังขวยเขิน ใบหน้าปรากฏท่าทางนอบน้อมของบ่าวขึ้นมาอีกครั้ง

ทว่าดวงตาคู่งามแฝงความหวาดระแวงนั้น กลับมองชายหนุ่มตรงหน้าตลอดเวลา ราวกลัวชายหนุ่มเวลานี้จะแปลงกายเป็นหมาป่า

เพราะคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง!

สำหรับการแอบมองอย่างระแวดระวังของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“โอ้ เช่นนั้น เจ้ากำลังตำหนิว่าเปิ่นหวางมารบกวนการนอนของเจ้า!”

“เอ่อ บ่าวมิกล้า”

สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาหนังศีรษะชาวาบ พลันปฏิเสธทันที

เพราะเขาเป็นถึงพญายม ผู้ใดจะกล้าตำหนิเขา เธอไม่ได้ไม่ต้องการศีรษะของตนหรือ

แม้วันนี้เขาจะพูดว่าต้องการเธอก็ตาม

เอ่อ เพียงนึกถึงเรื่องตอนกลางวัน ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาอดแดงก่ำขึ้นชั่วขณะไม่ได้

สายตาที่มองเหลิ่งจวิ้นอวี๋แฝงด้วยความโกรธเคืองและขวยเขิน

เพราะเพิ่งรับรู้ถึงความในใจที่ชายหนุ่มมีต่อเธอ เล่อเหยาเหยาเวลานี้จึงไม่รู้ควรแสดงท่าทีเช่นใดยามเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้นี้!

ดังนั้นใจจึงกำลังโกหกและกำลังกังวล

อาจเพราะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของเล่อเหยาเหยา และความโมโหบนใบหน้าเธอ ชายหนุ่มจึงคล้ายรับรู้ถึงบางอย่าง

ดวงตาเย็นชาเปล่งประกายครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เห็นชัดว่าอารมณ์ไม่เลว

เพราะ ‘เขา’ รู้จักขวยเขิน แสดงว่า ‘เขา’ ใส่ใจเรื่องในวันนี้ เช่นนั้นคงเกิดเรื่องดีขึ้น มิใช่หรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ เท้าของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้าวขึ้นมาด้านหน้า เห็นชัดว่าต้องการให้ระยะของเล่อเหยาเหยาและตนใกล้กันมากขึ้น

เมื่อชายหนุ่มพลันเข้าใกล้ กลิ่นอำพันทะเลบนร่างกายเขาก็กระจายสู่จมูกตนทันที กลิ่นนี้หอมยิ่งนัก

ทว่าเล่อเหยาเหยายังตกใจ จนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ

แต่อุณหภูมิบนใบหน้ากลับยิ่งร้อนระอุขึ้น

แม้ไม่ส่องกระจก เธอก็รู้ว่าใบหน้าของตน ต้องแดงดุจกุ้งต้มแน่นอน กระทั่งใบหูก็ร้อนผ่าว

สวรรค์ วันนี้เธอเป็นอันใดกันแน่ เหตุใดกับชายหนุ่มผู้นี้ จึงเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้

เมื่อกลัวชายหนุ่มเห็นสีหน้าขวยเขินของตน เล่อเหยาเหยารู้สึกอับอาย ดังนั้นรีบก้มใบหน้าเล็กของตนลง ไม่ให้ชายหนุ่มมองใบหน้าของตน

คิดไม่ถึง สำหรับท่าทางของตน กลับทำให้ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมา

“ฮ่าๆ เจ้าเขินอายหรือ”

น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำอย่างมาก แฝงด้วยเสน่ห์เจ็ดส่วน น่าลุ่มหลงสามส่วน ในคืนที่เงียบงันเช่นนี้ จึงดุจไหสุราชั้นเลิศ ในขณะที่เปิด กลิ่นหอมของสุรานั้นก็ฟุ้งกระจายออกมาทันที อบอวลอยู่ในจมูก คนที่ไม่ดื่มยังเมามาย

“เอ่อ”

เมื่อถูกชายหนุ่มล่วงรู้ความในใจ ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกอยากขุดดินมุดหน้าลงไป

เมื่อเขารู้ว่าเธอเขินอาย เหตุใดต้องเอ่ยพูดออกมา หรือในใจคิดทำให้เธอเขินอาย!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนชำเลืองมองไปยังชายหนุ่มแวบหนึ่ง

ทว่าเธอกลับไม่รู้ตัวว่า สายตาแฝงความโมโหของตน ในสายตาบางคน กลับมีความหมายที่แตกต่างออกไป

“คนตัวเล็ก เจ้ากำลังยั่วยวนเปิ่นหวางอยู่หรือ”

……………….

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท