คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 75 ตบหน้าพวกเขาเต็มๆ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ถึงแม้เส้นเสียงจะฟังดูเย็นชาจนเคยชิน แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบ

เรียก ‘คุณอิ๋ง’ อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้ เลขาตกใจจนยืนอึ้งอยู่ที่เดิมสักพัก

เจียงมั่วหย่วนเองก็ค้างอยู่ท่าเดิม

สีหน้าที่เย็นชามาตลอดพังทลายลงในชั่วพริบตา แสดงสีหน้าเหลือเชื่อแบบที่เห็นได้ยาก

อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน หันกลับไป

เธอยกปีกหมวกขึ้นสูงหน่อย หมอกขาวในดวงตาหงส์หายไป “คุณเนี่ย”

“เกรงใจแล้วครับ” เนี่ยอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “คุณอิ๋งช่วยน้องชายของผมไว้ ผมยังไม่ได้ขอบคุณ”

อิ๋งจื่อจินกลับไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย เธอพยักหน้า “พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ไม่ถือเป็นการช่วยเหลืออะไรค่ะ”

เธอบอกว่าคำพูดนั้นตอนเจอกันครั้งแรกก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย หลอกคนซื่ออย่างเนี่ยเฉาก็พอได้

แต่ถ้าคิดจะหลอกฟู่อวิ๋นเซินหรือเนี่ยอี้ กลับเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้หลังจากก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นักพยากรณ์จะค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของคนหมู่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ก็แค่ผู้เชี่ยวชาญมีน้อยลงเสียยิ่งกว่า

ส่วนใหญ่ตระกูลใหญ่จะมีอาจารย์ดูฮวงจุ้ยของตัวเอง

“ไม่ว่ายังไงคุณอิ๋งก็ช่วยเตือนน้องชายผม” เนี่ยอี้นิ่งไปเล็กน้อย “ถ้ามีเวลาว่างผมขอเลี้ยงข้าวพวกคุณนะครับ”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าคุณเนี่ยไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“มีธุระครับ” เนี่ยอี้เงียบไปชั่วขณะ ถามคำถามที่มาจากต้นฉบับไม่ผิดเพี้ยน “คุณอิ๋งชอบอะไรครับ”

“…”

เจียงมั่วหย่วนหน้าตึง สีหน้าย่ำแย่

เลขาตกใจ สมองเบลอไปหมด ถูกคำพูดของเนี่ยอี้ระเบิดจนหาทางออกไม่เจออีกครั้ง

ตอนนั้นเขาตามเจียงมั่วหย่วนไปรับอิ๋งจื่อจินที่อำเภอชิงสุ่ย มีเหรอที่จะไม่รู้ประวัติของเธอ

เรียนแย่ ทั้งยังคิดจับผู้ชายเพื่อยกฐานะ ชวนให้รังเกียจเหลือเกิน

แต่ตอนนี้?

หลานชายคนโตของตระกูลเนี่ยแห่งเมืองตี้ตูถามอิ๋งจื่อจินว่าชอบอะไร

นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาเต็มๆ เลยเหรอ

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “ของอร่อยค่ะ”

“เข้าใจแล้วครับ” เนี่ยอี้ครุ่นคิดชั่วขณะ รู้ว่าควรไปตอบฟู่อวิ๋นเซินยังไงแล้ว “ผมไปส่งคุณอิ๋งกลับแล้วกันครับ”

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาว “วันนี้ก็ต้องขอบคุณ คุณเนี่ยเหมือนกันนะคะ”

เนี่ยอี้ไม่บังคับ “แล้วเจอกันครับ”

เขามองนาฬิกาข้อมือ ก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน

ตอนออกไปก็ยังคงไม่แม้แต่จะมองผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ราวกับไม่ควรค่าให้หันไปมอง

เลขาไม่รู้ว่าในใจของเจียงมั่วหย่วนคิดอย่างไร เขาทั้งอับอายทั้งเสียหน้า

โดยเฉพาะตรงทางเข้าคิงคลับที่มีคนเดินเข้าเดินออก มีสายตามองมาตลอด

อย่างไรเสียในเมืองฮู่เฉิงก็ไม่มีใครไม่รู้จักเจียงมั่วหยวน

หลานชายคนโตของตระกูลเนี่ยไม่สนใจพวกเขา กลับทักทายลูกเลี้ยงเสียด้วยซ้ำ

เลขาก้มหน้า ใบหน้าเจ็บจนร้อนผ่าว “ท่านสามครับ พวกเรา…”

“ยกเลิกนัดกินเลี้ยงทั้งหมดวันนี้” แรงกดดันแผ่ซ่านจากตัวเจียงมั่วหย่วนอย่างรุนแรง สีหน้าก็เย็นชาจนน่ากลัว “เลื่อนเรื่องอื่นไปอีกสามวันให้หลัง บอกว่าฉันต้องการพักผ่อน”

เลขาอึ้งไปชั่วขณะ

เจียงมั่วหย่วนเป็นคนจริงจังกับงานมาก อยู่ข้ามคืนบ่อยครั้ง สามร้อยหกสิบห้าวันไม่เคยพัก

แล้วทำไม…

เลขาก็ไม่กล้าถามมาก “ครับท่านสาม”

เขาโค้งตัวแล้วเปิดประตูรถ ยิ้มพลางพูด “ท่านสาม คุณหนูรองอิ๋งนี่เก่งจริงๆ เลยนะครับ พอเห็นทางคุณชายตันแล้วก็เลยเปลี่ยนเป้าหมาย”

“เมื่อเดือนก่อนเธอยังคลุกคลีอยู่กับคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่อยู่เลย นี่มันจะเร็วไปหรือเปล่า”

เจียงมั่วหย่วนไม่พูด เม้มริมฝีปากแน่น รู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดปลอบโยน

เข้าหาหลานชายคนโตตระกูลเนี่ยเหรอ

อย่าว่าแต่สี่ตระกูลเศรษฐีในเมืองฮู่เฉิงเลย แม้แต่ตระกูลระดับกลางของตี้ตูก็ยังไม่มีสิทธิ์เลยด้วยซ้ำ

ส่วนอิ๋งจื่อจิน…

เจียงมั่วหย่วนหันมองนอกหน้าต่างรถ มีแววตาหม่นลงเล็กน้อย

ตกค่ำ

ในขณะที่ชาวเน็ตกำลังแชร์โพสต์ชิงรางวัลของผู้เฒ่าจงกันอย่างสนุกสนานก็เจอข่าวใหม่อีกข่าว

[แอทจอมแฉสะท้านโลกไซเบอร์ : ที่แท้ที่นักเปียโนคนนั้นเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ข่าวดีอะไร แต่ใบหน้าเสียโฉมนี่เอง]

พร้อมแนบรูปเก้ารูปอย่างใส่ใจ ทั้งยังเป็นรูปที่มาจากหลายมุมไม่ซ้ำกัน รับรองว่าชาวเน็ตเห็นกันชัดแจ่ม

[โอ้โห ผี!]

[แม่ถามฉันว่าทำไมต้องตกใจถึงขั้นหลับตาปี๋]

[นี่มัน…อิ๋งลู่เวยยังจะมีหน้าสร้างภาพเป็นนักเปียโนคนสวยอีกเหรอ]

[ว้าว ปกตินางต้องโบกหน้าหนาแค่ไหนนะ มิน่าหน้าถึงได้หนาขนาดนั้น]

เดิมทีแฟนคลับของอิ๋งลู่เวยกำลังโมโหผู้เฒ่าจงมาก พอเห็นเวยปั๋วโพสต์นี้ก็ยิ่งควันออกหู

[แผนแบล็คเมล์มาอีกแล้วสินะ ลู่เวยไม่ใช่คนในวงการบันเทิงสักหน่อย เลิกปล่อยข่าวได้มะ]

[ภาพเบลอขนาดนี้ ยังมองออกเหรอว่าใคร แอคเคาท์เชิงพาณิชย์กรุณาอย่าปั่น ช่วยสนใจคอนเสิร์ตวันที่สิบหกพฤษภาคมของลู่เวยด้วย]

[ลู่เวยจะเล่นเพลงตะวันกับจันทราของวีร่า โฮลท์ซในคอนเสิร์ต ยินดีต้อนรับทุกคนมารับชม]

แต่เนื่องจากภาพลักษณ์ของอิ๋งลู่เวยพังทลายลงไปไม่น้อยแล้ว แฟนคลับอาศัยกำลังของตัวเองก็ยังเอาชนะเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างแท้จริงไม่ได้

[น่าขำเป็นบ้า พวกเธอน่ะแค่มองขาก็รู้ว่าเป็นอิ๋งลู่เวยแล้วไม่ใช่หรือไง รูปนี้ฉันว่าก็ไม่เห็นจะเบลอ ทำไมจะมองไม่ออก]

[แฟนคลับเลือกที่จะตาบอดนั่นแหละ แต่จะว่าไป สีหน้าของเจียงมั่วหย่วน ก็น่า…นับถืออยู่นะ]

สุดท้ายเวยปั๋วโพสต์นี้ก็คงอยู่แค่สามชั่วโมงแล้วถูกลบไป

ชาวเน็ตเองก็รู้ว่าเพราะอะไร ได้แต่ปลง ‘มีเรื่องกับเศรษฐีไม่ได้’ จากนั้นก็ไปแชร์โพสต์ลุ้นรางวัลต่อ

สามวันต่อมา

เปิดเทอมมาได้เกือบเดือนแล้ว บรรยากาศภายในห้องสิบเก้าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

มีหลายคนที่เริ่มเรียนหนังสือ พอเลิกคาบยังมีถามคำถามกันเอง

แต่ก็ไม่ใช่เพราะอยากเรียนจริงๆ ก็แค่ฟังอิ๋งจื่อจินสอนวิชาชีวะมาหลายคาบ ไม่อยากทำเสียน้ำใจเธอ

พ่ออิ๋งของพวกเขาเป็นเทพด้านการเรียนขนาดนี้ แล้วพวกเขาจะกล้าเป็นตัวถ่วงได้ยังไง

“พ่ออิ๋ง พวกเราซื้อของย่างกับเบียร์มาล่ะ” พวกลูกน้องถือถุงหลายใบเดินเข้ามาอย่างเริงร่า “เอามาตอบแทนพ่ออิ๋ง”

อิ๋งจื่อจินวางปากกา “ตอนนี้ฉันยังไม่หิว พวกนายกินกันก่อนเถอะ”

“ไม่เป็นไร ถ้าหิวเดี๋ยวพวกเราไปซื้อใหม่ก็ได้” ลูกน้องคนหนึ่งมองหา “เจ๊อวี่ล่ะ”

อิ๋งจื่อจินก้มหน้าอีกครั้ง “ช่วยฉันพาหมูไปเดินเล่น”

พวกลูกน้อง “…”

เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัย!

พวกเขาก็อยากพาหมูไปเดินเล่นเหมือนกัน

“ไม่ได้ ปล่อยให้เจ๊อวี่อยู่กับตูตูตามลำพังไม่ได้” ลูกน้องคนหนึ่งเดินออกไปด้วยความโมโห กดโทรศัพท์

“เจ๊อวี่อยู่ที่ไหน อ่อ แถวทะเลสาบตงหูเหรอ ได้ๆๆ!”

ยังไม่ทันที่เขาจะเดินออกนอกประตู ทันใดนั้นอิ๋งจื่อจินก็ลุกขึ้น

ลูกน้องอึ้ง

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเย็นชา น้ำเสียงดุดัน “ฉันไปกับพวกนายด้วย”

ทะเลสาบตงหูเป็นทิวทัศน์ที่กว้างขวางของชิงจื้อ ทางโรงเรียนยังได้เลี้ยงหงส์ดำเอาไว้หลายตัว พวกนักเรียนต่างชอบไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบ

เพียงแต่ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวกลางวัน คนยังค่อนข้างน้อย

นักเรียนหญิงคนหนึ่งคล้องแขนจงจือหว่านกำลังเดินอยู่ ทันใดนั้นได้ชี้ไปข้างหน้า “จือหว่าน เธอดูนั่นสิ อะไรอะ”

จงจือหว่านมองไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย และก็พบหมูที่ตัวเล็กมาก

“อ๋อ ฉันนึกออกแล้ว!” นักเรียนหญิงตีหัวตัวเอง “นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของอิ๋งจื่อจิน พวกห้องสิบเก้าที่วันๆ ไม่ยอมเรียนชอบอวดกันทุกวัน”

จงจือหว่านขมวดคิ้ว “สัตว์เลี้ยงเหรอ”

“คนบ้านนอกก็ยังเป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ” นักเรียนหญิงแสยะยิ้ม “ยังจะเลี้ยงหมู ไม่รู้รสนิยมเป็นแบบไหน ฉันล่ะนับถือเลยจริงๆ”

“ห้ามเลี้ยงสัตว์ในโรงเรียน” จงจือหว่านมองผิวน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เธอไปเก็บมาโยนทิ้งน้ำเถอะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน