คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 21 หนังสือเด็กหนึ่งลัง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ดอกไม้ไฟเจิดจรัสอยู่นอกหน้าต่าง สว่างแล้วดับลง สะท้อนใบหน้าดั่งรูปวาดของเขา

ในดวงตาดอกท้อที่โค้งมนเล็กน้อยราวกับมีทางช้างเผือกตกผลึกอยู่ในนั้น ดึงดูดสะกดสายตา

อิ๋งจื่อจินมองเขาอยู่สักพักแล้วถึงค่อยๆ ล้วงกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ “…ขอโทษ”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่รับ

“ไม่เป็นไร” เขาก้มตัว ลูบหัวของเด็กสาวเหมือนครั้งก่อน ท่าทางแผ่วเบาเหมือนเล่นกับลูกแมว ริมฝีปากยกขึ้น

“พี่ชายไม่ถือสา” เด็กน้อยยังคงเป็นเด็กดี

อิ๋งจื่อจินกลับเหมือนกำลังเหม่อลอย ท่าทางครุ่นคิด จนกระทั่งมือเรียวยาวมือหนึ่งกวัดแกว่งไปมาตรงหน้าเธอ จากนั้นก็งอนิ้วเขกหน้าผากเธอเบาๆ ผุดเสียงหัวเราะเล็กน้อยเหนือศีรษะของเธอ

“คิดอะไรอยู่น่ะ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินได้สติกลับมา ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเอาแป้งทำอาหารเทใส่ชาม จากนั้นก็เติมน้ำ

เธอคิดออกแล้วว่าควรจะให้อะไรฟู่อวิ๋นเซินดี แมวหรือหมาสักตัว จะได้เติมเต็มงานอดิเรกชอบลูบหัวของเขา ไม่อย่างนั้นขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะหัวล้านเข้าจริงๆ แล้ว

จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก คนหนึ่งต้มน้ำ อีกคนหั่นผัก สามัคคีกันพอสมควร

ภายในห้องรับแขก เวินเฟิงเหมียนกำลังยิ้มพลางคุยอะไรกับเวินทิงหลาน บรรยากาศมีความสุข สายตาของอิ๋งจื่อจินแน่นิ่ง ไม่มีความทรงจำอะไรตอนเด็ก พอเธอจำความได้ก็อยู่ครอบครัวเวินแล้ว

เวินเฟิงเหมียนต้องดูแลเด็กสองคน ยุ่งจนไปไหนไม่ได้ ปีที่อวี้อวี้อายุห้าขวบ ได้รับบาดเจ็บครั้งใหญ่ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมครอบครัวเวินมากกว่าเดิม

เธอต้องเรียนหนังสือ ขณะเดียวกันก็ต้องออกไปหางานพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ทำ แต่สามชีวิตในครอบครัวอย่างมากก็ได้แค่หากินให้อิ่มท้องไปวันๆ พอประทังชีวิตไปได้

ก็ไม่แปลกที่ตอนตระกูลอิ๋งมาหา เวินเฟิงเหมียนจะเกลี้ยกล่อมให้เธอไป เพราะตระกูลอิ๋งสามารถให้สิ่งที่ดีกว่ากับเธอได้

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเวินเฟิงเหมียนไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย

อิ๋งจื่อจินเก็บอารมณ์…

เธอจะปกป้องพวกเขาให้ดี

สองวันต่อมา

อากาศกลับมาอบอุ่น แสงแดดเจิดจ้า อุณหภูมิขึ้นไปถึงยี่สิบองศา ราวกับที่หิมะตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นเพียงภาพลวงตา

เด็กสาวสวมเสื้อมีฮู้ดสีดำ เดินเตร็ดเตร่เรื่อยเปื่อย มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือไอศกรีมโคน

ในมือของเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเธอถือชานมสองแก้ว ดูเหนื่อยหน่ายอย่างเห็นได้ชัด “พี่ ชอบกินของหวานตั้งแต่เมื่อไร” อิ๋งจื่อจินกัดสองทีกินไอศกรีมโคนหมด “ชีวิตมันขม ต้องเติมความหวานหน่อย”

อาหารของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดใช้ได้เลยทีเดียว ในที่สุดก็รู้สึกสนุกขึ้นมาหน่อย

อวี้อวี้กลับเข้าใจผิดประโยคนี้ เขาเงียบไปเล็กน้อยแล้วถามเสียงเบา “พี่ ไม่มาอยู่กับพวกเราเหรอ”

“ไม่…ชั่วคราว” อิ๋งจื่อจินตอบอืม “ฉันยังมีธุระที่ยังไม่ได้จัดการ นายกับพ่ออยู่กันให้สบายใจ”

วันนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จ เธอพูดกับเวินเฟิงเหมียนเรื่องที่ต้องการพาพวกเขาไปเมืองฮู่เฉิง ตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย กลัวจะสร้างความยุ่งยากให้เธอ ต่อมาก็ยอมตกลง

เธอใช้เงินสี่ล้านซื้อคอนโดขนาดแปดสิบตารางเมตรแถววงแหวนรอบกลางค่อนไปทางนอกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งแล้วพาเวินเฟิงเหมียนเข้าไปอยู่

เวินเฟิงเหมียนมาเมืองฮู่เฉิง อวี้อวี้ก็ย่อมตัดสินใจย้ายไปเรียนที่ชิงจื้อ

เขาเคยได้จดหมายเชิญจากชิงจื้อมานานแล้ว แต่ไม่เคยตอบรับมาตลอด

ส่วนตระกูลอิ๋ง…

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง

ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอยังไม่ฟื้นคืน แต่สำหรับเรื่องของการทำนาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยังคงเน้นไปที่เวรกรรม

เวรกรรมระหว่างเธอกับตระกูลอิ๋งยังไม่หมดอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ยังไปไหนไม่ได้ชั่วคราว อีกทั้งตอนที่คาดการณ์อนาคต เธอได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋ง แต่เลือนรางเหลือเกิน การอยู่ที่ตระกูลอิ๋งจะช่วยให้สืบหาได้ดีกว่า

อวี้อวี้ขมวดคิ้ว “แต่คนพวกนั้น…”

เป็นการยากที่เขาจะจินตนาการได้ว่าพี่สาวของเขาได้รับความลำบากมากขนาดไหนในตระกูลอิ๋ง ตอนนี้ถึงขนาดที่ต้องกินของหวานช่วย

“วางใจเถอะ” อิ๋งจื่อจินไม่ใส่ใจ “แค่เรื่องใช้กำลังนิดหน่อย”

เรื่องที่ใช้กำลังได้ แต่ไหนแต่ไรเธอก็ขี้เกียจใช้ปาก พูดเหนื่อยกว่าใช้กำลังเยอะ

อวี้อวี้ “…” เดิมทีเขาไม่เชื่อ

แต่เมื่อวานเขาเห็นกับตาว่าพี่สาวของเขาเตะคนที่มาเกาะแกะจนล้มคว่ำ แบบที่ว่าเอาให้ลุกไม่ขึ้น

เด็กหนุ่มหลุบตาลง กำมือแน่น

เขาสาบานเลยว่า ตระกูลอิ๋งจะต้องได้รับผลกรรม

“ไปเถอะ” เด็กสาวกัดหลอดดูดชานม “ไปส่งนายกลับ”

ตระกูลอิ๋ง

พ่อบ้านขมวดคิ้วมองพวกคนรับใช้ย้ายกล่องหลายกล่องจากข้างนอกประตูเข้ามา เขาถาม “นี่มันอะไร”

หนึ่งในคนรับใช้ปาดเหงื่อ “พัสดุของคุณหนูรองครับ”

“พัสดุของคุณหนูรองเหรอ” พ่อบ้านขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “คุณนายจัดเตรียมของให้เธอทุกอย่าง เธอยังจำเป็นต้องซื้ออะไรอีกเหรอ”

เป็นแต่สร้างความวุ่นวายเช้าจรดเย็น

“วางไว้ที่ลานบ้าน” พ่อบ้านสั่ง “คุณนายรับรองแขกอยู่ห้ามรบกวน”

พวกคนรับใช้วางกล่องลง พ่อบ้านเดินเข้าไป ขณะที่เตรียมจะแกะ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรอยประทับตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นแบบตัวเขียน

‘สทาร์’ สีทองจางมาก

พ่อบ้านอึ้งไปสักพัก ขยับเข้าไปใกล้อยากสังเกตให้ชัดๆ มีเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดที่ข้างเขา ลมเย็นยะเยือกพัดมาในชั่วขณะจนเขาตัวสั่น พอเงยหน้าก็ตัวแข็งทื่อ เด็กสาวจ้องเขาด้วยสายตานิ่งเฉย

“คุณหนูรอง…” พ่อบ้านรีบถอยหลัง มีเหรอจะกล้าไม่เคารพ “ขะ…ของที่คุณหนูสั่งซื้อมาถึงแล้วครับ”

ขาของเขาอ่อนแรง สู้แรงกดดันไม่ไหว ‘ตึ้ก’ คุกเข่าลงไปทันที ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า “ขะ…ขอโทษครับ ที่ไม่ได้ขออนุญาตก็…”

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เธอนั่งยองลงดูกล่องของเธอ และก็ไม่ได้ใช้กรรไกร ใช้มือฉีกออก

วันต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ไปแล้ว ก่อนไปได้บอกว่าซื้อหนังสือให้เธอนิดหน่อย เดี๋ยวจะส่งมาที่บ้านตระกูลอิ๋งดูท่าจะเป็นเจ้ากล่องพวกนี้

ก่อนเปิดอิ๋งจื่อจินยังตื่นเต้นอยู่บ้าง

แต่พอเปิดออก เธอเห็นหนังสือเด็กเต็มลัง “…”

และดูเหมือนจะคำนวณเวลาไว้อย่างดีว่าเธอจะได้พัสดุในเวลานี้ เสียงวีแชทดัง ‘ติ๊ง’

[เด็กน้อย ได้ของหรือยัง]

ยังไม่ทันที่เธอจะตอบกลับ ทางนั้นก็ส่งข้อความมาอีก

[พี่ชายตั้งใจเลือกให้เธอเชียวนะ มีทุกประเทศ เธออ่านได้อีกนานเลยล่ะ]

อิ๋งจื่อจินคอตก…ใครเขาอยากอ่านหนังสือเด็กกัน

เธอตอบกลับสั้นๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

[ขอบคุณนะ]

ทางนั้นตอบกลับมาเร็วมาก

[ไม่เป็นไร จำไว้ว่าต้องเลี้ยงข้าวพี่ชายหลายๆ มื้อ]

อิ๋งจื่อจินไม่อยากตอบกลับ เธออยากจะเอาหนังสือเด็กทั้งลังทุ่มใส่เขา

พวกคนรับใช้ยืนรออยู่ข้างๆ หลังจากเห็นของที่อยู่ในกล่องก็มีสีหน้าดูถูก

คุณหนูรองที่ถูกรับกลับมาเลี้ยงคนนี้เทียบกับคุณหนูใหญ่ไม่ได้เลยจริงๆ ดูจากหนังสือที่อ่านก็รู้ได้

ตอนคุณหนูใหญ่อยู่มอสี่ก็อ่านหนังสือภาษาอังกฤษแล้ว ไม่เหมือนคุณหนูรองที่โตจนป่านนี้ยังอ่านนิทานหลอกเด็กอยู่

มาจากบ้านนอกก็แบบนี้ คงยังรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษได้ไม่เท่าพวกเขาด้วยซ้ำ

อิ๋งจื่อจินปิดกล่อง สุดท้ายก็รับไว้ เอาไว้อ่านแก้ขัดให้ใจสงบก่อนนอน

เธอไม่ได้ให้ใครช่วย ขนหนังสือพวกนี้จะเดินเข้าข้างใน

“คุณหนูรอง เข้าไปตอนนี้ไม่ได้นะครับ” พอพ่อบ้านเห็นแบบนั้นก็รีบเอ่ยขัดขวาง “คุณนายกำลัง…”

ยังไม่ทันพูดจบประตูก็เปิดออก บนโซฟาในห้องรับแขก จงมั่นหวากำลังยิ้มพลางคุยอะไรกับแขก ท่าทางมีความสุข

เสียงเปิดประตูได้ขัดจังหวะคำพูดต่อมาของเธอ

จงมั่นหวาขมวดคิ้ว หลังจากมองไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที “ทำไมเธอถึงกลับมาตอนนี้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท