The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 717-718

ตอนที่ 717-718

DND.715 – ชดเชยด้วยชีวิต
  กู้ไทซูมองซือหยูกับผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆเขาด้วยแววตาคมกริบ
  “กระบี่นี้เคยใช้ฆ่าพวกจ้าวเทวะมันต้องรวบรวมพลังในหอคอยจักรพรรดิสิบปีก่อนจะใช้ได้ ข้าคิดจะใช้มันตอนที่เจอกับราชาแห่งความมืดที่ซุกซ่อนพลังเอาไว้มหาศาล แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าคนที่ซุกซ่อนพลังไว้มากมายอย่างเจ้าจะยังมีผู้หญิงที่มีร่างกายพิเศษอยู่อีก!”
  “วันนี้จะถือเป็นข้อยกเว้นข้าจะใช้กระบี่นี้ฆ่ากึ่งภูติ แต่เจ้าสามคนจะต้องตายทั้งหมด ทั้งฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ พลังมองอนาคต และวิหคเพลิงแห่งความตาย สิบปีที่ใช้มันคุ้มค่าแล้ว!”
  กู้ไทซูถือกระบี่ภูติปราบมังกรเอาไว้มันปล่อยรังสีกระบี่ที่คมกริบออกมาและมีเสียงคำรามของมังกรอยู่ด้วย ราวกับว่ามังกรที่เคยถูกกระบี่นี้ฆ่ายังคงร้องโหยหวนจนถึงวันนี้
  รัศมีกระบี่ปราบมังกรที่แสงดั่งโลหิตสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิมเมื่อเวลาผ่านไปทุกตำแหน่งที่ต้องแสงโลหิตต่างถูกกระบี่ฟาดฟัน
  “ตาย”
  กู้ไทซูพูดเพียงคำเดียวอย่างเยือกเย็นเขาฟาดกระบี่ไปด้านหน้า มันมีพลังที่มีอาจอธิบายได้
  ราวกับว่าเป็นสวรรค์ที่ถือครองกระบี่เล่มนี้และทุกที่ในโลกก็เป็นระยะโจมตีของมันไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย พวกเขาทำได้แค่เผชิญหน้ากับมันเท่านั้น ซือหยูเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสถึงพลังทำลายล้างสูงสุดจากกระบี่
  สีหน้าผู้เฒ่าจิวผู้อยู่ในก้นบึ้งมังกรเปลี่ยนไปหลายครั้งเขากำหมัดแน่น
  “ไม่ต้องป้องกันแค่รีบหนีไปก็พอ! มันเป็นเศษสมบัติภูติที่เคยเป็นของจักรพรรดิโลหิต ถึงจะเป็นอสูรเนรมิตรก็ต้องสาหัส! เจ้าต้องหนี”
  แต่ซือหยูกับหญิงสาวทั้งสองก็รู้อยู่แล้วโดยไม่ต้องให้ผู้เฒ่าจิวเตือน
  “ให้ข้าลองดูหน่อย”
  เซี่ยนเอ๋อก้าวไปข้างหน้าพลังแห่งความตายปรากฏในดวงตาที่น่ารักสดใสของนางอีกครั้ง
  ดวงตาเยือกเย็นของนางจับจ้องไปที่กู้ไทซูนางราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นางเปลี่ยนจากสาวน้อยน่ารักเป็นยมทูตในพริบตาเดียว!
  “ตาย”
  เซี่ยนเอ๋อพูดอีกครั้งพลังไร้ลักษณ์เข้าไปหากู้ไทซู
  ครั้งนี้ซือหยูได้โอกาสใช้เนตรวิญญาณมองสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องตกใจ เขาพบวิหคเพลิงทมิฬที่มิอาจมองได้ด้วยตาเปล่าปรากฏตัวข้างกู้ไทซู
  วิหคเพลิงปล่อยพลังแห่งความตายที่นร่ากลัวเป็นอย่างมากดวงตาของมันไร้ซึ่งความรู้สึกเหมือนกับยมทูต วิหคเพลิงบินรอบตัวกู้ไทซูอย่างไม่หยุดยั้ง พลังแห่งความตายของมันกำลังกลืนกินชีวิตของกู้ไทซูเข้าไป
  เป็นเพราะพลังนี้เหล่าภูติระดับสูงทั้งหมดถึงตาย! พลังชีวิตและวิญญาณล้วนถูกกวาดลบ้างไปจากพลังแห่งความตาย! ถึงกู้ไทซูที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้จะดูแปลกไปบ้าง แต่เขาก็ยังแตกต่างจากสองศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิงในเรื่องของพลัง เขาสามารถรับรู้ถึงตัวตนของวิหคเพลิงทมิฬได้อย่างคาดไม่ถึง
  “เจ้ายังกล้าเผชิญหน้ากับข้าที่มีกระบี่ปราบมังกรอีกเรอะ?”
  กู้ไทซูถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็นและทำให้รัศมีกระบี่เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิมรัศมีกระบี่ฉายแสงสู่วิหคเพลิง และวิหคเพลิงเองก็สลายไปราวกับควัน
  เซี่ยนเอ๋อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดนางหน้าแดง โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก นางได้รับผลสะท้อนกลับมาเพราะวิหคเพลิงที่ถูกสังหาร
  “เซี่ยนเอ๋อ!”
  ซือหยูใจสั่นเขารีบเข้าไปพยุงนาง
  “ข้าไม่เป็นไร”
  เซี่ยนเอ๋อที่ในปากเต็มไปด้วยโลหิตพูดอย่างอ่อนแรง
  “ข้าขอโทษ…กระบี่ภูติมันแข็งแกร่งเกินไปข้าช่วยพี่ไม่ได้เลย”
  ซือหยูถอนหายใจผ่อนคลายลงเมื่อมั่นใจว่าเซี่ยนเอ๋อไม่ได้เป็นอะไรมากเขารู้สึกขอบคุณที่นางไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต
  เขาหันไปมองกู้ไทซูอีกครั้งด้วยจิตสังหาร
  “เจ้าสมควรตาย”
  กู้ไทซูไม่สนใจคำขู่ของซือหยูนัก
  “อยากจะฆ่าข้าเรอะ?ไว้เจ้าไปฝันต่อในนรกเถอะ!”
  คำพูดของเขาดังก้องรัศมีกระบี่เองก็กำลังจะถึงตัวซือหยู การโจมตีของเขาราวกับจะทำลายล้างทุกสิ่ง
  ซือหยูรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะขวางมันได้และความต่างในด้านฐานพลังและสมบัติเทพเองก็ทำให้ซือหยูพลิกสถานการณ์ไม่ได้เลย
  ซือหยูมองหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ข้างกายความแน่วแน่ปรากฏในแววตา
  “เซี่ยนเอ๋อจิงหยู เจ้าสองคนถอยไป”
  เขาพูดเบาๆเขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหญิงสาวทั้งสองแม้ว่ารัศมีกระบี่โลหิตกำลังจะถึงตัว
  เซี่ยนเอ๋อเห็นความแน่วแน่ในสายตาซือหยู
  “พี่ซือหยูหนีไปด้วยกันเถอะ ได้โปรดอย่าสละตัวเองเลย”
  ซือหยูลูบหัวนางเบาๆและตอบนางอย่างอ่อนโยน
  “เราจะหนีไปที่ใดได้เล่า?ข้าไม่กลัวตาย แต่เจ้ากับจิงหยูจะต้องไม่ตาย”
  ซือหยูยิ้มเบาๆเขารู้ว่านางคงไม่ยอมรับการตัดสินใจของเขา
  “จิงหยูเจ้าต้องอยู่ต่อไปนะ”
  เขากล่าวอำลากับนางเขามองหน้านางอย่างลึกซึ้งและผลักเซี่ยนเอ๋อไป เขาหันไปหารัศมีกระบี่ที่เข้ามาใกล้
  “ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่พวกนางจะต้องไม่ตาย…”
  เขากัดฟันพูดเบาๆ
  ในตอนนั้นเองร่างปลอมสองร่างได้ถูกเรียกออกมา เขาใช้วิชาร่างเทียม แต่ละร่างของเขานั้นมีพลังต้นกำเนิดแต่ละธาตุอัดแน่นอยู่ ร่างสีเพลิงคือต้นกำเนิดอัคคี ส่วนอีกร่างที่มีสายฟ้าแล่นไปมาก็คือต้นกำเนิดอัสนี
  ขณะเดียวกันอากาศเย็นยะเยือกได้แผ่ออกมาจากตัวซือหยู เหล่าต้นกำเนิดนี้มิได้พบได้ยากกับเหล่าภูติ เพราะมันคือพลังที่เป็นแกนหลัก พลังต้นกำเนิดนับว่าไม่อันตรายกับภูตินัก
  แต่ต้นกำเนิดที่ซือหยูถือเอาไว้ในมือนั้นปล่อยพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากออกมา…
  “หลอมรวมต้นกำเนิด”
  ซือหยูกัดฟันควบคุมร่างปลอมและปล่อยให้แต่ละร่างปลอมรวมต้นกำเนิดเข้ามา
  น้ำแข็งเพลิง สายฟ้า…ต้นกำเนิดพลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้หลอมรวมกันเป็นบุพผาหลากสี มันกลายเป็นบุพผางดงามที่มีเส้นสายพลังวาดอย่างชัดเจน
  มันดูไม่แตกต่างจากดอกไม้ของจริงเลยแต่มันก็มีพลังที่น่ากลัวอยู่ด้วย ทุกคนที่มองเป็นต้องร้อนรนเมื่อได้เห็นมัน พลังกระบี่ที่พร้อมทำลายทุกสิ่งกลับมลายหายไปเพราะบุพผานี้
  “วิชานี้อีกแล้วสินะ”
  กู้ไทซูสีหน้าหม่นหมองเขาเคยได้เห็นพลังของวิชานี้มากับตา
  “ตายซะ!”
  กู้ไทซูกัดฟันเขาแกว่งกระบี่ไปที่ซือหยู
  ซือหยูตอบกลับทันที
  “จงหายไป!”
  กระบี่สีเลือดได้ปะทะกับบุพผาหลากสี
  ฟึ่บ!
  เสียงเบาๆดังขึ้นเมื่อบุพผาแตกสลายแต่พลังวายุบ้าคลั่งที่กลืนกินทุกสิ่งในเส้นทางยังคงปะทุออกมา
  กระบี่ของกู้ไทซูและพลังของซือหยูถูกวายุบ้าคลั่งดูดกลืนเข้าไปพลังกระบี่ของกู้ไทซูถูกปั่นกระจายออกมาในทุกทิศทาง แต่พลังของมันก็ลดลงไปด้วย
  แกร๊ง!แกร๊ง! แกร๊ง!
  เสียงโลหะกระทบนับไม่ถ้วนดังขึ้นเมื่อพลังกระบี่ได้กระจายมาหาเกราะราชาศิลานิรันดร์ของซือหยูไม้หกทิศเองก็เคลื่อนไหวไปมาเพื่อขวางพลังกระบี่อันบ้าคลั่ง แต่พลังนั้นมีมากมายเหลือเกินจนไม้หกทิศต้านไว้ได้แค่ส่วนเดียว พลังกระบี่ที่เหลือได้จมลึกไปในเกราะราชาศิลานิรันดร์
  เกราะราชาศิลานิรันดร์นั้นแทบจะไม่มีรอยขีดข่วนแต่พลังกระบี่ที่ผ่านเข้ามาก็ทำให้เกราะเสียหายไปได้ ถ้าหากมันต้องรับพลังกระบี่ตรงๆที่ไม่ได้กระจายเข้ามา มันก็คงป้องกันเขาไม่ได้
  หลังจากรับพลังกระบี่หลายครั้งเกราะราชาศิลานิรันดร์ที่ปกป้องซือหยูนับครั้งไม่ถ้วนในอดีตเริ่มมีช่องเปิดที่ทำให้พลังเล็ดรอดเข้าไปได้ จุดบริเวณท้องที่อ่อนแอที่สุดของเกราะได้กลายเป็นจุดอ่อนของซือหยูแล้ว
  พลังกระบี่ได้พุ่งตรงไปยังท้องของซือหยูจนฉีกเป็นแผลกว้างซือหยูร้องครางเบาๆด้วยความเจ็บปวด จุดกำเนิดพลังของเขาที่อยู่ตรงท้องก็ฉีกขาด
  พลังกระบี่อันแข็งแกร่งยังคงทะลวงร่างกายและทำลายพลังชีวิตอันรวยรินที่หลงเหลือในร่างกายของเขาพลังกระบี่ที่รุกล้ำเข้าไปทำให้ซือหยูร่วงลงจากกลางอากาศราวกับใบไม้ที่เหี่ยวแห้ง
  ท้องนภาไร้ขอบเขตสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาเขาไม่รู้ว่าท้องนภามาจากเบื้องบนหรือเบื้องล่าง และเมื่อดูสภาพของร่างกายตัวเอง เขาก็รู้แล้วว่านี่คือจุดจบของเขา
  “มันจะจบตรงนี้สินะ?”
  ซือหยูถอนหายใจด้วยความขมขื่นเขามองเซี่ยจิงหยูที่ปลอดภัยดีและหัวเราะอย่างผ่อนคลายใจ
  “ข้าจะได้เป็นอิสระแล้วสินะ…”
  เขาแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อเพราะเขาสัญญาเอาไว้และเซี่ยจิงหยูก็โศกเศร้าที่เขาทำแบบนั้น เขาคงทำได้แค่ใช้ชีวิตนี้ปกป้องนางเพื่อชดใช้
  ผู้เฒ่าจิวในก้นบึ้งมังกรรู้แล้วว่าทำไมซือหยูถึงเสี่ยงชีวิตเข้าสู้กับกู้ไทซูมันเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะตาย เขาต้องการจะส่งชีวิตของเขาให้กับเซี่ยจิงหยูหลังจากที่แต่งงานกับเซี่ยนเอ๋ออย่างเป็นทางการแล้ว
  “ไม่นะ!”
  เสียงร่ำร้องจากเซี่ยนเอ๋อดังก้องนางรีบพุ่งไปรับร่างซือหยูเอาไว้ในอ้อมกอด
  “พี่ซือหยู”
  เซี่ยนเอ๋อลืมตากว้างดวงตาของนางบวมแดงเมื่อเห็นสภาพร่างของซือหยู
  นางร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า
  “อย่าตายนะ!ไม่มีพี่แล้วข้าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?”
  เสียงร้องอันเศร้าหมองในดวงใจที่อ่อนแอได้แสดงความรู้สึกส่วนลึกที่สุดของนางออกมาซือหยูอยากจะพูดกับนาง แต่ร่างของเขาอยู่ในหุบเหวแห่งความตาย พูดแม้แต่คำเดียวยังมิอาจทำได้
  เขาอ้าปากพยายามจะพูดแต่มันก็หุบลงไปอย่างอ่อนแรง เขาทำอะไรไม่ได้เลย ภาพที่มองเห็นได้มืดมัวลง เขาพร้อมรับโชคชะตาแล้ว
  “ไม่!”
  เซี่ยนเอ๋อร้องสุดเสียงและรวบรวมพลังชีวิตในมือและอัดลงไปในร่างซือหยูเพื่อยื้อชีวิตของเขาต่อไป
  แต่พลังกระบี่ยังไม่จางหายไปจากร่างกายของเขาพลังชีวิตของนางที่อ่อนแอเมื่อเทียบกันได้สลายไปอย่างรวดเร็ว น้ำตาดั่งอัญมณีไหลออกมาจากดวงตา ไม่ว่านางจะอัดพลังชีวิตไปเท่าใด นางก็มิอาจช่วยชีวิตเขาได้
  ซือหยูรู้สึกอบอุ่นในหัวใจถ้าเขาได้ตายในอ้อมกอดของเซี่ยนเอ๋อ ทุกสิ่งที่ทำมาก็นับว่าไม่สูญเปล่า เขายื่นมือไปลูบหน้าเซี่ยนเอ๋อก่อนจะพูดด้วยความยากลำบาก
  “เซี่ยนเอ๋ออย่าร้องไปเลย ข้าไม่ได้ตาย ข้าแค่กลับบ้านของข้าง ดั่งใบไม้ร่วงสู่ผืนดิน”
  เซี่ยนเอ๋อยังคงร้องไม่หยุดและก้มหน้าแนบอกของเขานางดูเหมือนเด็กที่เสียญาติสนิทที่สำคัญที่สุดไป เสียงร่ำไห้อันโศกเศร้าทำให้ทุกคนที่ได้ยินเสียใจไปตามๆกัน
  ซือหยูเริ่มมองอะไรไม่เห็นอีกแล้วเขาพยายามจะหันไปมองกู้ไทซูที่ยังลอยอยู่ที่เดิม แต่ทั้งร่างของกู้ไทซูก็แทบจะแหลกสลาย สภาพของเขาไม่ได้ดีไปกว่าซือหยู นั่นทำให้ซือหยูโล่งใจลง
  ส่วนกระบี่ปราบมังกรในมือของเขาก็เสียรัศมีกระบี่ไปแล้วมันร่วงลงกับพื้นดั่งเศษเหล็ก
  ฟึ่บ!
  แสงสีชมพูเปล่งประกายมีสัตว์ประหลาดจากมุกวิญญาณเก้าหยกกินเศษกระบี่เข้าไป มันบินกลับมาหาซือหยู
  มันคือกิเลนน้อยที่หลงรักสมบัติทุกประเภทมันตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เศษสมบัติภูติ มันกระโดดโลดเต้นไปมาบนอกของซือหยู
  เมื่อมันก้มหน้าลงมองมันก็กระพริบตาหลายครั้ง มันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไป มันดันหัวกับหอของซือหยู แต่ก็พบว่าเขาไม่ตอบสนองอะไรเลย
  กิเลนน้อยใช้ขาหน้าเกาหัวของมันดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย มันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซือหยู
  มันมองเซี่ยนเอ๋อที่ร่ำไห้ก่อนจะหันกลับมามองซือหยูที่ร่างชุ่มเลือดดูเหมือนมันจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มันก้มหัวดมอกของซือหยู
  เมื่อมันดมดูก็พบว่าชีวิตของซือหยูกำลังจะจบลงในอีกไม่นานมันตัวแข็งทื่อ เศษกระบี่ที่คาบเอาไว้ตกออกจากปาก น้ำตาคลอเบ้าของมัน
  มันเลียหน้าซือหยูด้วยลิ้นนุ่มๆมันร้องสะอึกสะอื้นเมื่อรู้ว่าชีวิตของผู้เป็นนายกำลังจะจบลง
DND.716 – สังหารกู้ไทซู
  “ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”
  มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง
  กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
  “เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”
  ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
  ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ
  “งั้นเรอะ?”
  ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู
  วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก
  กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน
  “เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”
  กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด
  เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก
  เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่
  สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย
  กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่
  เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว
  แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา
  “ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”
  ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก
  นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู
  เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง
  “ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”
  เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
  “พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”
  “แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”
  นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต
  “ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”
  เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา
  “ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”
  เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น
  พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก
  กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้
  ปั้ง!
  เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู
  แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป
  “หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”
  ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
  เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี
  เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู
  ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี
  “ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”
  ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ
  “ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”
  ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
  “บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”
  ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้
  เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น
  “ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”
  ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย
  “มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”
  เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง
  เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ
  แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย
  ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ
  หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต
  เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง
  “วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”
  ฟู่กุยหัวเราะ
  เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น
  “พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”
  เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก
  นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น
  แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว
  แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว
  สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา
  “พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”
  รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง
  เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา
  ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?
  “เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”
  ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู
  มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?
  เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว
  เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ
  สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้
  จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ
  แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย
  ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า
  แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?
  พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ
  เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว
  ฟึ่บ!
  พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้
  ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย
  เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก
  เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน
  เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู
  “ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”
  ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า
  กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด
  เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว
  เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น
  “ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”
  และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ
  เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา
  ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา
  เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป
  และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน
  ปั้ง!
  เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง
  เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย
  ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว
  มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย
  ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต
  เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก
  “เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”
  ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ
  แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้
  และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท