ตอนที่ 318 โดนตบหน้าชา เผยเทียนอี้หน้าแตก
เขามองไป แต่กลับรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อ
เขาเคยเห็นโจทย์ที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลประกาศออกมาแล้ว เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ
เพียงแต่สาขาหลักที่เขาศึกษาไม่ใช่ฟิสิกส์ เป็นชีวเคมี เขาก็เลยแค่ดูผ่านๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า กลศาสตร์ควอนตัมเป็นโจทย์ยากสำหรับวงการฟิสิกส์มาตลอด นักเรียนคนเดียวต่อให้มีพรสวรรค์มากขนาดไหนก็ไม่น่าจะแก้โจทย์ได้หรือเปล่า
แต่จั่วหลีไม่เหมือนกัน
เผยเทียนอี้กลับรู้สึกว่า จั่วหลีมีความสามารถนั้น
ถ้าจั่วหลีบอกแนวทางแก้โจทย์ให้นักเรียนของเขาก่อน นักเรียนเก่งๆ พวกนั้นก็จะสามารถคำนวณออกมาได้
พอนึกถึงตรงนี้เผยเทียนอี้ก็ไม่ได้ตกใจมากแล้ว
กลับเป็นศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าอย่างเกอร์เวนที่นั่งตัวตรง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ประตูไม่ได้ล็อก เชิญเข้ามาครับ”
พอเขาพูดจบประตูก็เปิดออก
เดิมทีเผยเทียนอี้มีสีหน้าเหมือนไม่ใส่ใจ แต่พอเห็นเด็กสาวยืนอยู่ตรงประตู เขาก็ตะลึงเล็กน้อย
อิ๋งจื่อจินเดินเข้ามา ถอดหมวกออก ยื่นมือออกไป “สวัสดีค่ะศาสตราจารย์เกอร์เวน”
เธอพูดด้วยสำเนียงอังกฤษแท้ๆ แถมยังเป็นแบบควีนส์อิงลิช
คราวนี้อาจารย์คนอื่นๆ ภายในห้องประชุมต่างก็มองมา แสดงสีหน้าตกใจ
เกอร์เวนเป็นเชื้อพระวงศ์ของประเทศอังกฤษ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางราชวงศ์แล้ว แต่ภาษาอังกฤษที่เขาใช้ก็ยังคงเป็นสำเนียงควีนส์อิงลิชแท้ๆ
ภาษาอังกฤษสำเนียงควีนส์อิงลิชเป็นที่นิยมในตระกูลสูงศักดิ์ของทางยุโรป รวมถึงวงการบันเทิงและวงการนักวิจัย เพียงแต่คนที่สามารถพูดสำเนียงควีนส์อิงลิชแท้ๆ ได้นั้นมีไม่มาก
ตระกูลสูงศักดิ์คิดว่าภาษาอังกฤษสำเนียงเชื้อพระวงศ์แสดงถึงความมีระดับและรสนิยม พวกนักแสดงพูดเพราะมีเหตุผลทางด้านอาชีพการงาน
ในวงการนักวิจัย ก็มีแค่สำเนียงของเกอร์เวนที่เป๊ะที่สุด
เผยเทียนอี้นึกไม่ถึงว่า อิ๋งจื่อจินเป็นคนจีนก็รู้จักศึกษาภาษาอังกฤษสำเนียงควีนส์อิงลิชด้วย
สำเนียงแบบเชื้อพระวงศ์ฟังแล้วชวนเคลิ้ม เอาแค่โทนเสียงก็ชวนสะกดคนฟังแบบควบคุมไม่ได้แล้ว
“นักเรียนอิ๋ง สวัสดีครับ” เกอร์เวนยืนขึ้น เขาก็ยื่นมือออกไป น้ำเสียงดูเซอร์ไพร้ส์แบบที่ยากจะปิดบัง “นึกไม่ถึงว่าคุณเป็นคนจีนแต่กลับพูดภาษาอังกฤษดีกว่าคนอังกฤษแท้ๆ เสียอีก”
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ของเขา เขาย่อมรู้ดีกว่าคนอื่นว่าการจะพูดสำเนียงควีนส์อิงลิชให้ดีได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากขนาดไหนสำหรับคนเรียนภาษาต่างประเทศ
อิ๋งจื่อจินจับมือเขา พยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าศาสตราจารย์สนใจ ฉันช่วยสอนภาษาจีนให้ได้นะคะ”
“แน่นอนครับแน่นอน” เกอร์เวนดีใจมาก “รบกวนให้คุณมาที่นี่แล้ว ศาสตราจารย์จั่วบอกว่าคุณเก่งมาก ผมก็มีบางจุดที่ต้องขอเรียนรู้จากคุณเหมือนกัน”
อิ๋งจื่อจินนั่งลงข้างเขา เกอร์เวนหยิบเอกสารที่เขานำมาจากยุโรป
ทั้งสองคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ
เกอร์เวนเป็นห่วงว่าเธอจะไม่เข้าใจบางจุด จึงพูดความรู้พื้นฐานให้ฟังก่อน
อิ๋งจื่อจินก็ฟัง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร
“ศาสตราจารย์ครับ” ในที่สุดเผยเทียนอี้ก็พูดขึ้น ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดด้วยภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาเยอรมัน “ไม่สู้ศาสตราจารย์ไปคุยกับศาสตราจารย์จั่วหลีดีกว่าครับ พวกเราไปตี้ตูก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่”
ในสายตาของเขา อิ๋งจื่อจินเป็นแค่หนึ่งในคนที่แก้โจทย์ได้ คนที่ให้คำแนะนำได้จริงๆ คือจั่วหลี
คนระดับเกอร์เวนไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายให้นักเรียนคนเดียวฟังว่ากลศาสตร์ควอนตัมคืออะไร
อิ๋งจื่อจินหันไป เป็นครั้งแรกที่เบนสายตาไปยังเผยเทียนอี้ “พูดขัดจังหวะคนอื่นไม่มีมารยาทเลยนะคะ”
พอได้ยินประโยคภาษาเยอรมัน สีหน้าของเผยเทียนอี้ก็ชะงัก เขาเกิดความรู้สึกเสียหน้า
ที่เขาพูดภาษาเยอรมันเป็นเพราะคิดว่าอิ๋งจื่อจินคงไม่เข้าใจ
“นักเรียนอิ๋งก็พูดเยอรมันได้ด้วยเหรอ” เกอร์เวนยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองค้นพบขุมทรัพย์ “อายุเท่านี้ คนที่พูดภาษาต่างประเทศได้สองภาษา แถมยังพูดได้ดีขนาดนี้มีไม่มาก คุณยังพูดภาษาอื่นได้อีกไหม”
เขาสนใจในวัฒนธรรมและความรู้ของประเทศจีนมาก และก็เข้าใจระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของที่นี่ รู้ว่านักเรียนมัธยมปลายมีเวลาเหลือไม่มากเท่าไรที่จะศึกษาความรู้นอกบทเรียน
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ภาษาของทางยุโรปน่าจะได้หมดค่ะ”
ยกเว้นภาษาของอาณาจักรโบราณที่อารยธรรมล่มสลายไปแล้ว
เผยเทียนอี้แสยะยิ้ม
เขาไม่เคยพบเคยเจอคนที่คุยโวคำโตเก่งเท่านี้มาก่อน
ได้หมดงั้นเหรอ
อิ๋งจื่อจินรู้หรือเปล่าว่าที่ยุโรปมีกี่ภาษา
ต่อให้รู้ ใครมันจะมีความสามารถถึงขั้นพูดได้ทั้งหมด
เกอร์เวนพยักหน้า สายตาชื่นชมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดต่อ
ส่วนใหญ่เกอร์เวนเป็นคนพูด อิ๋งจื่อจินฟัง
ฟังถึงตอนท้ายที่ศัพท์เฉพาะเริ่มเยอะขึ้น คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องประชุมก็เริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว
เวลานี้ได้เกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นที่ด้านนอก
เผยเทียนอี้ยืนขึ้น เปิดม่านดู “ฝนตกแล้วครับ หนักมากด้วย”
พอได้ยินแบบนี้เกอร์เวนก็ดูเวลา ถึงตกใจว่าผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว สี่ทุ่มแล้ว
เขาอดเสียดายไม่ได้ “ผมใกล้จะต้องกลับยุโรปแล้วด้วย ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไร”
พูดจบเกอร์เวนก็หันหน้าไป “นักศึกษาเผย ดึกขนาดนี้แล้ว นักเรียนอิ๋งเป็นผู้หญิงกลับคนเดียวไม่ปลอดภัย คุณไปส่งหน่อยสิ”
เผยเทียนอี้ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยอยากรับปาก
เขามองออกว่าถึงแม้อิ๋งเย่ว์เซวียนกับอิ๋งจื่อจินจะเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี
ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เป็นรุ่นน้องของเขา เขามีความคิดเห็นแก่ตัว
ถ้าเขาไปส่งอิ๋งจื่อจินลับหลังอิ๋งเย่ว์เซวียน ถ้าเกิดอิ๋งเย่ว์เซวียนรู้เข้าจะต้องไม่พอใจแน่นอน
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินสวมเสื้อนอกแล้วเปิดประตูเดินออกไป “มีคนมารับฉัน ไว้มีโอกาสเจอกันใหม่นะคะศาสตราจารย์”
“ได้ครับ ต้องเจอกันอีกแน่นอนครับ” เกอร์เวนมองเผยเทียนอี้อีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เขาขมวดคิ้วให้ “นักศึกษาเผย?”
เผยเทียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก สุดท้ายก็ยืนขึ้น หยิบร่มสองคันแล้วเดินตามออกไป
…
ที่ด้านนอกโรงแรม
ฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน แม้แต่พยากรณ์อากาศก็ไม่มีบอกไว้ คนที่เดินอยู่ข้างนอกจำนวนมากต่างไม่ได้พกร่ม กำลังวิ่งหนีฝนกันอย่างอุตลุด
ชายหนุ่มร่างสูงยืนถือร่มอยู่ด้านล่างบันได
สายฝนเทกระหน่ำ ไหลเป็นคลื่น แต่กลับไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย ยังคงยืนอย่างสง่างามชวนสะดุดตา
ฟู่อวิ๋นเซินรออยู่ไม่นานก็เห็นอิ๋งจื่อจินออกมาจากประตูหมุน
ฝนตกครั้งนี้ก็ทำให้อุณหภูมิลดลงไปด้วยอย่างรวดเร็ว
ฟู่อวิ๋นเซินเดินไปหา จับเอวของอิ๋งจื่อจินเบาๆ เพื่อให้เธอขยับเข้ามาใกล้แล้วรีบปล่อยมือออก
ร่มที่อยู่ในมือเขาเอียงไปทางเธอ “เยาเยา วันนี้เธอใส่มาบางมากนะ อุณหภูมิแบบนี้ควรใส่เสื้อขนเป็ดแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้สายตาของอิ๋งจื่อจินก็หยุดที่คนข้างกายสองวินาที
อากาศหนาวขนาดนี้แต่เขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตัวบาง
นี่กลับทำให้เธอที่ความจำไม่ค่อยดีมาตลอดนึกถึงตอนที่เจอกับเขาครั้งแรก เป็นวันที่หิมะตกหนัก เขาก็ยังคงแต่งตัวแบบนี้
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย
เธอไม่เคยพบร่องรอยอะไรของวิชาเล่นแร่แปรธาตุในตัวฟู่อวิ๋นเซิน
แต่บนโลกใบนี้ก็มีสมุนไพรประหลาดมากมายที่ช่วยปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายได้
เพียงแต่สมุนไพรแบบนี้พบเห็นได้ยากและแทบจะไม่มี ต้องพึ่งดวงทั้งนั้น
“พี่ชายแข็งแรง เจ็บหนักก็ยังหายเร็ว” ฟู่อวิ๋นเซินสังเกตเห็นสายตาของเธอ มืออีกข้างที่ว่างอยู่เขกหน้าผากเธอเบาๆ พูดเสียงเนือย “เด็กน้อย เธอยังอยู่ในช่วงเติบโต เทียบกันไม่ได้”
เขาลูบศีรษะเธอ ปกป้องเธอไว้ “ไป ขึ้นรถ”
เวลานี้เผยเทียนอี้เดินออกมาพอดี
ยังไม่ทันที่เขาจะไปส่งอิ๋งจื่อจินตามคำสั่งของเกอร์เวน เขาก็เห็นเธอขึ้นรถไปแล้ว
เผยเทียนอี้หรี่ตาเล็กน้อย สังเกตเห็นฟู่อวิ๋นเซิน
เขาเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างของฟู่อวิ๋นเซิน เนื่องจากฝนตกหนักมาก อย่างมากก็แค่เห็นว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี
เวลานี้ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นเหมือนจะหันกลับมามองเขา
เผยเทียนอี้ตกใจ รู้สึกกดดันแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
จนกระทั่งลมหนาวระลอกใหม่พัดผ่านไป หนาวไปถึงกระดูก เผยเทียนอี้ถึงได้สติกลับมา แต่รถมาเซราติก็หายไปแล้ว
เขารู้สึกสับสนแบบที่บอกไม่ถูก ยืนอึ้งอยู่สักพักแล้วถึงกลับเข้าโรงแรม
เกอร์เวนยังอยู่ในห้องประชุม กำลังเก็บของ พอเห็นเขากลับมาแล้วจึงพูดด้วยความไม่พอใจ “คุณไม่ได้ไปส่งนักเรียนอิ๋งกลับเหรอ”
“คนที่บ้านเธอมารับไปแล้วครับ” เผยเทียนอี้วางร่มลง “ผมเห็นเธอกลับไปด้วยตาตัวเองครับ”
ฟังถึงตรงนี้เกอร์เวนก็ไม่ว่าอะไรอีก เขาพยักหน้า “จองตั๋วเครื่องบินเป็นพรุ่งนี้บ่ายแล้วกัน ผมมีธุระตอนเช้า ต้องออกไปข้างนอกหน่อย”
…
สามสิบนาทีต่อมา
พอรถมาเซราติแล่นเข้าเขตคอนโดของบ้านครอบครัวเวิน ฝนก็หยุดพอดี
ฟู่อวิ๋นเซินจอดรถ “เยาเยา ถึงแล้ว”
ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงลมหายใจอ่อนๆ
ฟู่อวิ๋นเซินขยับคิ้วเล็กน้อย หันหน้าไปก็พบว่าเธอหลับตามที่คิด
เธอขดตัวอยู่ในผ้าห่ม นอนเงียบๆ ยังคงอยู่ในท่านอนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย
ฟู่อวิ๋นเซินเปิดประตูลงจากรถ อ้อมไปทางฝั่งข้างคนขับ
ประคองตัวเธอขึ้นมาโดยไม่มีความกดดันใดๆ
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
นิ้วของเขาลูบใบหน้าของเธอเบาๆ ค่อยๆ ขยับหน้าเข้าไปใกล้