คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 297 ความจริง เก็บตระกูลฟู่

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 297 ความจริง เก็บตระกูลฟู่

เด็กสองขวบยังไม่มีความทรงจำอะไรเท่าไร เว้นเสียแต่เป็นเรื่องที่อยากลืมแต่ก็ลืมไม่ลง

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าป้ายหลุมศพ หยุดสายตาอยู่สักพัก

มิน่าฟู่อวิ๋นเซินถึงได้มีปัญหาทางด้านสภาพจิตใจที่รุนแรงมาก

อย่าว่าแต่เด็กเล็กเลย เรื่องแบบนั้น ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องฝังใจ

เห็นคนใกล้ชิดถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา บาดแผลที่เกิดก็ยากจะชดเชย

“ดังนั้นนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาถึงไม่ยิ้ม ไม่พูดกับใคร” เนี่ยอี้เล่า “ต่อมาเขาบอกผมว่า สมองของเขาจะนึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นทุกวันเพื่อกันตัวเองลืม”

“เขาบอกว่า มนุษย์มีขีดจำกัดเรื่องความจำ เขาต้องการแก้แค้นจึงห้ามลืมเด็ดขาด”

“วันหนึ่งขณะที่เขาอายุสามขวบ เนื่องจากผู้เฒ่าฟู่ป่วยอาการสาหัส เขาถูกฟู่อีเฉินที่อายุเก้าขวบขังไว้ในห้องลับ” เนี่ยอี้หยุด แล้วเล่าต่อ “ภายในห้องลับนั้นมีงูพิษสามตัว สามวันต่อมาเขาออกมาได้งูตาย แต่เขาก็เจ็บหนัก”

เด็กที่เพิ่งสามขวบก็ต้องจับมีดหาทางป้องกันตัวแล้ว

ดวงตาของอิ๋งจื่อจินฉายแววเย็นชา “ฟู่หมิงเฉิงเป็นคนอนุญาตเหรอ”

“อืม อย่างไรซะตอนนั้นฟู่อีเฉินก็ยังเด็ก ไม่มีช่องทางหางูพิษมาได้” เนี่ยอี้เงียบไปชั่วครู่ “ต่อมาพอผู้เฒ่าฟู่สังเกตเห็นสภาพร่างกายที่มีบาดแผลของเขา รู้ว่าปกป้องเขาจากคนในบ้านไม่ได้ จึงติดต่อผู้เฒ่ามู่เพื่อส่งอวิ๋นเซินไปตี้ตู”

“ผมรู้จักกับเขาในวงการจอมยุทธ์ ตอนนั้นเขาอายุแค่ห้าขวบ เด็กมาก อีกทั้งเพิ่งเข้ามาในวงการ จอมยุทธ์หลายคนต่างดูถูกเขา”

เนี่ยอี้ไม่เคยพูดอะไรยาวแบบนี้ในคราวเดียวมาก่อน เขาหยุดหายใจแล้วพูดต่อ

“คุณอิ๋งอาจไม่รู้นิสัยของคนในโลกจอมยุทธ์ ที่นั่นดูแค่ความสามารถ ต่อให้ฆ่าอีกฝ่ายตายในระหว่างต่อสู้ก็เป็นเรื่องปกติ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ ฉันรู้”

วงการจอมยุทธ์เป็นแบบนี้มาตลอด เหมือนกับโลกบำเพ็ญเพียรที่เธออยู่มา

มีการต่อสู้ฆ่ากันตาย คุยกันด้วยกำลัง

“เขาไม่มีภูมิหลังอะไรในวงการจอมยุทธ์ ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเอง” เนี่ยอี้เล่า “แต่โชคดีที่เขามีพรสวรรค์ ต่อให้เป็นพวกยอดฝีมือที่เป็นที่ยอมรับของตระกูลหลินก็ยังสู้เขาไม่ได้”

“เจ็ดขวบ เขาถูกแทงทะลุปอดจนเกือบตาย”

“เก้าขวบ เขาไปฝึกฝน ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งตรงตำแหน่งเฉียดหัวใจ ถูกผู้เฒ่ามู่รีบนำตัวส่งวงการแพทย์แผนโบราณในคืนนั้นทันที”

“สิบขวบ จอมยุทธ์อายุยี่สิบคนหนึ่งท้าประลองกับเขา”

“อายุสิบสาม…”

วัยเด็กของคนอื่นโตมาโดยมีพ่อแม่เคียงข้าง แต่ฟู่อวิ๋นเซินกลับต้องเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่า

อิ๋งจื่อจินเงียบไป แววตาสั่นไหวเล็กน้อย “มิน่า”

มิน่าฟู่อวิ๋นเซินถึงพกยาทาแบบนั้นติดตัว

เพราะตั้งแต่เด็กเขาอาจได้รับบาดเจ็บได้ทุกเมื่อ เดินวนเวียนเฉียดความตายอยู่ตลอด

“อายุสิบแปดเขากลับตี้ตู สมาชิกสายตรงคนนั้นของตระกูลมู่พูดต่อหน้าเขาว่าจะไปขุดศพแม่ของเขา” เนี่ยอี้พูด “เขาก็เลยทำร้ายคนนั้นจนพิการ จนถึงตอนนี้ก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล”

“แต่ตอนนั้นเขามีความสามารถเพียงพอแล้ว ตระกูลเมิ่งไม่กล้าเอาเรื่องเขา ทำได้เพียงยอมกลืนความแค้นนี้ลงไป”

อิ๋งจื่อจินหันมา “สรุปว่าการที่เขาไปจากประเทศจีน แท้จริงแล้วเขาเป็นฝ่ายต้องการไปเองเหรอ”

“ครับ” เนี่ยอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย “วงการจอมยุทธ์มันเล็กมาก ไม่เหมาะกับเขาแล้ว”

“ส่วนเขาไปเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอได้อย่างไร สร้างวีนัสกรุ๊ปขึ้นมาได้ยังไง ผมเองก็ไม่รู้ เลยบอกคุณอิ๋งไม่ได้ครับ”

อิ๋งจื่อจินยังคงมองไปทางป้ายหลุมศพ ดวงตาวูบไหว “ไม่จำเป็นค่ะ”

ถึงแม้เธอจะทำนายอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้

แต่พอฟังเรื่องพวกนี้จากปากเนี่ยอี้ เธอก็ไม่ต้องทำนายแล้ว

จากที่ไม่มีอะไรจนเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ ฟู่อวิ๋นเซินก็ได้ผ่านความทุกข์ทรมาน และความมืดมิดที่คนทั่วไปยากเกินกว่าจะจินตนาการ

แต่เขากลับไม่ได้จมอยู่แต่กับความแค้น กลับมีความอ่อนโยนด้วยซ้ำ

“คุณอิ๋งน่าจะเดาได้” เนี่ยอี้หยิบรูปออกมายื่นให้ใบหนึ่ง

“แม่แท้ๆ ของเขาเป็นลูกสาวของผู้เฒ่าฟู่ อันที่จริงเขาควรเรียกผู้เฒ่าฟู่ว่าคุณตา”

“เพียงแต่เพื่อเป็นการปกป้องเขา ผู้เฒ่าฟู่จึงให้เขาไปอยู่ในนามของฟู่หมิงเฉิงกับภรรยา”

คนกลุ่มนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อนน่ากลัวยิ่งกว่าการแก่งแย่งชิงดีในตระกูลฟู่

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าแล้วรับมา

นี่เป็นภาพถ่ายคู่

เธอรู้จักหนึ่งในนั้น คือเจียงฮว่าผิง

เพียงแต่เจียงฮว่าผิงในรูปอายุน้อยมาก ราวๆ สิบหกสิบเจ็ดได้

เจียงฮว่าผิงว่าสวยแล้ว เด็กสาวอีกคนสวยยิ่งกว่า

ตรงด้านขวาของรูปถ่ายเป็นกลอนวรรคหนึ่งที่เขียนด้วยตัวหนังสือแบบข่าย

แสงเทียนในฤดูใบไม้ร่วงส่องกระทบฮว่าผิง[1] ยกพัดไล่ปัดหลิวอิ๋ง[2]

ในกลอนวรรคนี้มีชื่อของทั้งสองคนอยู่

เจียงฮว่าผิง

ฟู่หลิวอิ๋ง

สองเพื่อนซี้แห่งฮู่เฉิง งดงามเกินใคร สวยเคียงคู่กัน

“แม่ของเขาไปจากฮู่เฉิงตอนอายุยี่สิบ” เนี่ยอี้พูดต่อ “กลับมาตอนอายุยี่สิบสี่ก็ได้ตั้งท้องเขาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้แม้แต่ผู้เฒ่าฟู่ก็ยังไม่รู้ว่าพ่อของเขาคือใครกันแน่ และก็ไม่มีใครรู้ว่าสี่ปีที่ฟู่หลิวอิ๋งหายไปได้ไปอยู่ที่ไหนมา”

“ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่อวิ๋นเซินไปจากประเทศจีน เป็นเพราะตอนนั้นคนกลุ่มนั้นมีคนต่างชาติอยู่หลายคน เพียงแต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้วก็ยังไม่พบร่องรอยอะไร”

“เล่ามาเยอะขนาดนี้ผมไม่ได้มีความหมายอื่น” เนี่ยอี้พูดเสียงขรึม “เขาไม่ฟังคำพูดของพวกผม คงต้องรบกวนคุณอิ๋งแล้วครับ”

“ตอนนี้คุณเป็นญาติเพียงคนเดียวของเขาแล้ว”

อิ๋งจื่อจินถือรูปถ่ายใบนั้น เธอเองก็ได้ทราบเรื่องทั้งหมดในอดีตจากคำบอกเล่าของเนี่ยอี้

เมื่อศตวรรษก่อน ชื่อฟู่หลิวอิ๋งโด่งดังมากในฮู่เฉิง

ตอนนั้นเธอเป็นคุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งแห่งฮู่เฉิง เป็นหญิงสาวที่มากความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ตระกูลเศรษฐีในฮู่เฉิง แม้แต่พวกตระกูลใหญ่ของตี้ตูก็ยังมาขอหมั้นหมาย

ฟู่หลิวอิ๋งมีพรสวรรค์เรื่องการปรุงน้ำหอมมากทีเดียว เธอมีประสาทการดมกลิ่นที่เป็นเลิศ สามารถแยกแยะคุณภาพ และกลิ่นของน้ำหอมแต่ละชนิดได้

อวี้เซียงฟังเป็นกิจการร้อยปีของตระกูลฟู่ก็จริง แต่ในปลายศตวรรษที่ยี่สิบก็ถดถอยลงไปมาก

เพราะลำพังแค่กรรมวิธีแบบโบราณย่อมสู้กระแสใหญ่ไม่ได้

ตอนนั้นฟู่หลิวอิ๋งในวัยสิบห้าปีฟื้นฟูกิจการของอวี้เซียงฟังให้โด่งดังขึ้นมาอีกครั้งด้วยกำลังของเธอเอง เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเมื่อก่อน

มีฟู่หลิวอิ๋งอยู่ อวี้เซียงฟังก็คือกิจการน้ำหอมอันดับหนึ่งของประเทศจีน

เพียงแต่ต่อมาเธอหายตัวไป พอกลับมาได้ไม่นานก็ถูกฆ่าตาย

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชื่อของฟู่หลิวอิ๋งก็กลายเป็นคำต้องห้าม

ผ่านไปยี่สิบปีแล้วก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเธอ

นานวันเข้าก็ถูกหลงลืม

ต่อมาหลังจากอิ๋งลู่เวยโตเป็นผู้ใหญ่ ตำแหน่งคุณหนูไฮโซอันดับหนึ่งก็เปลี่ยนคน

ในตระกูลฟู่ไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อฟู่หลิวอิ๋ง

ฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่เกลียดฟู่หลิวอิ๋งก็ยังจะไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

ถ้ากลุ่มคนเมื่อยี่สิบปีก่อนไม่ได้มีความคิดฆ่าล้างตระกูล พวกเขาก็คงไม่รอดไปแล้ว

แต่ภายในใจของฟู่หมิงเฉิงก็รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟู่หลิวอิ๋ง

พอเธอรู้ว่าคนพวกนั้นต้องการพบเธอ เธอก็ออกไปทันที

สุดท้ายได้ถูกฆ่าตายเพื่อปกป้องตระกูลฟู่กับฟู่อวิ๋นเซิน

อวี้เซียงฟัง ถ้าบอกว่าเป็นของฟู่หลิวอิ๋งก็ดูจะไม่เกินไปแม้แต่น้อย

ถ้าไม่มีฟู่หลิวอิ๋ง อวี้เซียงฟังคงเจ๊งไปนานแล้ว

แต่ฟู่หลิวอิ๋งตายไปแล้ว

คนตายเข้ามาแย่งชิงอะไรไม่ได้

หลังจากที่จัดการพิธีฝังของผู้เฒ่าฟู่เสร็จ ฟู่หมิงเฉิงก็ไม่สนเรื่องอื่นอีก เขากลับบ้านตระกูลฟู่

สำหรับเขาแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือได้ร่วมงานกับบีไมน์ พาอวี้เซียงฟังไปสู่ระดับสากล

เพียงแต่เรื่องที่เขารู้สึกเหนือความคาดหมายคือ เขาไล่ฟู่อวิ๋นเซินออกจากตระกูลฟู่ต่อหน้าพวกเศรษฐีมากมายของฮู่เฉิง ฟู่อวิ๋นเซินกลับไม่พูดอะไร

“หมิงเฉิง ถึงคุณจะพูดไปแบบนั้น แต่พินัยกรรมมีผลทางกฎหมายแล้ว” คุณนายฟู่ขมวดคิ้ว “คนที่รับผิดชอบอวี้เซียงฟังก็ยังคงเป็นฟู่อวิ๋นเซิน”

“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง” ฟู่หมิงเฉิงส่ายมือ “พรุ่งนี้ซูเหลียงฮุยจะมา เขามีวิธีทำให้หมอนั่นยอมยกอวี้เซียงฟังให้แต่โดยดี”

คุณนายฟู่คิด จากนั้นก็ไม่ได้ถามต่อ

ผู้เฒ่าฟู่จากไปแบบนี้ เดิมทีฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่ได้มีสถานะอะไรอีก

กอปรกับมีตระกูลซูมาช่วยกดดัน ฟู่อวิ๋นเซินก็ย่อมจนตรอก

พวกเพื่อนที่เขาคบหาก็เป็นแค่คุณชาย ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริง

อีกทั้งหลังจากที่รู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่คนในตระกูลฟู่ คุณชายพวกนั้นเหยียบย่ำเขาก็ยังจะไม่ทันเลยด้วยซ้ำ แล้วจะช่วยเขาได้ยังไง

สาเหตุที่ฟู่หมิงเฉิงเลือกที่จะพูดในพิธีฝังศพ เป็นเพราะต้องการให้ฟู่อวิ๋นเซินไร้ที่พึ่ง

“ผมจะไปดูที่โรงงานหน่อย” ฟู่หมิงเฉิงแต่งตัว “ต้องคว้าโปรเจ็คต์ร่วมงานกับบีไมน์มาให้ได้”

เวลาหนึ่งทุ่ม

ฟู่อวิ๋นเซินถึงเดินออกจากสุสาน

ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เขาหยุดเดินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร

ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว พูดด้วยความระมัดระวัง “พี่?”

คนรับสายอกสั่นขวัญแขวน

นับตั้งแต่ฟู่อวิ๋นเซินกลับมาฮู่เฉิง เคยโทรหาเขาแค่สองครั้ง

ครั้งแรกเป็นตอนลงมือกับเจียงซื่อกรุ๊ป

ครั้งที่สองเป็นตอนช่วยจงซื่อกรุ๊ป

สรุปสั้นๆ หมดเงินไปมหาศาล

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ร้อนเงิน แต่มันปวดใจ

“โครงการสาขาในประเทศจีนดำเนินการได้แล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินสรุปสั้นๆ ดวงตาดอกท้อฉายแววเย็นชา

“ย้ายพวกบริษัทที่สำคัญๆ มา”

แบรนด์หรูระดับสากลที่อยู่ภายใต้วีนัสกรุ๊ปล้วนมีหน้าร้าน และเคาน์เตอร์ภายในประเทศจีน

แต่แบรนด์หรูเหล่านี้กลับไม่ได้เป็นตัวแทนบ่งบอกถึงวีนัสกรุ๊ป

วีนัสกรุ๊ปไม่มีสาขาในประเทศจีน

ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดด้วยความตกตะลึง

“พี่ ในที่สุดก็จะจัดการเก็บตระกูลฟู่แล้วเหรอ!”

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง แสยะยิ้ม “อืม ถึงเวลาลงมือแล้ว”

[1]ฮว่าผิง หมายถึง ฉากกั้น

[2]หลิวอิ๋ง หมายถึง หิ่งห้อย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน