คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 548 เก่งกว่าหลินชิงจยา มหาวิทยาลัยนอร์ตัน พี่เขย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 548 เก่งกว่าหลินชิงจยา มหาวิทยาลัยนอร์ตัน พี่เขย

ในนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าอิ๋งจื่อจินสอบได้อันดับหนึ่งของระดับสี่ นับตั้งแต่สมาพันธ์โอสถก่อตั้งมาร้อยปี

อาจารย์หลี่ไปหารองประธานสมาพันธ์ก่อนที่จะเอาป้ายอนุญาตไปให้อิ๋งจื่อจิน

บนผลสอบใบนี้จึงมีตราประทับของสมาพันธ์โอสถด้วย

ตราประทับสีแดงชัดเจน ต่อให้อาจารย์ฟางอยากบอกว่าของปลอมก็ทำไม่ได้

เขาถือผลสอบใบนี้ หน้าตาแดงก่ำ สีหน้าแย่ลงไปมาก “เธอสอบระดับสี่ ทำไมถึงไม่มาบอกผม!”

อาจารย์ฟางวางแผนไว้ว่าจะให้อิ๋งจื่อจินมาทำงานให้ตระกูลฟาง

อย่างไรเสียอิ๋งจื่อจินก็อายุยังน้อย ชวนนักปรุงยาที่ฉายแววรุ่งโรจน์มาอยู่ด้วยย่อมเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า

แต่อาจารย์ฟางนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าผ่านไปแค่สองวันอยู่ๆ อิ๋งจื่อจินก็สอบได้ระดับสี่แล้ว

ไม่อยู่ในความดูแลของเขาแล้ว

“อาจารย์ฟาง พูดได้น่าตลกจริงนะครับ” อาจารย์หลี่ตกใจในความหน้าหนาของอาจารย์ฟาง “คุณเป็นใครสำหรับเธอเหรอครับ ทำไมเธอต้องรายงานคุณด้วย”

อาจารย์ฟางหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “ผมเป็นคนรายงานชื่อสมาชิกที่เป็นดาวรุ่งอย่างเธอขึ้นไปนะ!”

ระดับสามถึงจะเริ่มมีสมาชิกดาวรุ่ง จะได้รับการดูแลจากอาจารย์ในสมาพันธ์โอสถ

“ขอโทษที” อาจารย์หลี่ยิ้ม “เธอขึ้นระดับสี่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ฟางอีกต่อไป เอาเวลาไปคิดเรื่องตัวเองดีกว่านะครับ”

พูดจบเขาก็เก็บผลสอบแล้วเดินออกไป

ทิ้งอาจารย์ฟางนั่งเหงื่อแตกอยู่บนเก้าอี้

เรื่องที่ผลสอบของหลินชิงจยาถูกทำลายสถิติได้ลือไปทั่วสมาพันธ์โอสถแล้ว

ตระกูลเมิ่งก็มีลูกหลานอยู่ในสมาพันธ์โอสถ ย่อมได้ยินข่าวนี้

ฮือฮากันไปทั่ว

นั่นหลินชิงจยาเชียวนะ!

อัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับว่าเก่งทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์

ถึงแม้ในรุ่นเดียวกันฝีมือการรักษาของหลินชิงจยาจะด้อยกว่าเมิ่งชิงเสวี่ยก็ตาม

“ตระกูลเยี่ยโลกจอมยุทธ์” นายใหญ่เมิ่งพูดเสียงขรึม “ส่งคนไปมาแล้วหรือยัง”

พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม “ส่งไปมาแล้วครับ ทางตระกูลฝูก็ส่งคนไปเหมือนกัน แต่ถูกปฏิเสธครับ”

“ตระกูลฝูถูกปฏิเสธฉันก็วางใจแล้ว พวกเราไม่สำเร็จ ตระกูลฝูก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน” นายใหญ่เยี่ยลุกขึ้น “ชิงเสวี่ย ได้ยินข่าวหรือยัง มีอัจฉริยะด้านปรุงยาที่อายุยังน้อยโผล่มาอีกคนแล้ว เก่งกว่าหลินชิงจยาอีก”

อันที่จริงนายใหญ่เมิ่งก็รู้สึกหงุดหงิดหลินชิงจยา

แน่นอนว่าหลินชิงจยาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเมิ่ง

ทั้งยังเคยช่วยตระกูลเมิ่ง นิสัยก็ดีมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรู้สึกที่เขาจะหงุดหงิดเธอ

เพราะไปที่ไหนก็ได้ยินแต่คนเอาเมิ่งชิงเสวี่ยไปเปรียบเทียบกับหลินชิงจยา

บอกว่าถึงแม้เมิ่งชิงเสวี่ยจะมีฝีมือการรักษาที่ล้ำเลิศกว่าหลินชิงจยา แต่ติดตรงที่หลินชิงจยาเป็นทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์ ศักยภาพโดยรวมสูงกว่าเมิ่งชิงเสวี่ย

ไม่มีใครอยากได้ยินลูกตัวเองถูกเอาไปเทียบกับคนอื่น

เมิ่งชิงเสวี่ยสวมชุดเรียบๆ สีขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น พอได้ยินแบบนั้นก็แค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้ยินข่าวแล้วค่ะคุณพ่อ”

“อายุสิบแปดปีเองนะ เก่งจริงๆ” นายใหญ่เมิ่งถอนหายใจ “ไม่อยากยอมรับ แต่ความสามารถด้านปรุงยาของคุณอิ๋งคนนี้ยังเหนือกว่าลูกจริงๆ”

เมิ่งชิงเสวี่ยไม่พูดอะไร แค่เม้มริมฝีปาก

ทันใดนั้นนายใหญ่เมิ่งก็แสยะยิ้ม “พูดตามตรง ถึงจะเป็นไปไม่ได้ แต่พ่อก็ยังหวังว่าเธอจะเป็นจอมยุทธ์ด้วย รีบโค่นหลินชิงจยาไปเร็วๆ หูพ่อจะได้โล่งขึ้นบ้าง”

เมิ่งชิงเสวี่ยไอ ใบหน้าซีดเซียว เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างลื่นไหล “ลูกจะไปสหพันธ์จอมยุทธ์รักษาให้นายน้อยของพวกเขานะคะ”

“ชิงเสวี่ย ลูก…” นายใหญ่เมิ่งส่ายหน้า “รักษาสุขภาพด้วย”

ฝีมือการรักษาของเมิ่งชิงเสวี่ยสูงก็จริง แต่ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แก่นแท้ของร่างกายสูญเสียไปมาก ร่างกายจึงไม่แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร

หมอรักษาตัวเองไม่ได้

เมื่อสูญเสียแก่นแท้ของร่างกายก็ยากจะชดเชย

ผู้อาวุโสของตระกูลเมิ่งก็ทำได้เพียงซื้อสมุนไพรหายากจำนวนมากมาให้เมิ่งชิงเสวี่ย

เมิ่งชิงเสวี่ยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มุมปาก “ทราบแล้วค่ะ”

คนคุ้มกันเข็นเธอออกไป

เรื่องที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันส่งนักศึกษามาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยตี้ตู ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูได้ประกาศบนเวยปั๋วและเว็บบอร์ดแล้ว

คราวนี้รู้ไปถึงหูของสถานีโทรทัศน์กลาง

ไม่ใช่แค่พวกนักศึกษา สำหรับคนทั่วไป มหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เป็นสถานที่ในฝันเช่นกัน

อย่างไรเสียก็ลึกลับเหลือเกิน ชวนให้อยากไปค้นหา

สถานีโทรทัศน์กลางจึงติดต่อมหาวิทยาลัยตี้ตูไปโดยเฉพาะ หวังว่าจะได้ใช้โอกาสที่มาแลกเปลี่ยนครั้งนี้ทำรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ซีซั่นสาม

นี่เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการ

เฉินจวิ้นเซียนที่เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยตี้ตูยังไม่ปฏิเสธ แต่ส่งคนไปถามอิ๋งจื่อจินก่อน

ตอนอิ๋งจื่อจินได้รับแจ้งกำลังวิดีโอคอลกับเวินทิงหลาน จึงถือโอกาสเล่าให้เขาฟังด้วย

เวินทิงหลานอึ้ง ถามออกมาทันทีว่า

“ให้เงินหรือเปล่า”

“…”

พอคำพูดนี้ออกมาสองพี่น้องก็เงียบไป

อิ๋งจื่อจินกำลังคิดว่า เป็นเพราะช่วงสิบกว่าปีที่เธอยังไม่ฟื้นคืนโดยสมบูรณ์หรือเปล่า ข้อบกพร่องนี้มันเลยชัดเจนมาก ทำให้เธอพาเวินทิงหลานเสียคน

ช่วงไม่กี่ปีนั้นสภาพจิตใจของเวินทิงหลานหนักหนาสาหัส แทบจะไม่คุยกับใคร

ทำไมหลังจากหายดีถึงได้มีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมา

เวินทิงหลาน “พี่ คิดเสียว่าผมไม่ได้ถาม”

อิ๋งจื่อจิน “ใจเย็นๆ คำตอบที่มาจากจิตใต้สำนึกต่างหากที่เป็นของจริง”

เวินทิงหลาน “…”

อยู่ๆ พี่สาวของเขาก็ชอบพูดแทงใจดำ

ไปเอาอย่างใครมา

“แต่นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ รอเดี๋ยวนะ จะลองถามทางบริษัทให้” อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาเลขาสาว

รายการนี้ชูกวงมีเดียทำร่วมกับสถานีโทรทัศน์กลางมาตลอดนับตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศไอเอสซี

เลขาพาร์ทไทม์ที่ชอบหลายคนแต่รักบอสที่สุด : [บอสคะ ถึงแม้เราจะไม่ได้ควักเงินให้รายการนี้ สถานีโทรทัศน์กลางเป็นฝ่ายออกเงิน แต่ให้ค่าตัวบอสแค่ร้อยล้าน ขี้งกไปหรือเปล่า เงินแค่นี้สองสามวันบริษัทเราก็หามาได้แล้ว]

เลขาพาร์ทไทม์ที่ชอบหลายคนแต่รักบอสที่สุด : [อีกทั้งปีหน้ามีรายการร้องเพลงระดับโลก บริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สเชิญบอสไปเป็นกรรมการให้ค่าตัวตั้งสามร้อยล้านดอลลาร์]

อิ๋งจื่อจินนวดหัว

เงินหมุนเวียนของชูกวงมีเดียมีไม่น้อย อย่างไรเสียก็เป็นอันดับหนึ่งในวงการบันเทิงประเทศจีน

แต่ปัญหาคือ เงินส่วนใหญ่เอาไปหมุนเวียนในบริษัทกับปั้นดาราหน้าใหม่

แต่ไหนแต่ไรเธอไม่มีทางแตะต้องเงินของชูกวงมีเดีย เว้นเสียแต่จำเป็น

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ค่าตัวร้อยล้าน”

“ร้อยล้านเหรอ”

เวินทิงหลานคำนวณตัวเลขนี้ออกมาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวินาที พอให้เขาระเบิดห้องทดลองได้ร้อยห้องแล้ว

พอใช้ไประยะหนึ่งเลยทีเดียว

“ผมอยากร่วม” เวินทิงหลานพูด “นานแล้วที่ไม่ได้เล่นสนุกกับพี่”

“อืม” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ “ค่าตัวไม่สูงสำหรับพี่ แต่พอออกอากาศจะหาเงินได้มากกว่านี้”

วิดีโอคอลเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เงยหน้า “วันนี้กินอะไร”

“ซุปปลา” ฟู่อวิ๋นเซินวางเมนูลง โน้มตัวจูบเธอ หัวเราะเบาๆ “เด็กน้อยเหน็ดเหนื่อย ต้องบำรุงสมองกันหน่อย”

เขาเดินไปที่ห้องครัว กดโทรศัพท์มือถือเรื่อยเปื่อย

[บัตรบัญชีสะสมทรัพย์ของคุณที่ลงท้ายด้วย 2301 มีเงินเข้า 100,000,000]

เวินทิงหลานที่ยังอยู่ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยนอร์ตันพอเห็นข้อความนี้ก็งง

พี่สาวของเขาไม่เคยโอนเงินให้เขามากขนาดนี้มาก่อน

จนกระทั่งมีข้อความวีแชทเข้า

ฟู่อวิ๋นเซิน : [เงินค่าขนม]

ฟู่อวิ๋นเซิน : [ไม่ถือสานะถ้านายจะแก้ชื่อของพี่ชายเป็นพี่เขย]

เวินทิงหลานมองข้อความนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่หลายวินาที

เขาคิดแล้วกดออก กดตรงชื่อของฟู่อวิ๋นเซิน

ไม่กี่วินาทีต่อมาก็กลับไปที่หน้าต่างสนทนา

[เลิกฝันไปเลย]

พี่เขย : [ยังไงซะก็อีกไม่นานหรอก]

เวินทิงหลานจ้องคำเรียกนั้นแล้วกดปิดหน้าจอโทรศัพท์

ไม่เห็นก็ไม่หงุดหงิดใจ

เวินทิงหลานตอบตกลงเข้าร่วมรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ซีซั่นสาม รองอธิการบดีย่อมให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยบอกนักศึกษาอีกสี่คนด้วย

“ผู้บริหารบ้าไปแล้วเหรอ” ฮวนขมวดคิ้ว “พวกเราไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยตี้ตูก็เสียเวลามากแล้วนะ ยังจะให้อัดรายการอีกเหรอ”

อีกทั้งไปแลกเปลี่ยนก็ควรไปที่มหาวิทยาลัยเฮลก้าหรือไม่ก็มหาวิทยาลัยตูริน

มหาวิทยาลัยตี้ตูเพิ่งเบียดเข้าไปอยู่สิบอันดับแรกได้จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก

ทำไมพวกเขาต้องไปประเทศจีนด้วย

“ผู้บริหารมหา’ลัยบอกว่า การแลกเปลี่ยนกับอัดรายการไม่คาบเกี่ยวกัน” นักศึกษาชายอีกคนดันแว่นตา “ฉันว่าก็น่าสนุกดีนะ อยู่ที่นี่นานๆ ข้างนอกก็เลยน่าสนใจ แถมยังมีเงินให้ด้วย”

มหาวิทยาลัยนอร์ตันปิดกั้นรอบด้านเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษา

เนื่องจากภายในมหาวิทยาลัยมีครบทุกอย่าง ปิดเทอมหน้าร้อนและหน้าหนาวจึงไม่ค่อยมีใครกลับบ้าน

“เอาล่ะ ทำไมพวกเราต้องไปประเทศจีนยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” นักศึกษาชายคนที่สองพูดขึ้น “ครอบครัวของเวินทิงหลานอยู่ประเทศจีน เขาเป็นลูกรักของศาสตราจารย์คณะเครื่องกลกับคณะศิลปะป้องกันตัว เขาก็ต้องมีสิทธิพิเศษอยู่แล้ว”

ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพูดขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้อีก

ฮวนถอนหายใจ หงุดหงิดมาก เดินออกจากคณะดาราศาสตร์

ระหว่างทางมีคนยัดกระดาษใส่มือเขา

นี่เป็นวิธีติดต่อแบบเฉพาะของพวกเขา

ฮวนแบมือ เพ่งมองข้อความที่อยู่ในกระดาษ

[ทิ้งเวินทิงหลานไว้ที่จีน]

คำว่าทิ้งไว้ก็คือ ทำให้เวินทิงหลานกลับมาที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่ได้อีก

จะตายหรือพิการ ขอแค่ขยับไม่ได้เป็นพอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท