คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 517 กลับมาเอาคืน ขับไล่ออกจากตระกูล

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 517 กลับมาเอาคืน ขับไล่ออกจากตระกูล

เซวียกั๋วหวากะพริบตา กะพริบอีกครั้ง แอบงงนิดหน่อย

เขาหยิกตัวเองแรงๆ จากนั้นก็สะกิดบ่าหลีหาน

“เสี่ยว…เสี่ยวหาน ช่วยดูหน่อย อาจารย์สายตาฝ้าฟางไปหรือเปล่า ใช่เกอร์เวนไหม”

หลีหานเองก็อึ้ง “ชะ…ใช่ค่ะ ศาสตราจารย์สายตาฝ้าฟาง แต่หนูไม่ หนูเห็นชัดเจน”

ความโด่งดังของเกอร์เวนในแวดวงวิทยาศาสตร์ระดับโลกถึงขั้นที่ต่อให้ไม่ใช่พวกศาสตราจารย์หรือนักศึกษาสาขาฟิสิกส์ก็รู้จักเขาหมด

เป็นศาสตราจารย์ชั้นยอดของโลกอย่างแท้จริง ทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นไซมอน แบรนด์ของยุคปัจจุบัน

รุ่นน้องอิ๋งให้เธอทำโปรเจ็กต์ทดลองของเกอร์เวนเลยเหรอ!

ทันใดนั้นหลีหานก็นึกขึ้นได้ งานแถลงข่าวโปรเจ็กต์ที่สะเทือนไปทั้งวงการวิจัยวิทยาศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายน

โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล!

นับตั้งแต่วีนัสกรุ๊ปกับตระกูลลอเรนท์ร่วมลงทุน มีนักวิจัยทั่วโลกตั้งเท่าไรที่อยากเบียดเข้าไปอยู่ในนั้น

สิ่งที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน แต่รุ่นน้องอิ๋งเอาให้เธอแบบนี้เลยเหรอ

หลีหานแอบงง

แบบนี้เรียกขอให้เธอช่วยเหรอ

“เสี่ยวหาน เธอแจ้งเกิดแล้ว!” หลังจากเซวียกั๋วหวาแน่ใจว่าไม่ได้ดูผิดก็ดีใจมาก “ศาสตราจารย์เกอร์เวนเอาเนื้อหาทดลองในส่วนของส่วนประกอบเครื่องยนต์ให้เธอ นี่ก็แสดงว่าเธอเป็นนักวิจัยหลักของที่นั่นแล้ว!”

ต่อให้ไม่ใช่นักวิจัยหลัก แค่มีชื่ออยู่ในโปรเจ็กต์ทดลองระดับนี้ก็สามารถยืนอยู่ในวงการวิจัยระดับโลกได้อย่างมั่นคงแล้ว

หลีหานแกล้งแซว “ศาสตราจารย์บอกไม่ใช่เหรอคะว่า ห้ามมาแย่งลูกศิษย์ของฉัน”

“เหลวไหล นี่เรียกแย่งที่ไหนกัน” เซวียกั๋วหวาไม่มีความอายแม้แต่น้อย พูดหน้าตาเฉย

“นี่เป็นการสร้างคุณูปการให้วงการวิทยาศาสตร์ เสี่ยวหาน อาจารย์อนุญาตเป็นพิเศษให้เธอหยุดโปรเจ็กต์อื่นไว้ก่อนชั่วคราวได้”

หลีหานหอบเอกสารการทดลองเดินออกไป

เซวียกั๋วหวากระแอม ใช้โทรศัพท์ในห้องโทรหาสาขาฟิสิกส์ แสร้งทำเป็นพูดเหมือนไม่ตั้งใจ

“เสี่ยวจั่ว ฉันขอถามเกี่ยวกับนักศึกษาอิ๋งหน่อย”

จั่วหลีระแวง “อยากถามอะไรเหรอครับ”

“แค่อยากถามดูว่า นักศึกษาอิ๋งมีขอตัวนักศึกษาสาขาฟิสิกส์ของพวกนายให้ช่วยโปรเจ็กต์อะไรไหม”

พอได้ยินแบบนี้จั่วหลีก็โล่งอก “เปล่านี่ครับ ทำไมเหรอ”

“โอเคๆ งั้นก็จบ” เซวียกั๋วหวาวางสายทันที ไม่สนใจจั่วหลีที่ยังงงอยู่

เขาเอามือไพล่หลังเดินออกจากห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี

ดีมาก ในที่สุดเขาก็ข่มสาขาฟิสิกส์ได้หนึ่งขั้นในด้านนี้

สาขาคอมพิวเตอร์ต่างหากที่เป็นหัวเรือใหญ่ในสามคณะ!

วันที่สามตุลาคม ซิวอวี่กลับบ้านตระกูลซิวพร้อมคนที่ตระกูลแมนสันส่งมา

เรื่องที่ทีมรถแข่งของตระกูลซิวคว้าอันดับหนึ่งได้ลือไปทั่วตระกูลซิวนานแล้ว

รุ่นอาวุโสของตระกูลซิว แต่ละสายตระกูล รวมถึงผู้ถือหุ้นของซิวซื่อกรุ๊ป ต่างมาต้อนรับซิวอวี่กลับมาด้วยตัวเอง

แม้แต่ผู้เฒ่าซิวก็ไม่สนใจน้องชายของซิวเหยียนอีก นั่งเก้าอี้รถเข็นออกมารับซิวอวี่ก่อน

ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแบบที่เห็นได้ยาก “เสี่ยวอวี่ หนังสือสัญญาที่ตระกูลแมนสันให้มาล่ะ ขอปู่ดูหน่อย”

มีตระกูลแมนสันอยู่ ตระกูลซิวก็กำลังจะเหาะขึ้นฟ้าแล้ว

“โทษทีนะตาแก่” ซิวอวี่ตบมือ แสยะยิ้ม “ตระกูลแมนสันตกลงกับฉันไว้ว่า ถ้าคนที่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลซิวไม่ใช่ฉัน พวกเขาก็จะริบทรัพยากรทั้งหมดคืน ไม่มีทางร่วมธุรกิจกับตระกูลซิวเด็ดขาด”

พอคำพูดนี้ออกมาสีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกก็เปลี่ยนไป

ผู้เฒ่าซิวสีหน้าบึ้งตึง พูดเสียงลอดไรฟัน “ซิวอวี่! ฉันเป็นปู่แกนะ!”

ถ้าเป็นแบบนั้น เขายังจะยกตระกูลซิวให้หลานชายได้ยังไง

“ตอนนี้รู้จักบอกว่าตัวเองเป็นปู่ฉันแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่” ซิวอวี่กอดอก “ฉันไม่มีปู่แบบนี้ ตอนนี้รบกวนคุณพาหลานชายของคุณไสหัวไปจากบ้านตระกูลซิวด้วย”

ผู้เฒ่าซิวโกรธหน้าเขียว “แกว่าไงนะ!”

ซิวอวี่ไม่พูดอะไรอีก หันไปมองคนตระกูลซิวคนอื่นๆ กับพวกผู้ถือหุ้นของซิวซื่อกรุ๊ป

ไม่ต้องชั่งน้ำหนักผลประโยชน์ มีคนพูดขึ้นทันที ตามมาด้วยเสียงสนับสนุน

“ท่านผู้เฒ่า ท่านแก่แล้ว ควรยกตระกูลซิวให้คนหนุ่มสาวแล้วครับ”

“นั่นสิครับผู้เฒ่า ถ้าท่านดึงตระกูลแมนสันมาร่วมลงทุนได้ พวกเราย่อมสนับสนุนท่านอยู่แล้ว”

ผู้เฒ่าซิวโมโหจนตัวสั่น “พะ…พวกคุณ!”

เขานึกไม่ถึงว่าซิวอวี่จะต้องการยึดอำนาจจากเขา

อีกทั้งตอนนี้พวกคนตระกูลซิวยังเข้าข้างเธอกันหมด

“อ้อ ฉันลืมไป ขาคุณพิการ ไปเองไม่ได้” ซิวอวี่แสยะยิ้มอีกครั้ง “พวกนายมานี่หน่อย ช่วยพาเขาไสหัวไปหน่อย”

บอดี้การ์ดสองคนเป็นคนที่ตระกูลแมนสันส่งมา ฟังแค่คำสั่งของซิวอวี่ เดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข็นผู้เฒ่าซิวออกไป

ซิวอวี่ย่อมเอาหลานชายของผู้เฒ่าซิวไปให้ด้วย สองปู่หลานไปด้วยกัน

“เรื่องธุรกิจอย่าพูดในบ้านดีกว่า” ซิวเซ่าหว่านพูดขึ้น “ค่อยไปว่ากันที่บริษัท”

พวกผู้ถือหุ้นทยอยถอยออกไป

นับแต่วันนี้เป็นต้นไปตระกูลซิวเริ่มสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว แข็งแกร่งมั่นคง

ซิวอวี่จะเป็นผู้กุมอำนาจอย่างแท้จริง

หลังจากจัดการเรื่องในตระกูลซิวเสร็จ ซิวอวี่ก็หันไปมองอิ๋งจื่อจินแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“พ่ออิ๋ง ต่อไปตระกูลซิวก็เป็นเกราะให้เธอเหมือนกัน”

ถึงแม้เธอจะรู้ว่าตระกูลซิวในตอนนี้มีกิจการใหญ่โตอยู่แค่ในตี้ตู

อย่าว่าแต่โลกจอมยุทธเลย แม้แต่ระดับโลกก็เบียดเข้าไปไม่ได้

แต่หลังจากที่มีการลงทุนจากตระกูลแมนสัน อีกไม่นานตระกูลซิวก็จะสามารถขึ้นสู่เวทีโลกได้

อิ๋งจื่อจินจับบ่าซิวอวี่ ยิ้มเบาๆ “ฉันต้องการมาก”

หยุดเล็กน้อย “เธอไม่ได้เลือกมหาวิทยาลัยตี้ตูเหรอ”

“อืม” ซิวอวี่พยักหน้า พูดเสียงเบา “ฉันเลือกมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ลงคณะบริหารจัดการธุรกิจกับการเงิน ตระกูลซิวจะล้มลงไม่ได้ก่อนที่ฉันจะหาพ่อเจอ”

เธอหนีมาห้าปี ตอนนี้ต้องเผชิญหน้าแล้ว

“จริงสิพ่ออิ๋ง” ซิวอวี่สีหน้าจริงจัง ล้วงของออกมาชิ้นหนึ่ง “เธอดูนี่ ฉันสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพ่อฉัน ฉันเพิ่งมาเจอมันตอนหลัง”

มันคือเศษแก้วที่เหลือเพียงก้นแก้ว

อิ๋งจื่อจินรับมาดู สายตาเปลี่ยนไปทันที

รูปที่ก้นแก้วค่อนข้างจาง แต่ยังคงเห็นสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำอย่างชัดเจน

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดในเมืองมหาวิทยาลัยของยุโรป ไอบีไอกับมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ร่วมมือกันตามสืบ สัญลักษณ์นี้ก็ไม่เคยปรากฏอีกเลย

คนกลุ่มนั้นก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว สืบไม่พบร่องรอย

อีกทั้งยังสามารถจ้างนักล่าได้มากขนาดนั้นตามใจชอบ

ศัตรูแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิด

“ฉันขอได้ไหม” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ฉันอยากเอาให้ไอบีไอ”

“ได้สิ” ซิวอวี่พยักหน้า “ฉันเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”

อิ๋งจื่อจินเก็บเศษแก้วไว้ แววตาขรึมลง

“ในที่สุดก็จัดการตาแก่ที่รกหูรกตานี่ได้แล้ว” ซิวอวี่บิดขี้เกียจ “พ่ออิ๋ง พรุ่งนี้ออกไปกินข้าวไหม มีร้านอาหารเปิดใหม่ตรงถนนตะวันตกของตี้ตู”

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า “พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง วันมะรืนแล้วกัน”

“หา? ไปไหนเหรอ”

“ไปเป็นหมอดูกำมะลอ”

ซิวอวี่ “?”

หลีหานกับอิ๋งจื่อจินนัดกันไว้แล้ว วันรุ่งขึ้นจะไปยังสถานที่ที่นัดไว้เพื่อจัดการเรื่องยืมดวงที่ค้างคาใจ

เธอลูบไพ่ทาโรต์ใบนั้นอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีความผิดปกติอะไรถึงได้ออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตู

เดิมทีหลีหานจะไม่กลับบ้าน แต่แม่โทรมาบอกว่าป่วย เธอเลยจำต้องกลับ

พอเข้าประตูบ้านไปก็มีถ้วยชาลอยมา

หลีหานหลบได้อย่างง่ายดาย เธอมองคนทำด้วยสายตาเย็นชา “หลีเหวินเซวียน!”

หลีเหวินเซวียนมองบน แค่ยิ้มประชดให้ “โอ๊ะ คนเก่งของมหาวิทยาลัยตี้ตูกลับมาแล้วเหรอ”

หลีหานสีหน้าไร้ความรู้สึก

พอเธอเห็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่าถูกหลอก จึงหันตัวเดินออก

“เสี่ยวหาน ไม่กินข้าวที่บ้านเหรอ” แม่หลีรีบเดินออกมาจากห้องครัว เรียกเธอไว้ “ลูกไม่ได้กินข้าวที่บ้านนานแล้วนะ”

“แม่มีลูกชายก็พอแล้วไม่ใช่เหรอคะ ต่อไปเลิกแกล้งป่วยหลอกหนูเสียที” หลีหานเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะมองแม่หลี

แม่หลีกระอักกระอ่วน แถมยังอับอาย

“ไม่ต้องไปสนใจ” พ่อหลีเดินสูบบุหรี่ออกมาจากห้องทำงาน สีหน้าเย็นชา

“พอเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ก็ทำตัวอวดดี ฉันว่าตอนนั้นน่าจะคุมไว้ให้ดี ปล่อยให้เลือกคณะทำไม ควรให้ออกไปทำงานหาเงินมากกว่า”

ลูกสาวอีกเดี๋ยวก็ต้องแต่งออกไป สุดท้ายก็ไม่ใช่คนตระกูลหลีของพวกเขา เกียรติก็ไม่ใช่ของพวกเขา

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” แม่หลีเช็ดมือ “เหวินเซวียน กินข้าวเถอะ แม่ทำไก่ทอดราดซอสของโปรดลูกไว้ให้”

“ผมว่าพ่อพูดถูก” หลีเหวินเซวียนทำเสียงฮึดฮัด เดินเข้าไป

ปรากฏว่าไม่ทันระวังเหยียบถูกถ้วยชาที่ตัวเองเขวี้ยงออกไป เท้าลื่นหัวกระแทกพื้น

“โครม” สลบไปทันที

“เหวินเซวียน!” แม่หลีตกใจรีบเข้าไป “พ่อ เร็วเข้า รีบโทรเรียกรถพยาบาล!”

น่าแปลกจริงๆ นับตั้งแต่พวกเขายืมดวงหลีหานมาให้หลีเหวินเซวียนก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้อีกเลย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน

ยังยืมดวงมาไม่พอเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท