คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 398 เผยเทียนอี้ถูกศูนย์วิจัยไล่ออก

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 398 เผยเทียนอี้ถูกศูนย์วิจัยไล่ออก

สายตาของอิ๋งจื่อจินขยับเล็กน้อย

นี่เป็นภาพแผนที่เมืองมหาวิทยาลัย พบเห็นได้ทั่วไป สามารถหยิบฟรีได้ที่ห้องนำเที่ยวตรงทางเข้า

สิ่งที่แตกต่างคือ ในแผนที่ใบนี้มีจุดสีแดงถึงยี่สิบจุด ใช้ปากกามาร์คเกอร์เขียนกำกับไว้

โดยเฉพาะบริเวณรอบสนามบิน มีจุดสีแดงอยู่สี่จุด

“พวกนายเดาได้แล้วใช่ไหม” ฉินหลิงเยี่ยนพูด “จุดสีแดงบนนี้เป็นระเบิดทั้งหมด จึ๊ๆ อาณาเขตของระเบิดนี่ ฉันว่าพอๆ กับด้านนอกของสำนักงานใหญ่ไอบีไอเลยนะ”

เดิมทีเขาไม่ได้อยากมา แต่ฟู่อวิ๋นเซินให้เขาจับตาดูเมืองมหาวิทยาลัยทั้งหมดไว้

พอจับตาดูก็ได้เรื่อง เจอระเบิดมากมายขนาดนี้ในคราวเดียว แถมยังเพิ่มขึ้นทุกวัน

อิ๋งจื่อจินละสายตา “ฝีมือคนกลุ่มเดียวกันเหรอ”

“ยังไม่รู้ ต้องไปดูรหัสที่ตัวระเบิด “ ฉินหลิงเยี่ยนส่ายหน้า “คงไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียวหรอก”

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง แววตาเคร่งขรึม

“อีกทั้งผมยังเจอพวกนักล่าบนชาร์ตด้วย” ฉินหลิงเยี่ยนพูดเสียงเบา “มีอยู่คนที่ติดสิบอันดับแรกของชาร์ตนักแม่นปืน ก็ไม่รู้ว่าต้องการทำอะไร”

“ไปดูตรงนี้” อิ๋งจื่อจินชี้จุดสีแดงที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด “ฉินหลิงเยี่ยน นายลองดูว่าตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดไหม ทำลายเสียก่อน”

ต่อให้ระเบิดพวกนี้จะอานุภาพไม่รุนแรง แต่มีเยอะขนาดนี้ ถ้าระเบิดทั้งหมด เมืองมหาวิทยาลัยก็จะเสียหายไปครึ่งเมือง

และที่สำคัญที่สุดคือ เดิมทีภายในเมืองมหาวิทยาลัยมีเครื่องตรวจจับระเบิด แต่กลับตรวจไม่เจอ

ฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ของฉินหลิงเยี่ยนเรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

“เฮ้อ ผมไม่โดนน้องสาวเอาไปเป็นม้าขี่ แต่ก็ถูกพวกบอสใช้แรงงานเป็นวัว” ฉินหลิงเยี่ยนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมทำเสียงฮึดฮัด “ไปเถอะ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเหล่าฟู่กู้ระเบิด ได้เชยชมพอดี”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “กู้ระเบิดเหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วขณะ ยืนขึ้นอย่างขี้เกียจ “ช่วงที่ไอบีไอโกลาหล หลายฝ่ายวางระเบิดใส่กัน พี่ชายกู้ไป…”

หยุดเล็กน้อย “น่าจะหลายพันลูกได้”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

พอดี เธอจะได้เรียนรู้ไปในตัว

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน เขายิ้ม “ค้นพบว่าพี่ชายเก่งกว่าที่คิดใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินพับแผนที่ ไม่สนใจเขา เดินนำหน้าไปก่อน

“ละ เหล่าฟู่” ฉินหลิงเยี่ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “นายกับเจ๊คนนี้?”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ เขาขยับปกเสื้อ “ต่อไปต้องเปลี่ยนคำเรียก”

ฉินหลิงเยี่ยนตะลึง “หืม?”

“และก็เลิกเรียกฉันว่าเหล่าฟู่”

“?”

“ฉันเด็กกว่านาย ไม่ขอแปดเปื้อนไปด้วย”

“…”

ตรงช่องทางออกอีกด้านหนึ่ง

อิ๋งเย่ว์เซวียนมองด้านหลังของอิ๋งจื่อจิน เธอก้มหน้า

เธอพูดไว้ไม่มีผิด ข้างกายอิ๋งจื่อจินมีผู้ชายเยอะแยะ

อีกทั้งยังมีแต่ผู้ชายเก่งๆ ทั้งนั้นด้วย

แต่ถ้าคนพวกนั้นมาเอาเรื่อง ฟู่อวิ๋นเซินก็ปกป้องอิ๋งจื่อจินไม่ได้

เผยเทียนอี้ที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความเป็นห่วง “เย่ว์เซวียน เรื่องคุณย่าของเธอเป็นยังไงบ้างแล้ว ดีขึ้นไหม”

พอได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็หม่นลง “ไม่เลยค่ะ คุณย่ายังคงนอนเป็นผัก หมอบอกว่ายากที่จะฟื้น”

เธอเม้มริมฝีปาก “ถ้าตอนนั้นอิ๋งจื่อจินออกหน้าช่วยคงไม่มีทางกลายเป็นแบบนี้ เธอเป็นหมอ ทำไมถึงไม่แยกเรื่องส่วนตัวกับช่วยคนออกจากกันก็ไม่รู้ แบบนี้มีจริยธรรมของหมอจริงเหรอคะ”

เผยเทียนอี้เงียบไป ไม่ตอบแบบที่เห็นได้ยาก

อิ๋งเย่ว์เซวียนสังเกตได้ถึงความผิดปกติ เธอเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “รุ่นพี่คะ คราวก่อนรุ่นพี่บอกว่ามีเอกสารที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษสมัยกลางต้องเอามาแปล พอรุ่นพี่กลับไปฉันก็เริ่มเรียน ครั้งนี้น่าจะช่วยรุ่นพี่ได้แล้วค่ะ”

เผยเทียนอี้ได้สติกลับมา เขาส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เธอเรียนมาแค่พื้นฐาน ตอนนั้นที่พี่ถามก็เพื่อให้โอกาสเธอได้ลงทำงานจริง ต่อไปจะได้เข้ามาเป็นนักวิจัยในห้องทดลองได้ง่ายขึ้น”

พูดจบเขาก็รับสัมภาระมาจากมือของอิ๋งเย่ว์เซวียน “ไปเถอะ พี่จะพาเธอเข้าไปที่เขตหอพัก”

เผยเทียนอี้เป็นนักศึกษาปีสี่ของมหาวิทยาลัยอันดับสองของโลก และยังเป็นอาสาสมัครของรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้

อิ๋งเย่ว์เซวียนกำมือแน่น ขานรับเสียงเบา

ถึงแม้จะเข้ารอบชิงชนะเลิศเหมือนกัน แต่สวัสดิการของผู้เข้าแข่งขันที่มาจากรอบคัดเลือกก็ยังสู้ผู้เข้าแข่งขันที่ได้โควตาทะลุเข้ารอบสุดท้ายเลยไม่ได้

จำนวนหอพักนักเรียนระดับดีที่สุดมีอยู่อย่างจำกัด อิ๋งเย่ว์เซวียนได้แค่พักหอนักเรียนที่ต่ำลงมาหนึ่งระดับ

หลังจากเอาสัมภาระเข้าไปวาง “รุ่นพี่คะ ตอนเย็นฉันกินข้าวกับรุ่นพี่ได้ไหมคะ”

“เอาสิ” เผยเทียนอี้พยักหน้า เขาดูเวลา “พอดีเลย ตอนนี้เพิ่งสองโมงครึ่ง พี่จะพาเธอไปเดินดูศูนย์วิจัย”

ทางคณะกรรมการไอเอสซีแค่จัดให้พวกผู้เข้าแข่งขันที่ได้โควตาทะลุเข้ารอบสุดท้ายไปเดินดูเท่านั้น

ถ้าไม่มีเผยเทียนอี้ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เข้าไปไม่ได้

เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก “ขอบคุณค่ะรุ่นพี่”

เผยเทียนอี้กำชับ “เธอต้องจำไว้ให้ดี ห้ามแตะต้องของที่จัดแสดง ไม่อย่างนั้นจะมีเสียงเตือน”

อิ๋งเย่ว์เซวียนพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

ตอนเย็น

เผยเทียนอี้พาอิ๋งเย่ว์เซวียนเดินเที่ยวในเมืองมหาวิทยาลัย ขณะที่เตรียมจะไปส่งเธอกลับก็ได้รับสายจากทางศูนย์วิจัย

ทั้งสองคนรีบร้อนกลับไป เห็นภายในห้องทำงานของส่วนทดลองมีชายวัยกลางคนยืนอยู่ สีหน้าย่ำแย่

เผยเทียนอี้อึ้ง “รองผู้อำนวยการครับ”

ศูนย์วิจัยมีผู้อำนวยการหนึ่งคน รองผู้อำนวยการสามคน

รองผู้อำนวยการคนนี้ปรากฏตัวไม่บ่อย เว้นเสียแต่จะมีเรื่องใหญ่

รองผู้อำนวยการตบโต๊ะอย่างแรง แสยะยิ้ม “เผยเทียนอี้ ส่วนทดลองที่คุณดูแล ข้อมูลการทดลองรั่วไหลออกไปแล้ว คุณรู้หรือเปล่า”

เผยเทียนอี้สีหน้าเปลี่ยน “เกิดอะไรขึ้นครับ!”

“คุณมาถามผมเหรอ” รองผู้อำนวยการโมโหจนหัวเราะ “เมื่อกี้ระบบตรวจพบว่าข้อมูลการทดลองสูญหาย ตอนนี้ยังตรวจไม่พบว่าไปอยู่ที่ไหน คุณดูแลยังไง”

เผยเทียนอี้ตัวเกร็ง “เป็นไปไม่ได้”

“เป็นไปไม่ได้เหรอ” รองผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่ความจริงมันบอกว่าหายไปแล้ว! ผมมาด้วยตัวเองเพื่อบอกคุณว่า คุณถูกไล่ออกแล้ว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนสีหน้าเปลี่ยน “ข้อมูลการทดลองสูญหาย ไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่เสียหน่อย ทำไมต้องไล่เขาออกด้วยคะ”

“นักเรียน ดูเหมือนเธอจะลืมไปเรื่องหนึ่ง” รองผู้อำนวยการถึงสังเกตเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียน “ไม่ว่าข้อมูลการทดลองจะถูกคนขโมย หรือว่ามีคนจงใจปล่อยออกไป ล้วนถือเป็นความบกพร่องของคนที่รับผิดชอบข้อมูลการทดลอง”

ขณะพูดเขาก็หยิบสัญญาออกมาชี้หนึ่งในเงื่อนไข “ในสัญญารักษาความลับเขียนไว้อย่างชัดเจน หากเกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้น คนที่จะถูกเอาเรื่องเป็นคนแรกก็คือผู้ดูแล”

“เธอลองถามรุ่นพี่ของเธอดูได้ว่ารู้สัญญาข้อนี้ไหม”

อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด “รุ่นพี่…”

เผยเทียนอี้เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไร และไม่เถียงเพื่อปกป้องตัวเอง

เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมข้อมูลวิจัยถึงสูญหาย

“เผยเทียนอี้ เอากุญแจ ตราประทับ แล้วก็บัตรประจำตัวออกมาก่อน” รองผู้อำนวยการยืนขึ้น “ความรับผิดชอบหลังจากนี้คุณอาจแบกรับไม่ไหว ไว้ถึงเวลาจะมีบทลงโทษของคุณ”

สีหน้าของเผยเทียนอี้แน่นิ่ง

เขากำมือ สุดท้ายก็มอบของทั้งหมดออกไป

“ถ้าตามกลับมาได้ล่ะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนกัดริมฝีปาก “ตามกลับมาได้ก็จบใช่ไหมคะ”

“ตามกลับมาได้ก็ต้องดูด้วยว่าสร้างความเสียหายหรือเปล่า” รองผู้อำนวยการพูด “ต่อให้ไม่มีความเสียหาย เขากลับมาได้ก็ต้องถูกลดตำแหน่ง ถ้าไม่มีกฎระเบียบ งานวิจัยทดลองจะดำเนินต่อไปได้ยังไง”

เผยเทียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก

กว่าเขาจะขึ้นถึงตำแหน่งนี้ไม่ใช่ง่ายๆ

ต่อให้โชคดีแค่ถูกลดตำแหน่ง แต่โอกาสที่จะกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้งก็แทบเป็นศูนย์

ข้อมูลกับผลการทดลองรั่วไหล ผลที่ตามมารุนแรงเหลือเกิน

“รองผู้อำนวยการรอเดี๋ยวนะครับ”

เผยเทียนอี้ลุกขึ้น ลงไปตรงทางเข้าโซนใจกลาง

แววตาของเขาเคร่งขรึม “วันนี้มีใครเข้ามาที่โซนใจกลางของศูนย์วิจัยบ้างครับ”

“ผู้เข้าแข่งขันชาวจีนหกคนมาเยี่ยมชมครับ” เจ้าหน้าที่เปิดสมุดรายชื่อ “อยู่ในนี้หนึ่งชั่วโมง ไม่ได้ไปถึงชั้นสาม รายชื่ออยู่นี่ครับ”

เผยเทียนอี้รับสมุดรายชื่อมา ตอนที่เห็นรายชื่อคุ้นเคยเขาก็อึ้งไปเล็กน้อย

โซนใจกลางแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนจัดแสดงและส่วนทดลอง

ส่วนทดลองอยู่ชั้นบน หากไม่ได้รับอนุญาต ต่อให้มีแอ๊กเคานท์ระดับเอของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี

เพียงแต่อิ๋งจื่อจินเข้าไปในส่วนจัดแสดงของโซนใจกลางได้อย่างไร

หรือเธอยังมีแอ๊กเคานท์ระดับบีด้วย

เผยเทียนอี้วางสมุดรายชื่อกลับไป “ตรวจพบคนอื่นอีกไหมครับ”

เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “ไม่มีครับ วันนี้ไม่ใช่วันทำงาน มีคนมาไม่เยอะครับ”

เผยเทียนอี้นวดขมับ กำลังจะกลับขึ้นชั้นบน

“รุ่นพี่คะ” ทันใดนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนก็จับเขาไว้ “ฉันรู้แล้วว่าใครขโมยข้อมูลการทดลองไป”

เผยเทียนอี้หยุดเดิน “เธอบอกว่าเธอรู้เหรอ”

“นอกจากอิ๋งจื่อจินยังจะเป็นใครได้อีกล่ะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนมีสีหน้าเย็นชา “ฉันเคยล่วงเกินเธอ รุ่นพี่ไม่ชอบเธอ แถมฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์ของเธอก็ไม่ได้แย่ จงใจทำให้ข้อมูลการทดลองรั่วไหลออกไป มันก็มีความเป็นไปได้แบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท