คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 69 ฟู่อวิ๋นเซิน ไม่เคยแตะแม้แต่มือสาว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

“ขึ้นรถไปกับพี่ชายงั้นเหรอ” เนี่ยเฉากำลังกินข้าวปั้นเต็มปาก พอได้ยินคำพูดนี้ก็พูดขึ้นทันที “คุณชายเจ็ด ทำไมพูดจาป่าเถื่อนต่อลูกพี่ใหญ่แบบนี้ ไม่ให้เกียรติเลย”

“…”

ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้า ดวงตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย

วินาทีต่อมาเขาก็ยกขาแล้วถีบก้นเนี่ยเฉาไปหนึ่งที

“แค่กๆๆ!” ทำเนี่ยเฉาสำลักได้สำเร็จ เนี่ยเฉาเกือบล้มกลิ้ง รีบร้องขอชีวิต “ผมผิดไปแล้ว พี่ชาย ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย” ต้องโทษเขาที่คิดไม่ดี

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา ยื่นมือเข้าไปหยิบถุงกระดาษใบหนึ่งในรถแล้วยื่นให้เด็กสาว พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เยาเยา เสี่ยวหลงเปาที่เพิ่งออกจากเตา มีนมเปรี้ยวด้วย ทางไปศาลค่อนข้างไกล กินอะไรรองท้องก่อน”

“ขอบคุณ” อิ๋งจื่อจินรับมาแล้วกัดเปิดถุงนมเปรี้ยว

มือข้างหนึ่งเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ รัดเข็มขัดเรียบร้อย

เนี่ยเฉาขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

นี่ถ้าสาวไฮโซในเมืองฮู่เฉิงรู้ว่าคุณชายเสเพลที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุครบยี่สิบสองมาไม่กี่เดือนได้มีหัวใจของคนเป็นพ่อเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดกันขนาดไหน หัวใจคงแตกเป็นเสี่ยงๆ

รถเคลื่อนออก วิ่งฝุ่นตลบ

ระหว่างทางขณะที่รอไฟแดง ฟู่อวิ๋นเซินมองไปข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ร่างกายเป็นไงบ้าง”

เนี่ยเฉาตอบเสียงดังฟังชัด

“แข็งแรงปึ๋งปั๋ง ร่างกายฉันฟื้นฟูด้วยตัวเองดีมาก ไม่เหลือรอยแผลเป็นเลยล่ะ”

คุณชายเจ็ดรู้จักเป็นห่วงเขาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยมีเลยนะ

เขาประทับใจยังไม่ถึงหนึ่งวินาทีก็…

“ไม่ได้ถามนาย”

“…” เนี่ยเฉารู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ

“ดีขึ้นมากแล้ว” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไร” เธอรู้ร่างกายตัวเองดี

ตอนเธอตื่นจากการหลับใหลรู้สึกระบมไปทั้งตัวจริงๆ แต่ตอนนี้ค่อยๆ ฟื้นฟูแล้ว

สายตาของฟู่อวิ๋นเซินยังคงมองตรงไปข้างหน้า เอามือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเด็กสาวเบาๆ ยิ้มเล็กน้อย

“งั้นก็ดี”

เขารู้จักคำพูดที่ว่า หมอรักษาตัวเองไม่ได้

นอกจากนี้เขาเองก็รู้สึกว่าเด็กน้อยของเขาชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย

ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอก็ยังจะสู้รบปรบมือกับคนอื่น ไม่ได้สนใจสุขภาพของตัวเองเลย

เขาถึงได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ทำอาหารออกมาเพื่อช่วยบำรุงเลือดให้เธอ

อืม เด็กน้อยของเขาเป็นพวกคลั่งกิน แถมยังค่อนข้างชอบกินของหวาน

แต่แบบนี้เลี้ยงง่าย

ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถมาเซราติเป็นที่สะดุดตาท่ามกลางรถจำนวนมาก

เนี่ยเฉานั่งนับไข่ไก่ของตัวเองอย่างเบื่อๆ ทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ตบต้นขาหนึ่งฉาด

“คุณชายเจ็ด ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว รู้ไหมว่าใครที่คิดจะฆ่าฉัน”

ขนตาฟู่อวิ๋นเซินขยับ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “หืม”

“ก็แฟนเก่าฉันน่ะสิ!” เนี่ยเฉาโมโห “เห็นๆ อยู่ว่าฉันเลิกกับเขาไปแล้ว แถมยังให้ค่าเลิกกันหนึ่งล้าน ปรากฏว่าเขาดันเอาเงินไปจ้างคนมาฆ่าฉัน เป็นคนยังไงเนี่ย”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร แววตาขรึมลง

เนี่ยเฉาไม่รู้จักเว็บบอร์ดเอ็นโอเค จึงไม่รู้ว่ามีการล่าค่าหัว และก็ยิ่งไม่รู้ว่า มีแค่คนที่มีแอคเคาท์ของเอ็นโอเคเท่านั้นถึงจะสามารถตั้งรางวัลค่าหัวของเป้าหมายได้

เขาจำอดีตแฟนของเนี่ยเฉาไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจำคุณหนูหรือดาราวงการบันเทิงในตี้ตูที่อยากไต่เต้าเข้าไปในตระกูลเนี่ยได้บ้าง

แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไหนต่างก็ไม่มีทางรู้จักเว็บบอร์ดเอ็นโอเค และก็ยิ่งไม่มีทางตั้งค่าหัวเนี่ยเฉา แถมยังใช้บริการนักล่าติดอันดับเสียด้วย

แต่นักล่าคนไหนก็ตามที่ติดอันดับ ต่อให้เป็นอันดับที่หนึ่งร้อยก็ไม่มีทางออกหน้าหากรางวัลค่าหัวน้อยกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์

แฟนเก่าที่ว่าก็แค่ถูกผลักออกมาเป็นแพะรับบาป

อย่างไรเสียหลานสายตรงของตระกูลเนี่ยแห่งเมืองตี้ตูเจอเรื่องแบบนี้ก็ย่อมต้องหาคำตอบให้ได้

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรมาก เขาถามต่อ “แฟนเก่าคนไหน”

“คือ…” เนี่ยเฉาเกาหัว “เยอะเกิน จำไม่ได้”

ภายในรถเกิดความเงียบชั่วขณะ

“อ๋อ ฉันเข้าใจ” อิ๋งจื่อจินพูดขึ้นอย่างใจเย็นหลังจากกินเสี่ยวหลงเปาหมด “ในเวยปั๋วบอกว่าแบบนี้เรียกผู้ชายเฮงซวย ต้องถูกอัด”

เนี่ยเฉา “…”

เหลวไหล เขายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เลยนะ

มีคนตั้งมากมายที่จ้องจะงาบเขา เขาปกป้องตัวเองสุดชีวิต

ก็ปู่ของเขาเตือนไว้ว่า ถ้ายังไม่แต่งงานก็ห้ามไปไข่ทิ้งเรี่ยราดไว้ที่ไหน

ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ยิ้มออกมา เลิกคิ้วพลางพูด “เยาเยา วางใจได้ พี่ชายไม่ใช่ผู้ชายเฮงซวยแน่นอน ไม่ยุ่งกับคนเลว”

“โอ้โห คุณชายเจ็ด แรงได้กว่านี้อีกมะ” เนี่ยเฉาตะลึงไปเลย “นายลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองถูกตั้งฉายาว่ายอดชายเสเพลอันดับหนึ่งของเมืองฮู่เฉิง”

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่เคยจูงมือสาว นอกจากนี้ ขอเตือนนายไว้หน่อย…”

“ยอดชายมีความหมายที่พิเศษไม่เคยได้ยินเหรอ ยอดชายผู้กล้าต้องดูที่ปัจจุบัน”

เนี่ยเฉาหุบปากทันที

พอดีกว่า เขาไม่เคยเถียงชนะคุณชายผู้รอบรู้ท่านนี้เลยสักครั้ง

แต่ว่า…เนี่ยเฉาเกาหัวอีกครั้ง ดูเหมือนเขาก็ไม่เคยเห็นคุณชายเจ็ดเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลยจริงๆ

เขาเข้าใจแล้ว

ที่แท้คุณชายคนนี้ก็ชอบเลี้ยงต้อยนี่เอง

การไต่สวนจะเริ่มในเวลาบ่ายสอง

พอบ่ายโมงก็มีคนมารอจำนวนไม่น้อยแล้ว

มีบางคนที่มาจากเมืองอื่น อยากดูว่าสำนักงานทนายความซีเฟิงเก่งแค่ไหน แม้แต่การนัดไต่สวนที่อย่างน้อยต้องผ่านกระบวนการกินเวลาหลายเดือนยังสามารถเลื่อนขึ้นมาจัดในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันได้

แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปนั่งฟังศาลไต่สวนที่ด้านในได้ทุกคน ส่วนใหญ่จะดูในโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างนอก

ขณะเดียวกันการไลฟ์สดก็ยังคงดำเนินไป

จำนวนข้อความเลื่อนที่ปรากฏบนหน้าจอเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ชมที่มากขึ้น

[ได้ยินว่าจำเลยที่ถูกไต่สวนครั้งนี้คือพวกแฟนคลับที่พฤติกรรมเลวร้ายที่สุดกับคนสร้างข่าวเท็จ ไม่มั้ง อายุน้อยกันขนาดนี้เลยเหรอ]

[ฉันรู้ๆ ฉันเป็นนักเรียนของชิงจื้อ หนึ่งในจำเลยเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรา วันที่ถูกตำรวจพาไปยังร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนโจทก์อยู่เลยนะ]

[เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม อยู่ในทีมสนับสนุนอิ๋งลู่เวย เป็นนักศึกษามหาลัยอยู่เลยนะ ไม่รู้จริงๆ ว่าอิ๋งลู่เวยมีอะไรดี เอาอนาคตตัวเองมาฝังฟรีๆ เพื่อนักเปียโนกิ๊กก๊อกคนเดียว]

[สาวน้อยจอมเต้าข่าว สมควรโดนละ ฉันหมั่นไส้พวกนักเลงคีย์บอร์ดมานานแล้ว]

[เฮ้อ พวกเธอเห็นอิ๋งลู่เวยบ้างยัง ฉันไม่เห็นนะ สงสัยจะกลัวหัวหดหนีไปแล้ว]

อันที่จริงอิ๋งลู่เวยมาแล้ว เพียงแต่อำพรางตัวเองมิดชิดเพื่อไม่ให้คนจำได้

บวกกับผื่นแดงบนหน้าเธอยังไม่หายดี ถอดหน้ากากปิดปากไม่ได้

แต่ไม่เหมือนกับที่ชาวเน็ตคาดเดาไว้ ตอนนี้อิ๋งลู่เวยไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อย กลับสุขุมใจเย็นเสียด้วยซ้ำ

เพราะเธอรู้ว่าการไต่สวนในวันนี้ไม่มีทางดำเนินต่อไปได้

สำนักงานทนายความซีเฟิงก็ไม่มีทางส่งทนายมา

ลู่จื่อถูกยกเลิกการกักบริเวณแล้ว เธอกระซิบ “ลู่เวย วางใจได้ ฉันขอร้องอาจารย์ให้ตระกูลหนึ่งในเมืองตี้ตูช่วยออกหน้าให้แล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่ตระกูลเศรษฐีใหญ่อย่างตระกูลมู่ตระกูลเนี่ย แต่ก็เล่นงานสำนักงานทนายความได้ไม่ยาก”

อาจารย์ของเธอเคยช่วยชีวิตคุณนายผู้เฒ่าของตระกูลนั้น เรื่องแค่นี้ย่อมช่วยเหลือกันได้

“ลำบากเธอแล้วนะ” อิ๋งลู่เวยตบมือของลู่จื่อเบาๆ พลางยิ้มให้ “ไว้เดี๋ยวฉันซื้อกระเป๋าแอร์เมสหนังจระเข้ให้นะ”

ลู่จื่อตื่นเต้นดีใจ “ลู่เวย เธอเกรงใจเกินไปแล้ว”

“เรื่องเล็กน้อย” อิ๋งลู่เวยเอาผมทัดหู รอยยิ้มอ่อนโยน “เธอนั่งรอฉันตรงนี้เดี๋ยวนะ”

อิ๋งลู่เวยลุกขึ้นแล้วเดินออกจากประตูไป

ที่ด้านนอกศาล

แสงแดดสาดส่องทะลุผ่านใบไม้เป็นชั้นๆ

ฟู่อวิ๋นเซินจอดรถ เอาแขนพาดหน้าต่าง “ฉันจะไปหาที่จอดรถ เดี๋ยวเข้าไป”

เนี่ยเฉาพยักหน้าหงึกๆ “คุณชายเจ็ด วางใจได้ ฉันจะดูแลน้องสาวคนนี้ให้ดี”

พูดจบเขาถึงตระหนักได้ว่า อิ๋งจื่อจินสามารถอัดเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้แม้แต่ปลายเล็บ

“…”

มันน่าปวดใจเหลือเกิน

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “อืม ฉันจะรอ”

เธอหยิบหมวกเบสบอลออกมาจากกระเป๋าเป้ เอามาใส่กันแดด

อิ๋งลู่เวยเดินเข้ามาหาในเวลานี้

เนี่ยเฉาระแวงขึ้นมาทันที ยกตะกร้าไข่ไก่ที่วางไว้บนเก้าอี้ขึ้นมา

อิ๋งลู่เวยต้องเห็นเนี่ยเฉาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจ

ถือไข่ไก่ แต่งตัวจัดเต็ม ก็ไม่รู้ว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกจากไหน

ไม่ควรค่าให้เธอเสวนาด้วย

อิ๋งลู่เวยเดินตรงเข้าไปหาอิ๋งจื่อจินแล้วยิ้มอย่างฝืนๆ “เสี่ยวจิน เธอรอทนายอยู่เหรอ”

“น่าเสียดายนะ ทนายของเธอไม่มีทางมาหรอก ฉันขอให้ตระกูลเล็กๆ ในเมืองตี้ตูช่วยออกหน้าให้ ข่มสำนักงานทนายความซีเฟิงโดยเฉพาะน่ะ”

เนี่ยเฉามองด้วยสายตาประหลาด

ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้เพี้ยนใช่ไหม

อย่างเธอไปขอร้องตระกูลใหญ่ในตี้ตูได้ด้วยเหรอ

เข้าบ้านเขาได้เหรอ

“ไม่มีทนาย คดีของเธอก็ต้องแพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์” อิ๋งลู่เวยถอนหายใจ ทำท่าเสียดาย “เธอคิดดูนะ จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยเหรอ เธอมายอมรับผิดกับอา อาก็ไม่มีทางถือสาเธออยู่แล้ว”

“ยังไงซะพวกเราก็ครอบครัวเดียวกัน”

อิ๋งลู่เวยยิ้มอย่างอ่อนโยน เหมือนผู้ใหญ่ใจดีที่กำลังสั่งสอนเด็กทำผิด

เนื่องจากเห็นเงาแปลกไป อิ๋งจื่อจินถึงได้สังเกตเห็นอิ๋งลู่เวย

เธอถอดหูฟัง “พูดกับฉันเหรอ”

มองข้ามอย่างสิ้นเชิง

อิ๋งลู่เวยหน้าบึ้ง เหมือนถูกหวดหมัดใส่ คับแค้นใจสุดๆ

เธอเก็บความอ่อนโยนที่มีเพียงผิวเผินแล้วใบหน้าแสยะยิ้ม “เดี๋ยวตอนศาลเริ่มไต่สวน ฉันจะคอยดูว่าเธอจะอวดดีได้ยังไงอีก”

กระชากหน้ากากมันตรงนี้ เธอไม่จำเป็นต้องแสร้งทำต่อไปแล้ว

อิ๋งลู่เวยสะบัดหน้าเดินออก

เนี่ยเฉากำลังคิดอยู่ว่าจะปาไข่ใส่อิ๋งลู่เวยยังไง เขาเงยหน้าเตรียมเล็งมุมเหมาะๆ

ทันใดนั้นมองไปข้างหน้าก็เห็นรถบูกัตติ เวย์รอนจอดอยู่ที่ประตูหน้าศาล

ทะเบียนรถมีอักษร ‘จิง’ นำหน้า

นี่เป็นป้ายทะเบียนรถของตี้ตู ทั้งยังเป็นประเภทที่พบเจอได้น้อย

คนที่นั่งอยู่ในรถคันนี้ได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

เนี่ยเฉาไม่ได้สนใจมาก จนกระทั่งเห็นคนที่เขาคุ้นเคยเหลือเกินลงมาจากรถบูกัตติ เวย์รอน “…”

โวะ ลมปราณแตกซ่าน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท