คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 70 ตระกูลเนี่ยแห่งตี้ตู!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

เนี่ยเฉาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ขยี้ตาแล้วมองไปอีกครั้ง

คราวนี้เห็นชัดแล้ว

แม้จะเห็นแค่ด้านข้าง แต่ก็สะพรึงมาก

ว้าก!

มาฮู่เฉิงได้ไง

“ละ ลูกพี่” เนี่ยเฉาถอยหลังหนึ่งก้าว ถือตะกร้าไข่หลบหลังอิ๋งจื่อจิน กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ดะ เดี๋ยวถ้ามีคนมาอัดฉัน เธอ เธอช่วยบังให้หน่อยได้ไหม”

“ใครเหรอ” อิ๋งจื่อจินขยับปีกหมวกพลางพูด “พี่ใหญ่เหรอ”

เนี่ยเฉาอึ้ง “ลูกพี่ รู้ได้ไงอะ”

เธอหันหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ

“ทำนายออกมาได้น่ะ”

“…”

ล้อเขาเล่นอีกแล้ว

เนี่ยเฉาเศร้ามาก

“พี่ใหญ่ของฉันเอง” เขาถอยหลังไปอีกด้วยความระมัดระวัง พอแน่ใจว่าไม่ถูกเห็นเข้าถึงได้โล่งอก “น้องสาว เธอไม่รู้หรอกว่าพี่ใหญ่ของฉันน่ากลัวกว่าปู่ฉันอีก”

“ปู่น่ะฉันยังพอหลบได้ ยังไงปู่ก็วิ่งไม่ทันฉัน แต่พี่ใหญ่ไม่เหมือนกัน ฉันถูกเขาอัดมาตั้งแต่เด็กจนโต!”

เขาเปลี่ยนแฟนทีพี่ใหญ่ก็จะมาสู้กับเขา

แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นฝ่ายถูกถีบเสมอ

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้วแล้วมองไป

มีผู้ชายยืนตัวตรงอยู่หน้ารถบูกัตติ เวย์รอน

ท่าทางอายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหก รูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย

สวมสูทดำทั้งชุด รัดกุมเรียบง่าย

ร่างกายปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายความโหดเหี้ยม คล้ายกับเดินออกมาจากทะเลเลือดหุบเขาซาตาน

ต่อให้เป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีแห่งตี้ตูก็มีบุคลิกแบบนี้ไม่ได้

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “พี่ใหญ่ของคุณเพิ่งกลับมาจากหน่วยอีจื้อ”

เนี่ยเฉาอึ้งไปอีกรอบ “ลูกพี่ อันนี้ก็ทำนายได้ด้วยเหรอ”

พี่ใหญ่ของเขาเป็นหลานคนโตของตระกูลเนี่ย แต่อันที่จริงก็ถือว่าหลุดออกจากเงาของตระกูลเนี่ยแล้ว

เพราะปีที่พี่ใหญ่ของเขาอายุสิบสองปีได้เข้าหน่วยอีจื้อ

คนที่เข้าหน่วยอีจื้อจำเป็นต้องรักษาความยุติธรรม ต่อให้เป็นคนในตระกูลตัวเองก็จะลำเอียงไม่ได้

ปู่ของเขาทั้งโกรธทั้งดีใจ โกรธที่ตระกูลเนี่ยไม่มีผู้สืบทอด ดีใจที่หลานชายตัวเองได้ดิบได้ดี

เขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่ของเขาอยู่ระดับไหนในหน่วยอีจื้อ

แต่มีครั้งหนึ่งเนี่ยเฉาบังเอิญเจอสายสืบที่หน่วยสืบสวนสากล สายสืบคนนี้ดูให้ความเคารพพี่ใหญ่ของเขามาก

แสดงให้เห็นว่าไม่ธรรมดา

แต่สถานะของพี่ใหญ่ก็เป็นความลับต่อคนภายนอก คุณหนูคุณชายของเหล่าตระกูลเศรษฐีตี้ตูก็ใช่ว่าจะรู้

อีกทั้งคดีความทั่วไปทำไมสะเทือนไปถึงพี่ใหญ่ได้

เนี่ยเฉาคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ

น่าแปลกจริง เขารู้สึกว่าน้องสาวที่มาจากตระกูลอิ๋งคนนี้ดูลึกลับ เหมือนคุณชายเจ็ดไม่มีผิด ให้ความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้

อิ๋งลู่เวยไม่เห็นรถบูกัตติ เวย์รอนคันนั้น เธอกลับไปนั่งที่

ระหว่างนั้นลู่จื่อยังได้โทรหาอาจารย์ของเธออีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ เธอเงยหน้าแล้วยิ้มพลางพูด “ลู่เวย วางใจได้ อาจารย์ฉันบอกแล้วว่า ตระกูลอู๋ไปคุยกับสำนักงานทนายความซีเฟิงไว้แล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่”

“ฉันวางใจอยู่แล้ว” อิ๋งลู่เวยมองเด็กสาวที่เดินเข้าประตูมาแล้วยิ้ม “เธอว่าเด็กคนนั้นไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า คิดว่าตัวเองไปหาสำนักงานทนายความซีเฟิงแล้วจะชนะคดีได้จริงๆ”

เดิมทีคดีแบบนี้ก็ชนะยาก แล้วนับประสาอะไรกับในสถานการณ์ที่ไม่มีสำนักงานทนายความซีเฟิงอยู่ช่วย

ลู่จื่อไม่แคร์ “เด็กวัยรุ่นยังไม่เคยผ่านความโหดร้ายของสังคมก็ไร้เดียงสากันทั้งนั้น”

“แต่ก็ร้ายอยู่ไม่เบานะ” อิ๋งลู่เวยหุบยิ้ม เชิดคางขึ้น พูดจาดูถูก “อ่อยฟู่อวิ๋นเซินได้สำเร็จ”

ลู่จื่อสีหน้าแย่ลง

เพราะตอนนั้นแค่ฟู่อวิ๋นเซินโทรกริ๊งเดียว บัตรธนาคารของเธอก็ถูกพ่อระงับหมดทุกใบ

“ฉันเป็นอาก็แค่อยากดึงหลานสาวกลับมาในทางที่ถูกต้อง” อิ๋งลู่เวยเล่นเล็บตัวเอง “รอดูนะ เดี๋ยวพอศาลเริ่มไต่สวน เด็กคนนั้นจะอายแค่ไหน”

เธอจะไม่ยอมให้เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเธออีกเด็ดขาด

ลู่จื่อเม้มริมฝีปาก หันไปมองอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง

ที่ด้านหน้าทางขวา เนี่ยเฉากำลังฟ้องฟู่อวิ๋นเซิน “คุณชายเจ็ด เมื่อกี้นายไม่เห็น อิ๋งลู่เวยผู้หญิงเจ้ามารยามารังแกน้องสาวด้วย”

“หืม” สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่เปลี่ยน แต่แววตากลับขรึมลงเล็กน้อย น้ำเสียงแหบแห้ง

“แต่น่าตลกเป็นบ้าเลย ยัยนั่นบอกว่าไปขอให้ตระกูลที่อยู่ในตี้ตูช่วยออกหน้ากดดันสำนักงานทนายความซีเฟิง” เนี่ยเฉาหมดคำจะพูด “นายว่าคนคนนี้สมองมีปัญหาปะ”

“นายไปช่วยเขางัดมาดูก็ได้นะ”

“…”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรมากอีก หยิบช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ออกมาวางใส่มือของอิ๋งจื่อจิน

ปลายนิ้วแฉลบถูกฝ่ามืออันอ่อนนุ่มดุจสายลมพัดผ่าน

ดวงตาของอิ๋งจื่อจินหลุบลง

ช่วงหลายวันมานี้เธอเองก็ชินแล้วที่เขาชอบยัดของกินมาให้บ่อยๆ

เธอเก็บช็อกโกแลตไว้ ไม่ได้กินทันที

เนื่องจากไม่อยากแสดงตัว เธอจึงไม่ได้นั่งตรงที่นั่งของโจทก์ ทั้งยังใส่หน้ากากปิดปาก

ใกล้บ่ายสองโมงเข้าไปทุกที ข้อความเลื่อนบนหน้าจอก็ยิ่งมีมากขึ้น

[ใกล้ถึงเวลาแล้ว สำนักงานทนายความซีเฟิงล่ะ ยังไม่มาเหรอ]

[เกิดเรื่องระหว่างทางหรือเปล่า]

[จะเป็นไปได้ยังไง สำนักงานทนายความมืออาชีพแบบนี้จะสะดุดเพราะเรื่องเล็กน้อยได้เหรอ]

ในขณะที่ชาวเน็ตกำลังสงสัยก็มีข้อความสะดุดตาลอยผ่านหน้าจอ

[เลิกรอกันได้แล้วจ้า สำนักงานทนายความซีเฟิงไม่มาหรอก พวกเธอไม่รู้เหรอว่ามีตระกูลทางตี้ตูออกหน้าคุยให้แล้ว จึ๊ๆ ฉันบอกแล้วว่าอิ๋งจื่อจินฟ้องไม่สำเร็จหรอก ก็ไม่เชื่อกัน]

[ถึงจะไม่ได้ฟ้องอิ๋งลู่เวย แต่ฟ้องแฟนคลับก็เหมือนเหยียบหน้ากัน อิ๋งลู่เวยจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เหรอ แยกย้ายๆ]

[อิ๋งจื่อจินก็จริงๆ เลย แค่เรื่องในตระกูลอิ๋งของตัวเองยังจะขึ้นโรงขึ้นศาลให้ได้ น่าเบื่อจริง]

[ข้อความก่อนหน้า รอเธอโดนกล่าวหาบ้างก็ทำตัวเป็นแม่พระให้ได้นะ อย่าไปฟ้องคนอื่นล่ะ]

ตรงที่นั่งจำเลย อิงเฟยเฟยกับผู้หญิงที่ดูแลทีมสนับสนุนอิ๋งลู่เวยรู้สึกโล่งอก

ตราบใดที่ศาลดำเนินการตามปกติไม่ได้ พวกเธอก็ไม่ต้องมีคดีติดตัวแล้ว

เวลาบ่ายสองยี่สิบนาทีก็ยังคงไม่มีแม้แต่เงาของสำนักงานทนายความซีเฟิง

ถ้าเกินสามสิบนาทีแล้วยังไม่มาและไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ศาลจะตัดสินว่าโจทย์ถอนฟ้อง

อิ๋งลู่เวยเสยผม ส่งสายตาให้ทนายฝั่งจำเลย

ทนายฝั่งจำเลยเข้าใจ ลุกยืนขึ้น “ศาลที่เคารพ ผมคิดว่าจำเป็นต้องเตือนโจทก์สักหน่อย หากทนายความฝั่งโจทก์ยังมาไม่ถึงอีก พวกเราก็มีสิทธิ์ให้อีกฝ่ายถอนฟ้องครับ”

พอคำพูดนี้ออกมาคนที่นั่งฟังอยู่ด้านในต่างก็พากันซุบซิบ

ในไลฟ์ก็โกลาหลมาก

[ไม่น่าใช่มั้ง ไม่มาจริงดิ]

[เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ทางนั้นมีคนหนุนหลังล่ะ]

อิ๋งลู่เวยพอใจมาก เธอใช้เบอร์ใหม่ส่งข้อความไปหา

[เสี่ยวจิน อาเล็กบอกเธอแล้ว เธอคนเดียวไม่มีประโยชน์หรอก ครั้งหน้าจำไว้นะต้องเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่อย่างนั้นอาไม่รับรองว่าจะทำอะไรเธอหรือเปล่า]

อิ๋งจื่อจินหาวออกมาแล้วกดบล็อก

ฟู่อวิ๋นเซินสังเกตเห็นว่าเธอง่วงจึงขยับบ่า “พิงไหม”

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย ดวงตาหงส์มัวนิดหน่อย “ไม่เป็นไร ยังไหว”

ฟู่อวิ๋นเซินเอื้อมมือไปจับศีรษะเธอพิงลงมาบนบ่าของเขา “ร่างกายไม่แข็งแรงอย่าฝืน”

“…”

อิ๋งจื่อจินจึงดึงหมวกลงมาปิดแล้วเริ่มพักผ่อน

อิ๋งลู่เวยที่นั่งอยู่ตรงมุมเห็นภาพนี้ก็ส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง

นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมีอารมณ์มาพลอดรัก

เธอดูเวลาก็พบว่ายี่สิบแปดนาทีแล้ว หมดความสนใจที่จะอยู่ต่อ จึงลุกขึ้นจะเดินออก

พอเธอลุกขึ้นทันใดนั้นประตูห้องไต่สวนก็เปิดออก

ทนายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร ค่อยๆ เดินไปยังที่นั่ง

“เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางเลยมาสายครับ ต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่ง” เขาดันแว่นตาแล้วยิ้ม “ศาลที่เคารพ ก่อนเริ่มขอผมแนะนำผู้แทนโดยชอบธรรมของคุณอิ๋งจื่อจินครับ”

เขาขยับไปทางซ้ายหนึ่งก้าวเพื่อหลบให้ผู้ชายที่ตามหลังเขามา “คุณเนี่ยอี้ครับ”

เนี่ยเฉา “…”

โวะ ลมปราณแตกซ่านอีกรอบ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท