คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 106 อิ๋งจื่อจิน ‘เตรียมตัวเรียกพ่อหรือยัง’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

แต่ว่าคำนี้ก็ยังคงช้าไป

เท้าขวาของเจียงหรานสวมรองเท้าและยืนบนพื้นแล้ว

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที บนหน้าผากมีเส้นเลือดปูด

“เป็นอะไร”

ซิวอวี่รู้สึกไม่ชอบมาพากลได้อย่างรวดเร็ว รีบก้มลงหยิบรองเท้าอีกข้างขึ้นมา

พอดูก็รู้สาเหตุแล้ว

ส่วนหัวของรองเท้ามีหมุดติดอยู่เต็มไปหมด

เนื่องจากอยู่ด้านในสุด ถูกบังเอาไว้มิด ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็น

เจียงหรานกัดฟัน แข็งใจไม่ส่งเสียงร้องออกมา

เขาอดทนต่อความเจ็บปวดถึงใจแบบนี้แล้วถอดรองเท้าออก

ถุงเท้าสีขาวอาบเลือดอย่างเห็นได้ชัด มีเลือดไหลทีละหยด

ลูกน้องตกใจงงไปหมด

โชคดีที่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามีกล่องปฐมพยาบาล อิ๋งจื่อจินเดินไปหยิบผ้าก๊อซกับกรรไกรมา

เจียงหรานดูไม่ค่อยยินยอม แต่สุดท้ายก็พูดออกมา “ขอบใจ”

เขารับกรรไกรมา เอาฟันกัดปลายด้านหนึ่งของผ้าก๊อซ จากนั้นก็เริ่มพันแผลให้ตัวเอง

ซิวอวี่สายตาเย็นชา “ใครทำ”

ถึงแม้เธอกับเจียงหรานจะเป็นเพื่อนที่ชอบเขม่นกันมาตั้งแต่เล็ก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพื่อนกัน

“มะ…ไม่ใช่ผมนะ” ลูกน้องเริ่มลนลาน “ผมสาบานได้ ผมไม่มีทางทำร้ายพี่หรานแน่นอน”

เจียงหรานเป็นนักเลงประจำโรงเรียน แต่ก็ไม่มีทางทำเรื่องที่รุนแรง ทั้งยังดีกับคนรอบตัว

ตอนนี้ยิ่งทำตัวดีขึ้นไปใหญ่ เริ่มตั้งใจเรียนบ้างแล้ว

“รู้ว่าไม่ใช่นาย” ซิวอวี่ขมวดคิ้ว “นายไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ นายหยิบรองเท้ามาจากไหน”

“จุดรับพัสดุของโรงเรียน” ลูกน้องร้อนใจจนอยากร้องไห้ “พี่หราน ทำไงดี เท้าพี่เป็นแบบนี้จะลงแข่งยังไง”

“ฉันไม่เป็นไร” เจียงหรานเริ่มรู้สึกโอเคขึ้น หน้าผากมีเหงื่อผุด เขาแสยะยิ้ม “ต่อให้ฉันมีเท้าเดียวก็กำจัดพวกเขาได้”

อิ๋งจื่อจินโทรเรียกรถพยาบาลเสร็จก็เหลือบมองเขาพลางพูดว่า “ไปโรงพยาบาล”

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

หมอผู้หญิงถือเข็ม หน้านิ่ว “หลบอะไร มานี่”

“ไม่ฉีด!” ไม่ว่าอย่างไรเจียงหรานก็ไม่ยอมยื่นแขนให้ “ผมบอกไปแล้วว่าผมไม่เป็นไร ผมไม่ฉีด”

“แผลเยอะขนาดนี้ แถมลึกด้วย ถ้าไม่ฉีดกันบาดทะยัก คืนนี้เธอสู่ขิตแน่” หมอผู้หญิงพูดอย่างไม่เกรงใจ “เด็กผู้ชายวัยรุ่นอย่างพวกเธอเท่มากไม่ใช่เหรอ ทำไมกลัวกับอีแค่เข็ม”

เหมือนลูกชายของเธอไม่มีผิด

“เจียงหราน นายอย่ามาทำตัวเอาแต่ใจตอนนี้” ซิวอวี่ยักไหล่ “แน่นอนว่าถ้านายอยากตายก็คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูด”

“ตายง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน” เจียงหรานทำหน้าบูด “บอกแล้วว่าผมไม่…”

อิ๋งจื่อจินมองมาทางนี้

เจียงหรานชะงักไปชั่วขณะ ถูกดันจนต้องเปลี่ยนคำพูด “ผมยอมแล้ว”

ซิวอวี่ “…”

เอาเถอะ เวลาสำคัญต้องพ่อเท่านั้นสินะถึงจะเอาอยู่

เจียงหรานถกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่กลัวตาย เผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ

เขาเม้มริมฝีปาก แต่ก็อดพูดไม่ได้ “เบาหน่อย”

“เบาหน่อยเหรอ” หมอผู้หญิงเอาก้านสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อทำการฆ่าเชื้อให้เขา “เบาหน่อยเธอก็จะไม่หลาบจำ”

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เธอก็ทำเบาลง

แต่ก็ยังเจ็บมากอยู่ดี

ฉีดยาเสร็จเรียบร้อย เจียงหรานรู้สึกหลุดพ้น

“แผลห้ามโดนน้ำ ถึงเวลาต้องล้างแผลด้วย” หมอผู้หญิงโยนเข็มฉีดยาลงถังขยะ กำชับอย่างไม่วางใจ “ฉีดยาแล้ว ห้ามอาบน้ำด้วย”

หันไปพูดกับซิวอวี่ “ยิ่งไปกว่านั้นห้ามเล่นกีฬาหักโหม อย่ายืนบ่อย”

“วางใจได้ค่ะ” ซิวอวี่รับรอง “หนูสั่งเก้าอี้รถเข็นให้เขาแล้ว อีกเดี๋ยวก็มาส่ง”

เจียงหราน “…”

ไอ้xxx

เขาเป็นถึงขาใหญ่ประจำโรงเรียน ให้นั่งเก้าอี้รถเข็นเหรอ

ขายหน้าเป็นบ้า

“แบบนั้นยิ่งดี” หมอผู้หญิงพยักหน้าแล้วออกไป

เจียงหรานหน้าบึ้ง โมโหจนไม่อยากพูด

อิ๋งจื่อจินเอาโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้ซิวอวี่ “เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนมีพัสดุมาส่งที่โรงเรียน ระวังคนคนนี้ไว้”

ซิวอวี่เข้ามาดูก็เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด

ในนั้นปรากฏภาพคนที่มาส่งรองเท้าที่ไม่ใช่พนักงานส่งพัสดุ

แต่เป็นคนใส่ชุดดำทั้งตัวพร้อมสวมหมวกแก็ปสีดำ มือก็ยังใส่ถุงมือ

แยกไม่ออกแม้กระทั่งชายหญิง

“มีพิรุธ” น้ำเสียงของซิวอวี่ขรึมลง “พ่ออิ๋ง ส่งคลิปนี้ให้ฉันหน่อย ฉันจะไปสืบ”

ตอนเย็น

เวลาของยุโรปห่างจากเอเชียหกถึงเจ็ดชั่วโมง

เวลานี้เป็นช่วงบ่ายของยุโรปพอดี

เวลาหนึ่งทุ่มของประเทศจีน อิ๋งจื่อจินรับสายจากฟู่อวิ๋นเซิน

น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่แตกต่างจากปกติ ยังคงมีความร่าเริงนิดหน่อย เขาพูดอย่างเนือยๆ “เด็กน้อย วันนี้ตั้งใจกินข้าวหรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินมองถุงมันฝรั่งทอดที่อยู่ข้างมือตัวเอง ชะงักไปเล็กน้อย “อืม”

เนื่องจากไปโรงพยาบาลมา เมื่อตอนเที่ยงเธอจึงลืมกินข้าว

อย่างไรซะเมื่อก่อนเธอไม่กินข้าวหลายวันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย

เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายเธอเป็นแบบนี้ จำเป็นต้องกินอาหาร

“เยาเยาคงไม่อยากโกหกพี่ชายใช่ไหม” ฟู่อวิ๋นเซินลากเสียงยาว “พี่ชายก็จะเชื่อ”

อิ๋งจื่อจินปัดถุงมันฝรั่งทอดออกไปไกลๆ “ถึงยุโรปแล้วเหรอ”

“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ปิดบัง เขายิ้ม “เรื่องราบรื่นดี เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

คนที่ปล้นสมุนไพรที่เขาเตรียมให้ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้มีคนเดียว แต่เป็นทีมปล้น แถมยังมีชื่อเสียงพอสมควร

ทีมนี้มีแค่หัวหน้าที่เป็นนักล่าติดอันดับ

กล้าปล้นสมุนไพรขนาดนี้ก็คงมีความคิดที่หวังจะโชคดี

อยากฆ่าเขาไปด้วยในตัว แบบนั้นก็จะได้เงินค่าหัวพันล้านดอลลาร์

แต่สุดท้ายก็ต้องซวยยกทีม

ฟู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ริมทะเล ดูเวลา “เย็นมากแล้ว พี่ชายไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของเธอดีกว่า วันมะรืนพี่ชายก็กลับแล้ว เดี๋ยวจะเอาขนมอร่อยๆ ของทางนี้ไปฝาก”

นิ่งไปเล็กน้อย เขาพูดเสริมอย่างเนิบๆ “เด็กน้อย รีบเข้านอนด้วยนะ ไม่งั้นผมร่วง”

“…”

วันต่อมา

เจียงหรานยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาล มองเท้าตัวเองที่ถูกห่อเป็นบ๊ะจ่าง ทั้งโมโหทั้งหงุดหงิด

การแข่งขันเทควันโดที่เขารับปากไว้ แท้จริงแล้วก็แค่พูดกับคนอื่นว่าแบบนั้น

อันที่จริงไม่ใช่เทควันโดแต่เป็นมวยตลาดมืด ก็คือตลาดใต้ดินที่อยู่ใต้หอสถานีโทรทัศน์

เพราะการฝึกวิทยายุทธ์โบราณที่ไม่ถูกต้องทำให้กำลังภายในของเขาปั่นป่วนมาตลอด

นอกจากต้องกินยายังไม่พอ เขาต้องคอยใช้กำลังต่อสู้อยู่เรื่อยๆ เพื่อปรับสมดุลกำลังภายในที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัว

คนที่เป็นเทควันโดอ่อนแอเกินไปสำหรับเขา มวยตลาดมืดต่างหากถึงสมน้ำสมเนื้อ

แต่ในเมื่อมีคำว่า ‘ตลาดมืด’ มาเกี่ยวข้องก็แสดงว่ามีเรื่องด้วยไม่ได้ ถ้าไม่ไปจะยิ่งยุ่งยาก โดยเฉพาะจะส่งผลกระทบต่อคนรอบตัวเขา

ตี้ตูยังวุ่นวายอยู่ เขาเองก็ไม่มีทางไปพึ่งพาอิทธิพลตระกูลในตี้ตู

เจียงหรานอดทน สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้น หยิบไม้เท้าข้างตัว เขย่งด้วยเท้าข้างเดียวออกจากห้องพักผู้ป่วย

ลูกน้องถูกไล่ออกไปซื้อข้าวแล้ว เพราะนึกไม่ถึงว่าเจียงหรานจะหนี

ครึ่งชั่วโมงต่อมาเจียงหรานเรียกรถมายังตลาดมืด

มวยตลาดมืดอยู่ด้านเหนือของตลาดใต้ดิน เนื่องจากมีแค่ขาเดียวที่เดินได้ เขาใช้เวลาถึงยี่สิบนาทีกว่าจะเดินมาถึงทางเข้ามวยตลาดมืด

มีคนมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว

พอเห็นเขาเข้ามาก็พากันมารุมล้อม ท่าทางเอาเรื่อง

“นายมาสาย” หนึ่งในเด็กหนุ่มเหลือบมองเขา แสยะยิ้ม “พวกเราคิดว่านายจะไม่มาแล้วซะอีก ยังไงซะถ้านายไม่มา พวกเราก็มีเหตุผลลงมือแล้ว”

เจียงหรานไม่กลัวคำข่มขู่ เขาแสยะยิ้ม “ฉันก็แค่จะมาบอก วันนี้ฉันไม่ลงต่อยแล้ว”

พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของพวกเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป

เด็กหนุ่มที่พูดก่อนหน้านี้มองเขาด้วยสีหน้าพิลึก “นายว่าอะไรนะ”

“ฉันลงต่อยไม่ได้” เจียงหรานข่มอารมณ์โมโห “ไม่เห็นเหรอว่าฉันบาดเจ็บ ฉันจะคืนเงินค่าลงแข่งให้นาย สิบเท่า ร้อยเท่า แล้วแต่นาย ได้หมด”

“นายบาดเจ็บเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย” เด็กหนุ่มกอดอก ก้มมองต่ำ “นายคิดว่าพวกเราชอบเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

มือของเจียงหรานที่จับไม้เท้าเริ่มกำแน่นขึ้น สายตาเย็นชาสุดขั้ว “หมายความว่าไง”

“เคยบอกไปแล้ว” เด็กหนุ่มยิ้ม “ถ้านายไม่ลงก็คือการสละสิทธิ์ สละสิทธิ์ก็เท่ากับแพ้ พอแพ้ นายก็ต้องตัดมือนายออกมา”

เขาส่งสายตาให้พวกคนที่อยู่ข้างๆ “ล็อกตัวมันไว้”

“อย่ามาแตะฉัน” เจียงหรานกัดฟันพูด น้ำเสียงแข็งกร้าว “ฉันจะต่อยกับพวกนาย”

อย่างมากเขาก็ใช้กำลังภายใน

ใช้ครั้งเดียวคงไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายเท่าไร

“น่าสนใจนี่” เด็กหนุ่มยิ้มอีกครั้ง “งั้นก็โยนไม้เท้าทิ้งสิ อย่ามัวแต่อึ้ง ขึ้นเวทีไป”

มือของเจียงหรานที่จับไม้เท้าอยู่ เอาไม้เท้าวางไว้ด้านข้าง

แต่เนื่องจากขาใช้งานได้ข้างเดียว ร่างกายไม่มั่นคงจึงโงนเงนอยู่ตลอด

“ฮ่าๆ” ไม่รู้ว่าใครหัวเราะ “เด็กน้อย อย่าฝืนเลยน่า ไม่สู้นายหั่นมือออกมาซะก็สิ้นเรื่อง นี่ถ้าต่อยกันจริง นายคงไม่ได้เสียแค่มือหรอกนะ”

ชีวิตด้วย

“หุบปากหมาๆ ไปเลย” เจียงหรานแสยะยิ้ม กำลังจะขึ้นเวที

เด็กหนุ่มกลับหยุดลง ขมวดคิ้ว “ใครน่ะ”

เจียงหรานหันไปมองที่ทางเข้า

เด็กสาวค่อยๆ เดินเข้ามา มือยังคงถือแก้วชานม

เธอเอาแก้วชานมวางไว้บนพื้น ดวงตาหงส์เชิดขึ้น หันหน้ามา

“นายลงไป”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท