The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 647-648

ตอนที่ 647-648

DND.647 – เมฆาเลือดกระชากมิติ
ในความคิดของวู่เหิงนอกจากห้าศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีใครคิดจะสู้กับเด็กหนุ่มสัตว์ประหลาดคนนี้ คนผู้นั้นก็ไม่ต่างกับขุดหลุมฝังตัวเอง
“วู่เหิงเจ้าตกต่ำจริงๆ เจ้าไม่ละอายใจที่ต้องถูกคนแบบนี้จับตัวเลยรึ? เจ้ายินดีก้มหัวให้มันได้ยังไง?”
เซี่ยหวู่ดูถูกเขาอย่างมาก
“ทวีปเฉินหลงมันก็แค่ดินแดนบ้านนอกที่มีแต่พวกป่าเถื่อนแต่เจ้าก็เลือกข้างอยู่กับมัน พอฆ่ามันแล้วข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้กับห้าศักดิ์สิทธิ์”
วู่เหิงเพียงถอนหายใจแต่ไม่พูดอะไรเขาพูดสิ่งที่พูดได้ไปหมดแล้ว
“เจ้าหนูขอข้าดูพลังของเจ้าหน่อย”
จิตสังหารฉาบแววตาเซี่ยหวู่เขากำหอกเมฆาเลือดในมือแน่น
“ท่านเจ้าพันธมิตรให้พวกข้าจัดการมันเถอะ เราจะร่วมมือกันฆ่าไอ้ชั่วนั่น”
หนึ่งในองครักษ์สิบหกคนจากหน่วยกวาดล้างพูดขึ้นมาพวกเขาหลายคนเคยถูกเซี่ยหวู่ทำร้ายมาก่อน
“ถอยออกมา!”
ซือหยูยื่นแขนบังเหล่าองครักษ์ทุกคนถอยทันที ความเชื่อฟังอย่างเข้มงวดเช่นนี้ทำให้เจ้าตำหนักหนานกวงงุนงง เพราะซือหยูเพิ่งจะได้เป็นเจ้าพันธมิตร แต่เจ้าก็ยังได้รับความนับถืออย่างมาก!
เซี่ยหวู่เลียริมฝีปากและตาลุกวาว
“นี่สินะเจ้าพวกไร้กระดูกสันหลังพวกนี้ถึงได้กล้าหาญขึ้นมา? ดูเหมือนเจ้าจะเป็นแกนนำของพวกมัน ถ้าข้าดูดเลือดเจ้าจนแห้งเหือดต่อหน้าพวกมัน พวกมันก็คงยืนขึ้นมาไม่ไหวอีกแล้วสินะ!”
เซี่ยหวู่หายตัวไปเขาปรากฏตัวอีกครั้งเหนือศีรษะของซือหยู ดูเหมือนว่าเขาจะยักย้ายตัวเองมาทันทีที่พูดจบโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัว!
“ท่านเจ้าพันธมิตรระวัง!”
มีคนร้องเตือนซือหยูพวกเขาตกใจมาก! เซี่ยหวู่แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาคิด!
ฉั่วะ!
ร่างของซือหยูถูกหอกเมฆาเลือดทะลวงเสียก่อนที่เขาจะรู้สึกเจ็บเสียอีก!ทันใดนั้น ร่างของเขาได้ระเบิดออกเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วน
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าได้ซัดลงไปใกล้กับกลุ่มคนพร้อมกับมีคนปรากฏตัวออกมาจากสายฟ้านั้นเขาคือซือหยูที่ยังคงยืนมือไพล่หลังตามเดิม ร่างกายของเขาไม่ได้มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเยือกเย็นไม่ยี่หระ
“เลี่ยงสายฟ้ารึ?”
เซี่ยหวู่เดาเขาค่อนข้างตกใจ นี่คือวิชาหลบหนีที่ยิ่งใหญ่! และวิชาระดับนี้ใช้ได้จากจ้าวเทวะเท่านั้น แต่มันกลับถูกใช้อย่างง่ายๆโดยกึ่งภูติอย่างซือหยู!
“เจ้าตอบสนองทันแต่เจ้าไม่ประมาทไปหน่อยรึ?”
เซี่ยหวู่จ้องมองซือหยูอย่างเย็นชาเขาสะบัดนิ้วหนึ่งครั้ง
หอกเมฆาเลือดละลายกลายเป็นกองโลหิตที่กลิ่นเหม็นเน่าโลหิตนั้นได้แตกกระจายและพุ่งเข้าใส่ซือหยูดั่งพิรุณ
ซือหยูเพิ่งจะใช้เลี่ยงสายฟ้ายากที่เขาจะใช้วิชาเดิมอีกครั้ง เซี่ยหวู่จึงใช้โอกาสนี้โจมตีเขาในเวลาวิกฤติ แค่เรื่องนี้อย่างเดียวก็บอกได้ว่าเซี่ยหวู่ผ่านการต่อสู้มามากมายแค่ไหน
แม้ว่าพิรุณโลหิตจะไม่ถึงตัวซือหยูทุกคนก็คิดว่าซือหยูกำลังจะพลาดท่า! ทุกคนรู้สึกถึงจิตอันชั่วร้ายจากพิรุณโลหิต พวกเขายังรู้สึกว่าโลหิตนั้นมีชีวิตและมีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ด้วย ทุกคนรู้ว่าคนที่ถูกโลหิตนี้สัมผัสจะต้องตาย!
ฮั่วฉีหลานหน้าซีดนางตะโกนร้อง
“ซือหยูระวัง! ถ้าเจ้าถูกเลือดนั้น มันจะซึมผ่านตัวเจ้าแล้วดูดโลหิตทั้งหมดของเจ้าออกมา”
นางเคยเห็นวิชานี้มาก่อนมีมากกว่าพันคนที่ถูกมันสูบโลหิตจนแห้ง!
แกร๊ง!
ลูกแก้วสีครามปรากฏหน้าซือหยูมันหมุนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว พิรุณโลหิตได้ถูกสะท้อนกลับไปอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีแม้แต่หยดเดียวที่ได้เข้าใกล้ซือหยู
เซี่ยหวู่สีหน้าหม่นหมองเขากำมือเรียกพิรุณโลหิตกลับมา ในตอนนั้น มันได้อัดแน่นกลับเป็นหอกเมฆาเลือด
ส่วนซือหยูเขายังคงยืนมือไพล่หลังอยู่เหมือนเดิม เขายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้ และเมื่อลูกแก้วสีครามสลายไปก็พบว่ามีไม้สีครามที่ปล่อยแรงดันวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน
“สมบัติวิญญาณระดับกลาง?”
เซี่ยหวู่ตกใจเมื่อเห็นมันเขาอยากจะได้มันขึ้นมาทันที
“ดีล่ะ!ข้าอยากได้มัน วายุเมฆาเลือด!”
เซี่ยหวู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและแกว่งหอกเมฆาและหมอกได้พุ่งออกมาและกลายเป็นวายุโลหิตลูกใหญ่! มีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนโชยออกมาปนกับกลิ่นเลือด
“ทุกคนถอย!หมอกเลือดนั่นมีพิษ แก้วพลังวิญญาณของกึ่งภูติยังปนเปื้อนได้เพราะมัน! จุดกำเนิดพลังจะแตกสลาย ร่างกายจะเริ่มเน่า!”
วู่เหิงปัดมือกระจายหมอกโลหิตไม่ให้ถูกกองทัพเขายังบอกให้ทุกคนถอย
ในตอนนั้นวายุโลหิตได้ล้อมตัวซือหยูไปแล้ว เขาไม่มีทางให้หนีเลย แต่ซือหยูนั้นไม่ไหวติง เพียงรอให้มันเข้าใกล้
เมื่อแสงสีครามหายไปเกราะทมิฬก็ปรากฏแทนที่ ที่อกมีแก้วที่กลายเป็นเศษเถ้า พลังชีวิตของมันถูกดูดจนหมด!
ม่านที่เหมือนกับวารีปล่อยออกมาจากชุดเกราะของซือหยูวายุโลหิตอันทรงพลังมิอาจเจาะทะลวงชั้นเกราะเข้าไปได้!
“เป็นไปได้ยังไง?”
เซี่ยหวู่ตกตะลึงไม่มีเคยเลยที่มีฐานพลังเท่าเขา เขาไม่รู้เลยว่าทำไมซือหยูถึงกล้าดูถูกวายุเมฆาเลือดของเขา! แต่ซือหยูก็ป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย!
เพียงไม่นานวายุเมฆาเลือดได้สลายไปด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นเซี่ยหวู่ถึงได้รู้…ว่าศัตรูของเขาเพียงแค่ป้องกันตัวเอง แต่ยังไม่เคยจู่โจมเขาเลยสักครั้ง!
ซือหยูลดมือและเก็บชุดเกราะทมิฬความเยือกเย็นฉาบดวงตา
“เจ้าจบแล้วสินะต่อไปก็ตาข้า…”
เซี่ยหวู่ตกใจแต่เขาก็ยังหยาบกร้านตามเดิม
“ข้ายังไม่จบอย่าเพิ่งได้ใจไปนัก…”
เขาตะโกน
“เมฆาเลือดกระชากมิติ!”
เซี่ยหวู่ที่ถือหอกได้ถูกล้อมด้วยหมอกสีแดงดูเหมือนว่าร่างกายของเขาหลอมรวมไปกับหอก!
ฉึก!
เมื่อร่างกายของเขาหายไปรอยแยกมิติตรงยาวเกิดขึ้น ในกระโจมเทพสวรรค์ที่เป็นเพียงสมบัติภูติ มิตินั้นไม่หนาแน่นเท่าใดนัก แต่กับในดินแดนของจริงเช่นนี้ พลังนี้จะต้องน่ากลัวอย่างมาก!
วู่เหิงใจเต้นแรงเขาจำคำของห้าศักดิ์สิทธิ์ที่เคยพูดไว้…ว่าไม่มีใครที่มีพลังต่ำกว่าภูติระดับสี่จะรับมือกระบวนท่านี้ได้!
วู่เหิงเองรู้สึกว่าแม้แต่ซือหยูเองเขาก็อาจจะรับมือไม่ไหว
แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าซือหยูไม่คิดจะป้องกันตัวเลยเขากลับก้าวไปข้างหน้า
“นี่น่ะรึท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า? อ่อนแอนัก…”
ต่อหน้าสายตาอันตกตะลึงของทุกคนซือหยูกลับยื่นมือออกไปคว้าแสงสีแดงเอาไว้ เอาสัมผัสมันด้วยมือเปล่า!

DND.648 – ตะขาบเลือดเกล็ดมุก
คนรอบๆจะเห็นว่าแขนทั้งสองข้างของซือหยูมีสายโลหิตสีทองที่เปล่งแสงจ้ายังมีพลังเหนือมนุษย์ที่ไหลเวียนในสายโลหิตเหล่านั้น ทุกคนรู้สึกว่าซือหยูตรงหน้าพวกเขามิใช่มนุษย์…แต่เป็นจิตวิญญาณที่น่ากลัวถึงขีดสุด!
เปรี๊ยะ
หอกเมฆาเลือดที่ทรงพลังหยุดลงเมื่อถูกซือหยูคว้าด้วยมือเปล่าเซี่ยหวู่ตัวแข็งทื่อ เขาหวาดกลัวในใจ
“นั่นมันกายาอะไรกัน?”
กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมีร่างกายที่รับมือกับกระบวนท่าที่ภูติระดับสามยังไม่กล้าจะเผชิญหน้าด้วย!กายามังกรขั้นแรกนั้นแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ได้แต่เพียงสงสัยว่าถ้าหากบ่มเพาะจนถึงระดับสุดท้าย กายามังกรเทพปีศาจจะทรงอำนาจแค่ไหน
ซือหยูจ้องมองหอกเมฆาเลือดในมือเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรับหอกเอาไว้ได้ แต่หอกนี้ก็ดูราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันไม่หยุดเคลื่อนไหวและแว้งมาที่แขนของซือหยูราวกับอสรพิษ
ซือหยูรู้ว่าหอกสามารถเปลี่ยนเป็นพิรุณโลหิตได้ทุกเมื่อมันไม่ใช่หอกธรรมดาแต่เป็นวิญญาณชั่วร้ายในรูปลักษณ์ของหอก
“ฮื่ม”
ซือหยูถอนหายใจแรงสายโลหิตทองคำสั่นสะเทือนเมื่อเขาปล่อยพลังมหาศาลออกมา
เสียงดังก้องมาจากหอกเมฆาเลือดเมื่อมันระเบิดมันถูกแรงของซือหยูบดขยี้จนแตกและกลายเป็นพิรุณโลหิต
พร้อมกันนั้นซือหยูยังสะบัดมือขวาเพื่อเรียกร่มวิเศษบัวแดงเพลิงร้อนจัดลอยฉาบนภาเผาพิรุณโลหิตที่ลอยอยู่
เสียงกรีดร้องดังมาจากในเพลิงที่แผดเผาพิรุณ
“หอกของข้า!”
เซี่ยหวู่เสียใจยิ่งนัก
เขาลงแรงอย่างมากในการบ่มเพาะหอกเมฆาเลือดเขาตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามันถูกซือหยูทำลาย!
เขาจ้องซือหยูอย่างโกรธแค้นเซี่ยหวู่สายตามุ่งมั่น
“ก็ได้เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ…”
เซี่ยหวู่กัดฟันพ่นแก่นโลหิตออกมาในมือขวาและเขียนอะไรบางอย่างแก่นโลหิตของเขาได้กลายเป็นยันต์ที่ดูประหลาด มันพุ่งตรงไปยังกองเพลิง กองเพลิงดับมอดลงไปในไม่นาน เสียงกรีดร้องของหอกหยุดลง
ซ่า
วายุปรากฏในเพเลิงมันล้อมรอบเปลวเพลิงทั้งหมด คนจากเฉินหลงไม่คาดคิดว่าเขาจะดับเพลิงได้
ในเวลาเดียวกันพวกเขายังรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นในเพลิงราวกับว่ามีจิตวิญญาณที่ทรงพลังกำลังเกิดขึ้นจากเพลิงนั้น
“ออกมา!ตะขาบเลือดเกล็ดมุก!”
เขาตะโกน
โฮก
ในตอนนั้นเองเพลิงพิโรธบัวแดงได้ถูกดูดเข้าไปในวายุ เพลิงจำนวนมากหายไปแทนที่ด้วยตะขาบขนาดมหึมา
มันสีแดงทั้งตัวและมีขายาวหลายร้อยข้างดวงตาแทรกอยู่เต็มบริเวณท้อง ขนาดของดวงตานั้นไม่เท่ากันและน่าขนลุก มันยืนราวกับมนุษย์และอ้าปากดูดเพลิงทั้งหมดลงสู่ท้อง
เพลิงพิโรธบัวแดงเป็นเพลิงที่แม้แต่ภูติยังต้องเกรงกลัวแต่ตะขาบตัวนี้กลับดูดกลืนเพลิงเข้าไปได้!
“ตะขาบเลือดเกล็ดมุก?หนอนวิญญาณรึ?”
วู่เหิงเบิกตากว้าง
“วิญญาณชั่วร้ายในหอกเมฆาเลือดของเจ้าก็คือหนอนวิญญาณรึ?”
เขาดูหวาดกลัว
หนอนวิญญาณ?ซือหยูตกใจเล็กน้อย เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าหนอนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกที่ปรากฏอยู่ในการจัดลำดับ
“ฮื่ม!ข้าตั้งใจจะให้แก่นโลหิตมันกินมากกว่านี้ มันจะได้เปลี่ยนร่างและได้ร่างเดิมคืนมา แต่ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากปลุกเสี้ยววิญญาณมันออกมาก่อน! เจ้าทุกคนเตรียมตัวตาย!”
เซี่ยหวู่พูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเกลียดชัง
จิตสังหารของเขาพุ่งถึงขีดสุดเมื่อจ้องมองซือหยูในอดีต เขาเคยเจอตะขาบเลือดเกล็ดมุกที่ถูกแช่แข็งโดยบังเอิญในสถานที่ี่หิมะตกหนัก
เขาใช้เวลายาวนานมากในการฟื้นคืนชีพมันขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้งานมันด้วยตัวเองแต่ร่างและวิญญาณของตะขาบที่ถูกแช่แข็งมานานต้องการแก่นโลหิตของคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากในการฟื้นฟู
ในจิวโจวการกระทำชั่วร้ายเช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก เขาจึงใช้โอกาสที่ได้มาเฉินหลงที่ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องแบบนี้
จำนวนคนที่ตายเพราะหอกเมฆาเลือดนั้นมีไม่ต่ำกว่าล้านคนแม้ว่าฐานพลังของคนเหล่านั้นจะไม่มากและแก่นโลหิตไม่สมบูรณ์แบบพอ จำนวนมหาศาลก็ช่วยทดแทนข้อด้อยได้ ตะขาบเลือดเกล็ดมุกจึงฟื้นคืนร่างมาได้สามในสิบส่วนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหวู่คิดว่าเขาจะใช้โอกาสในเฉินหลงฟื้นฟูมันอย่างเต็มที่แต่เขาก็ต้องมาเจอกับคนที่แข็งแกร่งอย่างซือหยูเสียก่อน
ตะขาบเลือดเกล็ดมุกบาดเจ็บหนักตอนที่ซือหยูกำมือบดขยี้หอกเพื่อไม่ให้ตะขาบถูกเผาทั้งเป็น เซี่ยหวู่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากปลดปล่อยมันออกมาก่อนเวลาอันควร
และเมื่อปลดปล่อยมันออกมานั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดได้สูญเปล่า ตะขาบเลือดเกล็ดมุกได้มาอยู่ในสภาพอ่อนแอที่เซี่ยหวู่เคยเจอมันในครั้งแรก
วู่เหิงหน้าซีด
“ระวังนะหนอนวิญญาณตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันคือหนอนวิญญาณลำดับสองในอันดับของหนอนวิญญาณทั้งหมด!”
คนในเฉินหลงไม่เข้าใจคำพูดของเขาแต่ซือหยูเข้าใจดีและระวังตัวอย่างมาก
โฮก
ดวงตาหลายพันดวงที่ท้องของตะขาบเลือดเกล็ดมุกมองซือหยูพร้อมกันดวงตาแดงก่ำเหล่านั้นเผยจิตสังหารและความโกรธ
ตะขาบรู้ดีว่าซือหยูคือคนที่บังคับให้มันต้องออกมามันร้องคำรามเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำหลายร้อยปล่อยลำแสงสีแดงเข้าล้อมซือหยู
ซือหยูชักสีหน้าเล็กน้อยเกราะราชาศิลานิรันดร์ปรากฏออกมา เศษแก้วถูกใช้ลงในเกราะเพื่อปล่อยพลังสูงสุด
ฉั่วะ
แม้ว่าเกราะจะแข็งแกร่งแต่ม่านเกราะก็ขาดราวกับเยื่อกระดาษ แต่หากมองดีๆจะพบว่าม่านเกราะมิได้สลายไปเพราะพลัง แต่มันสลายไปจากการโดนกัดกร่อน! เสาแสงสีแดงหลายร้อยพุ่งใส่ร่างของซือหยู
ปั้ง
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกภูเขาลูกยักษ์ทุ่มใส่เขาต้องรีบหลบพลังระลอกต่อไปและไม่ได้มองดูบาดแผลของตัวเอง
ในตอนนั้นเส้นโลหิตทั้งหมดในตัวซือหยูได้เปลี่ยนเป็นสีทอง เขาตะโกนเรียกพลังทั้งหมดไปที่เท้า พลังที่ดันเขาไปข้างหลังเริ่มสลายไป ซือหยูถึงได้หยุดอยู่กับทที่
เขาถูกดันไปไกลหลายลี้รอยเท้าลากยาวลึกบนพื้นปรากฏยาวตามระยะ ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาแทบจะไม่เชื่อว่ากายามังกรของซือหยูถูกผลักไปไกลเช่นนั้น! ทุกคนในเฉินหลงใจหาย
“นายน้อยให้ข้าช่วยท่านเถอะ!”
วู่เหิงบินมาช่วยซือหยูทันที
ตอนแทนเขามั่นใจกับพลังของซือหยูมากแต่ตอนนี้เขาต้องรีบมาช่วยเพราะเขารู้แล้วว่าตะขาบเลือดเกล็ดมุกนั้นน่ากลัวเพียงใด!
“นายท่านให้พวกข้าช่วยด้วยเถอะ!”
ลั่วซวงกับหลี่เจิงพยักหน้าและพูดขึ้นพร้อมกัน
ไม่มีใครอยากจะยอมแพ้พวกเขานำหน่วยกวาดล้างมาอยู่ข้างซือหยู
“ท่านเจ้าพันธมิตรท่านยังมีพวกเรา!”
ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พูดออกมาพร้อมกันพวกเขาไม่อยากจะให้ซือหยูสู้แต่เพียงคนเดียวและรีบพุ่งเข้ามาดู
เซี่ยหวู่หัวเราะเสียงดัง
“นั่นมันอะไรกัน?พวกเจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก อยู่ที่นี่เป็นอาหารตะขาบไปซะเถอะ!”
เขาตะโกน
“ทหารเงาทมิฬฟังข้าฆ่ากองทัพเฉินหลงให้หมด! อย่าให้ใครรอดไปได้!”
กึ่งภูติที่เหลือฟังคำสั่งเซี่ยหวู่กำลังของเขามีกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงอยู่หนึ่งคนและกึ่งภูติที่อ่อนแอกว่าอีกยี่สิบกว่าคน เท่านี้ก็เพียงพอที่จะฆ่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทั้งหมื่นคนแล้ว!
ซือหยูใจหายสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว
“วู่เหิงจงนำหน่วยกวาดล้างกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ข้าจะให้พวกเจ้าจัดการเซี่ยหวู่กับคนที่เหลือ ส่วนข้าจะจัดการตะขาบเลือดเกล็ดมุกเอง”
ซือหยูจ้องมองตะขาบเขากังวลกับพลังของมันมาก
แต่เขาก็มิอาจละเลยเซี่ยหวู่กับคนที่เหลือมิเช่นนั้นเขาจะสูญเสียอย่างไม่จำเป็น
วู่เหิงลังเลก่อนจะตะโกน
“พวกเจ้าตามข้ามา!”
ลั่วซวงกับหลี่เจิงลังเลก่อนจะตามเขาไปพวกเขายืนอยู่ท่ามกลางคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
แม้พวกเขาจะมีจำนวนมากก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าจะมีโอกาสชนะนั่นก็เปราะกำลังของภูติระดับสามอย่างเซี่ยหวู่นั้นมหาศาลเกินไป
“พวกเจ้าจำคำสัญญาที่ให้ไว้ได้หรือไม่?”
วู่เหิงถามและมองคนรอบๆ
วู่เหิงเห็นว่าพวกเขาคิดจะถอยเมื่อมองในแววตาความคิดในใจของพวกเขาที่เกิดขึ้นก็คือความกลัวที่ต้องต่อสู้กับศัตรูไร้เทียมทานอย่างเซี่ยหวู่
“พวกเจ้าต่อสู้เพื่อสิ่งใด?เพื่อตัวพวกเจ้า หรือเพื่อมิตรสหายกับคนที่พวกเจ้ารัก?”
คำพูดของซือหยูถูกพูดซ้ำโดยวู่เหิงเมื่อเขาถามออกไป แรงฮึดสู้ในกองทัพก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะพวกเขาล้วนจำได้ถึงเหตุผลที่พวกเขาติดตามซือหยูมาต่อสู้ในทวีปเหนือแต่ทีแรกนั่นก็คือเพื่อคนรักที่ตายไปอย่างไร้ค่า และตอนนี้ศัตรูที่ยิ่งใหญ่มาอยู่ตรงหน้า พวกเขามิอาจถอยได้
“พวกเจ้าคือความหวังของเฉินหลงคือความหวังของคนที่จากไป บอกข้า เจ้าเตรียมจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร? เจ้าจะซ่อนตัวอย่างคนตาขาวหรือสู้จนถึงที่สุดเพื่อคนเหล่านั้น?”
คำพูดอันทรงพลังของวู่เหิงทำให้พวกเขากลับมาคิดสู้อีกครั้ง
“ข้า!จะ! สู้!”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน
วู่เหิงพูดถูก!พวกเขาทำได้แค่ต่อสู้เท่านั้น! พวกเขาตั้งมั่นว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด!
“ฆ่ามันเพื่ออนาคตของเฉินหลง!”
วู่เหิงตะโกนและบินไปยังเซี่ยหวู่
“ตายซะเถอะ!”
เสียงตะโกนของคนหมื่นคนดังขึ้นพร้อมกันพลังมหาศาลของคนทั้งหมื่นสั่นคลอนทั้งฟ้าดิน
กึ่งภูติของเซี่ยหวู่ที่เผยจิตสังหารเมื่อครู่ถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังแม้แต่ละคนจะฆ่าคนที่ไม่กลัวตายเหล่านี้ได้ง่ายๆ พวกเขาก็รู้สึกตกใจ พวกเขารู้สึกราวกับต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ป่าที่ดุร้าย!
เซี่ยหวู่แผ่จิตสังหารออกมา
“พวกเจ้าก็แค่ฝูงมดปลวกตะโกนเสียงดังแล้วมันจะทำไม? ชะตาพวกเจ้าถูกลิขิตแล้ว ทหารเงาทมิฬ ฆ่ามันให้หมด!”
เขาซัดฝ่ามือออกไปหมัดพลังชีวิตกำปั้นใหญ่พุ่งเข้าใส่กองทัพพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
ปั้ง…
หลายสิบคนร่างระเบิดเป็นชิ้นๆพวกเขาไม่เหลือซากเลย!
“ไอ้พวกขยะเอ้ย”
เซี่ยหวู่ตะโกนและหัวเราะเขาซัดฝ่ามืออีกครั้ง
ซูม
หนึ่งคนบินเข้าไปขวางหมัดนั่นก็คือวู่เหิง เขาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
วู่เหิงรู้ว่าเซี่ยหวู่คือคนที่อันตรายที่สุดที่นี่ถ้าเขาไม่ยื้อเซี่ยหวู่ เซี่ยหวู่คนเดียวก็คงฆ่าคนทั้งหมื่นคนตายหมด!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน