ตอนที่ 353 เด็กน้อย มานอนกอดกันเถอะ
แต่มือของเฉินหลีไม่สามารถแตะถูกตัวอิ๋งจื่อจินได้
อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของเฉินหลีสะบัดออกโดยแทบไม่ต้องใช้แรงอะไรเลย เฉินหลีเจ็บปวดในทันที แรงผลักของอีกฝ่ายทำให้เธอเซถอยหลังล้ม
เยี่ยซีตกใจ รีบเข้าไปประคอง
“พี่หลี”
อิ๋งจื่อจินถอยหลังหนึ่งก้าว กวาดตามองบอดี้การ์ด รวบผม เผยให้เห็นคอขาวเนียนยาวระหง ผิวพรรณขาวผ่องจนแทบโปร่งใส
อิ๋งจื่อจินเอียงหน้าเล็กน้อย แสยะยิ้ม
“อย่าดูใบหน้าของฉันดีกว่า”
เฉินหลีเจ็บจนหายใจหอบแรง โมโหคำพูดนี้เลือดขึ้นหน้า
เธอหันไปสั่งพวกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง
“มัดยัยนี่แล้วเอาตัวไป”
ทำให้ผู้ช่วยเล็กๆ หายไปจากวงการบันเทิงเงียบๆ เป็นเรื่องที่ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
ไม่พูดถึงซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ถูกชูกวงมีเดียซื้อกิจการไปแล้ว บริษัทบันเทิงอย่างเทียนสิงมีเดียและบริษัทอื่นๆ แต่ละปีก็มีคนหายไปจำนวนไม่น้อย
ในสายตาของนายทุน ราชาภาพยนตร์อย่างซังเย่าจือก็สามารถเสียสละชีวิตได้ทุกเมื่อ
พวกบอดี้การ์ดพอได้รับคำสั่งก็เดินขึ้นหน้า
พวกเขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ จัดการเด็กสาวคนเดียวไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เรื่องถัดจากนี้ต่างไม่มีใครคาดคิด
เห็นเพียงเด็กสาวยกเท้าขึ้น ขาเรียวยาววาดขึ้นกลางอากาศเป็นเส้นโค้งอย่างสวยงาม ถีบไปที่ตัวบอดี้การ์ด ดูเหมือนเป็นการยกขาเบาๆ แต่แรงกลับมหาศาลอย่างน่าตกใจ
บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ล้มลงไปกองบนพื้น ในเวลาแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น บอดี้การ์ดที่เฉินหลีพามาเวลานี้นอนอยู่บนพื้นทั้งหมด ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สู้กลับ
มีสองสามคนที่สลบไปแล้ว
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า มองบอดี้การ์ดที่อยู่ใต้เท้าเธอ
จากนั้นถึงเหลือบตาขึ้น ขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจเพียงสั้นๆ
“ยังมีอีกไหม”
“…” เกิดความเงียบ
เยี่ยซีไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เธออึ้ง มือสั่นเล็กน้อย
เธอจับเสื้อของเฉินหลีแน่น ใบหน้าซีดเซียว
เฉินหลีหยุดหายใจไปชั่วขณะ รู้สึกเหลือเชื่อ
บอดี้การ์ดพวกนี้เป็นบอดี้การ์ดฝีมือดีที่เทียนสิงมีเดียจ้างมาดูแลเยี่ยซีโดยเฉพาะ
เยี่ยซีเป็นดาราดัง แต่ก็มีแอนตี้แฟน อีกทั้งแอนตี้แฟนพวกนี้ก็บ้าคลั่งทีเดียว
คราวก่อนที่ไปร่วมงานโปรโมตรายการวาไรตี้ก็มีแอนตี้แฟนปลอมตัวเป็นแฟนคลับเข้ามา ต้องการสาดน้ำกรดใส่เยี่ยซี เทียนสิงมีเดียถึงได้เปลี่ยนบอดี้การ์ดให้เยี่ยซี เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แน่นหนาขึ้น
ผู้ช่วยคนนี้ของอวิ๋นเหอเย่ว์ดูเหมือนจะอัปลักษณ์ แต่ฝีมือดีขนาดนี้เลยเหรอ
“เอาแบบนี้ อวิ๋นเหอเย่ว์ให้เธอเท่าไร ฉันให้เธอสิบเท่า” เฉินหลีพยายามปรับลมหายใจให้สงบ รู้สึกตาร้อนเล็กน้อย
“เธอมาคุ้มกันซีซี แล้วเรื่องนี้ก็จะเลิกแล้วต่อกัน”
“หืม” เท้าของอิ๋งจื่อจินเคลื่อนออกจากไหล่ของบอดี้การ์ด เธอขมวดคิ้ว
“เงินเดือนฉันไม่สูงหรอก วินาทีละแสน ให้ฉันหนึ่งล้านฉันจะพิจารณา”
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทรัพย์สมบัติของตัวเองมีเท่าไร ขี้เกียจจะนับเลขศูนย์
แต่ค่าใช้จ่ายของเธอก็สูงมาก แค่ตั้งภารกิจสมุนไพรหายากบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เงินหลายร้อยล้านก็ออกไปแล้ว
“วินาทีละล้านเหรอ” เฉินหลีหน้าบึ้ง โมโหอกจะระเบิด
“ทำไมเธอไม่ไปปล้นเลยล่ะ ล้อกันเล่นเหรอ”
“ช่างเถอะพี่หลี” เยี่ยซีถอนหายใจเบาๆ “พวกเราไปเถอะ”
เฉินหลีจะไม่ยอมยังไงก็จำต้องออกไป
ขนาดบอดี้การ์ดยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิ๋งจื่อจิน เธอยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
หลังจากขึ้นรถตู้ เฉินหลีก็หน้าบึ้ง
“ซีซี พวกเราไปเล่นงานทางทีมงาน พี่ไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการอวิ๋นเหอเย่ว์แค่คนเดียวไม่ได้”
เยี่ยซีไม่พูด ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฉินหลีเงยหน้าขึ้น มองไป “เป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะ” เยี่ยซีเม้มริมฝีปาก
“ฉันส่งวีแชทหาซังเย่าจือ แต่เขาไม่ตอบฉันเลย”
“ช่วงนี้อย่าเพิ่งส่งเลย ตั้งใจทำงานไปดีกว่า” เฉินหลีพูด
“ในวงการบันเทิงเขาเป็นรุ่นพี่ เธออาศัยเขาถึงดังขึ้นมาได้ ระวังจะถูกด่าว่าสูบเลือดอีก”
สปายเลอโฉมเป็นละครที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิง อันที่จริงในเรื่องนี้ซังเย่าจือมีบทบาทเพื่อดันนักแสดงหญิง ช่วยทำให้เยี่ยซีดูเด่นขึ้นมา ย่อมดึงดูดแฟนคลับได้ไม่น้อย
แน่นอนว่าแสดงร่วมกับซังเย่าจือได้ ฝีมือการแสดงของเยี่ยซีก็เป็นที่การันตีเหมือนกัน
ตอบจบของสปายเลอโฉมคือนางเอกตายเพื่อพระเอก
แค่ฉากนี้ก็ทำให้เยี่ยซีมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นถึงสามล้านคน แฟนคลับคู่จิ้นของทั้งสองคนก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก แฟนคลับของซังเย่าจือก็มีสติมากพอ ไม่ไปตามด่าเยี่ยซี
อย่างไรเสียในฐานะที่เป็นแม่ทูนหัวก็ยังคงหวังว่าจะได้เห็นลูกชายมีแฟน
แต่ต่อมาภายใต้การควบคุมของเฉินหลี จำนวนครั้งที่เยี่ยซีถูกมัดติดกับซังเย่าจือก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แฟนคลับของซังเย่าจือก็ทนไม่ไหว ต่างพูดว่าเยี่ยซีสูบเลือด
แต่เฉินหลีก็มีวิธีจัดการ อาศัยการมีข่าวฉาวกับซังเย่าจือ ทำให้ตำแหน่งดารายอดนิยมของเยี่ยซีมั่นคงขึ้น
ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปผูกติดกับซังเย่าจือแล้ว ต้องการให้แฟนคลับคู่จิ้นของสองคนนี้กลายเป็นแฟนคลับของเยี่ยซีคนเดียวทั้งหมดมากกว่า
เฉินหลีพูดขึ้นอีกครั้ง “อีกทั้งพวกเราทำให้ชูกวงมีเดียไม่พอใจแล้ว ระวังไว้หน่อยดีกว่า”
เยี่ยซีถอนหายใจ ปิดโทรศัพท์ “ทราบแล้วค่ะ”
…
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็กลับไปที่ค่ายติวไอเอสซี
รูปแบบของค่ายติวครั้งที่สองกับครั้งที่หนึ่งไม่ได้แตกต่างกัน ก็แค่เพิ่มระดับความยาก
“นักเรียนทุกคน มีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ” จั่วหลียืนอยู่บนเวที กระแอมไอเล็กน้อย สีหน้าจริงจัง
“พวกเราเชิญคุณหมอท่านหนึ่งมาจากเมืองนอก จะมาให้ความรู้ทางการแพทย์กับทุกคนในการติวครั้งสุดท้ายก่อนหยุดตรุษจีน”
“โอกาสแบบนี้หาได้ยากมาก ทุกคนต้องตั้งใจให้ดี”
เทคโนโลยีทางการแพทย์ของประเทศจีนล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้ว
แน่นอนว่าวัดจากภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีแพทย์แผนโบราณ
อย่างไรเสียแพทย์แผนโบราณก็เป็นความลับสำหรับโลกภายนอก
การที่เชิญคุณหมอท่านนี้มาได้เป็นเพราะเกอร์เวน
เกอร์เวนรู้ว่าอิ๋งจื่อจินอยู่ในค่ายติวไอเอสซีของประเทศจีน และก็รู้สึกขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตไว้ครั้งก่อน แต่ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี จึงตั้งใจเชิญคุณหมอท่านนี้มาให้
ในการแข่งขันรอบตัดสินระดับนานาชาติของไอเอสซีจะมีโจทย์ที่เกี่ยวกับการแพทย์อยู่ไม่น้อย หลังจากที่จั่วหลีบอกเนื้อหาในการติววันพรุ่งนี้เสร็จก็ให้พวกนักเรียนแยกย้าย ส่วนตัวเองก็กลับ
อิ๋งจื่อจิน เถิงอวิ้นเมิ่ง เฟิงเย่ว์ไปกินอาหารเย็นแล้วกลับเข้าห้องพักของตัวเอง
เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เลือกละครอินเตอร์เน็ตมาหนึ่งเรื่องแล้วเริ่มดู
จนกระทั่งวีแชทมีข้อความเข้า
เธอดูเวลาก่อน พบว่าผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ตอนนี้สี่ทุ่ม
ข้อความมาจากฟู่อวิ๋นเซิน
[เด็กน้อย เปิดม่านหน่อย]
ม่านเหรอ
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก
เธอเอาหูฟังออกแล้วยืนขึ้น เดินไปที่หน้าต่างแล้วดึงม่านออก
ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏเข้ามาในสายตา
อยู่ในฤดูหนาว สี่ทุ่มฟ้าก็มืดสนิทแล้ว แต่แสงไฟสว่างไสว
แสงจากไฟนีออนตกกระทบใบหน้าของชายหนุ่ม อาบแสงสีทองอ่อนๆ บนใบหน้าของเขา รูปงามดุจเทพบุตร
ลมพัดอกเสื้อของเขาเปิดออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าเล็กน้อย
ทุกตารางนิ้วล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
“เด็กน้อย?” ฟู่อวิ๋นเซินยื่นมือมาเคาะหน้าต่าง ริมฝีปากโค้งมน
“ประจวบเหมาะจัง เธอพักห้องตรงนี้พอดี”
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร เวลานี้บางสิ่งบางอย่างตรงหน้าอกของเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่แทบจะหลุดออกมา ดุจดอกไม้ไฟที่เจิดจ้าอย่างกะทันหันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน กระจายลงสู่พื้น หายไปในชั่วพริบตา
เวลานี้อิ๋งจื่อจินสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ ‘เบิกบาน’ อย่างชัดเจน
ความรู้สึกรุนแรงยิ่งกว่าคราวก่อนที่ส่งกลอนซ่อนคำปริศนา ‘ฉันคิดถึงคุณ’ กับหลิงเหมียนซี
ช่วงนี้เธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า พอเธอเจอฟู่อวิ๋นเซิน อารมณ์จะดีขึ้นมาก
แต่อารมณ์ดีก็ส่วนอารมณ์ดี เธอไม่เข้าใจการที่เขามาเจอเธอในรูปแบบนี้
อิ๋งจื่อจินมองเขา เงียบไปสามวินาทีแล้วถึงค่อยๆ พูดขึ้น
“คุณ ปีนกำแพง แถมยังปีนหน้าต่างด้วยเหรอ”
นี่ถ้าให้พวกแฟนคลับทั้งหญิงและชายในเวยปั๋วรู้เข้า ฝันจะสลายขนาดไหน
เธอเห็นในเวยปั๋ว ทุกวันจะมีชาวเน็ตกลุ่มนึงไปเรียกสามีที่หน้าเวยปั๋วทางการของวีนัสกรุ๊ป มีทั้งชายและหญิง
ถึงแม้ค่ายติวของไอเอสซีจะไม่ได้เป็นระบบปิด แต่เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน คนนอกจะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด เว้นเสียแต่นัดล่วงหน้า จะมีบัตรผ่านชั่วคราวไว้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนดึก เจ้าหน้าที่กลับไปกันหมดแล้ว
“ฝนจะตกแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินมองท้องฟ้า ดวงตาดอกท้อที่โค้งมนทอประกายวูบไหวชวนสะกดตา น้ำเสียงเรื่อยเปื่อย
“เยาเยา เธอคงจะไม่ใจร้ายทิ้งพี่ชายไว้ข้างนอกใช่ไหม”
“ก็มีความเป็นไปได้”
“…”
สิบกว่าวินาทีต่อมา สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็เปิดหน้าต่างให้ฟู่อวิ๋นเซินเข้ามา
“ค่อยยังชั่ว” ฟู่อวิ๋นเซินสำรวจ “เตียงใหญ่ดีนะ”
“เลิกคิดเรื่องเตียงไปได้เลย”
อิ๋งจื่อจินหยิบผ้าห่มสำรองออกมาจากตู้แล้วโยนให้ พูดอย่างไร้เยื่อใย
“นอนพื้นแล้วกัน”
“…”
“เด็กน้อย ไร้เยื่อใยขนาดนี้เลยเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “เธอต้องกอดตุ๊กตาหมูถึงนอนหลับ ลองกอดพี่ชายนอนหน่อยเป็นไง”