คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 599 ฝูซีออกโรง ตระกูลเมิ่งรนหาที่ตาย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 599 ฝูซีออกโรง ตระกูลเมิ่งรนหาที่ตาย

ธรรมเนียมการฝึกของโลกแพทย์แผนโบราณมีมาร่วมร้อยปีแล้ว

คนที่ได้รับบาดเจ็บในปีก่อนๆ มีอยู่ไม่น้อย แต่ไม่เคยเกิดเหตุครั้งใหญ่แบบนี้

ตระกูลชั้นแนวหน้าและอิทธิพลใหญ่ทั้งหมดของโลกแพทย์แผนโบราณต่างส่งเด็กรุ่นหลังของครอบครัวตัวเองไปเข้าร่วม หากเกิดเรื่องขึ้นมาใครจะรับผิดชอบไหว

อวิ๋นซานก็ไม่เข้าใจ

มีทั้งสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฝู เมิ่ง อันและสมาพันธ์โอสถดูแลอยู่ ตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด ทำไมยังเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ขึ้นได้

เหนือความคาดหมายของอวิ๋นซาน แต่น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินกลับราบเรียบ “ถล่มเมื่อไร”

“ผมอยู่บ้านตระกูลเยี่ยเพิ่งทราบครับ” อวิ๋นซานตอบทันที

“ตอนนี้กำลังรีบไปที่โลกแพทย์แผนโบราณครับ”

บ้านตระกูลเยี่ยอยู่ชายขอบของโลกจอมยุทธ ไม่ไกลจากโลกแพทย์แผนโบราณ

น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ

“ข่าวไปถึงโลกจอมยุทธแล้ว งั้นอย่างน้อยก็น่าจะเมื่อยี่สิบนาทีก่อน”

แต่ความสงบใจเย็นแบบนี้ทำให้อวิ๋นซานรู้สึกขนลุกซู่

ขนาดแค่โทรคุยเขายังสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตอันน่ากลัว ชวนให้หวาดหวั่น

อวิ๋นซานราวกับเห็นภาพความโกลาหลครั้งสุดท้ายในไอบีไอเมื่อไม่กี่ปีก่อน

ตอนนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็สุขุมแบบนี้

ส่วนเขายังคงแบกศพของพี่น้องเดินไปทีละก้าว ทีละก้าว

ต่อมาพวกอิทธิพลที่ต่อต้านในไอบีไอก็ต้องลงหลุมไปพร้อมกันหมด

“คุณชายครับ ทีมคุ้มกันของตระกูลฝู เมิ่ง อัน ได้ออกปฏิบัติการแล้วครับ”

อวิ๋นซานพูดเสียงสั่น เขาเริ่มหอบ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

“เกิดเรื่องนิดหน่อยครับ” ฟู่อวิ๋นเซินกดปิดโทรศัพท์ สายตาเย็นชา แต่กลับยังคงยิ้ม “ผมจะไปรับเยาเยา ต้องพาเธอกลับมากินข้าวกับคุณลุงแน่นอนครับ”

เวินเฟิงเหมียนขมวดคิ้ว

“ลุงมักได้ยินพวกเธอพูดเรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณ หรือว่าการฝึกของโลกแพทย์แผนโบราณครั้งนี้มีแพทย์ผิดจรรยาบรรณปรากฏตัวเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรอีก เขาหายไปจากหน้าประตูแล้ว

ความเร็วของเขาไม่แพ้ตระกูลเย่ว์ พลังก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเซี่ย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากให้เวลาเขาเพียงพอ ผู้นำตระกูลเซี่ยก็สู้ไม่ได้

เวินเฟิงเหมียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาโทรหาจี้อี้หางฝากให้ช่วยดูห้องทดลอง จากนั้นก็ออกไปเหมือนกัน

ทางด้านโลกแพทย์แผนโบราณ

บนเขา

ภูเขาถล่มไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังเหลืออีกครึ่งที่กำลังถล่ม

การมาขึ้นเขาฝึกครั้งนี้คนของตระกูลฝู เมิ่ง อัน และสมาพันธ์โอสถรวมกันมีสามร้อยกว่าคน ไม่มีคนไหนอายุเกินสามสิบปี

แต่ตอนนี้มีอย่างน้อยห้าสิบคนแล้วที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เลือกจะเดินขึ้นเขาต่อ

มีศพอยู่ตรงหน้าอิ๋งจื่อจินหนึ่งศพ

เป็นเด็กหนุ่ม เพิ่งอายุครบสิบแปดปี

ก่อนหน้านี้ตอนไปบ้านตระกูลฝู เขายังให้ตำราแพทย์แก่เธอมาเล่มหนึ่ง

ถึงแม้เธอจะไม่ได้ต้องการก็ตาม

เธอช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ทัน

มือของอิ๋งจื่อจินขยับ ช่วยปิดเปลือกตาของเด็กหนุ่ม

อันตรายเกินไป ตอนนี้ไม่มีหนทางเอาศพลงไป

เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปทางขวา

บนพื้นมีเลือดนองเต็ม และยังมีขนสัตว์

แพทย์ผิดจรรยาบรรณส่งสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่สามารถต่อสู้กับปรมาจารย์จอมยุทธได้มาหลายตัว หวังจะฆ่าอัจฉริยะของโลกแพทย์แผนโบราณทั้งหมดในคราวเดียว

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง กินยาหนึ่งเม็ดอย่างช้าๆ

สัตว์ป่าระดับนี้ เธอฆ่าไปแล้วสามตัว ยังเหลืออีกสองตัว

แต่ตอนนี้กำลังภายในของเธอถูกใช้ไปหมดแล้ว

“โฮก!”

มีเสียงสัตว์ป่าคำราม

เป็นเสือตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว ขวางอยู่ตรงหน้าแพทย์แผนโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่

ด้านหลังยังมีงูแบล็กแมมบาอีกหนึ่งตัว

สลับกันโจมตี

อิ๋งจื่อจินจ้องมอง

งูแบล็กแมมบาเป็นสัตว์เขตร้อน เดิมทีไม่ควรมาปรากฏที่นี่

งูชนิดนี้มีพิษรุนแรงมาก ไม่มีแม้แต่เซรุ่ม

“ยะ…แย่แล้ว”

ทุกคนต่างอยู่ในความหวาดกลัว เสียงกรีดร้องดังระงม

ถ้าพวกเขามีวรยุทธ์ ต่อให้สู้สัตว์ป่าสองตัวนี้ไม่ได้ แต่ก็คงหนีได้สบายมาก

แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดติดอยู่ที่นี่

เมิ่งชิงเสวี่ยนั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้รถเข็น

ที่เธอสามารถรอดมาได้จนถึงตอนนี้เป็นเพราะคนอื่นๆ ในตระกูลเมิ่งยอมสละชีวิตปกป้อง

แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะรอดไปได้อีกนานแค่ไหน

“ท่านปรมาจารย์ ผมจะล่อเสือตัวนี้ออกไป” ฝูเฉินยืนขึ้น เม้มริมฝีปาก

“ท่านปรมาจารย์พาคนอื่นหนีไป”

ชีวิตของเขาไม่สำคัญเท่าอิ๋งจื่อจิน

“รอก่อน” อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรมาก เดินขึ้นหน้า “เดี๋ยวฉันมาหา”

ฝูเฉินใช้กำลังภายในดึงดูดความสนใจของเสือตัวนี้ เสือก็วิ่งตามเขาไปทันที

งูแบล็กแมมบาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วเท่าเสือ ยังมีเวลาให้ทุกคนได้พักหายใจบ้าง

เมิ่งชิงเสวี่ยเดินไม่สะดวก เคลื่อนไหวได้ช้ามาก เธอพูดด้วยเสียงอ่อนแรง

“เมี่ยวเมี่ยว ช่วยดึงฉันหน่อยได้ไหม”

อันเมี่ยวเมี่ยวลังเล แต่สุดท้ายก็ช่วยดึงเมิ่งชิงเสวี่ย

เมื่อก่อนเมิ่งชิงเสวี่ยเคยช่วยเธอไว้ไม่น้อย วิชาการรักษาบางอย่างก็เมิ่งชิงเสวี่ยที่ช่วยสอนเธอ ไม่มีตระหนี่วิชาลับของตระกูลเมิ่ง

พออันเมี่ยวเมี่ยวยื่นมือออกไป วินาทีถัดมาก็ถูกผลักไปด้านหลัง

เธอรู้สึกเหลือเชื่อ “เมิ่งชิงเสวี่ย!”

เมิ่งชิงเสวี่ยหน้าซีดมาก มีเลือดไหลออกจากมุมปาก เห็นได้ชัดว่าถูกพิษเข้าแล้ว

เธอหมุนล้อเก้าอี้รถเข็นเพื่อเคลื่อนไปยังที่ที่ปลอดภัย พูดเสียงสั่น

“ฉันจะตายแล้วก็จริง แต่จะตายในที่แบบนี้ไม่ได้ มันจะดูแย่ขนาดไหน ไม่ได้ ถ้าเขาเห็นจะยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่…”

ธาตุแท้ของคนมักเผยออกมายามที่เข้าตาจน

เมิ่งชิงเสวี่ยไม่หันไป ทิ้งอันเมี่ยวเมี่ยวไว้ตรงนั้น

อันเมี่ยวเมี่ยวถูกเมิ่งชิงเสวี่ยผลัก แถมตรงข้อมือยังมีเข็มเงินปักอยู่อีกสามเล่ม

เห็นได้ชัดว่าเมิ่งชิงเสวี่ยต้องการให้อันเมี่ยวเมี่ยวรับเคราะห์แทน ก็เลยใช้เข็มเงินสามเล่มปิดผนึกเรี่ยวแรงของเธอเอาไว้

อันเมี่ยวเมี่ยวไม่มีแม้แต่แรงจะยืนขึ้น

อีกด้านหนึ่ง งูแบล็กแมมบาขนาดใหญ่ตัวนั้นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างไม่หยุดหย่อน แลบลิ้นส่งเสียงฟ่อ

มีแพทย์แผนโบราณแปดคนตายด้วยพิษงูไปแล้ว

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

อันเมี่ยวเมี่ยวแทบสิ้นหวังแล้ว

จนกระทั่งมีมือของใครคนหนึ่งมาประคองเธอขึ้น

อันเมี่ยวเมี่ยวหันไป พูดเสียงสั่น “คุณจื่อจิน”

“ทางนั้น” อิ๋งจื่อจินใช้คางชี้ “ทางปลอดภัย รีบไป จากนั้นก็ลงเขา จะมีคนมารับพวกเธอ”

เธอยกมือรวบรวมกำลังภายในปล่อยไปที่หลังของอันเมี่ยวเมี่ยว

ร่างกายของอันเมี่ยวเมี่ยวเคลื่อนออกไปเกือบร้อยเมตรในชั่วพริบตา

เวลานี้บนพื้นโล่งมีคนอยู่ไม่เท่าไร ลงเขาไปกันหมดแล้ว

แต่อันหลิงเห็นชัด ดวงตาเบิกโพลงอย่างไม่รู้ตัว

เขารับอันเมี่ยวเมี่ยวที่ถูกอิ๋งจื่อจินผลักมา “เมี่ยวเมี่ยว”

อันเมี่ยวเมี่ยวสมองตื้อไปหมด ยังตั้งสติไม่ได้

เธอเงยหน้ามองด้วยความตะลึง “พะ…พี่ใหญ่ คุณจื่อจินเธอ…”

อันหลิงเอามือปิดปากน้องสาว พูดเสียงขรึม “พูดไม่ได้นะ เดี๋ยวยุ่งยาก”

คนในโลกแพทย์แผนโบราณต่างรู้นิสัยของตระกูลเซี่ยดี

หากพวกเขารู้ว่ามีคนที่เป็นทั้งจอมยุทธและแพทย์แผนโบราณที่เก่งกว่าหลินชิงจยา แต่ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติอิทธิพลชั้นแนวหน้าของโลกจอมยุทธ พวกเขาก็จะตามฆ่าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

อันหลิงเงยหน้ามองอิ๋งจื่อจินที่หันตัวเดินกลับไป พูดเสียงหลง “ทำไมเธอไม่ออกมา”

ทั้งๆ ที่อยู่ตรงทางออกแล้ว ถ้ายังไม่ออกมาอีก ไม่เท่ากับต้องตายเหรอ

อันหลิงกัดฟัน เขาเตรียมจะเข้าไป

แต่ทันใดนั้นภูเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในเวลานี้ แทบยืนไม่อยู่

และก็เพราะอันหลิงกับอันเมี่ยวเมี่ยวยังอยู่ตรงนี้ ทีมคุ้มกันของตระกูลอันจึงมาถึงแล้ว

“คุณชาย คุณหนู รีบตามพวกเราลงไปครับ”

“ฝูเฉินกับคุณอิ๋งยังอยู่ในนั้น” อันหลิงคว้าหนทางช่วยชีวิต

“เร็วเข้า รีบเข้าไปช่วยพวกเขา”

“ยังอยู่ในนั้นเหรอครับ” หัวหน้าทีมคุ้มกันอึ้ง “คุณชายใจเย็นๆ ครับ พวกเราจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”

พวกเขายังไม่ทันเข้าไปก็มีใครคนหนึ่งนำเข้าไปก่อนแล้ว

เร็วจนมองไม่เห็นว่าเป็นใคร

หัวหน้าทีมคุ้มกันแทบหยุดหายใจ ดวงตาเบิกโพลง “ปรมาจารย์จอมยุทธ!”

ที่นี่มีปรมาจารย์จอมยุทธด้วยเหรอ!

ใครกัน

บนเขา

ฝูเฉินก็เริ่มหมดแรงแล้ว

เขาทรุดลงบนพื้น มองเสือตรงหน้า ใจเย็นพอสมควร

เดิมทีเขาก็ไม่ได้กะมีชีวิตรอดออกไป

อย่างน้อยคนอื่นๆ ในตระกูลฝูกับอิ๋งจื่อจินก็ออกไปหมดแล้ว เมื่อเทียบกัน เขาตายคนเดียวก็คุ้ม

แต่ความตายที่คิดไว้กลับไม่มี เสือที่เตรียมจะกระโจนเข้ามาร้องด้วยความเจ็บปวด ล้มลงไปบนพื้น

ฝูเฉินลืมตา สีหน้าเปลี่ยน “ท่านปรมาจารย์ กลับมาทำไมอีก”

“อืม ก็ไม่ได้อยากกลับมาหรอก ถือว่านายโชคดี เมื่อกี้ฉันเพิ่งบรรลุเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์” อิ๋งจื่อจินพูด “ไปเถอะ”

ฝูเฉินยิ้มเศร้า “ท่านปรมาจารย์ช่าง…”

อิ๋งจื่อจินไม่อยากเสียเวลาพูดไร้สาระกับเขา โยนยาให้หนึ่งขวด “กินยาสิ”

พอฝูเฉินกินยาลงไปก็เริ่มกลับมามีแรง ลุกขึ้นตามอิ๋งจื่อจินลงจากเขา

ระหว่างทางเขาเห็นศพงูแบล็กแมมบาตัวนั้น “ท่านปรมาจารย์ก็ฆ่ามันเหรอ”

“เปล่า” อิ๋งจื่อจินกำมือ พูดเสียงเย็นชา “ถูกพิษตาย”

ฝูเฉินสังเกตเห็นตรงข้อมือของอิ๋งจื่อจินเป็นสีม่วงคล้ำ เขาหน้าถอดสี “ท่านปรมาจารย์!”

“อย่าส่งเสียง มีคนมา” อิ๋งจื่อจินพูด

ฝูเฉินรีบหุบปากทันที

เขาก็ได้ยินเสียงแล้ว

รวดเร็วมาก เกิดเสียงลมปะทะ วรยุทธไม่ต่ำ

แพทย์ผิดจรรยาบรรณสมรู้ร่วมคิดกับพวกจอมยุทธ์ก็ไม่ใช่ความลับอะไร

อิ๋งจื่อจินพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ขนตาสั่นไหว “อีกเดี๋ยวฉันให้นายวิ่งทางนั้นนายก็วิ่งไป เข้าใจไหม”

“ไม่ได้” ฝูเฉินกัดฟัน “ผมจะส่งท่านปรมาจารย์ให้รอดออกไป”

จนกระทั่งคนที่มาเผยให้เห็นตัว

ไม่ใช่ศัตรู

ฝูเฉินตะโกนด้วยความดีใจ “พี่ปรมาจารย์!”

สายตาของอิ๋งจื่อจินโล่งอกขึ้นมาบ้าง มือก็คลายออก “มาแล้วเหรอ”

“พี่ชายอยู่นี่” ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอ “อยู่เคียงข้างตลอด”

อิ๋งจื่อจินเอาหน้าซบ พูดเสียงเบา เจือด้วยความเหนื่อยล้า “งั้นขอฉันนอนหน่อย เฝ้าไว้นะ”

ร่างกายที่ตึงเครียดของเธอในที่สุดก็ผ่อนคลายลงในเวลานี้ เธอค่อยๆ หลับตาลง

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง

เขากอดอิ๋งจื่อจินแน่น ยกมือใช้กำลังภายในผนึกจุดลมปราณของเธอหลายจุด

หลังจากจุดลมปราณเหล่านี้ถูกผนึก ใบหน้าของอิ๋งจื่อจินก็เริ่มกลับมามีเลือดฝาด หายใจคล่องขึ้นมาก

“เธอถูกพิษ ใช้กำลังภายในจนหมด ไม่มีบาดแผลอื่นทั้งภายนอกและภายใน” ฟู่อวิ๋นเซินอุ้มอิ๋งจื่อจินแล้วยืนขึ้น

“ฉันผนึกจุดลมปราณของเธอแล้ว เพื่อหยุดการแพร่กระจายของพิษ”

เขาหันไปมองงูที่อยู่บนพื้น “มันเรื่องอะไรกัน”

“พี่ปรมาจารย์ฆ่าผมเถอะครับ!” ฝูเฉินคุกเข่าลง ดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบแห้งแทบจะร้องไห้ออกมา

“ท่านปรมาจารย์ถูกงูกัดเพื่อช่วยผม ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางถูกพิษ!”

อิ๋งจื่อจินมีฝีมือการรักษาที่ล้ำเลิศขนาดไหน ฝูเฉินไม่รู้

แต่ฝีมือการรักษาของฝูซี ไม่มีใครในโลกแพทย์แผนโบราณเทียบได้ เขาเองก็เคยเห็นฝูซีรักษาคนป่วยมากับตา

แต่ฝูซีบอกว่า อย่างมากเธอก็เรียนมาได้แค่สิบหรือยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของอิ๋งจื่อจิน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขา อิ๋งจื่อจินจะถูกพิษได้ยังไง

อีกทั้งพองูแบล็กแมมบาตัวนั้นกัดอิ๋งจื่อจินเสร็จก็ถูกพิษตาย

แสดงให้เห็นว่าเธอก็มีฝีมือล้ำเลิศในด้านการใช้พิษเช่นกัน

“ไม่โทษนาย” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ลองจับชีพจรของอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง

“ถ้าฉันเป็นเธอก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”

ต่อให้จอมยุทธ์จะมีวรยุทธ์ที่สูงแค่ไหน แต่ร่างกายก็ยังเป็นเลือดเนื้อธรรมดา ไม่ใช่กำแพงเหล็ก

ต่อให้ฝึกถึงขั้นเฟิงซิวแล้ว เมื่อเผยจุดที่อ่อนแอออกมาก็ถูกพิษได้เหมือนกัน

แพทย์ผิดจรรยาบรรณลงมือไม่บ่อย พวกเขามีวิธีการมากแค่ไหนก็ยังไม่รู้

ฟู่อวิ๋นเซินเดินไปได้สองก้าวก็หยุดลง “เอางูตัวนี้กลับไปด้วย”

ครั้งนี้มีคนที่บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ส่วนใหญ่หมดสติไปแล้ว

ส่วนคนอื่นที่ยังพอเคลื่อนไหวได้ก็บาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป

ตระกูลฝูก็อยู่ในสภาวะตึงเครียด รู้ถึงหูพวกแพทย์แผนโบราณรุ่นผู้นำตระกูล ต่างก็รีบออกมารักษาให้เด็กรุ่นหลัง

“ท่านย่ารอง รักษาให้คุณอิ๋งด้วยครับ” ฝูเฉินจับมือหญิงชรา “แผลของผมแค่นี้ ไม่เป็นไรครับ”

ย่ารองอึ้ง ยังไม่ทันพูดอะไร

มีเงาของใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามา

“ไม่ต้อง ฉันเอง”

ย่ารองตะลึง รีบลุกขึ้น “ท่านผู้นำตระกูล!”

ฝูซีไม่พูดอะไร และก็ไม่สนใจว่าคนอื่นๆ ในตระกูลฝูจะตะลึงกันขนาดไหน เธอรับอิ๋งจื่อจินมาจากฟู่อวิ๋นเซิน

เกิดความเงียบภายในห้องโถงใหญ่

นานแล้วที่ฝูซีไม่ได้รักษาให้ใคร

แล้วนี่มันอะไรกัน

แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตามเข้าไป

ฟู่อวิ๋นเซินพิงประตูรออยู่ข้างนอก

เขาหยิบยาออกจากถุงที่อิ๋งจื่อจินให้มากินหนึ่งเม็ด ถึงพอจะระงับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายได้บ้าง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงฝูซีก็ออกมา

ยังไม่ทันได้คุยกับฟู่อวิ๋นเซินเธอก็หันไปพูด “โสมจื่อลู่ที่ฉันให้ไปซื้อล่ะ”

ผู้อาวุโสใหญ่คุกเข่าลง “ท่านผู้นำตระกูล ผมไปช้าก้าวเดียว ตระกูลเมิ่งเอารากสุดท้ายไปแล้วครับ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท